ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WonKyu] พิศวาส เสน่หา [END]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 54


    บทที่ 1: จุดเริ่มต้นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในบาทหลวงดงฮี

     

     

     

     

     

     

         “พี่คยูฮยอน! เล่นเพลงนี้ให้ฟังหน่อยได้มั้ยค่ะ”เสียงแหลมใสของเด็กหญิงคนหนึ่งดังขึ้น ดวงหน้าหวานใสหันมามองนิดๆ ก่อนจะแย้มยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง

         “ไหนจ๊ะ”เด็กหนุ่มเอ่ยถามถึงเพลงที่เด็กหญิงตัวน้อยชี้ให้ดู เมื่อเห็นว่าเป็นเพลงไหน เขาจึงค่อยๆจรดนิ้วเรียวงามลงบนคีย์เสียงของเปียโนสีดำหลังงาม

         คยูฮยอน จากเด็กชายทารกที่ถูกทิ้งไว้ ได้รับการอุปถัมภ์จากโบสถ์คริสต์ของบาทหลวงดงฮี จนกระทั่งเติบโตเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่งามทั้งกริยามารยาท งามทั้งกาย วาจา ใจ และเมื่อเด็กที่ถูกอุปถัมภ์อายุครบสิบแปดทุกคนจะต้องออกจากที่นี่ เพื่อออกไปหาโลกกว้างที่รอคอยอยู่ข้างหน้า ซึ่งนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายที่เด็กหนุ่มจะได้อยู่ที่นี่

     

         ห้องทำงานของบาทหลวงดงฮี

         บรรยากาศเคร่งเครียดกำลังก่อตัว เมื่อทนายหนุ่มประจำตระกูลชเว เข้ามาติดต่อขอรับเลี้ยงดูเด็กที่กำลังออกจากสถานสงเคราะห์แห่งนี้

         “ในตอนนี้เด็กที่อายุครบสิบแปดมีคนเดียวก็คือคยูฮยอนครับ”เสียงสำเนียงแปร่งๆดังขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน

         “คยูฮยอน...”

         “ครับ แกเป็นเด็กดีนะครับ แต่อ่อนต่อโลกมาก แล้ววันนี้แกก็ครบสิบแปดแล้วด้วย”

         “...”

         “ถ้าจะรับแกไปอุปถัมภ์ต่อนั้น คงต้องถามความสมัครใจของแกด้วย”

         “...”ทนายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเหลียวมองตามสายตาของบาทหลวงตรงหน้า ซึ่งมองไปยังเด็กหนุ่มที่นั่งเล่นเปียโนท่ามกลางเด็กตัวเล็กๆ ทั้งสีหน้า แววตา อ่อนโยนเหลือเกิน...

         “ผมตกลงขอรับแกไปเลี้ยงดูต่อ และจะให้การศึกษาด้วย แกคงไม่ขัด”

         “ผมจะลองถามให้ครับ”บาทหลวงดงฮีพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะลุกเดินไปถามเด็กหนุ่มที่นั่งเล่นเปียโนอยู่นั้น

         “คยูฮยอนลูก...”เสียงทุ้มเอื่อยเฉื่อยเรียก

         “ฮะ...คุณพ่อเด็กหนุ่มตอบรับ ก่อนจะวางมือจากเจ้าเครื่องดนตรีตรงหน้าแล้วลุกเดินไปหาผู้มีพระคุณ

    +++++++++++++

    15% ก่อนนะค่ะ (25/09/11)

    กลับมาต่อแล้วค่ะ

    +++++++++++++

         “วันนี้...ลูกก็สิบแปดแล้ว...”บาทหลวงเอ่ยกับเด็กหนุ่มพร้อมลูบศรีษะของเขาเบาๆด้วยความเอ็นดู

         คยูฮยอนหน้าเศร้าลงทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ วันนี้และคืนนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ที่นี้

         “ฮะ...”เขาสูดลมหายใจ เตรียมใจรอรับสิ่งที่บาทหลวงกำลังจะบอก เขารู้ดีว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกด้วยตัวเอง แม้จะทำใจมาแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย

         “พ่อดีใจ จะมีครอบครัวหนึ่งรับลูกไปเลี้ยงดู และให้การศึกษาต่อ...”

         “จริงเหรอฮะ!”เด็กหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น ดีใจที่สุดที่จะมีครอบครัวเป็นของตัวเองบ้าง ตั้งแต่เล็กจนโตเขาคิดว่ามันเป็นแค่ความฝันที่จะมีใครสักคนหนึ่งมาอุปการะดูแล และมีชีวิตที่สมบูรณ์เพียบพร้อมอย่างคนอื่นเขา

         “จริงสิ...เขามาติดต่อกับพ่อเมื่อกี้ ถ้าลูกจะไป พ่อจะได้บอกเขา”

         นัยน์ตาสีนิลเป็นประกายใสด้วยความดีใจ

         “ดีใจจังเลย งั้นลูกขอไปเตรียมตัวเก็บข้าวของก่อนนะฮะ”

         “จ้ะ แล้วพ่อจะไปบอกเขา”

         เด็กหนุ่มแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ก่อนจะวิ่งไปเก็บข้าวของของตัวเองเตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้

         แม้จะอยากข่มตานอน แต่ด้วยความตื่นเต้นมากมันก็ทำให้คยูฮยอนนอนไม่หลับ คุณพ่อบอกว่า...เขาเป็นเจ้าของบริษัท SM ที่มีธุรกิจหลากหลายประเภท แต่ที่หลักๆ ก็คือการโรงแรม อยู่ในตระกูลดังอย่างตระกูลชเว อันนี้ก็พอได้ยินมาบ้าง พอคุ้นหู แสดงว่าเขาจะต้องเอ็นดูเราแน่เลย เด็กหนุ่มนอนคิดอย่างดีใจแทบจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหว

     

    +++++++++++++

     

         วันรุ่งขึ้น

         “พี่คยูฮยอน...อย่าไปเลย”เด็กหญิงตัวเล็กกอดเอวของเด็กหนุ่มเอาไว้ร้องไห้ไม่ยอมหยุด

         “พี่เขาครบกำหนดแล้วนะซอนชา”เด็กหนุ่มวัยรุ่นพูดดุ แต่ว่าตัวเองก็น้ำตาไหลไม่หยุดเหมือนกัน

         “พ่อคงจะคิดถึงเรามากเลยนะ”บาทหลวงดงฮีพูดอย่างเศร้าๆ เพราะคยูฮยอนก็เปรียบเหมือนลูกชายแท้ๆของเขาคนหนึ่ง

         “คุณพ่อ...”

         แต่ก่อนที่จะพูดอะไรมากมายไปกว่านี้ เสียงรถคันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจอดเทียบ รถสปอร์ตสีขาวหรูจอดตรงหน้าประตูโบสถ์ ก่อนจะตามด้วยร่างสูงของทนายหนุ่มเดินเข้ามา เขาโค้งบาทหลวง

         “สวัสดีครับ”

         “ครับ คยูฮยอน...นี่คุณฮันกยอง ทนายประจำตระกูลชเว เขาจะพาเราไปส่งที่บ้านใหม่”

         เด็กหนุ่มหันตาแป๋วมามองคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะโค้งให้อย่างอ่อนหวาน

         “สวัสดีฮะ คุณฮันกยอง...”

         “สวัสดีครับ”ชายหนุ่มนึกชื่นชมเด็กหนุ่มตรงหน้า ทั้งอ่อนหวาน อ่อนโยน

         “ส่งกระเป๋ามาครับ เดี๋ยวผมช่วยถือ”ทนายหนุ่มฉุดเอากระเป๋าไปจากมือของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเอาไปเก็บไว้ที่ท้ายรถ แล้วเปิดประตูคอย

         คยูฮยอนหันมากราบลาคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้าย

         “ผมลานะฮะ”

         “โชคดีลูกพ่อ”บาทหลวงกอดเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู

         “พี่คยูฮยอน ว่างๆมาหากันบ้างนะ”เด็กๆที่ออกมาส่งบอกลาด้วยแววตาเศร้า เพราะคยูฮยอนคือพี่ชายที่น่ารักของทุกคน ต่อจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม

         “จ้า”เด็กหนุ่มรับคำทั้งน้ำตา ก่อนจะผลุบตัวเองเข้าไปในรถ ตามด้วยทนายหนุ่มที่ตามเข้ามาที่หลัง

         รถออกตัวอย่างนุ่มนวล แต่ทุกอย่างเงียบสงบราวกับป่าช้า ไม่มีคำพูดเล็ดลอดออกมาจากใครสักคน เด็กหนุ่มนั่งเงียบไปตลอดทาง จนชายหนุ่มทนไม่ไหว ต้องเอ่ยปากขึ้นมาก่อนเพราะความอึดอัด

         “ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยเหรอ”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเอื้อนขึ้นเบาๆ

         “ฮะ”คยูฮยอนหันใบหน้าอันไร้เดียงสาถาม “มีอะไรเหรอฮะ”

         “ก็อย่างเช่น รู้สึกยังไงที่ต้องออกจากบ้านน่ะ...และรู้สึกยังไงที่จะมีครอบครัวใหม่”

         “ตอนออกจากบ้านผมเสียใจมากๆฮะไม่อยากจะออกเลย แต่พอได้ยินว่าจะมีครอบครัวใหม่มารับผมไป ก็ดีใจมากๆ”เขาตอบตามความจริง แม้ใจจะไม่อยากจากไปไหนเพราะคิดถึงน้องๆทุกคนที่โบสถ์ แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่สามารถอยู่ต่อได้เพราะตามกฎทุกคนที่อายุครบสิบแปดจะต้องออกไปใช้ชีวิตด้วยลำแข้งของตัวเองเขาเองนับว่าโชคดีที่มีคนใจดีรับอุปการะ ไม่อย่างนั้นคยูฮยอนก็ไม่รู้ว่าชีวิตของตนเองจะก้าวเดินไปทางไหนต่อ

         ฮันกยองนึกชื่นชมเด็กหนุ่มอยู่ในที คิดว่าที่กำลังคอยอยู่นั้นคงจะโชคดีมากๆที่ได้อุปการะเด็กหนุ่มอย่างเขา ทั้งหน้าตาและกริยามารยาทที่เรียบร้อย ทำให้เขานึกเอ็นดูเธออยู่ในใจ

     

         รถสปอร์ตคันหรูวิ่งเข้ามาจอดที่คอนโดหรูใจกลางเมืองใกล้แม่น้ำฮัน คยูฮยอนทำหน้าอย่างงงๆ นี่นะหรือคือบ้านของเขา...ผิดกับที่คิดไว้สุดๆเลยเด็กหนุ่มไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ตึกสูงระฟ้าหรูหราแบบนี้ คยูฮยอนมองไปรอบตัวอย่างตื่นเต้น ทุกอย่างดูไม่คุ้นตาสำหรับเด็กหนุ่มที่แสนไร้เด็กสาอย่างเขา

         ทนายหนุ่มเดินนำไปเรื่อยๆ ลอบสังเกตท่าทางตื่นๆของเด็กหนุ่ม ในใจนึกอยากจะขอโทษที่ทำเหมือนหลอกหลวง แต่ในสัญญานั่นก็ระบุไว้อย่างชัดเจนนี่นาว่าอยากจะรับคยูฮยอนมาเป็น `ภรรยา´ ของเจ้านาย ไม่ใช่ `ลูก´

         เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุดที่เป็นเสมือนบ้านของเจ้านายและเพื่อนสนิท เขากดกริ่งหน้าประตู สักพักก็มีคนเดินออกมา

         คยูฮยอนที่ยืนรออยู่ข้างทนายหนุ่มอ้าปากค้างมองคนเบื้องหน้า ผู้ชายตัวสูงใหญ่เหมือนกับกำแพง ถ้ายืนคู่กัน เขาคงจะเป็นเหมือนต้นไม้ ขณะที่ตนเองเป็นแค่หนูนาตัวเล็กๆเท่านั้น แถมยังผิดกับที่จินตนาการไว้มากมาย ว่าคนที่รับตนเองไปเลี้ยงดูคงจะเป็นคนที่ดูสูงอายุ หรือคู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตร แต่นี่...เขายังดูหนุ่มแน่นขนาดนี้ อยากจะมีลูกแล้วเหรอ และถ้าดูดีๆคนคนนี้เรียกว่าหล่ออย่างร้ายกาจเลยแหละ ท่าทางผู้ดี๊ผู้ดี

         คิ้วของชายหนุ่มที่ออกมาเปิดประตูรับขมวดมุ่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาเรียบร้อย ยืนทำตาแป๋วอยู่หน้าห้อง

         “นี่ใคร”เสียงทุ้มต่ำถาม

         ฮันกยองยิ้มกว้างก่อนตอบอย่างเป็นกันเอง

         “ก็ใครละที่มึงอยากได้นักหนา”

         ก็แค่ไม้กันหมา”คนตรงหน้ายักไหล่ตอบตรงๆ

         คยูฮยอนมองหน้าคนสองคนสลับไปมาอย่างไม่เข้าใจ

         “แรง! ก็มึงบอกให้ไปหาเมียมาให้ เอาแบบใครก็หาฝุ่นไม่เจอ ตามร่องรอยไม่พบไง กูก็อุตสาห์หามาให้เนี่ย! ไอ้เพื่อนเวร”

         เมีย!”คราวนี้เป็นหนุ่มหน้าหวานอุทานขึ้นมาบ้าง

         นี่แสดงว่า...ไม่ได้เลี้ยงเขาในฐานะลูกหรอกเรอะ!

         “ขอโทษนะคยูฮยอน เอ่อ...เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ตรงนี้บรรยากาศชักไม่ดี”ฮันกยองว่าพร้อมกับเหลียวมองรอบๆตัว เมื่อพบว่าการคุยกันครั้งนี้ไม่ได้มีแค่สามคน การสนทนาเมื่อครู่เริ่มเป็นจุดสนใจของคนสอดรู้สอดเห็น

         เจ้าของห้องเดินนำเข้ามาข้างใน ก่อนตามด้วยร่างสองร่าง และมาหารือกันที่ห้องรับแขก ที่มีโซฟาตัวยาวสีดำ ตัดกับผนังห้องสีขาว ห้องรับแขกที่จัดอย่างง่ายๆมีของประดับไม่กี่ชิ้น บ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ชอบอะไรที่มันจุกจิก

         “ขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะครับ”ฮันกยองพูดแบบติดตลก เพราะบรรยากาศในห้องมันดูอึมครึมยังไงก็ไม่รู้ “คยูฮยอนครับ นี่คือ...คุณชีวอน เอ่อ...เป็นคนที่จะรับเลี้ยงดูเธอน่ะ”

         ชายหนุ่มกลืนคำว่า `ว่าที่สามี´ ลงคอเมื่อเห็นสีหน้าเหลอหลาของเด็กหนุ่ม

         “แล้วก็ไอ้วอน นี่คยูฮยอน ว่าที่เมียแก”

         “สะ...สวัสดีฮะ”คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงคอหลังโค้งให้ แล้วมองใบหน้าหล่อเหลาแต่เย็นชาของคนที่ชื่อ ชีวอน ในหัวยังคงสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขากันแน่

         “อือเขาขยับปากตอบเพียงนิดเดียว ก่อนจะหันไปเอาเรื่องกับเพื่อนสนิทของตน

         มึงจะให้กูโดนข้อหาพรากผู้เยาว์รึไง!”แม้จะเป็นเพียงแค่เสียงกระซิบ แต่ก็ดูเหมือนอยากจะอัดหน้าเพื่อนสักหมัด

         “ไม่โดนๆ วันนี้คยูฮยอนอายุครบสิบแปดพอดี ไม่โดนแน่ๆ”ฮันกยองรีบปฏิเสธปํนพัลวัน ก่อนจะส่งรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ไปให้เพื่อนหนุ่ม “หรือว่ามึงคิดจะ...”

         “ไอ้ฮัน...”ชีวอนกดเสียงลงต่ำ  ท่าทางบอกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น

         “เออๆ น่ะ ขอกูทำความเข้าใจกับคยูฮยอนก่อนนะ เพราะเขาคิดว่ามึงจะรับเลี้ยงเขาเป็นลูก”

         คยูฮยอนหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย ก็แหม...เขาไม่ได้เป็นคนเซ็นรับคนที่จะดูแลนี่น่า ใครจะไปรู้เล่าว่าเขาจะรับมาเป็นภรรยา ไม่ใช่ลูก แล้วตอนนี้เขาจะทำยังไงดี ชีวิตที่ไม่เคยได้ออกไปผจญภัยในโลกกว้าง ทำให้เด็กหนุ่มอ่อนต่อโลกอย่างเขาหาวิธีแก้ไขปัญหาไม่ตก

         “คยูฮยอนขอโทษจริงๆ นะที่ไม่ได้บอกเธอตั้งแต่แรก ก็คิดว่าคุณบาทหลวงชินดงจะบอกนี่น่า”ทนายหนุ่มบอกพร้อมยิ้มแหย่ๆ

         “คุณพ่อก็รู้เหรอฮะ!”คยูฮยอนถามแทรกตาโตเมื่อผู้มีพระคุณก็รู้ โอย...จะโทษว่าไม่บอกก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ถามเอง

         “ครับ แล้วนี่ก็คนที่จะดูแล”ตาคมปรายไปมองคนที่นั่งตีหน้าขรึมอยู่อีกฟาก

         “แล้วเรื่องเรียนละฮะ”เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล เพราะเท่าที่รู้ๆมาเนี่ย ทางมหาวิทยาลัยเปิดให้เฉพาะคนโสดนี่นา

         เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้เด็กหนุ่มกลับถามคำถามนี้ออกมาได้ ชีวอนนึกขำอยู่ในใจแต่ไม่ได้หัวเราะออกมาหรอก เขาแค่สายหัวที่เธอช่างไม่รู้อะไรเสียเลย เรื่องที่ควรกังวลกับไม่กังวล ไปคิดถึงเรื่องเรียนเอาซะได้

         “ไมต้องห่วงหรอกครับ ผมสนับสนุนให้เรียนเอกชนได้ครับ”ฮันกยองรีบตอบ ปัญหาแค่นี้เรื่องเล็ก

         “อะ...เอกชน”ค่าเทอมแพงปานนั้นเนี่ยนะ เด็กหนุ่มอุทานในใจ

         “ครับ คนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเนี่ยก็คนเดิมอีกนั่นแหละ”

         “แล้ว...”

         “อะไรครับ”

         เด็กหนุ่มรีบก้มหน้างุดเมื่อเผลอไปสบสายตากับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเข้า

         “ไม่มีอะไรฮะ...”

         “เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรก็แยกย้ายได้!”ทนายหนุ่มยืนขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะเดินออกไป ที่เหลือเพื่อนรักของเขาคงจะจัดการได้

         คยูฮยอนรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากเมื่อต้องอยู่กันแค่สองคน แถมยังกับคนที่เพิ่งรู้จัก พูดคุยกันแค่ไม่ถึงสองประโยค

         “เอาล่ะ...”คนตัวสูงเหมือนกำแพงขยับตัวก่อนเพื่อปรับบรรยากาศให้ผ่อนคลาย

         “ฮะ?”เด็กหนุ่มถามตาใส ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง

         “เอาของเข้าไปเก็บ”เขาว่า พร้อมกับมองมาที่กระเป๋าใบเล็กผิดคาด เพราะคิดว่าพวก (ดูเหมือน) ผู้หญิงคงจะต้องขนกระเป๋าใบเท่าบ้านมาเท่านั้น เขาเดินเข้าไปพิจรณากระเป๋าใบน้อยนั้น ก่อนจะพูดขึ้น “ใบแค่นี้มีอะไรบ้างเนี่ย”

         “เอ่อ...”คยูฮยอนรู้สึกกระดากขึ้นมา ก็เขาเป็นคนมีเสื้อผ้าน้อยนี่นา แถมแต่ละตัวนี่ มีอายุไม่ต่ำกว่าปีทั้งนั้น

         ชีวอนคว้าเอากระเป๋าใบเล็กลากเข้าไปอีกห้องหนึ่งทางขวามือที่มีติดกันอยู่สองห้อง คยูฮยอนใจหายวาบเมื่อคิดว่าอาจจะต้องนอนห้องเดียวกันกับเขา แต่ก็โล่งใจทันทีที่เห็นว่าห้องที่เข้ามานั้นเป็นห้องที่เพิ่งจะเปิดใช้งานเป็นครั้งแรก

         “นี่คือห้องของเธอ...มีประตูเชื่อมกับห้องของฉัน เผื่อวันไหนที่ฉันต้องการเธอฉันก็ลากเธอมานอนเล่นที่ห้องฉันได้”เขาพูดเรื่อยๆ ไม่สนใจคนฟังที่สะดุ้งเฮือก ก่อนจะเดินไปเปิดประตูที่อยู่มุมหนึ่งของห้อง พอเปิดออกมาก็เป็นเหมือนตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ แต่ภายในว่างเปล่า ตู้ใหญ่ขนาดนี้คงไม่เหมาะกับเสื้อผ้าของเด็กหนุ่ม เสื้อผ้าถูกๆ กับตู้ราคาแพงๆ

         “ส่วนนี่ห้องน้ำ”เขาเดินออกไป ทำเหมือนไกด์ทัวร์บ้าน ที่พาชมห้องครัว ห้องดนตรีที่มีเปียโนอยู่หลังเดียว หลังจากที่อธิบายเสร็จก็บอกให้อยู่อย่างสงบๆอย่าทำตัวมีปัญหา เธอก็ได้แต่พยักหน้า เพราะเท่าที่ฟังมานั้น นอกจากเรียนแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งงานบ้านงานเรือน เพราะที่นี่จะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดในตอนเช้า ส่วนเรื่องอาหารเขาจะพาไปกินนอกบ้าน คงเบื่อแย่ที่ต้องทำเรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน

         “พรุ่งนี้จะพาไปจดทะเบียน”คนตรงหน้าพูดขึ้นเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาๆ

         จดทะเบียน!”ตาโตคู่งามยิ่งโตขึ้นเมื่อทวนคำ เร็วขนาดนั้นเลยเรอะ

         ชีวอนเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าทำหน้ายุ่ง ก็ถอนหายใจเบาๆ

         “ต้องจดสิ ถ้าตาแก่นั่นรู้ว่าไม่ได้จดทะเบียนล่ะก็ คงได้หาเจ้าสาวมาให้อีกเป็นโหล”เสียงข้างท้ายแผ่วเบาราวกับบ่นกับตนเองมากกว่า

         ดวงหน้าหวานตีสีหน้ายุ่งๆ กับคำบ่นของคนตัวสูง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีกว่า

         “เอาล่ะ ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ จะพาไปกินข้าว”ชายหนุ่มว่า หลังจากมองดูนาฬิกาก็พบว่าเวลาใกล้จะเที่ยงแล้ว ไหนๆก็อยู่ด้วยกัน คงต้องทะนุถนอมกันหน่อย แถมคนตรงหน้ายังบอบบางราวกับจะปลิวลมซะขนาดนั้น

         คยูฮยอนพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องตัวเอง

         “เฮ้อ...กว้างจริงๆ เลยนะเนี่ย”

         เสียงหวานใสดังขึ้นเมื่อร่างบางของตัวเองจุมปุ๊กลงกับเตียงนอนกว้างก่อนจะดีดตัวเองขึ้นยืน แล้วกวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างสำรวจตรวจตราหาทา

    หนีทีไล่หากเขาคิดจะทำมิดีมิร้ายกับตนเอง

         ถึงจะต้องอยู่กับเขาในฐานะ เมีย แต่เขาไม่คิดจะยอมเสียสิ่งที่หวงแหนง่ายๆหรอก

    +++++++++++++

    ครบ 100%แย้ววว กว่าจะครบได้เล่นเอาไรท์เตอร์แทบจะกระอักเลือด ต้องขอโทษรีดเดอร์ด้วยนะค่ะที่ห่างหายไปตั้งเดือนด้วยเหตุที่ว่า ไรท์เตอร์ต้องเรียนพิเศษทุกวันเลยไม่มีเวลาว่างมาลง นี่กว่าจะเจียดเวลามาลงได้ก็แทบแย่ เพราะไรท์เตอร์ยังมีฟิคอีกหลายเรื่อง ถ้าชอบก็ช่วยเม้นท์หน่อยนะค่ะ เพราะตอนนี้ไรท์เตอร์หมดเวลาคุยแล้ว ไว้เจอกันคราวหน้าค่ะ บ๊ายบาย




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×