ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The School Love Story : The Short Story Of Love

    ลำดับตอนที่ #1 : ลมหายใจกับความคิดถึง Part One.

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 54


    ลมหายใจกับความคิดถึง

    เคยคิดไหมว่า

    บางทีแล้วยามที่เราลองเอนหูฟังเสียงของสายลมแล้ว

    เราจะได้ยินเสียงของใครบางคนที่ล่องลอยมากับสายลม

                    …เสียงนั้นอาจกำลังร้องเรียกชื่อของเราอยู่

                    …ในตอนนั้นอาจมีใครคนหนึ่งเฝ้ารอเราอยู่

                    …และในตอนนั้นเราอาจกำลังเผ้ารอใครคนหนึ่งอยู่

                    …ทุกลมหายใจจะคงอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป

     

                    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

                    “เฮ้ยหิน กลับเลยเหรอเสียงของนนท์เพื่อนของผมได้ร้องทักขณะที่ผมกำลังหิ้วกระเป๋ากลับบ้านดังเช่นทุกวัน ผมยิ้มแล้วก็ตะโกนข้ามห้องเรียนออกไป

                    “อือบังเอิญต้องรีบกลับน่ะ พอดีมีธุระ

                    “อ้าวไม่ซ้อมอีกเหรอจะแข่งแล้วนา…”นนท์หมายถึงเทศกาลดนตรีระหว่างโรงเรียนที่ใกล้เข้ามา ผมก็ยิ้มแล้วก็ยื่นหนังสือเพลงที่ยืมนพพรมาคืนให้นพพรไป

                    “ไว้วันเสาร์ล่ะกันวันนี้ก็วันศุกร์แล้ววันนี้ต้องรีบกลับจริงๆนนท์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

                    “อืองั้นก็โชคดีล่ะกัน

                    “บาย

                    “บายว่าแล้วผมก็แบกกระเป๋าขึ้นหลังแล้วเดินออกไปทันที

                    …วันนี้ก็เหมือนทุกๆวันจริงๆ

                    ผมชื่อหิน ตอนนี้ก็อยู่ชั้นม.5แล้วเป็นเด็กหนุ่มอายุ17ที่สุดแสนจะธรรมดาในสายตาของทุกๆคน ว่ากันแล้วผมก็ใช้ชีวิตได้สุดแสนจะธรรมดามาก เช้ามาก็ตื่นค่ำมาก็นอน ชีวิตประจำวันก็เข้าขั้นซ้ำซากจำเจทว่ากลับไม่เบื่อแม้แต่นิดเดียว ผมก็แค่คิดว่าโลกนี้สวยงามดี ถึงจะเจออะไรทำร้ายใจก็คิดซะว่าเป็นแค่โคลนติดล้อรถของผมที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้า จึงไม่แปลกอะไรที่ใครๆจะเห็นผมยิ้มอยู่เสมอราวกลับไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไร

                    ผมเป็นลูกคนโตของบ้านซึ่งประกอบด้วยพ่อ พ่อของผมนั้นทำอาชีพเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลอำเภอสามัคคีแห่งนี้มาตั่งแต่ผมยังไม่เกิดส่วนแม่ของผมนั้นก็มีอาชีพเป็นพยาบาลอยู่ที่เดียวกันกับพ่อของผม ผมเองก็มีน้องสาวคนนึงด้วยชื่อทรายอยู่ชั้นม.3อีกปีก็โตเป็นสาวแล้ว บ้านของผมนั้นเป็นบ้านที่สงบสุขมากพ่อผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีบ้านเล็ก แม่ผมก็น่ารักมากท่านทั้งคู่ก็รักกันดี ผมกับน้องเองก็ไม่เคยทะเลาะกันเพราะพ่อกับแม่ได้แบ่งความรักให้เท่าๆกันแล้วแต่โอกาสอีกอย่างที่ผมรักพ่อกับแม่ก็คือ ท่านทั้งคู่ไม่เคยขัดขวางในการเล่นและรักในเสียงดนตรีของผมเลย ผมเองก็นึกว่าท่านจะโกรธที่ผมไม่ชอบเรียนแต่ชอบเล่นดนตรีจนได้ตั้งวงE-HEROของเราขึ้นแต่ท่านทั้งคู่กลับไม่โกรธ ซ้ำยังสนับสนุนผมจึงรักท่านทั้งคู่มาก รักมากที่สุดเลย

                    และวันนี้ผมก็ได้เดินทางกลับบ้านไปตามทางดังเช่นทุกวันถึงแม้อำเภอสามัคคีแห่งนี้จะเป็นอำเภอเล็กๆตั้งอยู่บนที่สูงแต่ก็น่าอยู่แถมขับรถลงเขาไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็เข้าตัวจังหวัดแล้วทำให้ที่นี่น่าอยู่มาก

                    …แต่แล้ว

                    “เห…”

                    ผมร้องอุทานแปลกๆออกมาเมื่อผมได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่งได้ค่อยๆเดินไปตามถนนขณะที่ผมกำลังเดินกลับบ้านจะว่าไปแล้วมันก็คงไม่แปลกสักเท่าไรหรอก

                    …ถ้าหาก

                    …เธอไม่สวมชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลแล้วก็ไม่สวมผ้าคาดตาแล้วก็ถือไม้เท้าแบบคนตาบอดน่ะสิ

                    ด้วยเหตุที่บ้านของผมเปิดเป็นคลินิกใกล้ๆโรงพยาบาลทำให้ผมนั้นต้องเดินผ่านหน้าโรงพยาบาลมาตลอดอีกอย่างคนที่นี่สุขภาพดีกันเกือบทุกคนทำให้ผมไม่ค่อยเห็นคนเข้าออกโรงพยาบาลนักอีกอย่างผมก็ไม่เคยเห็นคนป่วยคนไหนออกมาเดินคนเดียวนอกโรงพยาบาลเลยแถมยังดูเหมือนคนตาบอดอีกด้วย

                    …อ๊ะ!

                    …หรือว่า

                    …เธอจะหลงออกมา

                    …แย่แล้ว

                    “ว้าย!!!เธอคนนั้นบังเอิญไปสะดุดเข้ากับพื้นถนนจึงล้มลง...แสดงว่ามองอะไรไม่เห็นจริงๆเหรอเนี่ยโอ๊ย…”

                    “เป็นอะไรไหมครับ!ผมเองเมื่อเห็นดังนั้นด้วยความเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งจึงเดินข้ามถนนไปยังฝั่งโรงพยาบาลแล้วพยุงเธอขึ้นมาเธอเอ่ยคำขอบคุณเบาๆในขณะเดียวกันผมก็ได้มองเห็นเธอชัดๆ

                    ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ปากนิดจมูกหน่อยอยู่ในระดับน่ารักเอามากๆเธอผมยาวมากจนแทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นเด็กสาวกระทั่งผ้าคาดตาของเธอเลื่อนออก นัยน์ตาของเธอนั้นเหมือนของคนปกติแทบทุกอย่างยิ่งเข้ากับรูปหน้าของเธอแล้วด้วย ใบหน้าที่งดงามทำให้ผมหัวใจสั่นไหวยิ่งได้กลิ่นหอมจากตัวเธอด้วยแล้วยิ่งทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน

                    “ขอบคุณนะคะเธอเอ่ยขอบคุณอีกครั้งเรียกผมให้ตื่นจากอาการณ์ค้างผมรีบเรียกสติที่กระจัดกระจายให้กลับมารวบรวมกันอย่างรวดเร็ว

                    “มะไม่เป็นไรครับ

                    “ขอโทษนะคะตาฉันมองไม่เห็นเธอหันมาพูดกับผมตามทิศของเสียงคือว่าฉันหาทางกลับห้องพักไม่เจอน่ะคะรบกวนหน่อยได้ไหมคะ

                    “คะครับผมรีบขานรับ เธอหลงทางออกมาจริงๆด้วยเธอคว้าเข้าที่ข้อมือผมอย่างแน่นราวกลับว่ากลัวผมจะทิ้งเธอไป ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ผมสั่นหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพากลับโรงพยาบาลโดยเร็ว

     

                    “ว๊ายยยย!!!!น้องออมหายไปไหนมาคะพี่ตกใจหมดเลยเสียงร้องของพี่พยาบาลมะปรางร้องขึ้นเมื่อผมพาเธอเดินเข้ามาในโรงพยาบาล วันนี้คนในโรงพยาบาลแทบไม่มีเลยแต่ก็นับว่าเป็นการดี พี่มะปรางรีบถลาเข้ามารับตัวเธอไปนั่งเก้าอี้รถเข็น แล้วพี่แกก็หันมาหาผมน้องหินขอบใจมากนะที่พาออมมาส่งให้พี่ล่ะใจหาย อยู่ๆน้องออมก็หายไปจากรถเข็นเฉยเลยทีหลังอย่าลุกไปไหนอีกนะคะพี่พยาบาลคนนั้นหันไปตำหนิเด็กสาวคนนั้น เธอชื่อออมเหรอเป็นคำง่ายๆแต่ก็เป็นชื่อที่เพราะจัง

                    “ก็น้องออมได้ยินเสียงแมวนี่คะก็เลยเดินออกไปตามหามัน

                    “ไม่ได้อีกแล้วนะคะทีหลังห้ามไปไหนคนเดียวโดยไม่มีพี่อีกนะออมทำหน้าเสียใจ

                    “คะออมขอโทษแล้วพี่พยาบาลคนนั้นก็เข็นเธอจากไปผมก็ได้แต่มองตาม รู้สึกวูบวาบนิดๆในหัวใจอย่างไม่มีเหตุผล ผมถอนหายใจแล้วก็ยิ้มออกมา อย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้ทำความดีแล้วล่ะนะ

                    “อ้าวหิน มายังไงละลูกเสียงของแม่ผมดังขึ้นผมจึงหันไปตามต้นเสียงเห็นแม่ผมในชุดพยาบาลมีอะไรเหรอเปล่าจ๊ะ

                    “อ๋อเปล่าหรอกครับ ผมแค่เห็นคนไข้ตาบอดคนนึงหลงออกไปข้างนอกหาทางกลับมาไม่ได้ก็เลยพามาส่งเท่านั้นเองล่ะครับ

                    “คนไข้ตาบอดหนูออมน่ะเหรอ ดีแล้วล่ะจ๊ะที่ลูกพามาส่ง ลูกจะกลับหรือยังจ๊ะแม่ก็กำลังจะกลับเหมือนกัน

                    “ครับ…”ผมพยักหน้ารับพลางหลบสายตาของแม่มองไปยังทางที่พี่พยาบาลคนนั้นได้เข็นรถเข็นที่มีเธอคนนั้นจากไปรู้สึกแปลกๆไปจากที่เคยแฮะ

     

                    “พี่ขา…”เสียงของทรายเดินมาเคาะประตูห้องนอนผมในคืนนั้นหลังจากที่ผมกินข้าวและอาบน้ำเสร็จจึงขึ้นมาอ่านหนังสือ ผมก็กลิ้งลงจากฟูกแล้วมาเปิดประตูให้น้อง ทันทีที่เปิดประตูให้ทรายก็ยื่นบางอย่างเข้ามาตรงๆจนแทบชนหน้าพี่ชายตัวเอง

    มะแมว

    ใช่ไงน่ารักป่าวผมเกาหัวแกรกๆ

    ไปเอามาจากที่ไหนล่ะ

    ม่ายรุมันอยู่ในห้องนอนหนูล่ะ พี่ช่วยตั้งชื่อมันหน่อยสิ…”ผมมองเจ้าเหมียวที่อยู่ในอ้อมกอดของน้องสาวสักพักภาพของเด็กสาวคนหนึ่งที่ยังคงติดตาผมมาจนถึงตอนนี้ก็วิ่งเข้ามาในหัว ผมยิ้มแปลกๆแล้วก็พูดขึ้น

    ชื่อออมล่ะกันหรือทรายว่าไงน้องสาวของผมยืนทำหน้าคิดอยู่สักพักก็พยักหน้า

    อืมโอเค มามะออมวันนี้เรานอนด้วยกันนะทรายอุ้มแมวตัวนั้นเดินจากไปผมก็ยิ้มแล้วก็ปิดประตูห้องนอนตนเองวันนี้คงหมดหน้าที่ของเราแล้วล่ะ แต่แปลกจริงทำไมผมยังคิดถึงหน้าของเด็กสาวคนนั้นอีกนะเธอชื่อออมนี่นาเป็นชื่อง่ายๆแต่ก็เพราะดีมือยังคงความรู้สึกตอนที่เธอมาจับได้อยู่เลยจะได้เจอกับเธออีกครั้งไหมนะอะไรเนี่ยนี่เรากำลังเพ้อเหรอไงเนี่ยไม่ไหวเลยแฮะ

     

    อ้าวเต้วันนี้สบายดีไหมผมร้องตะโกนทักเต้ที่กำลังเดินก้มหน้าเข้ามาในโรงเรียนในตอนเช้า เต้ก็หันหน้ามาแล้วก็ทักกลับ

    ก็ไม่ค่อยดีเท่าไรเมื่อคืนนอนไม่หลับ

    เหรอมีอะไรหรือเปล่า

    เปล่าหรอกก็แค่กินกาแฟเท่านั้นล่ะหลับไม่ลงเลยเต้เอามือตบหน้าตัวเองเบาๆเป็นเชิงไล่ความง่วงจริงสิว่าแต่นายเถอะทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดีจังล่ะผมนึกถึงหน้าของเด็กสาวที่ชื่อออมคนนั้นทำให้นิ่งไปสักพักแต่ก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

    อ๋อเปล่าหรอก ไปกันเถอะวันนี้เรามีซ้อมดนตรีตอนเช้านี่นา

    เอ่อจริงด้วย ไปกันเถอะ

    วันนี้ที่โรงเรียนก็เป็นเช่นเคยมีอึกทึกเล็กน้อยเป็นบางโอกาสโอ๊ตกับหมอกก็ทำเสียงอึกทึกเช่นเคยพวกนี่ก็ยังคงตามจีบน้ำอยู่ทุกวันน้ำก็น่ารักอยู่หรอกนะมีคนมาชอบเยอะแยะแต่ที่จริงก็คือผมรู้ว่านิลคิดยังไงกับเธอแถมผมยังเคยเห็นนิลกับน้ำเขียนสมุดไดอารี่หรืออะไรก็ไม่รู้หากันตั้งแต่ตอนม.4แล้ว แถมทั้งคู่ก็เป็นแฟนกับแล้วด้วย นิลและน้ำก็ยังทำเหมือนเดิมผมเองก็ไม่อยากพูดอะไรมากไปเพราะเดี๋ยวสุดท้ายมันอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้อะไรๆเปลี่ยนแปลง

    ผมโยนสมุดวิชาภาษาไทยลงบนกองที่เพื่อนๆรวบรวมส่งแล้วก็แบกกระเป๋าขึ้นมาเตรียมตัวกลับบ้าน วันนี้ไม่มีคิวซ้อมดนตรีหรืองานกลุ่มอะไรจึงกลับบ้านได้เลย วันนี้ผมอยากรีบกลับไปต่อจิ๊กซอที่ค้างไว้ต่อแน่นอนว่าถ้าหากใครรู้ว่างานอดิเรกของผมคือการต่อของโบราณอย่างจิ๊กซอล่ะก็มีหวังโดนล้อแน่ๆ

    หินจะกลับแล้วเหรอขนมหวานทักขณะที่ผมกำลังจะก้าวออกไปจากห้องเรียน

    อืม…”

    เหรอโชคดีนะผมพยักหน้าแล้วก็เดินออกไปจากห้องทันที ผมหันมามองภาพเพื่อนในห้องอีกครั้งก็หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้แล้วก็เดินออกไปจริงๆ วันนี้คงไม่มีอะไรมาเซอไพรซ์ชีวิตอีกสินะขอให้เป็นอย่างนั้นล่ะกัน

     

    อ๋า…”ผมอุทานแปลกๆอีกครั้งเมื่อเห็นภาพที่ซ้ำกับเมื่อวานอีกรอบ

    เด็กสาวตาบอดเดินหลงออกมาอีกแล้ว

    คุณคุณครับผมรีบวิ่งข้ามถนนออกไปอีกรอบ เธอหันมาตามเสียงเรียกพอผมวิ่งมาถึงเธอก็ดูหน้าตาชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆที่เมื่อครู่นั้นเธอกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แท้ๆ

    อ้อคุณน่ะเอง ออมจำเสียงคุณได้ค่ะ

    ทำไมออกมาอีกแล้วล่ะครับมันอันตรายนะรู้ไหมครับผมยื่นมือออกไปให้เธอจับเธอก็รีบคว้าไว้ราวกลับว่ากลัวว่ามันจะหายไป

    เมื่อครู่ออมได้ยินเสียงแมวน่ะคะก็เลยเดินออกมาแล้วก็หลงทางอีกแล้วแย่จังเลยแล้วเธอก็ทำหน้าเศร้าอย่างปิดบังไม่ได้ผมเองก็ไม่เข้าใจ

    ช่างเถอะครับเดี๋ยวผมจะพาไปส่งโรงพยาบาลนะ

    คะรบกวนด้วยนะคะแล้วผมก็เดินจูงมือเธอออกไปเธอจะรู้ไหมนะว่าตอนนี้มีใครบางคนที่เก็บใบหน้าของเธอไว้คิดถึงตั้งแต่แรกพบแล้ว

     

    แง๊!!!น้องออมขาน้องออมกำลังจะทำพี่หัวใจวายหลายครั้งแล้วนะคะ แง๊!!!พี่พยาบาลคนเดิมโวยวายใหญ่เมื่อเห็นออมอีกครั้งเธอก็ได้แต่ยิ้มหน้าเหยพลางหัวเราะแฮะๆผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจพี่พยาบาลคนนี้ผมว่าคงสติไม่ค่อยดีเท่าไร

    ขอโทษค่ะ

    อย่าทำแบบนี้อีกนะคะฮือถ้าหัวหน้าพยาบาลรู้พี่ต้องตายแน่ๆเลย

    ออมขอโทษค่ะต่อไปออมจะไม่ทำอีก

    สัญญาแล้วนะคะ

    ค่ะ…”แล้วเธอก็หันหน้ามาทางผมขอบคุณมากนะคะรบกวนคุณตั้งหลายครั้งแล้วขอโทษด้วยนะคะ

    เอ่อครับผมรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกเธอก็ยิ้มให้ผมแล้วพี่พยาบาลคนนั้นก็เอาเธอนั่งรถเข็นแล้วก็กำลังจะพากลับไปที่ห้องผมก็นึกบางอย่างขึ้นได้

    เดี๋ยวก่อนครับคุณออม…”เธอหันหน้ากลับมาทางผม

    อะไรเหรอคะ…”

    คือว่าผมชื่อหินนะครับยินดีที่ได้รู้จักผมแนะนำตัวออกไปแบบเอ๋อๆ เธอก็ทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มให้ผม

    ค่ะยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณหิน…”และแล้วเธอก็จากไปผมก็ได้แต่มองตามไปกระทั่งลับสายตาผมก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ

     

    ในคืนนั้นขณะที่ผมกำลังนั่งทำโจทย์เคมีอยู่กับน้องสาวของตัวเองที่กำลังนั่งเล่นMSNกับเพื่อนๆอยู่หน้าคอมในห้องนอนผม ส่วนผมก็กำลังหน้าดำคร่ำเครียดทั้งเรื่องสมดุลเคมีทั้งกรด-เบสก็เล่นเอาหัวปั่นเหมือนกันผมเองก็รู้สึกเหนื่อยๆจึงพักงานไว้ก่อนแล้วก็เอาจิ๊กซอมาต่อ ขณะที่ต่ออยู่ผมก็พลันนึกถึงใบหน้าของเด็กสาวที่ชื่อออมขึ้นมาทันใดอะไรกันนะทั้งๆที่ผมเองก็พบเจอผู้หญิงคนอื่นในวัยเรียนนี้ตั้งหลายคนรึอาจเป็นเพราะผมมัวแต่เรียนและเล่นดนตรีกับเพื่อนมากเกินไปจนไม่ได้สนใจเพศตรงข้ามเหรอแต่ผมก็ไม่ใช่พวกรู้สึกหยึยๆกับผู้ชายนี่นาแสดงว่าผมยังเป็นชายทั้งแท่งอยู่

    ทราย…”ผมพูดขึ้นขณะที่กำลังต่อจิ๊กซออยู่ทรายก็หันมาทรายเคยมีรักแรกพบกับเขาหรือเปล่าน้องสาวของผมก็หน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด

    ถะถามทำไม…”

    ตอบมาเหอะน่า…”

    ก็ไม่เคยไม่เคยซะหน่อย…”ผมเริ่มเห็นอาการณ์ไม่ปกติของน้องสาวจึงแกล้งถามไป

    ไม่มีก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ทำไมต้องพูดตะกุกตะกักด้วยล่ะ…”ผมส่งสายตาจับผิดน่าสงสัยน่าสงสัย…”

    มะไม่มีน่าพี่อย่ามองหนูแบบนั้นสิ…”

    เหรอ…”ผมรุกเข้าไป เหรอ…”

    งะแง้…”ทรายทำเสียงงีดๆไม่เอาแล้วทรายจะบอกแม่ว่าพี่แกล้งทราย…”

    อ้าวเป็นงั้นไปยิ่งน่าสงสัยนะเนี่ย…”

    หนูไม่พูดกับพี่แล้วไปดีกว่าแล้วทรายก็พิมพ์บอกลาเพื่อนในอินเตอร์เน็ตแล้วเดินออกไป ผมก็อมยิ้มแล้วก็มองตามก่อนจะปิดไฟนอน ผมก็ได้มองออกไปนอกหน้าต่าง

    พระจันทร์คืนนี้เป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

     

    วันต่อมาผมก็รีบตื่นแต่เช้าดังเช่นทุกวันพ่อและแม่ของผมมักจะตื่นเช้ามากท่านทั้งสองจะตื่นขึ้นมาทำกับข้าวใส่บาตรพระผมเองก็มักจะมาวุ่นวายในครัวแอบชิมนู่นชิมนี่ ก็แม่ผมทำกับข้าวอร่อยนี่นา

    แม่ครับ…”ผมถามขึ้นขณะที่ครอบครัวของผมกำลังกินข้าวกันพร้อมหน้า แม่ของผมก็เงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวแล้วมองหน้าผม

    อะไรเหรอลูกผมชั่งใจอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจถาม

    คือเด็กผู้หญิงที่ตาบอดคนนั้นน่ะ เขาเป็นใครเหรอครับแม่ผมมองหน้าผมแปลกๆพ่อก็เช่นกันผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนจับผิดอย่างไรไม่รู้แต่แล้วแม่ผมก็ยิ้มออกมา

    อ๋อหนูออมน่ะเหรอมีอะไรเหรอลูกแม่ผมถามกลับผม ผมก็พยายามทำหน้าตาให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่แสดงอาการณืหวั่นไหวหรือเขินอายออกมา

    เปล่าหรอกครับ แต่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเฉยๆแม่ของผมก็ทำหน้าคิดอยู่สักครู่ก็พูดขึ้น

    แม่ก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะรู้แต่ว่าออมเขาก็อายุเท่าลูกนี่ล่ะ หนูออมเขาตาบอดตั้งแต่เด็กแล้วล่ะได้ยินว่าเป็นอุบัติเหตุ อยู่ที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะแต่ว่าก็พึ่งย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเรานี่ล่ะออมเขาไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมนักว่างๆลูกก็ไปเยี่ยมเขาก็ได้นี่นาไปเป็นเพื่อนคุยเขาสักนิดก็ดี…”แม่พูดตรงประเด็นที่ผมอยากรู้ราวกับอ่านความคิดในหัวผมได้รึว่าจะอ่านได้จริงๆกันนะสงสัยเป็นสัญชาติญาณของคนเป็นแม่ล่ะมั้ง

    งะงั้นเหรอครับ ขอบคุณครับผมพูดเสร็จผมก็หยิบจานข้าวของตัวเองไปล้างแล้วก็รีบคว้ากระเป๋าเดินทางไปโรงเรียนทันที

     

    วันต่อมา

    ผมกำลังยืนอยู่หน้าห้องพิเศษหมายเลข312…

    วันนี้เป็นวันเสาร์เป็นวันที่อากาศดีมากเลยวันนี้ผมเองก็ตื่นแต่เช้าด้วยอาการที่สุดแสนจะมีความสุข วันนี้ผมอุส่าห์วางแผนว่าจะมาเยี่ยมออมทำให้เมื่อคืนนี้ผมนั้นนั่งคิดอยู่นานว่าจะเอาอะไรมาเป็นของฝากเธอดีกระทั่งสุดท้ายแล้วผมนั้นก็ได้ไปนั่งโหลดเพลงฟังสบายๆลงMP3อยู่หน้าคอมพิวเตอร์อยู่จนดึกหวังให้เธอประทับใจกระทั้งวันนี้ผมกลับได้แต่ยืนเอ๋อ อยู่หน้าห้องของเธอซะได้ ก็แน่ล่ะจะให้อยู่ดีๆก็เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องผู้หญิงตรงๆเลยงั้นเหรอทั้งๆที่ผมคิดว่าเตรียมใจมาแล้วแท้ๆแต่พอเอาเข้าจริงก็เกิดอาการณ์ไม่กล้าขึ้นมาเฉยๆซะงั้นผมก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองได้แต่โทษตัวเองที่ถ้าหากผมเกิดมาขี้หลีกว่านี้ก็คงจะดีไม่น้อย

    แต่แล้ว

    ผั๊วะ!!!!...

    โอ๊ยยยยย!!!!!!

    ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆประตูห้องผู้ป่วยนั้นเปิดออกมากระแทกหน้าผมอย่างจังทำให้ผมหน้าหงายล้มก้นกระแทกรู้สึกเจ็บจี๊ดที่จมูกขึ้นมาทันทีเขาบอกว่ารู้สึกเจ็บนั่นล่ะดีมันจะเป็นสัญญาณว่าเรากำลังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามันดีตรงไหน

    ว้าย!!!ขอโทษค่ะเป็นอะไรไหมคะร่างเล็กๆของออมถลาออกมาจากประตูห้องในสภาพมีผ้าปิดตาทว่าเท้าเล็กๆของเธอได้เยียบลงบนต้นขาของผมที่ล้มอยู่อีกรอบ

    โอ๊ยยย!!!ผมร้องลั่นอีกรอบเท้าเธอก็เล็กๆทำไมเหยียบเจ็บจังอ่ะ

    ว้าย!!!เป็นอะไรไหมคะคุณ…”เธอพูดด้วยอาการณ์เป็นห่วงทว่าไม้เท้าที่เธอถืออยู่นั้นได้เหวี่ยงมาฟาดหัวผมอย่างจังแทบสลบผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วนะว่าเธอตาบอดจริง

     

     

    ขอโทษนะคะขอโทษจริงๆภาพของออมโค้งขอโทษผมในห้องของเธอหลังจากที่ผมกลับมาจากห้องทำแผลเนื่องจากผมหัวโนเพราะโดนกระแทกอย่างแรงแทบน็อกโชคดีที่ไม่แตกผมเองก็เกิดอาการณ์งงเล็กน้อยที่เธอเองก็ตัวนิดเดียวไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหนขุดสมองเท่าไรก็คิดไม่ออกพลางเอาน้ำแข็งที่ได้มาจากพี่พยาบาลประคบส่วนที่โนออกมาขณะที่พี่พยาบาลที่เป็นคนดูแลออมก็แอบหัวเราะคิกๆ ว่าแต่เจ็บจังแฮะ

    เอ่อไม่เป็นไรหรอกผมยืนไม่ดูที่เองล่ะผมตอบไปแบบช่วยไม่ได้ก็ถ้าผมไม่รีๆรอๆอยู่หน้าห้องของเธอผมก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้วเฮ้อเรื่องมันเศร้า

    ไม่เป็นไรจริงๆนะคะ…”เธอยังถามกำชับอีกรอบผมก็นึกขำ เพราะเมื่อครู่ผมนั้นกำลังคิดหนักว่าจะเข้ามาเยี่ยมเธอยังไงตอนนี้ก็ได้เข้ามาแล้ว แต่ก็แลกกับเจ็บตัวคุ้มไหมเนี่ย

    ไม่เป็นไรจริงๆครับ

    เหรอคะงั้นก็ดีแล้วล่ะค่ะ…”เธอยิ้มอย่างโล่งอกผมมองภาพที่เธอยิ้มอย่างนั้นอยู่นานเท่าไรก็ไม่รู้ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้สวยงามขึ้นอีกมากเมื่อเธอนั้นยิ้มออกมา

    ว่าแต่คุณหินมาทำไมเหรอคะมีธุระอะไรหรือเปล่าเธอถามขึ้นด้วยคำสุภาพผมก็ตกใจเล็กน้อยพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบMP3ออกมาแล้วนำมันไปวางลงบนมือของเธออะไรเหรอคะ

    อ๋อเขารียกว่าMP3น่ะครับ เอาไว้ฟังเพลง ผมคิดว่าออมคงเหงาก็เลยเอามาฝากน่ะครับเธอลองลูบๆคลำๆดูMP3ในมือก็ทำหน้าแปลกใจ

    ฟังเพลงเหรอคะแล้วใช้ยังไงล่ะคะ

    ก็เอาหูฟังเสียบหูแบบนี้แล้วก็กดตรงนี้จะเปิดเครื่องนะครับแล้วปุ่มนี้ก็…”

    ผมสอนออมใช้MP3อยู่เป็นเวลานานเธอก็เหมือนดูแปลกใจอยู่เหมือนกันแต่ก็ดูท่าทางเธอนั้นสนุกดี ผมสอนเธออยู่เป็นเวลานานกระทั่งเธอชำนาญผมจึงลองปล่อยให้เธอฟังเพลงที่ผมอัดมาให้ฟัง ตอนแรกผมก็กลัวว่าเธออาจจะไม่ชอบเพลงแนวนี้สักเท่าไรแต่ว่าพอได้เห็นเธอนั่งฟังอย่างมีความสุขผมก็รู้สึกโล่งใจ

    ขอโทษนะคะ…”จู่ๆออมที่นั่งฟังเพลงอยู่ก็พูดขึ้นผมจึงเงิยหน้าจากหนังสือที่ผมเจอในห้องของเธอขึ้นก็แค่การ์ตูนธรรมดาๆเล่มหนึ่งคงเป็นของพี่พยาบาลที่ดูแลออมคนนั้นล่ะ

    อะไรเหรอครับ

    คือว่า…”เธอยื่นหูฟังข้างหนึ่งมาทางผมเพลงนี่ชื่อว่าเพลงอะไรเหรอคะ…”ผมจึงวางการ์ตูนเล่มนั้นลงแล้วเดินไปหาเธอ

    อ๋อ…”ผมพูดขึ้นเมื่อฟังไปได้สักพัก เพลงอยู่ที่ไหนก็เหงาได้ของครูเสถียร ทำมือน่ะครับทำไมเหรอครับ

    ออมรู้สึกชอบเพลงนี้น่ะคะ…”เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อยก็รู้สึกสงสารผู้ชายในเพลงนี้น่ะคะ

    เหรอครับเพลงนี้ก็มีความหมายดีนะครับ

    เอ๋…”

    มันสื่อให้เห็นว่าความรักนั้นนะครับไม่ว่าระยะทางจะห่างสักเท่าไรก็ยังสื่อถึงกันได้โดยเส้นใยเล็กๆในจิตใจที่มีชื่อว่าความคิดถึงยังไงล่ะครับ

    ความคิดถึงเหรอคะมันแปลว่าอะไรเหรอคะออมเคยแต่ได้ยินเขาพูดกันเธอพูดพลางหันมาทางผมผมเองก็นึกแปลกใจเธอไม่รู้จักคำว่าคิดถึงเหรอสงสัยไม่คุ้นหูล่ะมั้ง

    ความคิดถึงนั้นเป็นนามธรรมครับไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้เช่นเดียวกันกับคำว่า ความห่วงใย ความสุข ความเศร้า เป็นต้นล่ะครับเป็นสิ่งที่สำผัสไม่ได้แต่ก็รู้สึกได้ด้วยหัวใจน่ะครับผมอธิบายซะอย่างกับตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเข้าใจหรือเปล่า ยังดีนะที่ออมก็ยังพยักหน้าแล้วก็หันหน้ามาทางผมเป็นเชิงตอบรับ

    ความคิดถึงเหรอคะหมายถึงความรู้สึกที่เวลาที่รอคุณแม่มาหาหรือเปล่าคะออมถามผมขึ้นผมก็พยายามนึกภาพอยู่สักพัก

    ก็ประมาณนั้นล่ะครับ

    เหรอคะแล้ว…”ออมหันหน้าขึ้นมาทางผมหินเคยคิดถึงใครบ้างหรือเปล่าคะ…”

    อ๊ะ…”ผมรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงขึ้นผิดปกติแต่ก็เรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วเอ่อก็เคยบ้างล่ะครับ

    แล้วปกติหินคิดถึงใครเหรอคะเธอถามต่อด้วยน้ำเสียงปกติของเธอโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนตอบนั้นกำลังจะตายเพราะหันใจระเบิด

    ก็จะให้ตอบว่าคิดถึงออมได้ยังไงล่ะ

     

    ขอบคุณนะคะที่เสียเวลามาคุยเป็นเพื่อน…”ภาพของออมที่โค้งให้ผมอยู่หน้าห้องพักของเธอทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้วันนี้ออมสนุกมากเลยค่ะผมเองก็โค้งเธอตอบแม้จะรู้ว่าเธอมองไม่เห็นก็เถอะแต่มันก็เป็นมารยาท

    เอ่อครับผม

    จริงสิคะ…”น้ำเสียงของเธอเหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้ทำให้ผมหันกลับมา

    อะไรเหรอครับ

    ถ้าว่างๆมาอีกนะคะ

    เห…”ผมอุทานแปลกๆอีกรอบเมื่อได้ยินคำพูดไม่คาดฝันวะว่าไงนะครับ

    อยู่ที่นี่มันเหงาค่ะ…”น้ำเสียงของเธอดูเศร้าสร้อยแม่ของออมไม่ค่อยได้มาเยี่ยมเลยค่ะถึงจะมีพี่มะปรางแล้วก็พี่พยาบาลคนอื่นมาคุยเล่นด้วยบ้างก็เถอะแต่ว่าพี่ๆพวกนั้นก็ไม่ค่อยว่างนักส่วนใหญ่ออมจะอยู่คนเดียวถ้าหินว่างๆก็มาเยี่ยมออมบ้างนะคะออมจะรอผมรู้สึกเหมือนหัวใจพองโตแต่ก็ไม่กล้าดีใจเนื่องจากผมรู้ว่าเด็กสาวที่อยู่ต่อหน้านั้นต้องการความอบอุ่นมากกว่าสิ่งอื่นใดเสียอีกผมก็ได้แต่ยิ้มและพยักหน้า

    ครับพรุ่งนี้ผมจะมาอีกนะครับไม่ต้องห่วงแล้วก็อีกอย่าง

    อะไรเหรอคะ

    อย่าเปิดประตูใส่หน้าผมอีกนะครับมันเจ็บออมได้ยินก็หัวเราะคิกๆอย่างน่าเอ็นดู ดูท่าทางของเธอดูมีความสุขผมก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

    ผมไปล่ะนะครับดูแลตัวเองด้วยนะครับ

    ค่ะโชคดีนะคะผมโบกมือให้เธอทั้งๆที่รู้ว่าเธอนั้นมองไม่เห็นแล้วก็เดินกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกดีไม่เคยเป็นมาก่อน

    นี่สินะความรู้สึกที่เรียกว่า ความสุขน่ะ
                ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
                สวัสดีครับ...ผมกล้องครับผม^^ขอขอบคุณครับที่อ่านบทแรกของผมจนจบนะครับ
                สำหรับงานเขียนซีรี่นี้ผมเองก็ยังไม่มั่นใจว่าผมจะแต่งจบหรือเปล่าเพราะมันเยอะมากเลยครับเนื่องจากเป็นบทเรื่องสั้นของนักเรียนในห้อง7ของโรงเรียนสามัคคีวิทยาการ(ผมเมคเองทั้งนั้นครับ...โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่คิดขึ้นเองครับถ้าชื่อจะซ้ำก็ขออภัยด้วยนะครับ)ที่ล้วนผ่านมาเล่าเหตุการณ์และรูปแบบความรักของเขาให้ทุกๆท่านได้รับรู้ครับ
                 สำหรับบทนี้ก็เป็นของหินครับ...เด็กหนุ่มนักเรียนธรรมดาๆคนหนึ่งที่บังเอิญไปชอบเด็กสาวคนหนึ่งที่พักอาศัยอยูในร.พ.ประจำอำเภอเข้าถึงแม้แกนเรื่องจะไม่แน่นแต่ผมก็จะพยายามแก้ไขและปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆครับเพื่อที่ผู้อ่านทุกท่านจะมีความสุขกับการอ่านเรื่องสั้นรักบ้านๆของผมครับ...สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกๆท่านมีความสุข ไร้ซึ่งโรคภัยไข้เจ็บและเป็นที่รักของทุกๆคนนะครับ...เจริญสุขสวัสดีครับ^^.../เรืองอรุณ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×