คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ลมหายใจกับความคิดถึง Part One.
ลมหายใจกับความคิดถึง
เคยคิดไหมว่า
บางทีแล้วยามที่เราลองเอนหูฟังเสียงของสายลมแล้ว
เราจะได้ยินเสียงของใครบางคนที่ล่องลอยมากับสายลม
เสียงนั้นอาจกำลังร้องเรียกชื่อของเราอยู่
ในตอนนั้นอาจมีใครคนหนึ่งเฝ้ารอเราอยู่
และในตอนนั้นเราอาจกำลังเผ้ารอใครคนหนึ่งอยู่
ทุกลมหายใจจะคงอยู่ในความทรงจำของเรา
ตลอดไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เฮ้ย
หิน กลับเลยเหรอ”เสียงของนนท์เพื่อนของผมได้ร้องทักขณะที่ผมกำลังหิ้วกระเป๋ากลับบ้านดังเช่นทุกวัน ผมยิ้มแล้วก็ตะโกนข้ามห้องเรียนออกไป
“อือ
บังเอิญต้องรีบกลับน่ะ พอดีมีธุระ”
“อ้าว
ไม่ซ้อมอีกเหรอจะแข่งแล้วนา
”นนท์หมายถึงเทศกาลดนตรีระหว่างโรงเรียนที่ใกล้เข้ามา ผมก็ยิ้มแล้วก็ยื่นหนังสือเพลงที่ยืมนพพรมาคืนให้นพพรไป
“ไว้วันเสาร์ล่ะกันวันนี้ก็วันศุกร์แล้ววันนี้ต้องรีบกลับจริงๆ”นนท์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“อือ
งั้นก็โชคดีล่ะกัน”
“บาย”
“บาย”ว่าแล้วผมก็แบกกระเป๋าขึ้นหลังแล้วเดินออกไปทันที
วันนี้ก็เหมือนทุกๆวันจริงๆ
ผมชื่อหิน ตอนนี้ก็อยู่ชั้นม.5แล้วเป็นเด็กหนุ่มอายุ17ที่สุดแสนจะธรรมดาในสายตาของทุกๆคน ว่ากันแล้วผมก็ใช้ชีวิตได้สุดแสนจะธรรมดามาก เช้ามาก็ตื่นค่ำมาก็นอน ชีวิตประจำวันก็เข้าขั้นซ้ำซากจำเจทว่ากลับไม่เบื่อแม้แต่นิดเดียว ผมก็แค่คิดว่าโลกนี้สวยงามดี ถึงจะเจออะไรทำร้ายใจก็คิดซะว่าเป็นแค่โคลนติดล้อรถของผมที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้า จึงไม่แปลกอะไรที่ใครๆจะเห็นผมยิ้มอยู่เสมอราวกลับไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไร
ผมเป็นลูกคนโตของบ้านซึ่งประกอบด้วยพ่อ พ่อของผมนั้นทำอาชีพเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลอำเภอสามัคคีแห่งนี้มาตั่งแต่ผมยังไม่เกิดส่วนแม่ของผมนั้นก็มีอาชีพเป็นพยาบาลอยู่ที่เดียวกันกับพ่อของผม ผมเองก็มีน้องสาวคนนึงด้วยชื่อทรายอยู่ชั้นม.3อีกปีก็โตเป็นสาวแล้ว บ้านของผมนั้นเป็นบ้านที่สงบสุขมากพ่อผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีบ้านเล็ก แม่ผมก็น่ารักมากท่านทั้งคู่ก็รักกันดี ผมกับน้องเองก็ไม่เคยทะเลาะกันเพราะพ่อกับแม่ได้แบ่งความรักให้เท่าๆกันแล้วแต่โอกาสอีกอย่างที่ผมรักพ่อกับแม่ก็คือ ท่านทั้งคู่ไม่เคยขัดขวางในการเล่นและรักในเสียงดนตรีของผมเลย ผมเองก็นึกว่าท่านจะโกรธที่ผมไม่ชอบเรียนแต่ชอบเล่นดนตรีจนได้ตั้งวงE-HEROของเราขึ้นแต่ท่านทั้งคู่กลับไม่โกรธ ซ้ำยังสนับสนุนผมจึงรักท่านทั้งคู่มาก รักมากที่สุดเลย
และวันนี้ผมก็ได้เดินทางกลับบ้านไปตามทางดังเช่นทุกวันถึงแม้อำเภอสามัคคีแห่งนี้จะเป็นอำเภอเล็กๆตั้งอยู่บนที่สูงแต่ก็น่าอยู่แถมขับรถลงเขาไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็เข้าตัวจังหวัดแล้วทำให้ที่นี่น่าอยู่มาก
แต่แล้ว
“เห
”
ผมร้องอุทานแปลกๆออกมาเมื่อผมได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่งได้ค่อยๆเดินไปตามถนนขณะที่ผมกำลังเดินกลับบ้านจะว่าไปแล้วมันก็คงไม่แปลกสักเท่าไรหรอก
ถ้าหาก
เธอไม่สวมชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลแล้วก็ไม่สวมผ้าคาดตาแล้วก็ถือไม้เท้าแบบคนตาบอดน่ะสิ
ด้วยเหตุที่บ้านของผมเปิดเป็นคลินิกใกล้ๆโรงพยาบาลทำให้ผมนั้นต้องเดินผ่านหน้าโรงพยาบาลมาตลอดอีกอย่างคนที่นี่สุขภาพดีกันเกือบทุกคนทำให้ผมไม่ค่อยเห็นคนเข้าออกโรงพยาบาลนักอีกอย่างผมก็ไม่เคยเห็นคนป่วยคนไหนออกมาเดินคนเดียวนอกโรงพยาบาลเลยแถมยังดูเหมือนคนตาบอดอีกด้วย
อ๊ะ!
หรือว่า
เธอจะหลงออกมา
แย่แล้ว
“ว้าย!!!”เธอคนนั้นบังเอิญไปสะดุดเข้ากับพื้นถนนจึงล้มลง...แสดงว่ามองอะไรไม่เห็นจริงๆเหรอเนี่ย “โอ๊ย
”
“เป็นอะไรไหมครับ!”ผมเองเมื่อเห็นดังนั้นด้วยความเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งจึงเดินข้ามถนนไปยังฝั่งโรงพยาบาลแล้วพยุงเธอขึ้นมาเธอเอ่ยคำขอบคุณเบาๆในขณะเดียวกันผมก็ได้มองเห็นเธอชัดๆ
ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ปากนิดจมูกหน่อยอยู่ในระดับน่ารักเอามากๆเธอผมยาวมากจนแทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นเด็กสาวกระทั่งผ้าคาดตาของเธอเลื่อนออก นัยน์ตาของเธอนั้นเหมือนของคนปกติแทบทุกอย่างยิ่งเข้ากับรูปหน้าของเธอแล้วด้วย ใบหน้าที่งดงามทำให้ผมหัวใจสั่นไหวยิ่งได้กลิ่นหอมจากตัวเธอด้วยแล้วยิ่งทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน
“ขอบคุณนะคะ”เธอเอ่ยขอบคุณอีกครั้งเรียกผมให้ตื่นจากอาการณ์ค้างผมรีบเรียกสติที่กระจัดกระจายให้กลับมารวบรวมกันอย่างรวดเร็ว
“มะ
ไม่เป็นไรครับ”
“ขอโทษนะคะ
ตาฉันมองไม่เห็น”เธอหันมาพูดกับผมตามทิศของเสียง “คือว่าฉันหาทางกลับห้องพักไม่เจอน่ะคะรบกวนหน่อยได้ไหมคะ”
“คะ
ครับ”ผมรีบขานรับ เธอหลงทางออกมาจริงๆด้วยเธอคว้าเข้าที่ข้อมือผมอย่างแน่นราวกลับว่ากลัวผมจะทิ้งเธอไป ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ผมสั่นหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพากลับโรงพยาบาลโดยเร็ว
“ว๊ายยยย!!!!น้องออมหายไปไหนมาคะ
พี่ตกใจหมดเลย”เสียงร้องของพี่พยาบาลมะปรางร้องขึ้นเมื่อผมพาเธอเดินเข้ามาในโรงพยาบาล วันนี้คนในโรงพยาบาลแทบไม่มีเลยแต่ก็นับว่าเป็นการดี พี่มะปรางรีบถลาเข้ามารับตัวเธอไปนั่งเก้าอี้รถเข็น แล้วพี่แกก็หันมาหาผม “น้องหินขอบใจมากนะที่พาออมมาส่งให้
พี่ล่ะใจหาย อยู่ๆน้องออมก็หายไปจากรถเข็นเฉยเลยทีหลังอย่าลุกไปไหนอีกนะคะ”พี่พยาบาลคนนั้นหันไปตำหนิเด็กสาวคนนั้น เธอชื่อออมเหรอ
เป็นคำง่ายๆแต่ก็เป็นชื่อที่เพราะจัง
“ก็น้องออมได้ยินเสียงแมวนี่คะก็เลยเดินออกไปตามหามัน”
“ไม่ได้อีกแล้วนะคะ
ทีหลังห้ามไปไหนคนเดียวโดยไม่มีพี่อีกนะ”ออมทำหน้าเสียใจ
“คะ
ออมขอโทษ”แล้วพี่พยาบาลคนนั้นก็เข็นเธอจากไปผมก็ได้แต่มองตาม รู้สึกวูบวาบนิดๆในหัวใจอย่างไม่มีเหตุผล ผมถอนหายใจแล้วก็ยิ้มออกมา อย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้ทำความดีแล้วล่ะนะ
“อ้าว
หิน มายังไงละลูก”เสียงของแม่ผมดังขึ้นผมจึงหันไปตามต้นเสียงเห็นแม่ผมในชุดพยาบาล “มีอะไรเหรอเปล่าจ๊ะ”
“อ๋อ
เปล่าหรอกครับ ผมแค่เห็นคนไข้ตาบอดคนนึงหลงออกไปข้างนอกหาทางกลับมาไม่ได้ก็เลยพามาส่งเท่านั้นเองล่ะครับ”
“คนไข้ตาบอด
หนูออมน่ะเหรอ ดีแล้วล่ะจ๊ะที่ลูกพามาส่ง ลูกจะกลับหรือยังจ๊ะแม่ก็กำลังจะกลับเหมือนกัน”
“ครับ
”ผมพยักหน้ารับพลางหลบสายตาของแม่มองไปยังทางที่พี่พยาบาลคนนั้นได้เข็นรถเข็นที่มีเธอคนนั้นจากไป
รู้สึกแปลกๆไปจากที่เคยแฮะ
“พี่ขา
”เสียงของทรายเดินมาเคาะประตูห้องนอนผมในคืนนั้นหลังจากที่ผมกินข้าวและอาบน้ำเสร็จจึงขึ้นมาอ่านหนังสือ ผมก็กลิ้งลงจากฟูกแล้วมาเปิดประตูให้น้อง ทันทีที่เปิดประตูให้ทรายก็ยื่นบางอย่างเข้ามาตรงๆจนแทบชนหน้าพี่ชายตัวเอง
“มะ
แมว”
“ใช่
ไงน่ารักป่าว”ผมเกาหัวแกรกๆ
“ไปเอามาจากที่ไหนล่ะ”
“ม่ายรุ
มันอยู่ในห้องนอนหนูล่ะ พี่ช่วยตั้งชื่อมันหน่อยสิ
”ผมมองเจ้าเหมียวที่อยู่ในอ้อมกอดของน้องสาวสักพักภาพของเด็กสาวคนหนึ่งที่ยังคงติดตาผมมาจนถึงตอนนี้ก็วิ่งเข้ามาในหัว ผมยิ้มแปลกๆแล้วก็พูดขึ้น
“ชื่อออมล่ะกัน
หรือทรายว่าไง”น้องสาวของผมยืนทำหน้าคิดอยู่สักพักก็พยักหน้า
“อืม
โอเค มามะออมวันนี้เรานอนด้วยกันนะ”ทรายอุ้มแมวตัวนั้นเดินจากไปผมก็ยิ้มแล้วก็ปิดประตูห้องนอนตนเอง
วันนี้คงหมดหน้าที่ของเราแล้วล่ะ แต่แปลกจริง
ทำไมผมยังคิดถึงหน้าของเด็กสาวคนนั้นอีกนะ
เธอชื่อออมนี่นาเป็นชื่อง่ายๆแต่ก็เพราะดี
มือยังคงความรู้สึกตอนที่เธอมาจับได้อยู่เลย
จะได้เจอกับเธออีกครั้งไหมนะ
อะไรเนี่ยนี่เรากำลังเพ้อเหรอไงเนี่ยไม่ไหวเลยแฮะ
“อ้าว
เต้วันนี้สบายดีไหม”ผมร้องตะโกนทักเต้ที่กำลังเดินก้มหน้าเข้ามาในโรงเรียนในตอนเช้า เต้ก็หันหน้ามาแล้วก็ทักกลับ
“ก็
ไม่ค่อยดีเท่าไร
เมื่อคืนนอนไม่หลับ”
“เหรอ
มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก
ก็แค่กินกาแฟเท่านั้นล่ะ
หลับไม่ลงเลย”เต้เอามือตบหน้าตัวเองเบาๆเป็นเชิงไล่ความง่วง “จริงสิ
ว่าแต่นายเถอะทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดีจังล่ะ”ผมนึกถึงหน้าของเด็กสาวที่ชื่อออมคนนั้นทำให้นิ่งไปสักพักแต่ก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
“อ๋อ
เปล่าหรอก ไปกันเถอะวันนี้เรามีซ้อมดนตรีตอนเช้านี่นา”
“เอ่อ
จริงด้วย ไปกันเถอะ”
วันนี้ที่โรงเรียนก็เป็นเช่นเคยมีอึกทึกเล็กน้อยเป็นบางโอกาสโอ๊ตกับหมอกก็ทำเสียงอึกทึกเช่นเคย
พวกนี่ก็ยังคงตามจีบน้ำอยู่ทุกวัน
น้ำก็น่ารักอยู่หรอกนะมีคนมาชอบเยอะแยะ
แต่ที่จริงก็คือผมรู้ว่านิลคิดยังไงกับเธอแถมผมยังเคยเห็นนิลกับน้ำเขียนสมุดไดอารี่หรืออะไรก็ไม่รู้หากันตั้งแต่ตอนม.4แล้ว แถมทั้งคู่ก็เป็นแฟนกับแล้วด้วย นิลและน้ำก็ยังทำเหมือนเดิมผมเองก็ไม่อยากพูดอะไรมากไปเพราะเดี๋ยวสุดท้ายมันอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้อะไรๆเปลี่ยนแปลง
ผมโยนสมุดวิชาภาษาไทยลงบนกองที่เพื่อนๆรวบรวมส่งแล้วก็แบกกระเป๋าขึ้นมาเตรียมตัวกลับบ้าน วันนี้ไม่มีคิวซ้อมดนตรีหรืองานกลุ่มอะไรจึงกลับบ้านได้เลย วันนี้ผมอยากรีบกลับไปต่อจิ๊กซอที่ค้างไว้ต่อแน่นอนว่าถ้าหากใครรู้ว่างานอดิเรกของผมคือการต่อของโบราณอย่างจิ๊กซอล่ะก็
มีหวังโดนล้อแน่ๆ
“หิน
จะกลับแล้วเหรอ”ขนมหวานทักขณะที่ผมกำลังจะก้าวออกไปจากห้องเรียน
“อืม
”
“เหรอ
โชคดีนะ”ผมพยักหน้าแล้วก็เดินออกไปจากห้องทันที ผมหันมามองภาพเพื่อนในห้องอีกครั้งก็หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้แล้วก็เดินออกไปจริงๆ วันนี้คงไม่มีอะไรมาเซอไพรซ์ชีวิตอีกสินะ
ขอให้เป็นอย่างนั้นล่ะกัน
“อ๋า
”ผมอุทานแปลกๆอีกครั้งเมื่อเห็นภาพที่ซ้ำกับเมื่อวานอีกรอบ
เด็กสาวตาบอดเดินหลงออกมาอีกแล้ว
“คุณ
คุณครับ”ผมรีบวิ่งข้ามถนนออกไปอีกรอบ เธอหันมาตามเสียงเรียกพอผมวิ่งมาถึงเธอก็ดูหน้าตาชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆที่เมื่อครู่นั้นเธอกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แท้ๆ
“อ้อ
คุณน่ะเอง ออมจำเสียงคุณได้ค่ะ”
“ทำไมออกมาอีกแล้วล่ะครับ
มันอันตรายนะรู้ไหมครับ”ผมยื่นมือออกไปให้เธอจับ
เธอก็รีบคว้าไว้ราวกลับว่ากลัวว่ามันจะหายไป
“เมื่อครู่ออมได้ยินเสียงแมวน่ะคะ
ก็เลยเดินออกมาแล้วก็หลงทางอีกแล้ว
แย่จังเลย”แล้วเธอก็ทำหน้าเศร้าอย่างปิดบังไม่ได้ผมเองก็ไม่เข้าใจ
“ช่างเถอะครับ
เดี๋ยวผมจะพาไปส่งโรงพยาบาลนะ”
“คะ
รบกวนด้วยนะคะ”แล้วผมก็เดินจูงมือเธอออกไป
เธอจะรู้ไหมนะว่าตอนนี้มีใครบางคนที่เก็บใบหน้าของเธอไว้คิดถึงตั้งแต่แรกพบแล้ว
“แง๊!!!น้องออมขา
น้องออมกำลังจะทำพี่หัวใจวายหลายครั้งแล้วนะคะ แง๊!!!”พี่พยาบาลคนเดิมโวยวายใหญ่เมื่อเห็นออมอีกครั้งเธอก็ได้แต่ยิ้มหน้าเหยพลางหัวเราะแฮะๆผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจ
พี่พยาบาลคนนี้ผมว่าคงสติไม่ค่อยดีเท่าไร
“ขอโทษค่ะ”
“อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ
ฮือ
ถ้าหัวหน้าพยาบาลรู้พี่ต้องตายแน่ๆเลย”
“ออมขอโทษค่ะ
ต่อไปออมจะไม่ทำอีก”
“สัญญาแล้วนะคะ”
“ค่ะ
”แล้วเธอก็หันหน้ามาทางผม “ขอบคุณมากนะคะ
รบกวนคุณตั้งหลายครั้งแล้ว
ขอโทษด้วยนะคะ”
“เอ่อ
ครับ”ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกเธอก็ยิ้มให้ผมแล้วพี่พยาบาลคนนั้นก็เอาเธอนั่งรถเข็นแล้วก็กำลังจะพากลับไปที่ห้องผมก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“เดี๋ยวก่อนครับคุณออม
”เธอหันหน้ากลับมาทางผม
“อะไรเหรอคะ
”
“คือว่า
ผมชื่อหินนะครับ
ยินดีที่ได้รู้จัก”ผมแนะนำตัวออกไปแบบเอ๋อๆ เธอก็ทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มให้ผม
“ค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณหิน
”และแล้วเธอก็จากไปผมก็ได้แต่มองตามไปกระทั่งลับสายตาผมก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
ในคืนนั้นขณะที่ผมกำลังนั่งทำโจทย์เคมีอยู่กับน้องสาวของตัวเองที่กำลังนั่งเล่นMSNกับเพื่อนๆอยู่หน้าคอมในห้องนอนผม ส่วนผมก็กำลังหน้าดำคร่ำเครียดทั้งเรื่องสมดุลเคมีทั้งกรด-เบสก็เล่นเอาหัวปั่นเหมือนกันผมเองก็รู้สึกเหนื่อยๆจึงพักงานไว้ก่อนแล้วก็เอาจิ๊กซอมาต่อ ขณะที่ต่ออยู่ผมก็พลันนึกถึงใบหน้าของเด็กสาวที่ชื่อออมขึ้นมาทันใด
อะไรกันนะ
ทั้งๆที่ผมเองก็พบเจอผู้หญิงคนอื่นในวัยเรียนนี้ตั้งหลายคน
รึอาจเป็นเพราะผมมัวแต่เรียนและเล่นดนตรีกับเพื่อนมากเกินไปจนไม่ได้สนใจเพศตรงข้ามเหรอ
แต่ผมก็ไม่ใช่พวกรู้สึกหยึยๆกับผู้ชายนี่นา
แสดงว่าผมยังเป็นชายทั้งแท่งอยู่
“ทราย
”ผมพูดขึ้นขณะที่กำลังต่อจิ๊กซออยู่ทรายก็หันมา “ทรายเคยมีรักแรกพบกับเขาหรือเปล่า”น้องสาวของผมก็หน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด
“ถะ
ถามทำไม
”
“ตอบมาเหอะน่า
”
“ก็
ไม่เคย
ไม่เคยซะหน่อย
”ผมเริ่มเห็นอาการณ์ไม่ปกติของน้องสาวจึงแกล้งถามไป
“ไม่มีก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่
ทำไมต้องพูดตะกุกตะกักด้วยล่ะ
”ผมส่งสายตาจับผิด “น่าสงสัย
น่าสงสัย
”
“มะ
ไม่มีน่าพี่
อย่ามองหนูแบบนั้นสิ
”
“เหรอ
”ผมรุกเข้าไป “เหรอ
”
“งะ
แง้
”ทรายทำเสียงงีดๆ “ไม่เอาแล้ว
ทรายจะบอกแม่ว่าพี่แกล้งทราย
”
“อ้าว
เป็นงั้นไป
ยิ่งน่าสงสัยนะเนี่ย
”
“หนูไม่พูดกับพี่แล้ว
ไปดีกว่า”แล้วทรายก็พิมพ์บอกลาเพื่อนในอินเตอร์เน็ตแล้วเดินออกไป ผมก็อมยิ้มแล้วก็มองตามก่อนจะปิดไฟนอน ผมก็ได้มองออกไปนอกหน้าต่าง
พระจันทร์คืนนี้เป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
วันต่อมาผมก็รีบตื่นแต่เช้าดังเช่นทุกวันพ่อและแม่ของผมมักจะตื่นเช้ามากท่านทั้งสองจะตื่นขึ้นมาทำกับข้าวใส่บาตรพระผมเองก็มักจะมาวุ่นวายในครัวแอบชิมนู่นชิมนี่ ก็แม่ผมทำกับข้าวอร่อยนี่นา
“แม่ครับ
”ผมถามขึ้นขณะที่ครอบครัวของผมกำลังกินข้าวกันพร้อมหน้า แม่ของผมก็เงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวแล้วมองหน้าผม
“อะไรเหรอลูก”ผมชั่งใจอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจถาม
“คือ
เด็กผู้หญิงที่ตาบอดคนนั้นน่ะ เขาเป็นใครเหรอครับ”แม่ผมมองหน้าผมแปลกๆพ่อก็เช่นกันผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนจับผิดอย่างไรไม่รู้แต่แล้วแม่ผมก็ยิ้มออกมา
“อ๋อ
หนูออมน่ะเหรอ
มีอะไรเหรอลูก”แม่ผมถามกลับผม ผมก็พยายามทำหน้าตาให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่แสดงอาการณืหวั่นไหวหรือเขินอายออกมา
“เปล่าหรอกครับ แต่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเฉยๆ”แม่ของผมก็ทำหน้าคิดอยู่สักครู่ก็พูดขึ้น
“แม่ก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะรู้แต่ว่าออมเขาก็อายุเท่าลูกนี่ล่ะ หนูออมเขาตาบอดตั้งแต่เด็กแล้วล่ะได้ยินว่าเป็นอุบัติเหตุ อยู่ที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะแต่ว่าก็พึ่งย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเรานี่ล่ะ
ออมเขาไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมนักว่างๆลูกก็ไปเยี่ยมเขาก็ได้นี่นาไปเป็นเพื่อนคุยเขาสักนิดก็ดี
”แม่พูดตรงประเด็นที่ผมอยากรู้ราวกับอ่านความคิดในหัวผมได้
รึว่าจะอ่านได้จริงๆกันนะ
สงสัยเป็นสัญชาติญาณของคนเป็นแม่ล่ะมั้ง
“งะ
งั้นเหรอครับ ขอบคุณครับผม”พูดเสร็จผมก็หยิบจานข้าวของตัวเองไปล้างแล้วก็รีบคว้ากระเป๋าเดินทางไปโรงเรียนทันที
วันต่อมา
ผมกำลังยืนอยู่หน้าห้องพิเศษหมายเลข312
วันนี้เป็นวันเสาร์เป็นวันที่อากาศดีมากเลยวันนี้ผมเองก็ตื่นแต่เช้าด้วยอาการที่สุดแสนจะมีความสุข วันนี้ผมอุส่าห์วางแผนว่าจะมาเยี่ยมออมทำให้เมื่อคืนนี้ผมนั้นนั่งคิดอยู่นานว่าจะเอาอะไรมาเป็นของฝากเธอดีกระทั่งสุดท้ายแล้วผมนั้นก็ได้ไปนั่งโหลดเพลงฟังสบายๆลงMP3อยู่หน้าคอมพิวเตอร์อยู่จนดึกหวังให้เธอประทับใจกระทั้งวันนี้ผมกลับได้แต่ยืนเอ๋อ อยู่หน้าห้องของเธอซะได้ ก็แน่ล่ะ
จะให้อยู่ดีๆก็เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องผู้หญิงตรงๆเลยงั้นเหรอ
ทั้งๆที่ผมคิดว่าเตรียมใจมาแล้วแท้ๆแต่พอเอาเข้าจริงก็เกิดอาการณ์ไม่กล้าขึ้นมาเฉยๆซะงั้น
ผมก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองได้แต่โทษตัวเองที่ถ้าหากผมเกิดมาขี้หลีกว่านี้ก็คงจะดีไม่น้อย
แต่แล้ว
ผั๊วะ!!!!...
“โอ๊ยยยยย!!!!!!”
ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆประตูห้องผู้ป่วยนั้นเปิดออกมากระแทกหน้าผมอย่างจังทำให้ผมหน้าหงายล้มก้นกระแทกรู้สึกเจ็บจี๊ดที่จมูกขึ้นมาทันทีเขาบอกว่ารู้สึกเจ็บนั่นล่ะดีมันจะเป็นสัญญาณว่าเรากำลังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้
แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามันดีตรงไหน
“ว้าย!!!ขอโทษค่ะ
เป็นอะไรไหมคะ”ร่างเล็กๆของออมถลาออกมาจากประตูห้องในสภาพมีผ้าปิดตาทว่าเท้าเล็กๆของเธอได้เยียบลงบนต้นขาของผมที่ล้มอยู่อีกรอบ
“โอ๊ยยย!!!”ผมร้องลั่นอีกรอบ
เท้าเธอก็เล็กๆทำไมเหยียบเจ็บจังอ่ะ
“ว้าย!!!เป็นอะไรไหมคะคุณ
”เธอพูดด้วยอาการณ์เป็นห่วงทว่าไม้เท้าที่เธอถืออยู่นั้นได้เหวี่ยงมาฟาดหัวผมอย่างจังแทบสลบ
ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วนะว่าเธอตาบอดจริง
“ขอโทษนะคะ
ขอโทษจริงๆ”ภาพของออมโค้งขอโทษผมในห้องของเธอหลังจากที่ผมกลับมาจากห้องทำแผลเนื่องจากผมหัวโนเพราะโดนกระแทกอย่างแรงแทบน็อกโชคดีที่ไม่แตกผมเองก็เกิดอาการณ์งงเล็กน้อยที่เธอเองก็ตัวนิดเดียวไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหนขุดสมองเท่าไรก็คิดไม่ออกพลางเอาน้ำแข็งที่ได้มาจากพี่พยาบาลประคบส่วนที่โนออกมาขณะที่พี่พยาบาลที่เป็นคนดูแลออมก็แอบหัวเราะคิกๆ ว่าแต่
เจ็บจังแฮะ
“เอ่อ
ไม่เป็นไรหรอก
ผมยืนไม่ดูที่เองล่ะ”ผมตอบไปแบบช่วยไม่ได้ก็ถ้าผมไม่รีๆรอๆอยู่หน้าห้องของเธอผมก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว
เฮ้อ
เรื่องมันเศร้า
“ไม่เป็นไรจริงๆนะคะ
”เธอยังถามกำชับอีกรอบผมก็นึกขำ เพราะเมื่อครู่ผมนั้นกำลังคิดหนักว่าจะเข้ามาเยี่ยมเธอยังไงตอนนี้ก็ได้เข้ามาแล้ว แต่ก็แลกกับเจ็บตัว
คุ้มไหมเนี่ย
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ”
“เหรอคะ
งั้นก็ดีแล้วล่ะค่ะ
”เธอยิ้มอย่างโล่งอกผมมองภาพที่เธอยิ้มอย่างนั้นอยู่นานเท่าไรก็ไม่รู้
ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้สวยงามขึ้นอีกมากเมื่อเธอนั้นยิ้มออกมา
“ว่าแต่
คุณหินมาทำไมเหรอคะ
มีธุระอะไรหรือเปล่า”เธอถามขึ้นด้วยคำสุภาพผมก็ตกใจเล็กน้อยพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบMP3ออกมาแล้วนำมันไปวางลงบนมือของเธอ “อะไรเหรอคะ”
“อ๋อ
เขารียกว่าMP3น่ะครับ เอาไว้ฟังเพลง ผมคิดว่าออมคงเหงาก็เลยเอามาฝากน่ะครับ”เธอลองลูบๆคลำๆดูMP3ในมือก็ทำหน้าแปลกใจ
“ฟังเพลงเหรอคะ
แล้วใช้ยังไงล่ะคะ”
“ก็เอาหูฟังเสียบหูแบบนี้
แล้วก็กดตรงนี้จะเปิดเครื่องนะครับแล้วปุ่มนี้ก็
”
ผมสอนออมใช้MP3อยู่เป็นเวลานานเธอก็เหมือนดูแปลกใจอยู่เหมือนกันแต่ก็ดูท่าทางเธอนั้นสนุกดี ผมสอนเธออยู่เป็นเวลานานกระทั่งเธอชำนาญผมจึงลองปล่อยให้เธอฟังเพลงที่ผมอัดมาให้ฟัง ตอนแรกผมก็กลัวว่าเธออาจจะไม่ชอบเพลงแนวนี้สักเท่าไรแต่ว่าพอได้เห็นเธอนั่งฟังอย่างมีความสุขผมก็รู้สึกโล่งใจ
“ขอโทษนะคะ
”จู่ๆออมที่นั่งฟังเพลงอยู่ก็พูดขึ้นผมจึงเงิยหน้าจากหนังสือที่ผมเจอในห้องของเธอขึ้นก็แค่การ์ตูนธรรมดาๆเล่มหนึ่งคงเป็นของพี่พยาบาลที่ดูแลออมคนนั้นล่ะ
“อะไรเหรอครับ”
“คือว่า
”เธอยื่นหูฟังข้างหนึ่งมาทางผม “เพลงนี่ชื่อว่าเพลงอะไรเหรอคะ
”ผมจึงวางการ์ตูนเล่มนั้นลงแล้วเดินไปหาเธอ
“อ๋อ
”ผมพูดขึ้นเมื่อฟังไปได้สักพัก “เพลง ‘อยู่ที่ไหนก็เหงาได้’ ของครูเสถียร ทำมือน่ะครับ
ทำไมเหรอครับ”
“ออมรู้สึกชอบเพลงนี้น่ะคะ
”เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย “ก็รู้สึกสงสารผู้ชายในเพลงนี้น่ะคะ”
“เหรอครับ
เพลงนี้ก็มีความหมายดีนะครับ”
“เอ๋
”
“มันสื่อให้เห็นว่าความรักนั้นนะครับไม่ว่าระยะทางจะห่างสักเท่าไรก็ยังสื่อถึงกันได้โดยเส้นใยเล็กๆในจิตใจที่มีชื่อว่า ‘ความคิดถึง’ยังไงล่ะครับ”
“ความคิดถึงเหรอคะ
มันแปลว่าอะไรเหรอคะออมเคยแต่ได้ยินเขาพูดกัน”เธอพูดพลางหันมาทางผมผมเองก็นึกแปลกใจ
เธอไม่รู้จักคำว่าคิดถึงเหรอ
สงสัยไม่คุ้นหูล่ะมั้ง
“ความคิดถึงนั้นเป็นนามธรรมครับไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้เช่นเดียวกันกับคำว่า ความห่วงใย ความสุข ความเศร้า เป็นต้นล่ะครับ
เป็นสิ่งที่สำผัสไม่ได้แต่ก็รู้สึกได้ด้วยหัวใจน่ะครับ” ผมอธิบายซะอย่างกับตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเข้าใจหรือเปล่า ยังดีนะที่ออมก็ยังพยักหน้าแล้วก็หันหน้ามาทางผมเป็นเชิงตอบรับ
“ความคิดถึงเหรอคะ
หมายถึงความรู้สึกที่เวลาที่รอคุณแม่มาหาหรือเปล่าคะ”ออมถามผมขึ้นผมก็พยายามนึกภาพอยู่สักพัก
“ก็
ประมาณนั้นล่ะครับ”
“เหรอคะ
แล้ว
”ออมหันหน้าขึ้นมาทางผม “หินเคยคิดถึงใครบ้างหรือเปล่าคะ
”
“อ๊ะ
”ผมรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงขึ้นผิดปกติแต่ก็เรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “เอ่อ
ก็เคยบ้างล่ะครับ”
“แล้วปกติหินคิดถึงใครเหรอคะ”เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงปกติของเธอโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนตอบนั้นกำลังจะตายเพราะหันใจระเบิด
ก็จะให้ตอบว่าคิดถึงออมได้ยังไงล่ะ
“ขอบคุณนะคะที่เสียเวลามาคุยเป็นเพื่อน
”ภาพของออมที่โค้งให้ผมอยู่หน้าห้องพักของเธอทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ “วันนี้ออมสนุกมากเลยค่ะ”ผมเองก็โค้งเธอตอบแม้จะรู้ว่าเธอมองไม่เห็นก็เถอะ
แต่มันก็เป็นมารยาท
“เอ่อ
ครับผม”
“จริงสิคะ
”น้ำเสียงของเธอเหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้ทำให้ผมหันกลับมา
“อะไรเหรอครับ”
“ถ้าว่างๆ
มาอีกนะคะ”
“เห
”ผมอุทานแปลกๆอีกรอบเมื่อได้ยินคำพูดไม่คาดฝัน “วะ
ว่าไงนะครับ”
“อยู่ที่นี่มันเหงาค่ะ
”น้ำเสียงของเธอดูเศร้าสร้อย “แม่ของออมไม่ค่อยได้มาเยี่ยมเลยค่ะ
ถึงจะมีพี่มะปรางแล้วก็พี่พยาบาลคนอื่นมาคุยเล่นด้วยบ้างก็เถอะแต่ว่าพี่ๆพวกนั้นก็ไม่ค่อยว่างนักส่วนใหญ่ออมจะอยู่คนเดียว
ถ้าหินว่างๆก็มาเยี่ยมออมบ้างนะคะ
ออมจะรอ”ผมรู้สึกเหมือนหัวใจพองโตแต่ก็ไม่กล้าดีใจเนื่องจากผมรู้ว่าเด็กสาวที่อยู่ต่อหน้านั้นต้องการความอบอุ่นมากกว่าสิ่งอื่นใดเสียอีกผมก็ได้แต่ยิ้มและพยักหน้า
“ครับ
พรุ่งนี้ผมจะมาอีกนะครับ
ไม่ต้องห่วง
แล้วก็อีกอย่าง”
“อะไรเหรอคะ”
“อย่าเปิดประตูใส่หน้าผมอีกนะครับ
มันเจ็บ”ออมได้ยินก็หัวเราะคิกๆอย่างน่าเอ็นดู ดูท่าทางของเธอดูมีความสุขผมก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ผมไปล่ะนะครับ
ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
“ค่ะ
โชคดีนะคะ”ผมโบกมือให้เธอทั้งๆที่รู้ว่าเธอนั้นมองไม่เห็นแล้วก็เดินกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกดีไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่สินะความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ความสุข’น่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีครับ...ผมกล้องครับผม^^ขอขอบคุณครับที่อ่านบทแรกของผมจนจบนะครับ
สำหรับงานเขียนซีรี่นี้ผมเองก็ยังไม่มั่นใจว่าผมจะแต่งจบหรือเปล่าเพราะมันเยอะมากเลยครับเนื่องจากเป็นบทเรื่องสั้นของนักเรียนในห้อง7ของโรงเรียนสามัคคีวิทยาการ(ผมเมคเองทั้งนั้นครับ...โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่คิดขึ้นเองครับถ้าชื่อจะซ้ำก็ขออภัยด้วยนะครับ)ที่ล้วนผ่านมาเล่าเหตุการณ์และรูปแบบความรักของเขาให้ทุกๆท่านได้รับรู้ครับ
สำหรับบทนี้ก็เป็นของหินครับ...เด็กหนุ่มนักเรียนธรรมดาๆคนหนึ่งที่บังเอิญไปชอบเด็กสาวคนหนึ่งที่พักอาศัยอยูในร.พ.ประจำอำเภอเข้าถึงแม้แกนเรื่องจะไม่แน่นแต่ผมก็จะพยายามแก้ไขและปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆครับเพื่อที่ผู้อ่านทุกท่านจะมีความสุขกับการอ่านเรื่องสั้นรักบ้านๆของผมครับ...สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกๆท่านมีความสุข ไร้ซึ่งโรคภัยไข้เจ็บและเป็นที่รักของทุกๆคนนะครับ...เจริญสุขสวัสดีครับ^^.../เรืองอรุณ
ความคิดเห็น