ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mia2 มิอา

    ลำดับตอนที่ #1 : Mia2 Simple

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 55


    มิอาสองจะพิมในรูปเล่มเท่านั้นค่ะ ยังไม่เปิดจองนะค่ะ ยังแต่งไม่เสร็จค่ะ


    _____________________________________________________________________________8



    Mia 2

     

    งานประชุมแม่ทัพของโชซอลที่จะถูกจัดขึ้นในอีกสองถึงสามวันนี้ ทำให้ทั้งวังต้องเตรียมงาน ทุกอย่างแม้จะเป็นไปการวางแผนที่ได้เตรียมไว้แล้ว แต่ซองมินก็รู้สึกว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยความรีบร้อนและวุ่นวาย

    ถ้าจะยกเว้นก็มีแต่เขานี่แหละนะที่นั่งอยู่กับคร่ำเคร่งเพ่งมองแต่ตัวหนังสือ ดวงตาที่ก้มมองหน้ากระดาษสีขาวเหลืองจางอ่อนๆเพราะความเก่าคร่ำคร่า ไม่ได้ใส่ใจกับข้อความในนั้นมากเท่าใดนัก

    “ซองมิน”

    เสียงคังอินดังขึ้นทำให้ซองมินเหลียวหลังมอง เค้ารีบลุกขึ้นก่อนจะคำนับพี่เขยตัวเอง

    “อ่าว คิดอยู่ว่าท่านน่าจะเดินทางถึงพรุ่งนี้ ทำไมมาล่วงหน้าหล่ะพี่ชาย”

    “อืม งานใหญ่เลยได้รับเชิญมา แล้วก็คิดว่ามาก่อนจะได้เดินเที่ยวสักหน่อย อ้อพี่เจ้าฝากของมาให้เยอะเยะเลยอยู่ที่บ้านเจ้ามีทั้งผ้าทั้งหยกของตากแห้งเยอะจนเจ้าหยิบดูไม่ถูกเลยหล่ะ แล้วนี่ข้าเอาขนมโก๋มาฝาก”

    คังอินยืนพิงเสาก่อนจะร่อนจานขนมในมือไปมา แล้วหยิบขึ้นกินก่อนจะจยับตัวเดินมานั่งกับซองมินที่โต๊ะ ศาลาเล็กๆที่เปิดออกทั้งสี่มีม่านปลิวพลิ้วไหวเพราะแรงลม ทำให้คังอินต้องมองไปรอบๆแล้วค่อยๆนั่งลงเบาๆ มันยื่นตัวออกมาจากตำหนักใหญ่ด้านหลัง มีโต๊ะทำงานและเก้าอี้เล็กสำหรับนั่งได้ไม่เกินสี่คน ทัศนียภาพรอบๆถูกแต่งแต้มด้วยความสดใสของดอกไม้และต้นไม้ใหญ่ที่สลัดใบลงมาตามแรงลม

    “ท่านพี่คังอินคงสบายดีใช่หรือไม่ ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างเห็นว่ากิจการงานค้ารุ่งเรืองแล้วข่าวว่าพี่เขยข้าจะได้แต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่ให้กลับมาประจำการที่นี่จริงหรือไม่”

    “อืมใช่ แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก ที่นี่วุ่นวายจริงๆพี่เจ้าคงปวดหัวแย่ถ้าข้าได้กลับมาที่โชซอน 

    “เรื่องนั้นมันก็จริง เพราะพี่ลีทึกไม่ชอบให้ความวุ่นวายที่นี่”

    ซองมินยิ้มก่อนจะปิดหนังสือที่อ่านอยู่เมื่อครู่แล้วตั้งใจมองคังอินที่กำลังหยิบขนมเข้าปากแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย

    “ท่านทำแบบนี้ทั้งวังไม่มองหรือไง ถือจานขนมมาให้ข้าเนี่ย”

    “น่า คนกันเองจะไปเกรงใจสายตาใคร ข้าทำให้น้องชายข้ามันจะเป็นอะไรไป แม่ทัพใหญ่ถือถาดถือชามไม่ได้หรือไง”

    “อันนั้นมันก็จริง แต่..

    ซองมินยิ้มก่อนจะกลืนคำพูดตัวเองเมื่อคังอินหยิบขนมแล้วเคี้ยวใส่ปากให้เค้าดู

    “พี่เจ้าทำมา อร่อยดีนะ จริงๆมีเยอะกว่านี้แต่ทางมันไกลเดินไปเดินมาเลยกินไปซะเยอะ ยิ่งกินยิ่งคิดถึงพี่เจ้าหน่ะ ข้าเลยหยุดกินไม่ได้”

    “ท่านนี่ก็ตลกจริง แล้วท่านพี่ข้าสบายดีหรือไม่เล่ามีอะไรหรือเปล่าเช่นเมียพี่ไประราน”

    ซองมินหยิบขนมขึ้นมาก่อนจะเคี้ยวเข้าปากลิ้มรสถั่วกวนน้ำตาลของโปรด

    “สบายดีเรื่องนั้นไม่มีหรอก อีกอย่างก็ข้าได้ย้ายไปประจำการที่บ้านเกิดพี่เจ้า เค้าก็มีความสุขเจอคนรู้จักมากมาย”

    “แล้วเมียแต่งท่านหล่ะ”

    “อ่อ นางยอนมีหน่ะหรอ อยู่บ้านแม่ข้าตอนนี้กำลังเลี้ยงลูกชายให้ข้าอยู่ เดี่ยวก่อนกลับข้าก็จะเวะไปหา”

    คังอินแต่งงานกับลูกขุนนางเมื่อสามปีก่อน เพื่อสืบสายสกุล เมื่อมีลูกชายแล้วคังอินก็ได้ขอท่านพ่อเค้าย้ายไปประจำการที่บ้านเกิดลีทึก ส่วนเรื่องการแต่งงานนั้นพี่ของซองมินก็ไม่ได้ว่าอะไร มีแต่ยินดีกับคังอิน และตอนนี้คังอินก็ประจำการที่นั่นซะส่วนใหญ่นานๆทีจะกลับมาเยี่ยวลูกชายสักครั้ง

    “นางก็สบายดี ข้าก็ส่งเงินให้ใช้ทุกเดือนเหลือกินเหลือใช้”

    “ไม่กลัวบาปหรือไง ท่านน่าจะกลับมาดูลูกชายท่านบ้างนะเด็กหน่ะน่าสงสารออก ถ้านานๆทีได้เจอพ่อ

    “ที่อยู่นั่นก็เพราะงานนั่นแหละ ”

    คังอินจ้องตาซองมินก่อนจะถาม

    “แล้วเจ้าหล่ะซองมิน อยู่ที่นี่สบายดีไหม”

    “อืม ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี”

    “กับองค์ชายคยูหล่ะ”

    “ท่านคยูก็สบายดี เห็นว่าตอนนี้จะเนื้อหอมน่าดูไปทางไหนๆนางในก็พูดถึง”

    “อืม เค้าเป็นคนมีเสน่ห์แต่เขี้ยวเล็บก็ยาวน่าดู เจ้าก็ควรระวังไหนๆเลิกราห่างกันไปก็พยายามอย่าเจอกันให้บ่อยดีที่สุดนะ ซองมิน”

    ซองมินพยักหน้าก่อนจะพูดคุยกับคังอินแล้วก็หัวเราะกับเรื่องเล่าของพี่เขยที่พบเจอมา คังอินแยกตัวออกไปเมื่อตอนบ่ายเพื่อให้ซองมินสะสางงานให้เสร็จแล้วคืนนี้จะได้นัดกันสังสรรค์พูดคุย

              จนเวลาเย็นท้องฟ้าที่เคยสดใสถูกทาทับด้วยม่านหมอกสีหม่น ซองมินก็รีบเก็บตลับหมึกและข้าวของไว้ในมือก่อนจะเดินออกไปตามทางเดินที่สลัวไปด้วยความมืด แสงโคมไปข้างทางในสวนน้ำสะท้อนให้เห็นความงามของดอกไม้ยามค่ำคืน ที่เหมือนภาพวาดจางๆที่ถูกวาดบนผืนผ้าสีดำ คืนนี้นัดกับพี่คังอินไว้จะไปสายไม่ได้ด้วย

    คนตัวเล็กก้าวเท้าไวๆ มือเล็กกระชับหนังสือและตลับพู่กันประจำกาย วันนี้เค้ามีธุระเข้าพบพระสนมของเยซองก่อน เพื่อถวายหนังสือที่ทรงให้จัดทำขึ้น แล้วตกดึกต้องไปที่บ้านคังอิน

    “อ้าว นั่นซองมินหนิ ลีซองมิน”

    เสียงเรียวอุคเรียกชื่อซองมินที่เดินมาตามทางเดินด้วยความรีบร้อน เค้าหยุดก้มหัวให้องค์ชายตัวเล็กก่อนจะยิ้ม

    ยิ้มราวกับเป็นมิตร แต่ใครจะล่วงรู้ว่า รอยยิ้มนั้นแสร้งปกปิดน้ำตาลึกๆในใจ..เมื่อมองเห็นอีกคนที่อยู่ด้านหลัง

    คยูที่ยืนข้างๆเรียวอุคก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ที่โน้มกิ่งลงมาบดบังใบหน้าหล่อไว้เล็กน้อย ซองมินได้แต่ภาวนาว่าเค้าจะสามารถหลบสายตาที่จ้องกลับมาที่เค้าได้

    “องค์ชายทั้งสอง”

    ซองมินก้มหัวลง เค้าพยายามหลบสายตาทั้งสองคู่ที่จ้องกลับมา และจริงๆแล้วเค้าหลบสายตาคยูซะมากกว่า

    “จะไปไหน ทำไมดูรีบร้อนนัก”

    “ข้าจะไปเฝ้าพระสนมองค์ชายเยซองหน่ะขอรับ”

    “หรองั้นเจ้าก็ไปทำธุระเจ้าเถิด ว่างๆก็มาเที่ยวหาข้าที่ตำหนักบ้างนะไม่เจอหน้าเจ้าเลยพักนี้”

    “งั้นข้าจะหาเวลาไปเฝ้า ขอตัวก่อนนะขอรับ”

    ซองมินก้มหัวก่อนจะถอยหลังแล้วรีบก้าวไวๆออกไป

    ลมหายใจซองมินเริ่มติดขัดตลอดเส้นทางที่เดินไปยังประตูเหนือ และก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่น้ำตาใสไหลอาบแก้มลงมาประทะกับลมหนาว เค้ายกมือลูบก่อนจะหยุดเดินแล้วสงบสติอารมณ์ เมื่อใบหน้าคนเมื่อครู่ที่เจอกันนั้นประทับตราตรึงอยู่ในหัวตลอดเวลา แล้วทุกครั้งที่วนเวียนเข้ามาคล้ายว่ามันจะบาดลึกลงไปในหัวใจเรื่อยๆ

    แม้ว่าคยูคือรักแท้ของเค้า แต่ความจริงมันก็ชนะทุกอย่าง

    ความจริงที่ว่า คยูยังรักคิมเรียวอุค พี่ชายตัวเองอยู่เสมอ

    ซองมินหลับตาลงก่อนจะพยายามหยุดยั้งน้ำตาตัวเองที่ละล่ำละลักจะออกมา

    รักแท้ที่เค้าว่าชนะทุกอย่าง ยังไม่สู้ความจริงที่ทำลายล้างความพยายามและความตั้งใจ    บนเส้นทางนี้ที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ทั้งชาติตระกูล ยศฐา เส้นแบ่งระหว่างเรา มันจะเป็นยังไงนะ ถ้าข้าก้าวไปจนสุดทางเพียงเพื่อจะคว้าความว่างเปล่ามาเป็นรางวัลในการเดินทางครั้งนี้

    ข้าไม่อยากรักท่านจนต้องขาดใจตายเพราะโหยหาสิ่งที่เรียกว่ารักจากคนที่มองข้าเป็นแค่ตัวสำรอง

     

     

    ในเวลาตกดึก

    “หัวหน้าหอสมุดใน ลีซองมิน องค์ชายคยูเรียกให้ไปเข้าเฝ้าเร็วเข้าเถิด”

    ซองมินที่ได้ยินเสียงเรียกนั้นเป็นครั้งที่สามหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน เค้าก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วจุดเปลวเทียนขึ้นก่อนจะสวมเสื้อคลุมและแต่งตัวก่อนจะเปิดประตูออกไปแล้วเดินช้าๆตามขันธีที่มารับเค้าที่หอนอน

    “วันนี้ข้ามีธุระต้องไปพบกับแม่ทัพคังอิน ฝากความไปบอกได้หรือไม่วันนี้ไม่สะดวกยิ่งนัก”

    “เอ่อเกรงว่าจะไม่ได้..

    ขันธีที่สวมชุดผ้าแพรสีเขียวพูดด้วยเบาในทีก็เป็นการเตือนซองมิน

    “ท่านก็น่าจะรู้องค์ชายทรงเกรี้ยวกราดมากเวลาทรงดื่มน้ำเมา อีกทั้งเป็นรับสั่งมิอาจขัดได้”

    ซองมินพยักหน้ากับเหตุผลนั้น เค้าสวมรองเท้าก่อนจะเดินตามไปด้วยใบหน้านิ่ง

     

    ข้าเป็นเช่นนี้อยู่อย่างนี้..ตลอดไปเลยหรือไม่

     

    เมื่อถึงตำหนักองค์ชายคยู ซองมินก็มองที่แสงไฟผ่านม่านบางๆที่กั้นลมหนาวยามดึกนี้ไว้ กลิ่นไอดอกไม้คละคลุ้งสุรายังหอมติดจมูกชวนให้หลงใหลในรสชาติความสุขยามที่ทุกสิ่งถูกแต่งแต้มไปด้วยความมืดและถูกเติมแต่งด้วยราคะ 

    “องค์ชาย หัวหน้าหอสมุดในลีซองมินมาเข้าพบแล้ว เชิญให้เข้าไปเลยหรือไม่”

    เสียงขันธีพูดด้วยความระวังตัวก่อนจะเงียบรอรับสั่ง คยูพูดเสียงนิ่งและเย็นเยียบออกมาเพื่อให้คนนอกประตูได้ยิน

    “เชิญเข้ามา แล้วก็ไล่ทุกคนออกไปให้หมด ข้าต้องการเวลาส่วนตัวคุยธุระสำคัญกับ ท่านลี”

    ประตูไม้เลื่อนออกช้าๆ คยูที่นั่งอยู่ด้านในก็เงยหน้าจ้องมองร่างที่เดินเข้ามาด้านใน ซองมินสวมชุดสีเหลืองอ่อนดูแล้วชวนอบอุ่นก็เดินด้วยความระวังก่อนจะนั่งลงทิ้งระยะห่างจากคยู

    “เข้ามาใกล้ข้าอีก”

    ซองมินเขยิบตัวเข้าไปใกล้คยูอีกนิด คยูที่หยิบแก้วเหล้าไว้ที่มือก็วางถ้วยกระเบื้องสีขาวลงแล้วพูดอีกครั้ง

    “เข้ามาใกล้ แบบที่เจ้าต้องการใกล้ และแบบที่ใจเจ้าคิดว่าข้าต้องการให้เจ้าใกล้แค่ไหน”

    ซองมินไม่ขยับตัวหากแต่เงยหน้ามององค์ชายที่เพิ่งกลับมาเมื่อสามวันก่อน เค้ามาประจำที่วังหลวงแล้ว หลังจากที่ไปอยู่ต่างเมืองเพื่อฝึกฝนและเรียนรู้มานาน แต่ถึงจะไปอยู่ไกลซองมินก็เห็นว่าคยูมักจะกลับมาเที่ยวหาคิมเรียวอุคพี่ชายตนเองและเวะมาหาเค้าบ้างเป็นบางครั้งจนครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ซองมินก็ได้ปฎิเสธที่จะพบคยูอีก

    เพล้ง!

    คยูเขวี้ยงแก้วสีขาวในมือ ซองมินสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ เศษแก้วที่ด้านหลังแตกออกส่งเสียงกังวาลน้อยๆ คยูก็ยกขวดเหล้าก่อนจะยกดื่มแล้วจ้องมองหน้าซองมิน

    “นั่นคือที่ที่เจ้าต้องการใช่หรือไม่ หึ ”

    คยูพูดก่อนจะวางขวดเหล้าลง

    “สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ มันคือความเห็นแก่ตัว

    องค์ชายคยูจ้องมองซองมินแล้วเอ่ยเบาๆ

    “ข้ารู้สึกเจ็บปวดใจ จากเรื่องเดิมๆ ข้าได้รับฟังเสียงนั้นที่ข้าต้องการหากแต่มันกลับสะท้อนก้องไปด้วยความเจ็บปวด.. ข้าอยากได้ยินแต่ข้าก็ไม่อยากได้ฟัง ความสุขของท่านพี่”

    “แม้แต่เจ้า ก็หนีจากข้าไป แม้แต่เจ้าก็ไกลห่างจากข้าไป”

    คยูเมามากจนพูดจับประเด็นไม่ถูก ซองมินที่นั่งอยู่ก็มองหน้าคยูที่ดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ความคิดตัวเอง

    “ใกล้วันงานเช่นนี้ท่านไม่ควรเมามาย ต้องออกงานอีก ”

    คยูผลักโต๊ะออกไป แล้วลุกเดินเข้ามาใกล้ซองมิน เค้าค่อยๆย่อตัวลงแล้วจับลงที่ใบหน้าขาวซีด

    “ซองมินปิดตาข้าที แล้วทำให้ข้ารู้สึกถึงท่านพี่เรียวอุค”

    แสงเทียนในห้องไล้เงาของอีกคนที่ก้มลงจุมพิตเบาๆที่ริมปากบาง ไออุ่นเปลวเทียนสีส้มอ่อนค่อยๆสะท้อนร่างทั้งสองผ่านเป็นเงา คยูยื่นผ้ายาวให้ซองมินก่อนจะกระซิบบอกอีกครั้ง

    “ปิดตาข้าทีซองมิน ใช้ความมืดมิดใต้ผ้านี้ให้ข้าสมปราถนาที”

    คำขอร้องของชายคนนี้ทำให้อีกคนต้องจ้องมองลึกไปในดวงตา แววตาคยูช่างเต็มไปด้วยแรงปรารถนา และร้อนรุ่มในการถูกครอบครอง

     

     

    ณ ห้องเยซอง

    “เสด็จพ่อ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมขุนนางจึงชอบพูดนินทาท่านพ่อกับท่านอา”

    เยซองเงยหน้ามองก่อนจะวางพู่กันแล้วตั้งใจฟังลูกชายตนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

    “แม้ว่าข้าไม่เคยมีความรักหนุ่มสาว หากแต่ข้ากลับรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเค้านินทาจะเป็นผลร้ายต่อตัวท่านพ่อนะพะย่ะค่ะ”

    เด็กชายตัวเล็กที่แก้มแดงเรื่อเพราะลมหนาวเอ่ยพูดกับพ่อตน เค้าอายุแต่ไม่กี่ปีหากแต่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่

    “สิ่งใดคือความรักที่ถูกต้องสิ่งใดคือความรักที่ผิด ”

    เยซองยิ้มก่อนจะเอ่ยกับลูกชายตน

    “ความรักเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เหมือนเช่นเจ้ารักพ่อ เจ้าก็อยากที่จะดูแลพ่อ ”

    “ถ้าเช่นนั้นท่านพ่อก็ไม่รักท่านแม่ใช่หรือไม่ เพราะหากท่านรักท่านแม่คงไม่ปล่อยให้นางต้องนอนร้องไห้ และคอยปกป้องท่านจากคำนินทาเหล่านั้น ”

    ……………………….

    “ต่อไปนี้ข้าจะไม่ไปเรียนกับท่านอาอีกแล้ว เพราะคนที่จะมาเป็นอาจารย์ให้ข้าได้จะต้องเป็นคนปกติเหมือนทุกคนทั่วไป”

    “ยืนขึ้น!

    เยซองเอ่ยทันที เสียงเค้าดังมาถึงหน้าห้อง เรียวอุคที่มาเฝ้าก็ยืนฟังเงียบๆ

    “ยืนขึ้นบนไม้นี้แล้วถกขากางเกงขึ้น”

    เด็กชายลุกขึ้นยืนบนแผ่นไม้ก่อนจะดึงชายผ้าด้านล่างขึ้นจนเห็นส่วนขาล่าง ผู้เป็นพ่อก็หยิบไม้หวายขึ้นมาแล้วฟาดลงไปพร้อมกับเอ่ยถาม

    “เจ้าพูดว่าอะไรนะ พูดใหม่ซิ!

    “ข้าจะไม่ไปเรียนกับคนไม่ปกติ!

    “เป็นเด็กกล้าพูดต่อว่าคนที่ให้ความรู้เจ้าเช่นนั้นหรือ”

    “ข้าจะไม่ไป!ไม่ไป!

                เสียงฟาดหวายดังจนเรียวอุคที่อยู่ด้านนอกอดรนทนไม่ไหว จึงรีบบอกให้ซังกุงบอกเยซองว่าเค้ามาขอเฝ้า

    “เร็วเข้า”

                “องค์ชายเยซอง องค์ชายเรียวอุคมาขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

                ฟืด……..

                เรียวอุคเปิดประตูเข้าไปก่อนจะถลาวิ่งไปดึงไม้ออกจากมือเยซอง เมื่อเห็นที่ต้นขาของลูกชายเค้าเต็มไปด้วยเลือดออกซิปๆ

                “เรียวอุค เจ้าไม่ต้องห้ามข้าต้องลงโทษให้รู้ดีรู้ชั่ว รู้สถานะตัวเองว่าเป็นเด็กไม่ควรพูดเช่นนี้”

    “ดีชั่วคืออะไรท่านอา ข้าไม่เห็นว่าท่านจะเป็นคนดีแล้วก็ไม่เห็นว่าท่านจะเป็นคนชั่ว ฮึก

    “ลูกที่ดีต้องคอยปกป้องท่านพ่อและแม่ตนเองใช่หรือไม่ เช่นนี้แล้วข้าเป็นคนเลวใช่ไหม…..ฮึก”  “องค์ชายน้อย ท่านพ่อคงหงุดหงิดไปหน่อยวันนี้ไว้มาเข้าเฝ้าวันอื่นเถิดนะ ซังกุงส่งองค์ชายน้อยที”เด็กชายปาดน้ำตาจากแก้มทิ้งแล้วชี้นิ้วไปที่เรียวอุคพร้อมกับขึ้นเสียง

    “ไล่ข้าเพื่อที่ท่านจะได้อยู่กับท่านพ่อ แล้วทำเรื่องที่ขุนนางเค้าพูดกันใช่ไหม!ทำเรื่องที่พวกเขาเอาไปหัวเราะพูดกันสนุกปาก”

    “รู้หรือไม่ ท่านทำให้ท่านแม่ข้าและข้ารวมทั้งพระญาติต้องอับอายกันแค่ไหน! ข้ารู้มาว่าจริงๆท่านควรจะออกไปจากวังนานแล้วหากแต่ก็ยังได้อยู่ที่นี่ แล้วคดีเมื่อหลายปีก่อนแม้ทุกคนจะลืมแต่ข้าไม่ลืม อีกทั้งข้ายังคิดว่าหากท่านเป็นลูกผู้ชายน่าจะกินยาให้ตายตามพวกกบฎไปซิถึงจะถูกต้อง”

    “เป็นอาจารย์ข้า แต่กลับประพฤติตัวไม่เหมาะสม ฮึก!ข้าก็ไม่อยากที่จะเรียนกับท่านแล้ว!!

    เด็กชายปาดน้ำตาก่อนจะเดินออกไปที่ประตู เค้ายกเท้าอันเล็กถีบประตูออกไปก่อนจะเดินเช็ดน้ำตาแล้วสะอื้นหายไป  เรียวอุคดึงเยซองไว้เมื่อรู้ว่าองค์ชายน้อยคงจะเสียใจมากและไม่อยากสร้างบาดแผลให้เด็กชายมากไปกว่านี้       

    “เค้ายังเด็กมีอะไรก็พูดตรงไปตรงมา”

    เรียวอุคพูดกับเยซองก่อนจะปล่อยตัวองค์ชายแล้วพูดขอร้อง

    “พรุ่งนี้ข้าอยากให้ท่านทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องวันนี้เกิดขึ้น ทำเหมือนเค้าเป็นลูกชายที่ท่านรักคนเดิม”

    “เด็กคนนี้คงได้รับการสอนที่ผิด ข้าจะสืบความให้รู้แล้วจัดการซะ”

    “ข้าคิดว่าคงจะมีอะไรกระทบใจเค้ามานาน เยซองข้าคิดว่าข้าควรจะไปอยู่ข้างนอกเพื่อว่าจะทำให้ข่าวเสียหายที่เกิดกับท่านและครอบครัวหมดไป”

    เยซองเอื้อมมือจับลงที่มือเรียวอุค เค้าบีบมันลงก่อนจะพูดเสียงเบา

    “มันก็แค่คำนินทา..จะไปสนใจอะไรถ้าข้ารู้ข้าจะตัดลิ้นมัน”

    เรียวอุคตบหลังมือเยซองเบาๆก่อนจะพูด

    “ใครๆก็ถูกนินทาจากพฤติกรรมไม่เหมาะสม ชาวบ้านธรรมดา ขุนนางแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์”

    “แต่หากคำนินทาทำให้ชีวิตเราแย่ลง เราก็ควรจะหาทางแก้ ไม่ใช่แค่พูดแก้ตัวแต่เราต้องทำบางอย่างให้คนอื่นเห็น”

    “องค์ชายน้อยคงเครียดมาก จึงมาพูดต่อหน้าท่าน ท่านมีลูกชายที่กล้าหาญนักเป็นเรื่องน่ายินดี”

    เยซองหันมองเรียวอุคที่พูดกับเค้าก่อนจะพบกับรอยยิ้มบนใบหน้าคนรัก เรียวอุคไม่มีความไม่พอใจในแววตาสักนิดเดียว

    “นานๆเราพบกันทีก็ดีนะ ท่านมีครอบครัวแล้วองค์ชายต้องการเวลาจากท่านมากกว่านี้ ทั้งงานราชกิจมากมาย ต่อไปนี้เวลาที่ท่านให้ข้า ข้าอยากให้ท่านนำไปให้องค์ชายและพระสนมมากกว่า ต่อไปข้างหน้าคนที่ยืนข้างท่านไม่ใช่ข้าหรอกนะ หากแต่เป็นพระสนมและลูกของท่าน ดังนั้นแล้วสิ่งที่ท่านควรถนุถนอมไว้คือครอบครัวท่าน ยามมีเรื่องร้อนใจคนแรกที่จะช่วยท่านคือพระสนมที่จะเป็นใหญ่ในวันที่ท่านปกครองบ้านเมืองเต็มตัวส่วนองค์ชายก็จะช่วยท่านทำนุบำรุงบ้านเมือง ”

    “ข้าทำให้เจ้าต้องอยู่อย่างลำบากมาตลอดเวลา เพราะความเห็นแก่ตัวของข้าที่อยากมีเจ้าอยู่ใกล้ๆ 

    “หากไปแล้วท่านก็ไปหาข้านานๆครั้งก็ได้ จริงๆข้าอยากจะออกไปอยู่ข้างนอกเพื่อสอนหนังสือให้แก่เด็กยากจน อยากเดินทางและทำอะไรอีกมากมาย”

    “ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่ข้าจะปกป้องเจ้าเอง อยู่ข้างๆข้า”

    เรียวอุคหลบสายตาเยซองที่มองมา เค้าถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้าแม้เยซองจะมอบอ้อมกอดให้เค้าเช่นทุกครั้งแต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

    เขาเป็นต้นเหตุให้เยซองเสื่อมเสีย ครอบครัวเยซองต้องมีปัญหาสมควรแล้วหรอที่จะอยู่ข้างๆเยซองต่อไป

     

     

     

     

     

     

     

     

    คยูนอนลงบนเตียงในท่ากึ่งนั่นกึ่งนอนโดยมีอีกร่างคร่อมเค้าไว้ ดวงตาของคยูถูกปิดลงด้วยผ้าสีแดง เค้าจับลงที่เอวของคนที่กำลังยกตัวขึ้นลงช้าๆแล้วค่อยๆเพิ่มแรงขึ้น เมื่อใบหน้าอีกฝ่ายส่งเสียงในลำคอถึงความต้องการที่มากขึ้นๆคนที่อยู่ด้านบนก็ยิ่งเร่งจังหวะ

    “อื๊อ

    ซองมินโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปในไล่เลียริมปากคยู คนตัวใหญ่กว่าตอบรับก่อนจะร้องครางในลำคอ

    “ท่านพี่ข้าแทบจะทนไม่ไหวแล้ว..

    คยูยกมือกอดร่างนั้นไว้ ซองมินที่ยกตัวขึ้นลงก็โน้มตัวกอดคยู ดวงตาเค้าร้อนผ่าวจนแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินเค้านั้น

    “เรียวอุคอาเรียวอุค..

    คยูเอ่ยเรียกร้องชื่อนั้น ผ่านจินตนาการของตัวเค้า ภายใต้ความมืดของผ้าผืนนั้นคยูที่รู้แก่ใจว่าคนที่อยู่กับเค้าตอนนี้เป็นใคร ก็กลับปล่อยตัวเองให้อยู่ในภาพที่วาดขึ้นท่ามกลางทะเลแห่งราคะและเสียงสะอื้นไห้ของซองมิน คยูกลับไม่สนใจที่จะกลับมาอยู่กับความจริง

    ความจริงที่ตอนนี้เขากำลังมีสัมพันธ์ทางกายกับซองมิน

    ซองมินยกมือเช็ดน้ำตาใสที่ไหลอาบลงมา ริมปากอีกฝ่ายที่เม้มลงเพราะอารมณ์ด้านในที่พลุ่งพล่านยิ่งทำให้เค้าละอายใจที่ตัวเองต้องเป็นตัวแทนขององค์ชายเรียวอุค

    แม้ข้าจะต้องตกต่ำมากเพียงไหน ต้องถูกดูแคลนจากท่านมากเพียงใด แต่สิ่งนี้เป็นอย่างเดียวที่ข้าจะทำได้

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×