ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☆→ Force area } . ห้ามเข้าเด็ดขาด !

    ลำดับตอนที่ #1 : force.one' ★→ ( - ดิทแก้ระยะห่างตัวอักษร )

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 54


    บทนำ
     
                บรรยากาศยามเช้าของพอลลักซ์ไฮสกูลไม่ค่อยคึกคักมากนัก แม้นี่จะเป็นเวลาเกือบแปดโมงกว่าๆ แล้วก็ตาม ที่หน้าประตูโรงเรียนมีเพียงเด็กปีสองในชุดฟอร์มนักเรียนสีดำ-ทองไม่กี่คนยืนถกกันเรื่องการบ้านวิชาวิทยาศาสตร์ ถัดมาอีกหน่อยก็เป็นกลุ่มของพวกปีสามที่ยืนตรวจเอกสารของตัวเองแบบไม่ค่อยจริงจังซักเท่าไหร่นัก นอกจากนั้นตลอดทางเดินหินอ่อนขัดมันของพอลลักซ์ไฮ ที่ถอดตัวยาวไปยังอาคารเรียนทั้งสี่หลัง ก็มีเพียงเด็กชายหญิงอีกสองสามคนเท่านั้น
                    เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจหากจะบอกใครๆ ว่า พอลลักซ์ไฮสกูลไม่มีเรียนในช่วงเช้า
                    ตารางเรียนของพวกเขาส่วนมากจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลาสิบสามนาฬิกาเป็นต้นไป และจะสิ้นสุดลงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงระฆังทองเหลืองใบใหญ่ตีบอกเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาตรง ฟังดูเป็นการเรียนที่สบายเสียนี่กระไร ? แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ.. เด็กอัจฉริยะมักใช้เวลาทำความเข้าใจบทเรียนน้อยกว่าคนทั่วไปหลายเท่าตัวล่ะ ;p
                    ส่วนช่วงเช้าตารางเรียนจะถูกกำหนดให้เป็นชั่วโมงของการทำโปรเจ็กต์งานวิจัยที่อาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละห้องเป็นผู้กำหนดหัวข้อให้แบบรายคน ซึ่งงานชิ้นนี้แหละที่เป็นตัวกำหนดเกรดทั้งเทอมของเหล่าพอลลักซ์ไฮทั้งหลาย แบบนี้ถึงอยากจะนอนตื่นสายขนาดไหน ก็ต้องลุกมาโรงเรียนแต่เช้าจริงมั๊ยล่ะ ?
                    และหนึ่งในคนที่ต้องมาแต่เช้าเกือบทุกวัน ก็คือชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลไหม้ซอยสั้นระต้นคอ เขามีใบหน้าเรียวหล่อเหลาราวกับรูปสลัก ที่เมื่อรวมเข้ากับดวงตาสีอัลมอนด์พราวระยับนั่นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คนตรงหน้าแผ่ออร่าอันเจิดจ้าออกมาได้อีกเป็นเท่าตัว
                    ร่างสูงก้าวยาวๆ พลางหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยความระมัดระวัง เขาเดินตัดผ่านสนามหญ้ามุ่งหน้าเข้าสู่ตึกเรียนสีขาวสะอาดที่ทั้งกว้างและสูงกว่าตึกอื่น ใบหน้าคมเข้มปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจอยู่ในที เมื่อนึกไปถึงสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะทำลงไป
                    “เตรียมตัวเละเป็นโจ๊กได้เลย... คาสเตอร์” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้าวขาขึ้นบันไดอย่างไม่เร่งรีบเท่าตอนแรก ริมฝีปากสีส้มซีดห่อเข้าหากัน แล้วผิวปากเป็นทำนองเพลงที่ตนเองคุ้นเคย เขาเลี้ยวซ้ายเมื่อเดินขึ้นไปถึงชั้นสาม เดินหน้าไปอีกไม่กี่ก้าวก็หยุดลงตรงประตูไม้บานใหญ่ที่แกะลายเถาองุ่นไว้อย่างงดงาม คนตัวสูงเหลือบตาขึ้นมองป้ายสีทองวาววับที่สลักคำว่า ‘คณะกรรมการนักเรียน’ ไว้อย่างพึงพอใจ เขาเอื้อมมือเรียวไปหมุนลูกบิดประตูตามปกติ และทันใดนั้นเอง...
                    “ไอ้เลวแซงค์!!!!!” เสียงแหลมสูงที่ตะโกนอย่างเดือดดาลดังออกมาจากในห้องแทบจะทันทีที่เจ้าของชื่อก้าวเท้าเข้าไป หญิงสาวผู้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเขายืนเท้าสะเอว พลางกัดริมฝีปากแน่นอย่างต้องการจะข่มอารมณ์ ใบหน้าสวยหวานบัดนี้แดงก่ำเพราะความโกรธจัดที่สุดจะกลั้นได้ ดวงตาสีฮาเซลจ้องตรงมาที่เขาจนแทบจะถลนออกมา
                    อ่า... ไม่รอดจนได้หว่ะเรา ;’(
                    “ไงเดียร์... เมื่อคืนหลับสบายดีมั๊ย?” พอนึกวิธีเอาตัวรอดไม่ออก จำเลยหนุ่มสุดหล่อจึงทำเนียนเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว แม้ในใจจะรู้ว่ามันไม่มีทางได้ผลก็ตาม
                    “สบายบ้านแม่แกสิ” เดียร์ หรือ เรนเดียร์ ตอบกลับมาด้วยความหงุดหงิด รู้สึกคันไม้คันมือยิบๆ เหมือนอยากจะฟาดใครให้ตาย
                    “แม่ฉันก็น้าแท้ๆของเธอนะ”
                    “เออ! นี่แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะไอ้แซงค์ ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องทุบหัวแกให้แบะแน่นอน” คนตัวเล็กกว่าแยกเขี้ยวใส่ แล้วก้มลงไปหยิบกระดาษสีขาวสะอาดที่พิมพ์อะไรไว้เล็กน้อยชูให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอดู
                    “อธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
                    “เธออ่านหนังสือไม่ออกหรอเดียร์?” จบประโยคฝ่ามือพิฆาตก็ตะปปลงไปที่คอของเขาอย่างรวดเร็ว
                    “แกอยากจะโดนเล็บยาวๆ ของฉันจิกจริงๆ ใช่มั๊ย?” ไม่พูดเปล่ายังเพิ่มแรงกดลงไปที่ปลายนิ้วอีกเท่าตัว
                    “ฉันรู้ว่าเธอไม่กล้าหรอกเดียร์ ;) ทุกทีเธอก็แค่ขู่ แต่ไม่เคยทำจริงๆ ซักครั้งเลยนี่” คนปากกล้าลอยหน้าลอยตาท้าทาย
    ฉึก !
                    “ว้ากกก! ไอ้เดียร์...นี่แก.. แกจิกลงไปได้ยังไงวะ! โอ๊ย! เจ็บชิบเป๋งเลย” แซงค์สะบัดตัวหลุดจากเงื้อมมือของเดียร์ทันที เขาทำหน้าเหยเกพลางเอามือกดเลือดที่ไหลซิบๆ ออกมาตามรอยจิกที่ญาติสาวเป็นคนฝากไว้ให้
                    “ฉันจะทำมากกว่านี้อีกถ้าแกยังไม่อธิบายเรื่องทั้งหมดน่ะ” เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลทองเอ่ยอย่างสุดจะกลั้น ไม่ต้องบอกก็รู้.. ความอดทนของเธอกำลังจะหมดลงในไม่กี่วินาทีนี้แล้วล่ะ !
                    “มันก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ แค่แกต้องไปแลกเปลี่ยนที่คาสเตอร์สามเดือนก็แค่นั้น !” ท้ายเสียงขึ้นสูงอย่างต้องการจะเยาะเย้ยโดยไม่สำเหนียกตัวเองว่ากำลังจะชะตาขาด ในขณะมือขาวๆ ของคนตัวเล็กกว่าก็ฟาดลงไปที่กลางหลังของเขาอย่างจัง
    ผัวะ !
                    “โอ๊ย!! อะไรของแกอีกวะเดียร์ ให้อธิบายฉันก็อธิบายแล้วไง จะยังโมโหอะไรอีกล่ะวะ?”
    ชักจะของขึ้นแล้วเหมือนกันนะเฮ้ย! ;(
    “แค่นั้น? แกกล้าใช้คำว่าแค่นั้นกับเรื่องใหญ่ขนาดนี้งั้นหรอไอ้คนเลว ! แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาส่งฉันไปแลกเปลี่ยนที่คาสเตอร์สัปปะรังเคนั่น ห๊ะ?!!!” เรนเดียร์ตวาดเสียงดังจนเจ็บคอ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเลิกตะโกนด่าแซงค์แต่อย่างใด
    “สิทธิ์ที่ฉันเป็นประธานนักเรียน ส่วนแกเป็นแค่ประธานฝ่ายปกครองไงเดียร์ ;p” ได้ทีชายหนุ่มก็โต้กลับไปหนึ่งดอก แต่แทนที่เรื่องจะจบ กลับยิ่งทำให้ผู้เสียหายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทันที
    “อ๋อ..ประธานนักเรียนงั้นสินะ แกเป็นประธานนักเรียนมีอำนาจล้นฟ้า เลยแก้เบื่อด้วยการส่งหนูตัวกระจิ๊ดอย่างฉันไปผจญภัยในกองขยะอย่างนั้นใช่มั๊ย? ไอ้แซงค์... ถ้าวันนี้ฉันไม่ฆ่าแกให้ตายก็อย่ามาเรียกฉันว่าเดียร์อีกเลย!!!!! ย้ากกกกกก!” เรนเดียร์วิ่งเข้ามาหาแซงค์ด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเลือกมุมที่ดีที่สุด กระโดดเตะเสยปลายคางของคนตัวสูงกว่าตรงหน้าร่วงลงไปนอนน๊อคเอาท์อยู่ที่พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบทันที
    “ถ้าแกไม่ยกเลิกคำสั่งนี้ ฉันจะไม่ปราณีแกอีกต่อไปแล้วนะ” หญิงสาวขู่ลอดไรฟัน เมื่อเห็นว่าญาติตัวแสบยังมีสติดีอยู่
    นี่ปราณีของแกสินะเดียร์ ทำเอาฉันเกือบคอหักเนี่ย ;( หึ!
    “ฝันไปเถอะเดียร์ ดูจากที่แกทำกับฉันขนาดนี้แล้ว คงต้องขอแก้แค้นคืนบ้างล่ะ!” แซงค์ยันตัวลุกขึ้นแล้วรีบเดินอ้อมไปอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้เรนเดียร์เข้าถึงตัวเขาได้อีกต่อไป
    เห็นแก่ว่าแกต้องไปอยู่คาสเตอร์เพราะคำสั่งฉันหรอกนะ ถึงได้ยอมให้ซ้อมเนี่ย !
    “ไอ้บ้า! งั้นฉันจะฟ้องคุณน้ารำไพเรื่องที่แกทำแจกันสมัยราชวงศ์ถังแตก”
    “งั้นฉันก็จะฟ้องป้ารำพาว่าแกเป็นคนแอบเอาพอร์ชไปชนเละมาเมื่อเดือนที่แล้ว ไม่ใช่พี่คนขับรถที่แกโยนความผิดให้คนนั้น”
    “.........” เรนเดียร์ถึงกับนิ่งอึ้งไป เมื่อประธานนักเรียนจอมเผด็จการยกความลับอันน่ารังเกียจของเธอขึ้นมาขู่
    “ว่าไงล่ะเดียร์ ? จะยอมไปถล่มคาสเตอร์ให้ฉันดีๆ หรือว่าจะให้ฉันกลับไปฟ้องป้ากันล่ะ” ดวงตาสีฮาเซลมีประกายวาบขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคีย์เวิร์ดคำว่า 'ถล่มคาสเตอร์' ออกมาจากปากของแซงค์ ทีแรกเธอก็กะจะทำอิดออดต่ออีกซักนิด เผื่อญาติคนนี้ของเธอจะยอมใจอ่อน แต่พอได้ยินจุดประสงค์หลักของมันขึ้นมาจริงๆ เท่านั้นแหละ จากที่ไม่อยากไปสุดชีวิตก็เริ่มสนใจขึ้นมานิดๆ แล้วเหมือนกัน
    “แกมีแผนยังไงบ้างล่ะ?” เพียงเท่านั้นใบหน้าหล่อเหลาของแซงค์ก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา นัยน์ตาสีอัลมอนด์เปล่งประกายระยิบด้วยความพึงพอใจ เขาผายมือเชื้อเชิญญาติสาวลงนั่งที่โซฟาสีขาวหนานุ่ม ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยเสียงที่บ่งบอกความตื่นเต้นถึงขีดสุด
    “ตั้งใจฟังดีๆ นะเดียร์ เราต้องเริ่มจาก...”
     
     
     
     
    แอ๊ด !
    “เป็นยังไงบ้าง?” เสียงนุ่มของชายหนุ่มเจ้าของความสูง 184 ซม. ถามหญิงสาวที่เพิ่งเดินออกมา หลังจากหายเข้าไปในห้องคณะกรรมการนักเรียนนานเกือบชั่วโมง
    “ไม่ได้ผลอ่ะ ยังไงก็ยังต้องไปที่นั่นอยู่ดี” คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าหมดหวัง ไม่คิดจะบอกเรื่องแผนการถล่มคาสเตอร์ที่ได้ฟังมาให้ชายหนุ่มรู้แต่อย่างใด
    “ให้ซิลเข้าไปคุยกับแซงค์ให้มั๊ยเดียร์?” ริมฝีปากสีอ่อนถามด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับผู้ชายชาวเอเชียก้มลงมาหาเธออย่างกังวลใจ
    “ไม่เป็นไรหรอกซิล ขนาดเดียร์ขู่แซงค์เรื่องแจกันที่หมอนั่นทำแตกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังไม่ได้ผลเลย” เรนเดียร์แสร้งส่งรอยยิ้มเศร้าให้กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเธอ ก็จะให้บอกเขาไปได้ยังไงล่ะว่าสุดท้ายเธอก็ยินยอมไปคาสเตอร์เพื่อจะไปทำตามแผนการบ้าๆ ของลูกพี่ลูกน้องจอมเผด็จการคนนั้นน่ะ ใครก็รู้ว่าซิลเวสเตอร์เป็นผู้ชายยังไง ? ขืนบอกไปเธอได้โดนเขาตีตายแน่ๆ เลยล่ะ ;’(
    “งั้นซิลจะไปรับไปส่งเดียร์ทุกวันเอง อย่างน้อยจะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเดียร์ไง”
    อ่า..นิสัยขี้ห่วงของเขานี่ดูกี่ทีมันก็น่ารักน่าหยิกจังแฮะ ! J
    “อื้ม! แบบนี้เดียร์ก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย... ขอบคุณนะซิล” เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลทองฉีกยิ้มกว้าง ในขณะที่คนผมสีไวน์องุ่นเอื้อมมือหนามากุมมือเล็กของเธอไว้เบาๆ
    For you, I will”
     
     

    Qreaz. 10

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×