ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Don't love Don't cry

    ลำดับตอนที่ #1 : Don't cry with my family

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 56


    "เฮ้อ ถึงบ้านซักที" สวัสดีค่ะ ฉัน ใบบัว ยินดีที่ได้รู้จักนักอ่านทุกคนค่ะ ไม่ต้องงงไปหรอกที่ฉันไปไหนมา ฉันไปทำงานมาค่ะ บ้านของฉันมีหนี้

    ท่วมหัวก็เลยเอาตัวไม่รอดแน่นอนว่าคนในครอบครัวของฉันทุกคนก็ต้องทำงานหามค่ำหามรุ่งเป็นธรรมดา ฉันก็เพิ่งกลับมาจากทำงาน ขอบอกว่า

    มันเหนื่อยมาก


    ฉันทำงานที่ Killer Club ค่ะ ที่นี่คล้ายๆกับร้านอาหารควบคู่กับคลับที่จะรับบริการลูกค้ากระเป๋าหนัก ฉันเป็นเด็กเสิร์ฟ ถึงทุกคนจะมองว่ามันเป็น

    งานที่เสี่ยงแต่ค่าตอบแทนค่อนข้างมากอยู่ และที่นี่จะคัดลูกค้าจึงยากที่จะมีพวกประเภทชอบลวนลาม จึงวางใจได้บ้างแต่ก็ไม่ 100%หรอกก็

    ต้องระวังตัวบ้างอะไรบ้าง


    "ออกไปจากบ้านฉันเลย ไป!" เสียงตะโกนที่ดังมาจากตัวบ้านทำให้ฉันถึงกับชะงัก นี่ื มันเสียงแม่นี่


    "แหม ทำมาเป็นพูดไป นี่มันก็บ้านผมเหมือนกัน คุณไม่มีสิทธิ์มาไล่ผมหรอกนะ"และนี่คือเสียงของคนที่ 'เคย' ขึ้นชื่อว่า 'พ่อ' ของฉัน


    "อย่าทำมาพูด ใครหล่ะที่หาหนี้เข้าบ้านจนแทบจะไม่มีที่ซุกหัวนอนอยู่แล้ว" แม่นี่พูดตรงเกินไปหรือเปล่านะ ที่ซุกหัวนอนตอนนี้ยังมี แต่ต่อไปก็ไม่

    แน่ ที่ฉันคิดเป็นเรื่ิงจริงทุกอย่างแต่ก็คงต้องเข้าใจว่าเอาบ้านไปจำนองไว้แล้วไม่มีเงินไปคืนต่อไปสภาพของคนในครอบครัวจะเป็นอย่างไร คนทำ

    ไม่เคยคิด!


    "ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งจะ.."


    "ไม่ได้ตั้งใจงั้นหรอ หึ เอาไปลงทุนที่ บ่อน จนหมดตัวนะหรอไม่ได้ตั้งใจ หา!"แม่ตะคอกใส่ เขา เพื่อให้ เขา รู้สำนึกว่าที่่เป็นอย่างนี้เพราะอะไร 

    และเพราะใคร ใช่ เขา เคยเป็นพ่อที่แสนดี ฉันเคยคิดว่าจะนำเขาเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต พอฉันอายุ 20 ปี เขาก็เริ่มเข้าบ่อนตอนนั้นฉันคิด

    ว่าเขาคงเล่นแก้เครียดแต่พอไปพอมาเขาเข้าบ่อนมากกว่าไปทำงานตอนนั้นแหละที่แม่กับเขาทะเลาะกันอย่างรุนแรงทั้งที่อยู่มา ตัั้งแต่ฉันจำความ

    ได้



    แม่กับเขาไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงมากขนาดนี้และเขาก็เผลอหลุดคำพูดที่ทำให้แม่กับฉันช็อคไปตามๆกัน



    'ใช่ ผมเข้าบ่อนทุกวันยังดีกว่าอยู่บ้านที่มีแต่ของเก่าน่ารำคาญแถมยังขี้โวยวาย น่าเบื่อ' เขาพูดพร้อมกับแววตาที่ฉันไม่เคยเห็น มันเป็นแววตาที่

    เย็นชา ไม่ใช่แววตาที่อบอุ่นดังเช่นคนเป็นพ่อสมควรทำ


    'คุณกำลังบอกหรือเปล่าว่าที่บ่อนมีอะไรเจริญหูเจริญตามากกว่าที่บ้าน หา!' แม่ตะคอกกลับด้วยน้ำเสียงและแววตาที่มาจากอารมณ์จากภายใน


    'ถ้าใช่แล้วจะทำไม อยู่นี่มีแต่อะไรก็ไม่รู้ แก่ หย่อนย่าน น่ารำคาญ งานก็ไม่เคยช่วยทำ สู้ไปอยู่กับสาวสาวสวยสวย ไม่ดีกว่าหรอ' เขาบอกด้วย

    หน้าตาย


    'คุณมีผู้หญิงอื่นหรอ คุณเห็นฉันเป็นอะไร คุณไม่พอใจอะไรก็บอกฉันซิ ไม่ใช่ไปเริงรมณ์กับหญิงอื่น' แม่บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนลงแต่แฝงไปด้วย

    ความเสียใจอย่างเห็นได้ชัด


    'ผมไม่อยากอยู่กับคุณแล้ว เราหย่ากันเถอะ ' เขาบอกโดยที่แสดงท่าทีกระอักกระอ่วนที่พูดอย่างนั้น


    'คุณจะทิ้งฉันกับลูกไปหาผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ฉันไม่เคยคิดว่าคุณจะเย็นชาขนาดนี้ ฉันเสียใจ'


    'เพราะบ้านมันน่าเบื่ออย่างนี้ไงผมเลยต้องไปจากที่นี่' นี่คือคำพูดสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไปโดยที่ฉันคิดว่าเขาจะไม่กลับมาอีก

     ปึง


    'ฮึกๆๆ ฮือ พ่อเขาทิ้งเราไปแล้ว ได้ยินไหมเขาทิ้งเรา เขาทิ้งเรา' แม่ร้องไห้ คนที่ทำให้แม่ร้องไห้คือคนที่แม่รัก คือคนที่แม่ไว้ใจแต่ทำไมเขาถึง

    ทำกับแม่ได้ลงคอ เขาไม่ใช่พ่อที่แสนดีของฉันอีกต่อไป เขาคือคนที่ เลว คนที่ทำร้ายคนที่ฉันรักมากที่สุด เขาไม่ควรมาให้ฉันและแม่เจอเขาอีก

    ต่อไป

    เพราะชีวิตใหม่ของฉันจะต้องดีขึ้นเมื่อไม่มีเขา

    - 2 อาทิตย์ให้หลัง -

     อ๊อด

    'เอ่อ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าค่ะ' แม่พูดประมาณว่าตะลึงกับผู้มาเยือน


    'สวัสดีครับ ผม คชา จะมาติดต่อเรื่องที่คุณนำบ้านไปจำนองไว้นะครับ' ผู้มาเยือนที่เป็นคนของโรงรับจำนองพูดฉันกับแม่มองหน้ากันปนสงสัย


    'เราไม่ได้เอาบ้านไปจำนำนะค่ะ มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า' แม่ถามด้วยอารมณ์ที่ยังงงไม่หาย


    'อ้าว คุณ บดินทร์ ไม่ได้บอกพวกคุณไว้หรอครับ เขานำบ้านไปจำนองผ่านมา 2 อาทิตย์แล้วไม่มีการติดต่อกลับมาเราเลยมาถามนะครับ'


    'ไม่จริง ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย เขาจะเอาบ้านไปจำนองได้ยังไงกัน'


    'เรื่องนี้ทางเราก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่บ้านมีชื่อของ คุณ บดินทร์ ทางเราจึงอนุมัติ' ที่คุณ คชา พุดก็ถูกต้องทุกประการที่ว่าเขาเป็นเจ้าของบ้านมี

    สิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องบ้านมากที่สุดแต่เขาต้องถามคนในบ้านก่้อนซิ


    'แต่เรา แม่ลูกไม่รู้เรื่องเลยนะค่ะ แล้ว เอ่อ..ระยะเวลาในการใช้หนี้นานแค่ไหนค่ะ แล้วเงินที่ต้องใช้เท่าไร'แม่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล


    'อ้อ ทางเราให้เวลา 2 ปีกับอีก 2 เดือน เงินก็ 2,000,000 บาทครับ' คุณ คชาพูด 'งั้นไม่มีอะไรแล้วผมขอกลับก่อนนะครับ แล้วเจอกันอีก 2 ปีนะ

    ครับ  ^^' ถ้าตอนนั้นฉันกล้าเท่าตอนนี้ฉันคงเอามีดแทงแล้วจ้วงไส้ คุณ คชา มาหั่นเล่นแน่นอน คนกำลังทุกข์กลับมาย้มหน้าระรื่น


    'ค่ะ ลาก่อนค่ะ' แม่ของฉันลาคุณ คชา ด้วยใบหน้าที่ฟืนยิ้ม

     ปึง

    ประตูบ้านปิดไปพร้อมกับใจที่สลายของแม่กับฉัน


    'ใบบัว ฮือๆๆ แม่อยากตาย  ฮือๆๆ แม่ไม่เหลืออะไรเลย 2 ปี กับเงิน สองล้าน มันไม่มีทางที่เราจะหาเงินมาคืนทันแน่' แม่พูดด้วยน้ำตา

    '
    แม่ค่ะบัวเชื่อว่ายังไงเราก็จะอยู่กันได้ เราจะมีบ้านหลังนี้เราจะไม่ให้ใครเอาไปไหนได้ค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วง' ฉันปลอบแม่


    'ใบบัว ลูกไม่ต้องปลอบแม่ แม่รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ใบบัว ฮือๆๆๆ' แม่ร้องไห้หนักกว่าเดิม ฉันรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้แต่การที่มีกำลังใจใน

    การอยู่ต่อไปมันก็ยังดีกว่าไม่มีไม่ใช่หรอ


    ย้อนกลับมา ณ ปัจจุบัน


    วันนี้เป็นวันครบรอบ 2 ปีที่เขาจากไปพร้อมกับหนี้สินมหาศาลที่เขาเอามันไปบำเรอ'ภรรยา' คนที่ 2 ของเขา


    "แม่ค่ะ ใบบัวกลับมาแล้วค้าา~" ฉันเดินเข้าไปในบ้านพร้อมยิ้มหวานเป็นกำลังใจให้แม่


    "สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะ คุณ บดินทร์ ^^" ฉันเข้าไปหาแม่พร้อมกล่าวทักทาย เขา เพื่อแก้สถานการณ์อันตึงเครียดที่กำลังเกิดและกำลังจะระเบิด

    ออกมาเป้นผุยผง


    "คุณ บดินทร์ มาถึงนี่มีอะไรหรือเปล่าค่ะ" ฉันถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแกมกดดัน เขาไปแล้วเขาจะกลับมาทำไม มาให้มันแย่ลง หรือว่าจะมา

    ตอกย้ำความแหลกเหลวของสถาบันครอบครัว


    "อ้อ เรื่องนี้หรอ คุณ บดินทร์เข้าจะมาเกาะเรากินนะ อุ๊ย! พูดผิดจ๊ะ เขาจะมาอาศัยอยู่กับเรานะ" แม่พูดประชดอยู่ทำไมฉันจะไม่รู้


    "จริงหรอ จะมาอยุ่ในฐานะอะไรหรอค่ะ คนใช้ หรือ คนเช่าบ้าน" ฉันถามด้วยความจริงใจ (ประชดตัวเองเป็นอย่างมาก)


    "เอ่อ ผมจะมาอยู่ในฐานะ พะ....พ่อของเธอไงใบบัว"เขาบอกฐานะในครอบครัวของฉันอย่างไม่เต็มที่นัก คำว่า 'พ่อ' นี่มันพูดยากขนาดนั้นเลยหรอ


    "งั้น คุณคงอยู่ในฐานะนี้ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะพ่อของคนอย่าง ใบบัว เขาได้ตายจากใบบัวไปนานแล้วหล่ะค่ะ"ฉันพูดด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบขึ้นมา

    แต่ไม่ต้องห่วงฉันหรอก มันเป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นเอง


    "ใบบัว มานี่ซิ"แม่เรียกฉันให้เดินเข้าไปในครัว


    "ค่ะ" ฉันเดินตามแม่ไป "แม่มีอะไรหรอค่ะ เรียก ใบบัวมาทำไมเรายังไล่เขาไม่ได้เลย เขาจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเราอีกยังไงค่ะแม่"ฉันบอกแม่


    "ใบบัว แม่ว่าเรานะพูดแรงเกินไปนะ"แม่เตือนฉัน


    "หนูไม่เห็นว่ามันจะแรงตรงไหนเลยสำหรับคนที่ทำให้เราสองคนต้องเป็นอย่างนี้" ฉันตอบกลับแม่ด้วยเหตุผลที่แม่ก็รู้ว่าถ้าฉันพูดขึ้นมามันจะทำให้

    แม่เจ็บปวดขนาดไหน "คนที่ทำให้เราเป็นอย่างนี้ไม่น่าให้เหยียบเข้ามาในบ้านตั้งแต่แรกแล้ว" ฉันเพียงต้องการให้แม่มีความสุขขึ้นเท่านั้นเองถึง

    ต้องพุดทำร้ายจิตใจกันขนากนี้


    "ใบบัว แต่เขาก็เคยเป็นคนสำคัญในครอบครัวเรานะ" แม่พยายามเกลี่ยกล่อม


    "...."


    "ใบบัวแม่จะให้เขามาอยู่ในฐานะคนอาศัยเท่านั้น เขาไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายกับชีวิตของเราสองคน" แม่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแบบที่ฉันไม่เคยเห็น

    มาก่อน ดีใจจังที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของแม่


    "ค่ะ ใบบัวจะให้เขาอยู่ก็ได้ แต่ต้องในฐานะผู้อาศัยเท่านั้นนะค่ะ" นี่ฉันตกลงไปแล้วหรอเนี่ย


    "ใบบัวของแม่น่ารักที่สุดเลย" แม่พุดพร้อมหยิกแก้มฉันเบาๆ


    "ถ้าเขาทำให้แม่เสียใจอีก ใบบัวไม่ให้อภัยเขาแน่ๆ ใบบัวจะส่งเขาลงนรกกับมือเลย" ถึงการที่ฉันพูด(ขู่กรรโชก)ให้ดูหวาดผวาแต่ฉันคิดว่าการที่

    ได้มีคนในครอบครัวเพิ่มขึ้น(ถึงจะอยู่ในฐานะผู้อาศัยก็เถอะ)จะทำให้แม่มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคำว่าครอบครัวกำลังจะสมบูรณืด้วยคำว่า

    'พ่อ'


    ความรักของแม่ต่อเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงถึงแม้เขาจะทำให้แม่เจ็บซ้ำน้ำใจก็ตาม ฉันเลยคิดว่าความรักไม่จำเป็นต้องสุขสมหวังอย่างที่วาดฝันไว้

    แต่การที่เราได้รู้จักคำว่าทุกข์และสุขด้วยคนคนเดียวกันมันทำให้รู้จัก 'ชีวิต' มากขึ้นอย่างไงหล่ะ


     
    DIAMOND G!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×