ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lost Memory: ความทรงจำที่หายไป

    ลำดับตอนที่ #1 : The Lost Memory: Epilogue

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 55


    สวัสดีค่ะ นักอ่านทุกท่าน
    เดือนนี้ไรต์เตอร์มากับนิยายเรื่องใหม่ The Lost Memory 
    ซึ่งจะอัพหลังจากเสลาห์จบนะคะ
    อาจจะอีกนาน เพราะเรียนก็ยุ่งๆ
    นิยายเก่าก็ยังไม่เสร็จ
    นั่นแหละค่ะ ไว้ว่างๆ เมื่อไหร่จึงจะได้มาอัพเรื่องนี้
    เพราะจะจัดการเรื่อง เสลาห์ ให้จบเสียก่อน
    ใครสนใจนิยายแนว ข้ามกาลเวลา ก็คลิกไปอ่านกันได้นะคะ ;)
    ขอบคุณค่ะ
    น้ำแข็งเหลือง
    3/31/2012

    The Lost Memory: Epilogue

    ความทรงจำที่หายไป: บทนำ

    “ริมา... ฉันสัญญานะ ว่าจะรักเธอตลอดไป ฉันจะรอเธอนะ”

    เสียงนุ่มทุ้มคุ้นหูดังก้องสะท้อนในใจของ คริมา อัศวตานนท์ เป็นครั้งที่ร้อย และน้ำตาที่เหือดแห้งไปนานนับเจ็ดปีก็กลับไหลรินอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าของดวงหน้าเรียวสวยจะผล็อยหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาบนปลอกหมอน

    แม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่อดีตที่เธอมิเคยลืมเลือนดังก้องสะท้อนอยู่ในจิตใจเกือบทุกขณะจิตทั้งยามหลับและยามตื่น

     

    คริมา บัณฑิตใหม่เจ้าของปริญญาโทคณะนิเทศศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร ลืมตาขึ้นต้อนรับแสงทองส่องฟ้าวันใหม่ที่ส่องผ่านช่องว่างของม่านหน้าต่างห้องนอนเข้ามากระทบใบหน้าตน คริมาเด้งตัวลุกขึ้นจากฟูกหนานุ่มบนเตียงโลหะสี่เสาโบราณในบ้านของเธอที่เมืองไทย เพื่อจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานใหม่ วันใหม่ และชีวิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

    “ตื่นแต่เช้าเชียวนะลูกริมา” คุณเนืองนิตย์ อัศวตานนท์ มารดายังสาวของคริมาทักทายเป็นคนแรกทันทีที่ร่างสูงในเดรสสีฟ้าอ่อนใต้เสื้อสูทสีขาวเดินลงบันไดกว้างลงมาถึงห้องอาหารของบ้าน

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแม่ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ” คริมาหอมแก้มมารดาและบิดาดั่งที่ทำเป็นกิจวัตรตั้งแต่จำความได้

    “ลูกสาวของพ่อ พร้อมเริ่มงานหรือยังลูก” คุณ คนึงกิตติ์ อัศวตานนท์ ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามหลังจากลูกสาวคนเดียวนั่งลงเรียบร้อย

    “ริมาพร้อมเต็มที่ค่ะคุณพ่อ” สองนิ้วเรียวชูขึ้นข้างในหน้าเรียวสวย ที่ครั้งหนึ่งเคยอวบอูมดั่งเด็กสาวเจ้าเนื้อที่มีอาหารการกินสมบูรณ์แบบ คริมาเปลี่ยนไปมากหลังจากเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศหลังเรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในประเทศไทย เปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคน ทั้งรูปร่าง การพูดจา การแต่งตัว รวมไปถึงความคิดความอ่าน ที่ล้วนแล้วแต่จะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และสวยขึ้น คงจะมีเพียงแต่ใบหน้าที่ตอนเด็กพอมีเค้าความงามเล็กน้อย และดวงตาคู่เรียวพาดเฉียงบนใบหน้าตามแบบคนไทยเชื้อสายจีน ที่คงความเป็นเอกลักษ์ให้เธอ คริมา อัศวตานนท์

    “ริมาแน่ใจนะลูก ว่าหนูอยากจะไปทำงานที่สถานีวิทยุ มากกว่าเข้าบริษัทกับพ่อกับแม่” คุณเนืองนิตย์อดเป็นห่วงไม่ได้ ก็ลูกสาวเพิ่งเรียนจบกลับมาทั้งคน แทนที่จะยอมไปทำงานในบริษัทใหญ่ควบคุมการผลิตสื่อทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น ช่องโทรทัศน์ รายการวิทยุ และสิ่งพิมพ์ประเภทนิตยสารกับหนังสือพิมพ์ เลือกที่จะไปทำงานในสถานีวิทยุใกล้โรงเรียนเก่าของตน

    “จริงๆ ค่ะ ริมาอยากจะเริ่มจากงานสื่อสารแบบที่ริมารัก แล้วจะพัฒนาตัวเอง ไต่เต้าให้ได้รับคัดเลือกเข้าไปทำงานในบริษัทใหญ่โดยกรรมการด้วยตัวเอง”

    “จะไม่เอาเส้นพ่อกับแม่ว่างั้นสิ” คุณคนึงกิตต์แซวบุตรสาวเล่นๆ อีกครั้ง

     

    คริมามองดูสถานีวิทยุใกล้โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง อันเป็นที่แห่งความทรงจำสมัยเด็กของเธอสักพักก็ตัดสินใจก้าวเข้าไปภายใน สถานีวิทยุที่สมัยก่อนนั้นมีสภาพกลางเก่ากลางใหม่ และมักจะมีเด็กชายหญิงคู่หนึ่งเดินเคียงคู่กันเข้าไปเพื่อจัดรายการวิทยุเยาวชนยามเย็น บัดนี้มันถูกเทคโอเวอร์จากบริษัทที่ใหญ่กว่า เปลี่ยนเป็นตึกกระจกที่สูง หรู และใหม่กว่า สถานีคริกานต์ กิจการใหม่ล่าสุดของครอบครัวที่ถูกตั้งชื่อตามชื่อจริงของเธอนั่นเอง

    “สวัสดีค่ะ” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นที่เคานท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ “ฉันมาพบคุณอานนท์ค่ะ”

    “ไม่ทราบว่านัดไว้หรือเปล่าคะ” เจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบถามกลับอย่างสุภาพ

    “ค่ะ เรียนท่านว่า ริมา มาขอเข้าพบ”

    “เชิญทางด้านนู้น ขึ้นบันไดไปชั้นสองแล้วเลี้ยวขวาได้เลยค่ะ ท่านอานนท์อยู่ในห้องรับแขกใหญ่พอดี” ประชาสัมพันธ์สาวลุกขึ้นชี้ไปตามเส้นทางที่บอกเมื่อครู่ คริมาเอ่ยขอบคุณสั้นๆ แล้วผละจากมา

     

    “หนูริมา!” เสียงตะโกนตื่นเต้นด้วยความดีใจจากหญิงวัยกลางคนนางหนึ่งดังลั่นทันทีที่คริมาเปิดประตูห้องรับแขกเข้าไป “โอยหนูริมาจริงๆ ด้วย นี่ยิ่งโตยิ่งสวย จนป้าสุแทบจำไม่ได้แน่ะค่ะ”

    สุชาดา ภรรยาผู้จัดการใหญ่ของสถานีคริกานต์ร้องโวยวายเสียงดังใหญ่โต

    “ป้าสุสวัสดีค่ะ ลุงนนท์สวัสดีค่ะ” ผู้อ่อนวัยกว่ายกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม

    “สวัสดีลูก สวัสดี” สุชาดารับไหว้หน้าชื่นตาบาน ตั้งแต่เมื่อวานที่เพิ่งได้รับข่าวด่วนจากสามีแล้วว่าคริมา อดีตดีเจเยาวชนของคลื่นฮิตติดชาร์ตฮ็อตของสถานีจะกลับมาทำงานที่นี่อีกครั้งหลังจากห่างหายไปร่ำเรียนต่อเป็นเวลานาน ทำให้รายการที่เคยจัดๆ อยู่ต้องล้มเลิกไปด้วย คู่กันกับดีเจหนุ่มอีกคนที่ในที่สุดก็ห่างหายไปจากวงการเช่นกัน

    “มาๆๆ เดินทางมาเหนื่อยๆ นั่งก่อนเร้ว เดี๋ยวป้าให้เด็กยกน้ำยกท่ามาให้” สุชาดาบอกอย่างยินดี เจ็ดปีมานี่ เธอในฐานะผู้จัดการสถานีมองเห็นความเปลี่ยนแปลงมากมาย ตั้งแต่เจ้าของบริษัทคนเก่านำสถานีขายทอดตลาด ทั้งผู้บริหารคนใหม่ที่เข้ามาจัดการงานที่เละเทะให้เป็นระบบ จนบัดนี้ สถานีวิทยุที่เธอและผู้เป็นสามีเข้าทำงานตั้งแต่จบมาใหม่ๆ กลับกลายมาเป็นคลื่นยอดฮิตอีกครั้งหนึ่ง

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าสุ ริมาไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นสักหน่อย ป้าสุกับลุงนนท์สบายดีนะคะ”

    “ลุงสบายดี ส่วนป้าสุของเราน่ะ สบายดียิ่งกว่าอะไรตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าเราจะกลับมาทำงานที่นี่อีกครั้งแล้วล่ะ”

    “ใช่จ๊ะหนูริมา นี่ทันทีที่ป้าได้ข่าวป้าก็เตรียมคิดโครงการใหม่ให้หนูแล้วนะ เอาเป็นจัดรายการวัยใสกุ๊กกิ๊กๆ เหมือนเดิมดีไหมลูก จัดช่วงหลังเลิกเรียน จะเอาดีเจชายมาจัดคู่กันด้วยเหมือนเมื่อก่อนกับตาวาก็ได้นะจ๊ะ ป้าจะให้เด็กคัดคนมาให้”

    สุชาดาเล่าถึงอดีตด้วยความชื่นมื่น ผิดกับคริมาทีไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ในเมื่ออดีตตรงนั้นเป็นส่วนที่เธออยากจะลืมมันไป ตัดมันออกไปจากชีวิต เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ตัดมันออกไปไม่ได้เสียที

    จนในที่สุด คริมาตัดสินใจจะกลับมาเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง เพื่อให้ก้อนตะกอนในหัวใจที่ค้างเติ่งอยู่นานถูกช้อนออกไปเสียที

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×