คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [OS] Goognight Kiss (Wooyoung x IU)
Author: moonoiaom.13
Status: One Shot
Pairing: Wooyoung x IU (WooU)
Genre: Romantic
Rating: PG-13
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผืนฟ้าถูกย้อมด้วยสีดำแห่งความมืดมิด มีแต่เพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์และดาวดวงน้อยที่ส่องสว่างให้เห็นท่ามกลางความมืด
สายลมยามราตรีพัดไหวเบาๆเป็นระลอก ส่งผลให้ใบไม้ของต้นไม้น้อยใหญ่ขยับเสียดสีกันไปมาตามแรงลมจนเกิดเสียง...เช่นเดียวกัน ผ้าม่านผืนบางก็ไหวตัวไปมาตามแรงลมที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอนเล็กที่ร่างบางตั้งใจเปิดไว้เพื่อรับลมธรรมชาติ
จีอึนหลับตาพริ้มเมื่อสัมผัสถึงสายลมเย็น กระทบบนใบหน้าสวยที่โผล่ขึ้นมาจากผ้าห่มผืนหนา เธอชอบอากาศธรรมชาติยามราตรีเป็นที่สุด มันเป็นอากาศบริสุทธิ์ที่ทำให้ช่วงเวลาที่เข้าสู้ห้วงแห่งนิทรานั้นเหมือนสวรรค์ เธอชอบฟังเสียงใบไม้ไหวไปมาตามแรงลม ฟังกี่ทีก็รู้สึกอบอุ่นใจ ไม่น่ารำคาญเลยแม้แต่นิดเดียว
เสียงลมหายใจเป็นจังหวะลอดออกมา นั่นแสดงว่า... ร่างบางได้เข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในสมองถูกลบหายไปเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า...
ไม่มีอะไรเลย...
จนกระทั่งรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบา
...ที่ริมฝีปาก
.
.
.
นั่นเป็นความฝันรึเปล่าน่ะ?
ถ้าเป็นความฝันฉันก็ไม่อยากตื่นขึ้นเลย...
แต่ไม่ใช่... ฉันสัมผัสถึงมันได้
ความรู้สึกต่างๆเพียงชั่ววูบถาโถมเข้ามาในสมอง ร่างบางหลุดออกจากห่วงนิทราสู่ความเป็นจริง...
จีอึนหายใจเป็นจังหวะไม่ปกติเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับจนเตียงยุบของร่างปริศนาที่อยู่ด้านบน โน้มตัวลงมาใกล้เรื่อยๆ รู้สึกถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดต้นคอ ให้ความรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วร่างกาย
...ราวกับร่างปริศนาจงใจแกล้งอย่างนั้น
เธอดีดดิ้นไปมาเพื่อขัดขืน สองมือเล็กทุบตีไปทั่วร่างกายของคนด้านบน โดยมองไม่เห็น เพราะเธอไม่สามารถลืมตาขึ้นได้จริงๆ
ไม่รู้เพราะทำไม...
ร่างสูงมอบสัมผัสอ่อนหวานให้กับหญิงสาวที่อยู่ภายใต้อกแกร่ง เริ่มรุกล้ำขึ้นเรื่อยๆเพราะความโหยหา สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวหาความหวานจากโพรงปาก เมื่อร่างบางสิ้นฤทธิ์ที่จะต้านทาน สองมือที่ทุบตีชะงักหยุดลง ร่างเล็กที่ดีดดิ้นไปมาแน่นิ่งยอมจำนนแก่รสจูบ
...ที่แสนเร่าร้อน ราวกับไฟที่เผาไหม้ร่างกายจนกลายเป็นเถ้าธุลี
.
.
.
หลังจากนั้นเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และยิ่งมากขึ้น... รุนแรงขึ้น...
แต่เธอก็ไม่สามารถต้านทานมันได้เลย...
กลับโหยหาเสียมากกว่า...
...จูบร้อนแรง รสมินท์อ่อนๆที่สัมผัสได้อีกจากฝ่าย
แต่ร่างปริศนาที่ขโมยจูบแรกนั้นเป็นใครล่ะ?
...ร่างปริศนาที่มอบจูบที่แสนวิเศษนั่น
...ร่างปริศนาที่ทำให้เธอรู้สึกอ่อนระทวยกับสัมผัส และโหยหามัน
เขาเป็นใครที่บังอาจทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวเพราะจูบนั่น!
ใคร...
GOODNIGHT KISS
สวนหย่อมเป็นอีกสถานที่หนึ่งในมหาลัยแห่งนี้ ที่มีนักศึกษาเข้ามาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมอื่นมากมาย ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ติวหนังสือ หรือนั่งจับกลุ่มคุยกันด้วยเรื่องสัพเหระทั่วไป ด้วยบรรยากาศสดชื่นจากต้นไม้นานาชนิดที่ปลูกไว้ และม้าหินอ่อนที่มีจำนวนมากที่วางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก ทำให้มีนักศึกษาจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่ในตอนกลางวันเมื่อไม่มีคลาสเรียน
ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่หญิงสาวทั้งสามโปรดปรานและนัดพบเจอกันบ่อยๆเมื่อไม่มีเรียน ทั้งสามนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานตามภาษาเพื่อนสนิท
“จีอึน แกฝันไปเองรึเปล่า!?” เสียงหวานของร่างบางดังขึ้นแทรกทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนสาวเล่าให้ฟังยังไม่ทันจบ
จีอึนตัดสินใจเล่าเรื่องกลุ้มใจของตัวเองตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ให้เพื่อนสนิททั้งสองฟัง เพราะหวังว่าบางทีพวกเธออาจจะช่วยได้
แต่ไม่เลย!
“นี่มันเรื่องเหลวไหลทั้งเพ มีแต่ในละครหรือในนิยายเท่านั้นแหละ แกอาจจะคิดมากไปมั้ง? อินกับหนังเลยเก็บไปฝัน?” จียอนส่ายหัวแรงๆด้วยความไม่เชื่อ
“เพ้อแล้วแก” ลูน่าสมทบ
“แกอยากมีจูบที่แสนเร่าร้อนแบบนั้นใช่มั้ยล้าเลยเก็บไปฝัน แหม~ เพิ่งจะรู้ว่าเพื่อนสนิทฉันจะหื่นแบบนี้” แล้วแซวต่ออย่างสนุกสนาน ทำให้คนตัวเล็กโวยวายทันทีหลังจากฟังจบ
“ฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆนะ! แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้
หะ
หื่นด้วย!” พูดออกไปไม่ค่อยเต็มปากกับคำหลัง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอยอมรับเลยว่าคิดเรื่องจูบนั่นวนไปวนมามากกว่าสิบรอบภายในหนึ่งวัน
ก็แหม! เป็นใครมันก็ต้องนึกถึงกันเป็นธรรมดาแหละ!
ฃ“ตอนแรกฉันก็นึกว่าฝันไป แล้วก็คิดว่ามันมีแต่ในนิยายอย่างที่จียอนว่าแหละ แต่คิดดูถ้าฝันจริงๆ ทำไมเตียงถึงยุบลงได้ล่ะ พวกแกก็รู้ว่าฉันไม่ได้นอนดิ้น” รีบชี้แจงเหตุผลกลบเรื่องก่อนหน้าทันที
“แล้วทำไมเวลาโดนจูบแกไม่ลืมตาขึ้นมามองเล่าว่าคนนั้นมันเป็นใคร?”
“ถ้าฉันทำได้ ฉันจะมาเล่าให้พวกแกฟังแล้วขอคำปรึกษาทำไมเล่าจียอน!”
“ทำไมพวกแกไม่เข้าใจฉันอ่ะ ฉันพูดจริง ไม่ได้ฝัน ไม่ได้เพ้อเจ้อ! ฮือๆ” จีอึนเริ่มส่งเสียงงอแง คิดแล้วอยากจะร้องไห้ ตกลงว่าเล่าให้สองคนนี้ฟังมันดีหรือแย่กว่าเดิมเนี่ย?
“เออ จะทำใจเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงแล้วกัน” ร่างเล็กว่าปัดๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวเริ่มจะงอแง เหมือนเด็กไม่รู้จักโต
จริงๆเลย
“ปัญหาของแกคือ อยากรู้ว่าคนนั้นเป็นใคร? และจูบแกทำไมใช่มั้ย?” คำถามตรงประเด็นของจียอนทำให้อีกคนที่หน้าบูดเบี้ยวจะร้องไห้ยิ้มได้ทันทีที่ได้ยิน
“ใช่เลยจียอน! จริงๆนะ ฉันพยายามลืมตาขึ้นหลายครั้งแล้วแต่ทำไม่ได้ คือตามันหนักไปหมดเลยอ่ะ” พูดจบใบหน้าขาวก็สีก่ำขึ้นมานิดหน่อยเพราะความเขินเมื่อเผลอนึกถึง
“วู้ว ร้อนแรงจริงๆ ~” ร่างอวบส่งเสียงแซวเพื่อนสาวด้วยอารมณ์ขัน
“เงียบไปเลย
”
“อย่างแรกเลยคนๆนั้นต้องเป็นผู้ชาย” จียอนแทรกขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองเริ่มจะมีปากเสียงกันแล้ว “และก็ต้องสนิทกับแกด้วยเพราะรู้ว่าบ้านแกอยู่ไหน!”
“มีใครนอกจากพวกฉันสองคนที่รู้จักบ้านของแกมั้ย? ผู้ชายอ่ะ” ลูน่าถามจริงจังเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่เล่นด้วย
“ก็มีแค่
” แต่ยังไม่ทันจะตอบก็มีเสียงสดใสของใครคนหนึ่งขัดขึ้นมาซะก่อน
“สวัสดีครับนูน่า! คุยอะไรกันหรอครับ ดูเครียดๆนะฮะ” ชายหนุ่มที่กำลังเดินเตร่ในสวนหย่อม เมื่อเห็นร่างบางที่คุ้นเคยของรุ่นพี่ที่ตามจีบนั่งอยู่ก็รีบตรงเข้ามาทักทายทันที
เขาตามจีบจีอึนได้เกือบสองปีแล้ว แต่ดูท่าคนถูกจีบจะไม่เล่นด้วยเลยสักนิด
“ผมมีขนมมาฝากจีอึนนูน่าด้วยนะฮะ” ยิ้มกว้างแล้วส่งขนมให้
“ขอบใจนะ”
“ให้แต่จีอึน แล้วของพวกฉันอ้ะ!” ลูน่าท้วงขึ้นเมื่อเห็นโยซอบให้ขนมจีอึนคนเดียว ไม่ได้อิจฉาอะไรหรอกนะ แต่ตอนนี้คือ เธอหิว ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย!
“วันนี้ผมเงินน้อยนิฮะ ไว้คราวหน้าผมจะซื้อมาฝากนะครับ” คำตอบแสนน่ารักทำให้อีกคนยิ้ม แหม รุ่นน้องคนนี้น่ารักจริงๆ!
“นายนี่มาได้ถูกจังหวะจริงๆ ยางโยซอบ” จียอนประชดรุ่นน้องเสียงขุ่น
“กำลังพูดถึงผมอยู่ใช่มั้ยฮะ? จีอึนนูน่าคิดถึงผมสินะ?” โยซอบส่งสายตาหวานเยิ้มให้จีอึนที่นั่งนิ่ง สีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ตอบคำถามของอีกคน
คำพูดแสนหลงตัวเองของโยซอบทำให้จียอนอดไม่ได้ที่จะเขกหัวเพราะความหมั่นไส้
“โอ๊ย! เจ็บนะฮะ”
“เจ็บน่ะสิดี จะได้เลิกเพ้อเจ้อ”
“โห่ จียอนนูน่าอารมณ์ไม่ดีหรอฮะวันนี้” โยซอบถามพลางลูบหัวปอยๆตรงตำแหน่งที่โดนรุ่นพี่เขกไปเมื่อกี้นี้
“ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละนายก็รู้”
“ช่างเหอะ นายมาก็ดีเลย
” ส่งยิ้มหวานที่ทำให้ผู้ชายหลายคนเมื่อเห็นถึงกับตายได้ทันที แต่สำหรับโยซอบ
ไม่เลย! เค้ารู้ความหมายของรอยยิ้มนั่นดี ว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
“อะไรหรอครับ?” กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
“นายแอบไปขโมยจูบเพื่อนฉันตอนกลางคืนถึงห้องนอนเลยใช่มั้ย!?” คำถามแสนตรงของร่างเล็กทำให้จีอึนถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่
“แค่กๆ แกถามตรงไปป้ะจี้?”
“เออหน่า” ตอบคำถามอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจ
โยซอบเมื่อได้ยินคำถามของจียอนแล้วถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก เค้าตามจีบจีอึนอยู่ก็จริง ถึงจะอยากก็เถอะ
แต่ก็ไม่เคยทำซะหน่อย!
“จียอนนูน่าพูดอะไรเนี่ย! ผมชอบก็จริง แต่ผมไม่ได้โรคจิตนะฮะ! อีกอย่างผมไม่รู้จักบ้านจีอึนนูน่าด้วยซ้ำ”
“ไม่เชื่อ นายชอบจีอึนนานขนาดนี้ มันก็ต้องคิดอยากจะจูบบ้างแหละ!”
“ครับ ผมก็เคยคิดอยากจะจูบ แต่ผมก็ไม่ได้โรคจิตที่จะจูบผู้หญิงที่เค้าไม่รักผมตอบหรอกนะฮะ!” ยิ่งพูดยิ่งเจ็บเหมือนมีมีดเล็กๆมากรีดหัวใจ
ยางโยซอบคนนี้เจ็บเหลือเกินที่ทุกครั้งที่ต้องพูดตอกย้ำตัวเอง
เมื่อเห็นชายหนุ่มจ๋อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด จียอนรู้สึกผิดจึงเอ่ยปากขอโทษไป แล้วตบบ่ารุ่นน้องเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ เธอก็พอเข้าใจความรู้สึกของการรักข้างเดียวอยู่นะว่ามันเจ็บยังไง
“โอเค ฉันเชื่อแล้ว พยายามต่อไปนะ”
“ผมรักจีอึนนูน่านะครับ.” หันไปบอกรักรุ่นพี่ด้วยแววตาหวานเยิ้ม เปลี่ยนอารมณ์จากเมื่อกี้อย่างรวดเร็ว ทำให้จียอนหันไปตบป๊าบทันทีด้วยความหมั่นไส้
“ไปไหนก็ไปเลยโยซอบ มาบอกรักออกนอกหน้ามากอ่ะ”
“ไปก็ได้ครับ ฮือ แล้วพรุ่งนี้เจอกันใหม่นะครับ”
“เดินทางดีๆล่ะ อย่าลืมขนมมาฝากฉันด้วยนะ!” ลูน่าโบกมือลา เธอค่อนข้างเอ็นดูรุ่นน้องคนนี้เพราะเห็นว่าน่ารักดี
ชายหนุ่มนึกเสียดายอยากคุยกับจีอึนให้มากกว่านี้ แต่ในเมื่อรุ่นพี่ไล่ขนาดนี้ถ้าไม่ไปก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
ผมเหนื่อย
ผมเหนื่อยกับการที่ต้องรักข้างเดียว
แต่ถึงเหนื่อยยังไงผมก็จะไม่สิ้นหวัง ผมจะสู้ต่อไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีโอกาส
ผมนี่โง่จังเนอะ คุณว่ามั้ย?
“ทำไมแกไม่โวยวายใส่เจ้าเด็กบ้านี่บ้างนะ!” จียอนว่าอย่างหัวเสีย
“จีอึนแล้วที่แกจะพูดเมื่อกี้น่ะใคร?” แล้วเข้าสู่ประเด็นที่ค้างไว้ต่อ
“เป็นคนเดียวนอกจากครอบครัวของฉัน
เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของฉันน่ะ”
“เดี๋ยวฉันลองไปถามเพื่อนคนนี้เองล่ะกัน ยังไงก็ขอบใจแกสองคนมากนะ เจอกันพรุ่งนี้”
จีอึนบอกลาเพื่อนสาวทั้งสองอย่างทุกที แล้วสะพายกระเป๋า รีบสาวเท้าเพื่อไปหาชายหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนสนิทคนนั้นที่อยู่ไม่ไกลมากจากมหาลัยทันที
.
.
.
พระอาทิตย์ยามบ่ายยังส่องสว่างจ้าสมกับเป็นฤดูร้อน หญิงสาวเดินฟังเพลงจากไอพอดทัชสุดหรูคู่ใจโดนไม่สนใจบรรยากาศรอบข้าง ดวงตากลมมองทางข้างหน้าอย่างเหม่อลอย นึกถึงเรื่องคืนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็อดที่จะเขินไม่ได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งเขิน
ยิ่งเขินก็ยิ่งอยากรู้!...ยิ่งอยากรู้ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลายก็เริ่มตีกันในหัว!!
ร่างบางเร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้นอีกเพื่อไล่เรื่องบ้าๆนั่นออกไปจากหัวสักที รู้สึกตัวเองกลายเป็นผู้หญิงหื่นที่นึกถึงแต่เรื่องจูบ แงๆ
แปะ แปะ
จู่ๆ เม็ดฝนก็โปรยลงมาทั้งๆที่แดดยามบ่ายยังสว่างจ้าอยู่ และดูท่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆเป็นระยะ เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นจากหยดน้ำ จีอึนรีบวิ่งไปยังเป้าหมายทันที
ร้านกาแฟหน้ามหาลัย
กริ๊ง! กรี๊ง!
เสียงกระดิ่งที่ติดไว้กับประตูดังขึ้นเมื่อร่างบางออกแรงผลักประตู เรียกความสนใจให้กับบรรดานักศึกษาที่นั่งดื่มกาแฟ นั่งคุยเล่น หรือไม่ก็นั่งอ่านหนังสือ ต่างหันมามองต้นเสียงที่ทำลายความเงียบสงบนี้ทันที
รวมถึงเจ้าของร้านกาแฟแห่งนี้ด้วย
“สวัสดีครับ
” เสียงต้อนรับจากชายหนุ่มเจ้าของร้านดังขึ้นขณะกำลังเช่นทำความสะอาดโต๊ะ เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง เขาจะต้อนรับลูกค้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊ง ถึงแม้ว่าเขาจะทำอย่างอื่นอยู่ก็ตาม
“
อ้าว!” กำลังจะพูดต่อ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมามองเห็นคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาในร้านด้วยสภาพเปียกปอน
ดูไม่ได้เลยสักนิด
“ไง” อินกุ๊กวางผ้าเช็ดโต๊ะ แล้วเข้าไปทักเพื่อนสาวที่หมดสภาพจนจำแทบไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ปากสั่นน้อยๆเพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในร้าน
“แล้วทำไมตากฝนมาแบบนี้ เฮ้อ มานี่มา” เรียกเพื่อนสาวไปนั่งในบริเวณเคาเตอร์ของร้านเพราะเป็นจุดที่โดนแอร์น้อยที่สุด แล้วโยนผ้าขนหนูสีขาวสะอาดให้ร่างบาง
“ขอบใจนะ” รับผ้าจนหนูมาแล้วเช็ดหน้าเช็ดตาที่เต็มไปด้วยหยดน้ำทันที
ร่างสูงหยิบผ้าขนหนูอีกผืนที่หนากว่ามาเช็ดผมให้เพื่อนสาวเพราะกลัวว่าจะเป็นหวัด
“แล้วทำไมเปียกมาแบบนี้ล่ะ หืม? ทำไมไม่หลบฝนเล่ายัยบ๊อง!” ยีผมคนตัวเล็กแรงๆ จนอีกฝ่ายร้องคราง
“โอ๊ย!”
“ก็ฉันกำลังจะมาหานาย แล้วจู่ๆฝนก็ตกไงเล่า! แล้วอีกอย่างนะ หรี่แอร์หน่อยได้มั้ย? ฉันจะแข็งตายอยู่แล้ว!” โวยวายเมื่อเพื่อนชายขยี้ผมแรงเกินไป
“เออๆ เดี๋ยวหยิบเสื้อมาให้เปลี่ยนด้วย จะกินอะไรร้อนๆแก้หนาวมั้ย?”
“ขอนมร้อนล่ะกัน”
“อ่ะ นี่เสื้อไปเปลี่ยนซะ นมร้อนเดี๋ยวทำให้ แปปนึงนะ” พูดจบก็โยนเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวประทับเข้าเต็มหน้าของร่างบาง ร่างสูงไหวไหล่แบบไม่สนใจแล้วหันไปจัดการเครื่องดื่มร้อนๆต่อ
“ขอบใจ” เสียงขอบคุณลอดผ่านไรฟัน แอบเคืองเพื่อนชายเล็กน้อย แต่ก็รับแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำทันที
จีอึนและอินกุ๊กเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็ก อาจเป็นเพราะร่างบางยามเป็นเด็กไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครจึงไม่มีเพื่อนเล่นด้วย ก็มีแต่ชายหนุ่มที่เข้าไปคุยและเล่นด้วยเท่านั้น
พอขึ้นมัธยมฯ ทั้งคู่ก็เรียนที่เดียวกันและห้องเดียวกันตลอดห้าปี นั่นยิ่งทำให้มิตรภาพของทั้งคู่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น กลายเป็นเพื่อนซี้ที่รู้ใจกันแทบทุกเรื่อง จนเพื่อนในห้องแซวกันบ่อยๆว่า ‘น่าจะเป็นแฟนกันไปเลย’
น่าเสียดายที่ปีสุดท้ายของมัธยมปลาย อินกุ๊กไม่สามารถเรียนต่อให้จบได้ เขาต้องพักการเรียนอย่างกะทันหันเพื่อมาดูแลกิจการร้านกาแฟของพ่อที่ทำอยู่
พ่อของอินกุ๊กเป็นโรคหัวใจ ท่านเพิ่งมีอาการหนักจนต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง อินกุ๊กตัดสินใจดูแลกิจการร้านต่อจากพ่อ เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลและใช้จ่าย
ทำยังไงได้ ในเมื่อเขามีกับพ่อแค่สองคน ถ้าไม่ทำก็ไม่มีอะไรจะกิน
“เสื้อสวยดีนะ ถึงจะใหญ่มากไปหน่อยก็เถอะ” จีอึนเดินออกมาพร้อมเสื้อสเวตเตอร์สีครีมลายจุดสวย ช่วงไหล่ของเสื้อตกลงมาเพราะคนที่ใส่ตัวเล็กกว่าเจ้าของเสื้อมาก
“แหงสิ ก็มันเสื้อฉันอ่ะ” อินกุ๊กตอบส่งๆไป เพราะแอบโมโหซะด้วยซ้ำ
“แต่ลายแอบเหมือนของผู้หญิงแฮะ ทั้งสีเอยอะไรเอย” บ่นเบาๆแล้วสำรวจเสื้อที่ใส่อยู่
“
” ไม่มีคำตอบใดหลุดจากปากของอีกฝ่าย
‘เอาเสื้อมาให้เปลี่ยนเพราะกลัวจะหนาวตายแล้วยังจะมาเรื่องมากอีก’ คิดอยู่ในใจ แต่ไม่พูดออกไปเพราะขี้เกียจจะเถียงกับเพื่อนตัวเล็ก
แล้วจัดการทำเครื่องดื่มให้ตัวเอง
“อา อุ่นจัง” ร่างบางรับนมร้อนที่อีกฝ่ายยื่นให้เป่าเบาๆให้หายร้อนสักหน่อย แล้วค่อยๆจิบ สองมือกุมแก้วไว้เต็มมือเพราะทำให้มือรู้สึกอุ่นขึ้น
“แล้วร้านเป็นยังไงบ้าง? คุณลุงกลับบ้านมารึยัง?”
“ร้านก็โอเคนะ คนเข้าเรื่อยๆ ส่วนพ่อน่ะกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหอะ”
“จริง? ทำไมฉันไม่รู้เลยอ่ะ! นายยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่มั้ย!?” จีอึนโวยวายเพื่อนชายทันที เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่ยอมบอกกันนะ!
“ฉันเห็นเธอวุ่นๆน่ะช่วงนี้ แล้วจะมาโวยวายทำไมเนี่ย!?” ชายหนุ่มย้อนกลับไปด้วยความไม่พอใจ “อีกอย่าง พักหลังฉันก็ยุ่ง แล้วจะไปบอกตอนไหน”
“แล้วนี่โผล่มาหาฉัน มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“เอ่อ..คือ
ฮะ ฮัดเช้ย!” ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะพูดจบ ของเหลวใสก็ทะลักออกมาตามแรงจามทันที อินกุ๊กได้แต่มองด้วยสายตาแหยงๆแล้วส่งทิชชู่ให้
“ผู้หญิงอะไร น่าเกลียดชะมัด”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนิ!”
“เออๆ ตกลงมีเรื่องอะไร” เข้าสู่เรื่องเดิมเพราะไม่อยากทะเลาะกับเพื่อนสาว ปวดหัว
“คือฉันมีอะไรจะถามนาย
นายต้องตอบความจริงนะโอเค๊?”
“อือ ถามมาสิ” ว่าแล้วพยักหน้ารับเบาๆ
“คือ
เอ่อ
แบบว่า
คือ”
จะให้ถามเรื่อง ‘จูบ’ ตรงๆแบบนี้มันก็พูดยากนะ!
“คือ
”
“อะไรเล่า อ้ำอึ้งอยู่ได้ ถ้าไม่มีอะไรฉันจะทำงานแล้วนะ ลูกค้าเข้าล่ะ” อินกุ๊กเร่งให้อีกฝ่ายรีบให้คำตอบเร็วๆสักที
เวลาเป็นเงินเป็นทองนะ!
“นายแอบไปขโมยจูบฉันตอนกลางคืนใช่มั้ยอ่ะ!!?” ตัดสินใจถามออกไปก่อนที่อีกคนจะลุกหนีจนไม่ได้คำตอบ
เขิน
“
” ร่างสูงพูดไม่ออก บอกไม่ถูก นึกทวนในสิ่งที่ได้ยินไปเมื่อครู่
เมื่อกี้ได้ยินว่าอะไรนะ? ‘นายแอบไปขโมยจูบ
’
จูบ
จูบเนี่ยนะ!!!!!!?
“เฮ้ย!!!!!!!! จูบกับเธอเนี่ยนะ!!? ประสาทรึเปล่า ฉันกับเธอเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กกันนะเว้ย! เห็นอะไรต่อมิอะไรจนไม่ต้องมาโรคจิตบุกไปจูบแล้ว ยัยสมองกลวงเอ๊ย! คิดอะไรไม่เข้าท่า เพ้อเจ้อ ไร้สาระ! ปัญญาอ่อน
” เสียงบ่นร่ายเป็นชุดออกจากปากชายหนุ่มไม่ยอมหยุด ถ้าไม่มีเสียงขัดของใครอีกคนแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ชู่ว! นายจะประจานฉันทำเบื๊อกอะไร!” รีบดึงคอเสื้อของร่างสูงให้ก้มลงมา หนีสายตาของบรรดานักศึกษาในร้านที่ต่างจ้องมองมายังทั้งคู่อยู่
“ก็นายเป็นผู้ชายคนเดียวที่รู้จักบ้านฉันนอกจากคนในครอบครัวฉันอ่า! ฉันก็ต้องสงสัยนายสิ!!”
เมื่อได้ฟังประโยคเมื่อสักครู่นี้จบ เส้นความอดทนของชายหนุ่มก็ขาดสะพรั่น
“สมองเธอมีไว้กั้นหูอย่างเดียวรึไงฮะ? ฉันมีแฟนแล้วโว้ย!!! จบป้ะ? ไม่อดอยากขนาดต้องมาพิศวาสจูบของเธอ!”
“กรี๊ด! มีแฟนแล้ว? ใคร? ยังไง? ทำไมฉันไม่รู้!” พูดแล้วก็ฟาดฝ่ามือไม่ที่ไหล่อีกคนแรงๆ
“ไม่ต้องรู้หรอกน่า รู้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเธอดีขึ้นสักนิด” อินกุ๊กปัดมือเล็กออกแล้วหันไปจัดการกับกาแฟบนเคาน์เตอร์ต่อ
“ฉันอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเพื่อนตัวเองมันผิดด้วยหรอ!?”
เส้นความอดทนของร่างบางก็ขาดสะพรั่นเช่นกัน พักหลังไม่ได้เจอกันตั้งนานแค่อยากรู้เรื่องต่างๆมันผิดด้วยเรอะ?
“คนนั้นก็คือ เจ้าของเสื้อที่เธอใส่นั้นแหละ เขาให้ฉันมา ถ้าอยากรู้ว่าเป็นใครก็แวะมาที่ร้านเองแล้วกันวันหลัง! กลับบ้านไปเลยไป ฝนหยุดตกแล้ว เธอทำฉันจะประสาทกิน ยัยโรคจิต!!” อินกุ๊กเริ่มรู้สึกผิดนิดๆ จึงบอกใบ้ถึงผู้หญิงคนนั้นให้อีกฝ่ายไป แล้วออกปากไล่เพื่อตัวแสบให้กลับบ้าน ถ้าขืนอยู่ต่อวันนี้ได้ทะเลาะกันยาวที่สุดในรอบสิบปีแน่!
“เออ กลับก็ได้ ทิ้งให้ด้วย!”
ฟืด
สั่งน้ำมูกหยดสุดท้ายแล้วขย้ำทิชชู่ปาใส่เพื่อนชายที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงเป็นยักษ์แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง
“ยัยบ้า สกปรก!”
ไอ้เพื่อนบ้า เฮงซวย!
.
.
.
“กลับมาแล้วค่ะ!”
ร่างบางตะโกนบอกเมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาแล้วไม่เห็นใครเลย ปิดประตูเบาๆ กำลังจะเดินไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกเหมือนโลกหมุน จีอึนเซน้อยๆ เหมือนจะล้มลงไป แต่ก็สามารถคว้าลูกบิดประตูไว้ได้ทัน
“ทำไมรู้สึกปวดหัวตึบไปหมด? สงสัยทะเลาะกับอินกุ๊กหนักไปหน่อยมั้ง?” พูดกับตัวเองแล้วเดินไปยังห้องครัวเพื่อเข้าไปหาคุณป้าสุดที่รัก ซึ่งปกติจะได้กลิ่นหอมๆของมื้ออาหารยามเย็นลอยออกมาแล้ว แต่ยักแปลก วันนี้ไม่เห็นได้กลิ่น? เมื่อเข้าไปในห้องครัวก็ไม่พบ
หายไปไหน?
จีอึนอยู่กับป้าได้ประมาณปีกว่าแล้ว ป้าก็เปรียบเสมือนแม่อีกคนหนึ่ง พ่อและแม่ของเธอต้องย้ายไปทำงานที่อเมริกา ซึ่งท่านไม่อยากให้เธอลำบากกับการปรับตัวในอเมริกาจึงฝากลูกสาวสุดที่รักไว้
เมื่อไหร่แม่จะกลับมาเยี่ยมสักทีนะ
คิดถึงพ่อกับแม่ทีไร น้ำตาใสก็เอ่อล้นทุกที
จีอึนก้าวขาเดินขึ้นบันไดทีละก้าวสองก้าว จนจะถึงห้องนอนของเธอซึ่งอยู่ติดบันได แต่เธอก็ต้องชะงักอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างในสมองขาวโพลน ประสาทสัมผัสทั้งหมดไม่รับรู้สิ่งใด รู้สึกโลกหมุนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หมุนแรงกว่าตอนแรกจนมือที่เกาะราวบันไดไว้นั้นหมดแรง ปล่อยออกมาในที่สุด ร่างบางที่ไม่มีแรงแม้กระทั่งจับราวบันได หงายหลังลงไป
ฉันตายแน่
ถึงจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังจะตกบันได แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
พรึ่บ
จู่ๆก็มีมือปริศนาของใครบางคนเข้ามามือของร่างที่กำลังจะตกลงไปไว้ได้ทัน เขากระตุกมือของหญิงสาวแรงๆเพื่อให้เธอกลับมายืนและทรงตัวได้อีกครั้ง
แต่แรงนั้นก็มากเกินไปจนทำให้ร่างของจีอึนกระทบหน้าอกร่างที่สูงกว่าอย่างจัง เขาโอบเธอไว้เพื่อไม่ให้เธอล้มลงไปได้อีก มือของคนตัวเล็กก็โอบคอเขาเพื่อรั้งไม่ให้ตัวเองล้มไปเช่นกัน
จีอึนลืมตามามองผู้ที่ช่วยชีวิตเธอ
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นสายตาของอีกฝ่ายกำลังมองเธอยู่เช่นกัน แววตาที่สั่นระริก เม็ดเหงื่อใสผุดเต็มใบหน้าขาวเนียน เพราะกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างมาก
ระยะห่างของใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ ทำให้รู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆที่ผ่านจากปากของอีกฝ่าย เพราะความเหนื่อยทำให้เขาหายใจหอบ
กลิ่นมิ้นท์
ทำไมมันช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรนะ?” คำถามของอีกฝ่ายช่วยเรียกสติของจีอึนให้กลับมา เธอปล่อยมือที่โอบคอร่างสูง แล้วผละตัวออกทิ้งระยะห่างให้มากขึ้น
“ไม่เป็นไรๆ อูยองโอป้า ขอบคุณนะ” กล่าวขอบคุณพี่ชาย แล้วรีบเข้าห้องทันที แต่ได้แค่จับลูกบิดเท่านั้นก็ถูกอีกฝ่ายรั้งไว้เสียก่อน
“ไม่เป็นไรแต่ตัวร้อนจี๋เนี่ยนะ!!?” อูยองว่าเสียงแข็งด้วยความโมโห กระชากร่างเล็กจนอีกฝ่ายเซเข้ามาตามแรงกระชาก แล้วเปิดประตูให้ ผลักร่างอีกฝ่ายเบาๆให้ล้มนอนบนเตียง จัดแจงห่มผ้าห่ม เพิ่มอุณหภูมิฮีทเตอร์ให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพราะอากาศเริ่มเย็นมากขึ้นแล้ว
“ขอบคุณค่ะ แล้วป้าไปไหนหรอ?” กระชับผ้าห่มให้เข้าที่เข้าทางขึ้นแล้วหันไปถามลูกชายคนเดียวของหญิงสาววัยกลางคน
“แม่ไปซื้อของที่ตลาดยังไม่กลับมาเลย”
“แล้วไปทำอะไรมาถึงไข้ขึ้น?” ถามกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“ฉันไปหาอินกุ๊กมาแล้วเผอิญฝนตกก็เลยเปียก”
“อ่อ งั้นนอนพักไปก่อน เดี๋ยวฉันจะไปหาผ้ามาเช็ดตัวแล้วก็ยาแก้ไข้มาให้” สั่งอีกฝ่ายเสียงแข็งแต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย
“อื้อ” จีอึนพยักหน้ารับน้อยๆ แล้วหลับตาลง
ปัง
สิ้นเสียงปิดประตูปุ๊บ ร่างบางก็ลืมตาขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ!
กลิ่นมิ้นท์จากตัวอูยองโอป้าเหมือนชายปริศนาคนนั้นมาก! เหมือนมาก!!
จีอึนไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า? แต่กลิ่นนั้นมันช่างเหมือนมากจริงๆ
คิดแล้วดิ้นไปดิ้นมาบนที่นอนด้วยความเขิน ถ้าเป็นจริง คนที่ตามหาก็คืออูยองโอป้า ที่อยู่ติดกันเพียงแค่กำแพงกั้นแค่นี้เองสินะ!
“แต่อูยองโอป้าเค้าจะมาจูบฉันทำไม? ตกลงเป็นใครกันแน่เนี่ย!?” พูดกับตัวเองแล้วสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆแบบนั้นออกไป
พี่น้องจะมาจูบกันได้ยังไง?...
ไร้สาระหน่า
ดวงตากลมโตค่อยๆปิดลง พร้อมกับลมหายใจถี่แล้วก็เสียงของฮีทเตอร์ที่ดังออกมาเป็นระยะ
อูยองเบิกตาโพลงด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขากำลังจะลงบันไดไปหาผ้าเช็ดตัวและหายามาให้น้องสาว แต่กำลังยืนคิดอะไรเพลินๆอยู่ จึงได้ยินสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินขึ้น!
จีอึนเริ่มสงสัยว่าเค้าคือผู้ชายคนนั้นแล้ว!
เขาเดินลงบันไดอย่างเชื่องช้า ค่อยๆก้าวทีละก้าว สองก้าว
ควานหาผ้าแล้ววางลงไปในอ่างน้ำอุ่นเล็กๆที่เตรียมไว้ก่อนหน้า หยิบยาลดไข้ในตู้ยาพร้อมกับน้ำขึ้นไปให้ร่างบางที่กำลังไข้ขึ้นอยู่
อูยองที่เตรียมหยิบของทั้งหมดขึ้นไป จู่ๆก็วางทุกอย่างลงซะอย่างนั้น เขานั่งลงที่โซฟานุ่ม สองมือกุมขมับ
อา
ถ้าเธอรู้ว่าเค้าคือผู้ชายคนนั้น เค้าคงมองหน้าเธอไม่ติด
ไม่อยากจะคิดสิ่งที่เกิดขึ้นเลยจริงๆ
เขาเป็นพี่ชายโรคจิต แอบรักน้องสาวไม่แท้ของตัวเองมาก ถึงขั้นกับบุกเข้าไปจูบเธอยามดึกถึงห้อง
พอสำเร็จครั้งแรก ครั้งต่อไปก็ย่อมมี และต่อๆไป เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ เค้าก็ยิ่งเหิมเกริม!
นี่มันบ้าไปแล้ว จางอูยอง!!!
เขาปล่อยให้ความต้องการของเค้าควบคุมสิ่งที่เรียกว่าศีลธรรมได้อย่างไร?
.
.
.
ก๊อก ก๊อก
อูยองเปิดประตูห้องแล้วพาตัวเองเข้าไป วางทุกอย่างที่เตรียมมาไว้บนโต๊ะ สายตาจ้องมองไปที่ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง
ใบหน้าสีก่ำอย่างเห็นได้ชัด เม็ดเหงื่อผุดเต็มใบหน้าขาวเพราะพิษไข้ที่หนักขึ้นกว่าเดิมมาก ริมฝีปากเผยอออกน้อยๆเพื่อช่วยหายใจและระบายอุณหภูมิของร่างกายที่สูงเกินจะรับไว้ ฝ่ามือเล็กจิกที่ผ้าห่มอย่างทรมาน
ปวดหัว
ร่างสูงรีบเดินเข้าไปหาทันที หลังมือสัมผัสเพียงแค่เบาๆที่หน้าผากก็รู้สึกถึงความร้อนระอุจากร่างกายของอีกฝ่าย
เมื่อกี้ยังไม่ร้อนขนาดนี้เลยนะ!
ผ้าผืนเล็กถูกชุบน้ำอุ่น อูยองบิดน้ำหมาดๆ แล้วค่อยๆบรรจงเช็ดตัวจีอึนอย่างแผ่วเบา ลูบไล้ตั้งแต่ต้นคอ ไล่ลงไปยันแขนทั้งสองข้าง ระหว่างที่เช็ดตัวไปก็เหล่มองใบหน้าอีกฝ่ายเป็นระยะ เพราะพิษไข้ที่รุนแรง ทำให้แก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งน่ารักเพิ่มขึ้นทวีคูณ
จางอูยอง ที่มีสำนึกรู้ถึงศีลธรรมในตอนแรก ตอนนี้ได้กลายเป็นปีศาจร้ายไปแล้ว
เธอผิดเองนะจีอึน ที่ทำให้ฉันต้องเป็นบ้าแบบนี้
เจ้าของแก้มอูมยัดยาแก้ไข้ไว้ในลิ้น พลางหยิบน้ำอุ่นในแก้วขึ้นมาดื่ม
แล้วค่อยๆบรรจงส่งยานั้นให้อีกฝ่ายด้วยริมฝีปาก
เม็ดยาถูกส่งเข้าไปยังโพรงปากของอีกคน ความขมของยาที่ละลายทำให้ลิ้นของอูยองเริ่มฝาด แต่รู้สึกว่าลิ้นของอีกคนหวานมากกว่า เขาตวัดลิ้นเก็บเกี่ยวความหวานของอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ลุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก จีอึนสะดุ้งตื่นจากความฝันทันที
เอาอีกแล้ว
รู้สึกตัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหนังตาตอนนี้หนักอึ้ง ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจูบ และรับเม็ดยากับของเหลวที่ไหลเข้ามากลืนลงไปในลำคอ แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายรุกเข้ามาร้อนแรงมากขึ้น ทั้งลิ้นที่ตวัดมาเกี่ยว ทำให้เธอตกใจถึงกับสำลักออกมา
“แค่กๆ”
อูยองถอนจูบออกมาอย่างนึกเสียดาย
ต่อไปนี้เขาจะไม่ปิดบังมันอีกแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายตอบรับเขาถึงขนาดนี้
ตัดสินใจแล้วที่จะบอกความจริงหญิงสาว และความรู้สึกที่มีด้วย
“ถ้าเธออยากรู้มาก ฉันจะบอกให้ก็ได้ว่าไอ้โรคจิตคนนั้นก็คือฉันนี่แหละ จางอูยอง”
!!!!!!...
“โอป้า!?” เหมือนมีสปริงมาติดบนที่นอน ร่างบางลุกขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยิน ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ
“เธออยากรู้มากไม่ใช่รึไงว่าคนนั้นเป็นใคร!? ฉันก็บอกให้แล้วไง!”
“
” ร่างบางนิ่ง ตัวแข็งทื่อเป็นหิน ไม่คาดคิดกับคำตอบที่ได้ยินมาก่อน ไม่เคยคิดว่าจูบนั้นจะเป็นของพี่ชาย
ไม่จริงหน่า
“มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยคะ? โอป้าบอกฉันมาสิว่ากำลังแกล้งฉันอยู่!”
“จูบเมื่อกี้มันยังไม่พอให้เธอเชื่อสินะ ถ้าอย่างนั้นคงต้องพิสูจน์อีกรอบเธอถึงจะเชื่อว่าเป็นฉัน...”
“อื้อ!...”
พูดจบอูยองก็ประกบริมฝีปากตัวเองเข้ากับริมฝีปากของอีกฝ่ายทันที ค่อยๆรุกล้ำอย่างอ่อนโยน ผละออกเล็กน้อยแล้วจูบริมฝีปากล่าง ไล่เก็บรายละเอียดความหวานของริมฝีปากให้หมด
จูบที่แสนอ่อนโยนแบบนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับคืนนั้น
คืนแรก
ใช่จริงๆ จางอูยองคือร่างปริศนานั่น
“อะ
อื้อ!” มือเล็กพยายามทุบตีอกแกร่งที่อยู่ด้านบน หวังว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกได้บ้างและหยุดสักที
แต่ไม่เป็นผลเลยกลับทำให้ เจ้าของแก้มอูมรุกหนักกว่าเดิม มอบจูบที่แสนร้อนแรงที่ทำให้คนที่อยู่ใต้ร่างถึงกับสั่นสะท้าน
ตอนนี้เรี่ยวแรงเหือดสุดท้ายที่จีอึนหลงเหลืออยู่ได้ละลายหายไปเพราะจูบของร่างสูงเรียบร้อยแล้ว สองมือที่ตอนแรกทุบตีอีกฝ่ายเปลี่ยนมาคล้องคอเพื่อหาที่ยึดเหี่ยวสุดท้ายไว้แทน เธอปฏิเสธมันไม่ได้อีกแล้ว นอกจากยอมพ่ายแพ้
อูยองหยอกล้อกับเรียวลิ้นของอีกฝ่ายอย่างสนุกเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายหมดแรงต้านทานและยอมจำนนแก่เขาแล้ว
ถ้าถามวาทำไมถึงมั่นใจขนาดนี้?
ก็อีกฝ่ายเล่นจูบตอบกลับมาอย่างร้อนแรงซะขนาดนี้
“โอป้า
” เสียงแหบพร่าของจีอึนดังออกมาเบาๆ
ร่างสูงยังรุกอย่างต่อเนื่องและเริ่มร้อนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆด้วย ผละออกจากริมฝีปากบางสวยนั่นเล็กน้อย เพื่อให้อีกฝ่ายได้หายใจบ้างเพราะดูเหมือนจีอึนจะเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว จากนั้นก็เข้าครอบครองริมฝีปากชมพูสวยนั่นอีกครั้ง
จีอึนไม่รู้ว่าตอนนี้ทำไมตัวเองถึงกล้าจูบตอบอูยองอย่างเร่าร้อนขนาดนั้น
“อือ
” อูยองครางออกมาด้วยความพอใจกับสิ่งที่ได้รับจากอีกฝ่าย
“ฉันรักเธอนะ
”
รู้แต่ว่าตอนนี้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว กับจูบที่ยาวนานและร้อนแรงมากที่สุด
ไหนจะประโยคที่ทำให้ละลายนั่นอีก ‘ฉันรักเธอนะ
’
ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ
สามคำนี้ก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา
อีกฝ่ายก็เช่นกัน ด้วยอารมณ์ใคร่ที่โหมกระพือขึ้น ทำให้เค้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว มือหนาเริ่มซุกซนสัมผัสร่างกายร้อนระอุของคนตัวเล็กที่อยู่ข้างล่างไปทั่ว แตะตรงนู้นที ตรงนั้นที
สุดท้ายก็ไปวนอยู่แถวๆแผ่นหลังของจีอึนจนได้....
มือซุกซนของอูยองค่อยๆปลดตะขอเสื้อชั้นในออก กำลังจะดึงสิ่งที่กีดขวางนั่นออกสำเร็จแล้วเชียว
“อูยอง จีอึน มากินข้าวเร็ว!” เสียงที่ดังมาจากข้างล่างของหญิงวัยกลางคน ทำมให้ทั้งสองฝ่ายแยกออกจากกันโดยอัตโนมัติ
“ครับ! เดี๋ยวลงไปนะครับ!” ตะโกนตอบรับผู้เป็นมารดาไป
ไม่รู้เป็นเพราะพิษไข้หรือความเขินมากกว่ากันแน่ ใบหน้าของจีอึนแดงก่ำเป็นสีแดงจัด ไม่เพียงแค่ใบหน้าเท่านั้นแต่ยังลามไปถึงใบหูและส่วนต่างๆของร่างกายอีกด้วย ผิวที่ขาวใสราวกับน้ำนมของเธอทำให้เห็นความแดงนี่ชัดเจน
ร่างสูงแค่นหัวเราะออกมาน้อยๆ เมื่อเห็นอย่างนั้น ทำหีอีกฝ่ายโวยออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“โอป้า! ขำอะไร!?”
“เปล่านิ” ไหวไหล่น้อยๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่อีกฝ่ายเขินจนเลิ่กผ้าห่มขึ้นมาปกปิดความเขินเรียบร้อยแล้ว
“เธอนอนอยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันบอกแม่ให้” สั่งกำชับร่างเล็กที่มุดอยู่ในผ้าห่ม
“อื้อ” ครางเบาๆในลำคอ
ก็มัน
เขินจะตายอยู่แล้ว!!...
“แล้วคืนนี้เจอกันนะครับ
แต่ถ้ายังขืนเรียกฉันว่า ‘โอป้า’ ตอนจูบอีก เธอจะโดนหนักมากกว่าจูบแน่” สั่งเสียงเข้มอีกครั้งแล้วปิดประตูออกไป
แล้วอูยองก็มาหาจีอึนตอนดึกจริงๆตามที่ให้สัญญาไว้ และแน่นอนว่าเขาเข้ามาก็คงไม่มาเฉยๆหรอก ยังไงก็ต้องกอบโกยกำไรออกไปให้ได้มากที่สุด
“อืม
โอป้า”
ร่างสูงหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินคำนี้ ผละริมฝีปากออกแล้วบอกด้วยความไม่พอใจ
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันว่า ‘โอป้า’ เวลาจูบ!”
“แต่โอป้าอายุมากกว่าฉันนะ! ยังไงอูยองโอป้าก็คือโอป้า!” จีอึนเถียง
“ฉันไม่ได้คิดกับเธอแค่น้องสาวเข้าใจไหม มันไกลกว่านั้นไปตั้งนานแล้ว!!” อูยองโวยวายอย่างเหลืออด
“แล้วจะให้ฉันเรียกว่าอะไรล่ะ
?” คนตัวเล็กว่าเสียงอ่อน
“เรียกฉันว่า ‘อูยอง’ ในฐานะที่ฉันคือผู้ชายทั่วไป ไม่ใช่พี่ชายของเธอ
” พูดจบก็ประกบริมฝีปากเข้าอีกครั้ง
ดูท่าจูบนี้จะไม่จบลงง่ายๆเสียด้วย
ตึก ตึก ตึก
บ้าเอ้ย! หัวใจดันเต้นรัวราวกับตอบรับอีก นี่ฉันกำลังตกหลุมรักพี่ชายตัวเองจริงๆหรอเนี่ย!?
ไม่จริงหน่า!!!
“ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไร แต่ยังไงเราก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันสักหน่อย
”
- Bonus -
“แค่กๆ” เสียงไอของอูยองที่นอนอยู่บนเตียงดังขึ้นต่อเนื่อง ทำให้จีอึนต้องรีบหยิบน้ำมาให้ดื่มทันที
ตอนนี้เธอหายไม่สบายแล้ว กลับมาสบายดีอีกครั้ง ดูเหมือนอีกคนจะป่วยแทน และดูท่าจะหนักมากเสียด้วย
สมน้ำหน้า อยากมาจูบฉันตอนเป็นไข้ดีนัก!...
“อ่า
จีอึน จูบฉันหน่อยสิ ฉันจะได้หายป่วยสักที” เจ้าของแก้มอูมพูดออกมาได้อย่างหน้าไม่อาย
“ฝันไปเถอะ นอนไปเลยไป!” ว่าแล้วก็รีบเดินออกจากห้องไปทันทีด้วยความเขิน ใบหน้าร้อนผ่าว
อูยองมองร่างบางที่ออกจากห้องไป แล้วยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก
ไว้รอให้หายก่อนเถอะ จางอูยอง คนนี้จะจูบให้ปากเจ่อเลยคอยดู!...
- END -
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
+ TALK
ไม่มีอะไรมากสำหรับช้อตฟิคเรื่องนี้ เเค่อยากเเต่ฉากจูบเฉยๆ ><
เเต่งไปเเต่งมาเเลเหมือนด้งจะโรคจิต ฮ่าๆ
(เเต่ถ้าด้งโรคจิตเเล้ว ไรท์เตอร์คงมากกว่า)
เรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องที่สอง เเละเป็นเรื่องเเรกที่เเต่งฉาก เอ่อ...จูบ
ซึ่งไม่เคยบรรยายอะไรเเบบนี้มาก่อนเลย -////////-
ความคิดเห็น