คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่หนึ่ง: ฉันถ่อมาถึงที่นี่
ตอนที่ 1
aticha MiMin
นิวยอร์คจ๋า มินมินมาแล้ววว
6 minutes ago Favorite Retweet Reply
"นี่พี่ไม้ ดูแลมินมินดีๆด้วย ริรินไปทำรายงานกับเพื่อนก่อน เข้าใจนะ! "
"อืม"
"งั้น.. ไปละ จุ๊บๆ พี่ชาย"
"...."
"อ้อ คุณพี่ชายคะ กรุณาอย่าลืมโดยเด็ดขาดนะคะ ว่าต้องให้มินมินกินยาทุกๆ สี่ชั่วโมง บายละ"
"รีบๆ ไปเถอะ"
"ย่ะ!"
เสียงของยัยริรินนี่แสบแก้วหูฉันเสียซะจริง ถึงแม้จะอายุแค่ 18 ปี ยัยนั่นก็สามารถเรียกชื่อใครต่อใครในบ้านหลังได้ตามใจชอบ ซึ่งยัยรินได้สรุปเอาเองว่า 'ฉัน' ซึ่งอายุมากกว่าเธอหนึ่งปี สมควรเป็นน้องสาวเธอ ยกเว้นพี่ชายของเธอ 'ไม้' หรือ 'กวิน' ที่อายุเท่ากันกับฉัน ที่ยัยนี่จะเรียกว่าพี่ แต่ออร่าที่เปล่งออกมารอบตัวเธอตอนเรียกพี่ชาย เสมือนเรียกทาสในเรือนเบี้ยอย่างไรอย่างนั้น!
อา.. ทำไมแขนของฉันหนักขนาดนี้นะ ฉันพยายามเสียเหลือเกินที่จะยกแขนเหลืองๆ ซีดๆ ของตัวเองไปแตะอะไรซักอย่างสีขาวๆ ที่ตั้งอยู่ตรงข้างเตียง อุบ! ฉันรู้สึกเจ็บแปลบๆ เหมือนมีอะไรมาทิ่มตรงข้อพับแขนข้างที่ยกจัง มันคืออะไรกัน ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเข็ม ฉันเพ่งสายตาที่สุดแสนจะพร่ามัวจ้องไปยังวัตถุที่น่าสงสัยนั่น แต่เพราะสายตาที่สั้นถึง 600 ทำให้ฉันมองเห็นอะไรไม่ชัดและตอนนี้ตาที่ไร้แว่นก็ทำให้ฉันกลายเป็นคนสายตา ดีที่ตาบอด! ฉันรู้สึกเจ็บข้อพับมากขึ้นทุกทีตามจังหวะการเต้นของชีพจร ขณะที่พยายามที่จะยกแขนขึ้นมาดูว่าอะไรกันที่ทำให้ฉันต้องนิ่วหน้าแบบนี้
ฉันหรี่ตา พยายามที่จะเพ่ง ให้เห็น 'วัตถุ' ชิ้นนั้น... หืมม์? เข็มนี่เอง นึกว่าอะไร เดาแล้วไม่มีผิด
อา.. เข็ม
อืมม์.. เข็ม
เข็ม..
..
ยัยมินมินฟุบหลับไปแล้ว หลังจากที่พยายามทำท่าทางอะไรแปลกๆ ซักอย่าง เหมือนจะเต้นรำ ผมเห็นเธอแกว่งมือไปมาอย่างอ่อนแรง ยัยนี่ท่าจะเพี้ยนหนักกว่าครั้งล่าสุดที่เราเจอกันเสียอีก เมื่อตอนที่เราเจอกันเป็นครั้งแรกผมแนะนำตัวเองกับเธอว่าผมชื่อ กวิน ให้เรียกเล่นๆ ว่า ไม้ ก็ได้ แต่เธอก็ยังเรียกผมว่า 'กวินๆ' มีเรื่องอะไร โดนใครรังแก เธอก็จะเดินเช็ดน้ำมูกที่ไหลยาวยืดเปรอะแก้มมาหาผมแล้วร้องว่า 'กวินๆ' ผมพยายามอยู่หลายครั้งที่จะให้เธอเรียกผมว่า ไม้ ทั้งติดสินบนไปขอเบอร์ผู้ชายที่เธอชอบให้มั่งหล่ะ เอาช็อคโกแลตวันวาเลนไทน์ไปให้เพื่อนเธอที่มาแอบชอบผมมั่งหล่ะ แต่เธอกลับตอบแทนผมด้วยการเอาหางจิ้งจกมาเป็นของกำนัล! จนถึงวันสุดท้ายที่ผมต้องขึ้นเครื่องบินมานิวยอร์คกับครอบครัว ยัยมินมินก็ให้หางจิ้งจกใส่กล่องสีชมพูสวยมาเป็นของดูต่างหน้าและยังลาผมด้วย คำว่า.. 'กวินๆ บ๊ายบายนะกวิน'
เธอมันคนบ้าเรียกชื่อผมทีละสองครั้ง!!!
ว่าแต่ผมคิดผิดหรือเปล่านะที่ลากเธอกลับมาที่บ้านตัวเอง หลังจากไปช่วยเธอจากอันธพาลรีดไถเงินตรงซอกตึกในมหานครนิวยอร์ค ยัยนี่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกและมาคนเดียวซะด้วยสิ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะมาคนเดียว ก็ยังกล้าที่จะเดิน 'สำรวจลาดเลา' (คือผมเรียกตามเธอหน่ะนะ) รอบอพาร์ทเมนท์ราคาถูกมหาประลัยของเธอ จนถูกพวกอันธพาลลากเข้าซอกตึกเพื่อเอาเงินของเธอไป และบอกตามตรงว่าเรื่องมันน้ำเน่ากว่านิยายไทย เพราะในช่วงที่เธอยอมให้คนพวกนั้นเอาเงินเธอไปเพื่อจะได้รอดออกมาแบบปลอดภัย ครบสามสิบสองประการตามหลักวิทยาศาสตร์ คนบ้าอย่างยัยมินมินดันอยากฝากรอยเท้าฝังแค้นเอาไว้ให้กับคนพวกนั้น พระเจ้าช่วย!! เธอเหวี่ยงขาถีบหนึ่งในคนพวกนั้นจนมัน งง คุณอ่านไม่ผิดหรอก.. เธอเหวี่ยงขาถีบ(ติดบล็อคแขนที่) หนึ่งในคนพวกนั้น (ยกขึ้นมาทัน) จนมันงง
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้นผมได้รับข้อความในเฟสบุ๊คจากเธอว่า.. ช่วยด้วย มินโดนรุมตี!! ตอนนั้นผมอาละวาดแทบคลั่ง เพื่อนในวัยเด็กผมโดนรุมตีที่นิวยอร์ค ยัยบ้าหน้าโง่ขี้มูกเขรอะคนนั้นกลับมาขอความช่วยเหลือจากผมอีกแล้ว สันชาตยานของผมถูกปลุกขึ้นมาให้ตามหาตัวเธอ ผมโทรเรียกเพื่อนเป็นสิบๆ คนเพื่อตามหาตัวเธอ สุดท้ายเพื่อนผมคนหนึ่ง ยัยเเชง ก็ไปเจอยัยนี่ในสภาพสะบักสะบอมห่างจากบ้านผมไปไม่กี่บล็อค ผมถึงได้อุ้มเธอมารักษาตัวที่บ้าน แต่ว่านะครับ.. ถ้าเกิดยัยนี่ลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นซอมบี้ อาละวาดกัดผมหล่ะ ผมก็ต้องกลายเป็นซอมบี้เป็นเพื่อนเธอ แล้วก็ไปไล่กัดพ่อกับแม่ต่อ ผมต้องกลายเป็นสิ่งกึ่งมีชีวิตน้ำลายยืดย้อย ฟันสกปรกที่ไม่รู้ไปสกปรกตอนไหน ตัวเหม็นๆ มีแมลงวัน แมลงหวี่ตอม อ๊ากกก ไม่เอานะ!! ผมรับไม่ได้ ผมยอมให้พ่อกับแม่เป็นซอมบี้ไปได้ยังไงกัน ผมยอมให้ตัวเองน่าเกลียดแบบนั้นได้ยังไง ถึงแม้ว่าการเป็นซอมบี้จะไม่ทำให้ความหน้าตาดีของผมลดลงไป แต่ผมคงยอมไม่ได้ ไม่ได้การแล้วๆ ผะ ผะ ผมต้อง .. ผมต้อง ฮึ่ย! ผมมันบ้าไปแล้ว ความบ้าของยัยมินมินออสโมซิสเข้ามาที่ตัวผมแล้ว ช่วยผมด้วยยย
"ทานยาซะ"
เสียงผู้ชายที่สุดแสนจะคุ้นหู ดังขึ้นมาในโสตประสาทการได้ยินของฉัน อืมม์.. ฉันหนักหัวจัง เมื่อคืนไปแฮงค์เอาท์ที่ไหนมาหรือเปล่านะ ไม่ค่อยจะแน่ใจเลยแฮะ
"อ่ะ เอาไป" มือฉันถูกจับยกขึ้นไปรับยาตามเสียงที่คุ้นหูนั่นบอก ฉันกำยาเอาไว้ในมือ และพยายามเหลือเกินที่จะลืมตาให้ได้ ฉันได้เสียงสวบสาบพร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างหนักตามมาหลังจากที่ฉันกำยา ทิ้งเอาไว้แบบนั้นนานเป็นนาที
"บาย"
"อ๊ะ! ตื่น ๆๆ ตื่นแล้วๆ"
"..."
"กวิน กาาา วี๊นนนน กรี๊ดๆ"
หลังจากที่ฉันกลั้นใจเปิดตาตื่น เพื่อที่จะดูให้ได้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร.. ก็ได้เจอกับคนตรงหน้า คนที่คิดถึงมากที่สุด คนที่ทำให้ฉันลงทุนมาเรียนต่อที่นิวยอร์ค ฉันลืมอาการเท้าแพลง ลืมสายน้ำเกลือ ลืมกระทั่งว่ายังปวดหัวอยู่ วิ่งไปกอดคนตรงหน้าแรงๆ กลิ่นตัวของกวินๆ ยังหอมและอบอุ่นเหมือนเดิม แต่ทำไมไม่เจอกันแค่สิบสองปี ถึงได้สูงขึ้นมากขนาดนี้นะ ฉันต้องแหงนหน้าขึ้นไปเพื่อสำรวจใบหน้าของคนตัวอุ่น ว้าว! เขาหน้าตาเปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆ จมูกโด่งๆ นั่นเขาไปเค้นมาจากส่วนไหนของใบหน้านะ ตอนที่เจอกันครั้งสุดท้ายฉันจำได้ว่ามันยังไม่โด่งเท่านี้เลย เท่าที่ฉันรู้ข่าวคราวของเขามา กวินเป็นนายแบบชื่อดังที่แม้จะอาศัยอยู่ที่นิวยอร์คเขาก็โด่งดังที่เมืองไทยได้ ด้วยหน้าตาและความตลกเงียบของเขา ทำให้ใครต่อใครตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ได้ไม่ยาก
ฉันไม่อยากจะยอมรับว่าหมอนี่หน้าตาดี และก็ไม่อยากจะยอมว่าหัวใจฉันเต้นแรงเกินปกติจากที่เคยเป็นมา ฉันรู้สึกโหวงๆ ในช่องท้องเหมือนตกจากที่สูง
"คิดถึงนายจังอ่า"
"อย่ามาซุกหน้ากับเสื้อราคาหมื่นดอลล์ของฉัน"
"ม่าย อาว อ่า ตัวนายอุ่น กอดหน่อยๆๆ" แค่นี้มาทำเป็นหวงตัว ทีแต่ก่อนนายเคยนอนเตียงเดียวกับฉัน กอดกันกลมดิก ฉันเป็นฝ่ายเสียหายยังไม่ว่าซักคำ เฮอะ!
"ออก"
"เฮ้ย! ผลักทำไมวะเนี่ย"
"รังเกียจหน่ะสุดสวย"
กร๊าซซซ !!! มินมินอยากพ่นไฟ ฉันขอค้านอย่างสุดใจเรื่องใบหน้าหล่อๆของเขา ไม่รู้ว่าคนไทยเอาส่วนไหนดูว่าอีตานี่มีหน้าตาที่สุดแสนจะเฟอร์เฟค!
'ก๊อก ก๊อก' เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะที่ฉันกำลังจะประทุษร้ายสิ่งมีชีวิตเพศชายตรงหน้า
'แกร็ก กริ้ก'
"พี่ไม้ ล็อคประตูทำไมอ่ะ อ้าว! มินมิน ตื่นแล้วหรอ? แล้วลุกขึ้นมาทำอะไรของเธอฮะ ลงไปนอนสิ เดี๋ยวหน้ามืดขึ้นมาจะทำยังไง จริงเลยเธอเนี่ย"
ยัยริรินตัวขัดลาภเป็นคนเคาะประตู แถมยังเอากุญแจมาไขประตูโดยวิสาสะ เดินมาจิ้มหน้าผากฉันเบาๆ พอให้เซล้มลงไปนอน หน็อย ยัยตัวขัดลาภเท้า ฉันกำลังจะได้ถีบไอ้คนที่มันพูดว่ารังเกียจฉันอยู่แล้วเชียว
"มินไม่ง่วงอ่าา ริริน" ฉันบู้ปากอ้อนคนตรงหน้า ริรินที่ฉันเรียกก็คือยัยมินน้องสาวของกวินหรือไม้นั่นแหละ ริรินที่ฉันเคยรู้จักเป็นสาวน้อยผมดำยาวมีน้ำหนัก ไม่รู้ว่าไปถูกผู้ชายที่ไหนหักอกมา ยัยมินถึงได้ไปตัดผมซะสั้น แค่นั้นยังไม่พอยัยนี่ยังฟอกผมตัวเองให้กลายเป็นสีขาวเหลือง หรือจะเรียกว่าบลอนด์แบบซีดๆ ตามที่ช่างทำสีผมเรียกกัน แต่มันก็เข้ากันดีกับผิวขาวซีด นิ้วมือเรียวยาว ริมฝีปากชมพูบาง และรูปร่างที่แสนจะเซ็กซี่ที่ฉันทาบไม่ติด คิดแล้วก็อนาถตัวเองจริงๆ กระซิก กระซิก
"ไม่ง่วงหรอ? งั้นไปหาอะไรทานมั๊ย พี่ไม้มันดูแลเธอไม่ดีสักเท่าไหร่ใช่มั๊ยหล่ะ? มาๆ ที่รัก ฉันจะทำสเต๊กปลาราดซอสให้เธอเอง วันนี้แม่ซื้อปลารอลลี่มาพอดี ป่ะไปกัน" ยัยมินพูดพลาดถอดสายน้ำเกลือออกให้ฉันโดยพลการ ถ้าฉันเกิดช็อคขึ้นมาก็คงไม่ต้องโทษใครที่ไหนไกลแล้วละ
เราเดินลงบันไดวนที่ถูกออกแบบมาให้วนรอบเสาต้นใหญ่ ให้ตายสิ! ฉันรู้สึกเวียนหัวยิ่งกว่าเดิมอีก เดินแล้วขัดหูขัดตาอยากจะกระโดดข้ามฟากบันไดให้รู้แล้วรู้รอด แต่บังเอิญสังขารฉันตอนนี้มันไม่เอื้ออำนวยซะเลย ขืนกระโดดจริงๆ มีหวังไม่ใช่แค่นอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงล่ะ
บ้านหลังนี้ชั้นบนปูด้วยไม้ซีดาแดงทั้งชั้น ซึ่งจากสามัญสำนึกและความรู้รอบตัวแล้ว ฉันไม่รู้จักมันดีนัก แต่เท่าที่พื้นฐานของความยาจกที่ฝังแน่นทุกอณูรูขุมขนมันร่ำร้องไห้ฉันงัดแงะไปขายเพราะน่าจะได้เงินดีเอาการ ส่วนชั้นล่างเป็นปูนทาสีเทาหม่นๆ ไม่ขาว ไม่ดำ และไม่เทาจนเกินไป คือไม่รู้จะอธิบายยังไงเอาเป็นว่าข้ามเรื่องสีผนังไปเลยละกัน ถ้าเดินลงมาจากข้างบนก็จะเห็นห้องโถงได้อย่างชัดเจน ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สอยอยู่ภายในบ้านได้นำมาวางในรูปแบบที่ทำให้เกิดการแบ่งพื้นที่บ้านออกเป็นสามส่วนตามจำนวนคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน และเหนือสิ่งอื่นใดสามส่วนที่ว่าถูกตกแต่งคนละแบบตามใจคนใช้พื้นที่ ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อจนเกินไป แต่ก็ลายตาเอาเรื่องเลยทีเดียว
“อ้าว มินมิน ตื่นแล้วหรอลูก” เสียงของป้าพลอยดังมาจากฝั่งห้องครัวที่อยู่อีกฟากหนึ่งของบ้าน แค่เดินลงมาฉันก็ได้กลิ่นหอมของแกงเขียวหวาน ที่ฉันรักป้าพลอยก็เพราะอย่างนี้แหละ แม่ครัวมือฉมังที่หาตัวจับยาก แต่ป้ายอมให้ลุงพรหมจับได้ ฮิฮิ ไม่เกี่ยวกันสักนิดนี่นา
“ค่ะ รบกวนหน่อยนะคะป้าพลอย” ฉันกล่าวขอบคุณป้าพลอยที่เดินถือถ้วยแกงเขียวหวานมาวางบนโต๊ะตรงกลางห้อง แต่ยังไม่ทันจะพูดจบก็มีเสียงหมูแมวแทรกขึ้น
“แบบนี้เรียกนิดหน่อย เฮอะ”
“เอ๊ะ! ตาไม้ ไปว่าหนูมินเขาอะไรแบบนั้นลูก เรานี่ปากพล่อยจริงๆเชียว ลูกมินลูกทำตัวตามสบายนะจ๊ะ ว่าแต่จะกลับยังไง มินให้ไม้ไปส่งดีไหมลูก ป้าว่าปลอดภัยดี”
ฮึ! สมน้ำหน้า โดนป้าพลอยดุเอาจนได้
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ มินกลับเองได้สบายมากกกค่า” ฉันตอบลากเสียงยาวเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าสบายมากจริงๆ ก็ป้าพลอยน่ะแกขี้กังวลซะยิ่งกว่าใครทั้งหมดที่ฉันเคยรู้จักมา
“ไม้ส่งเองก็ได้แม่ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก อ้าว แม่จะจ้องไม้อะไรขนาดนั้นนี่ ไม้ก็ไปส่งตามพระบัญชาแล้วนี่ไงคร้าบพระมารดา”
กวินพูดแทรกขึ้นมา ทำเอารอยยิ้มบนใบหน้าของฉันเหือดหายไปไวเหมือนน้ำเจอกับไฟ เขาตอบป้าพลอยที่ทำหน้าเคร่งแกมบังคับขู่เข็นให้ลูกชายคนโตไปส่งฉันด้วยน้ำเสียงขี้เล่นเพื่อให้แม่รู้สึกผ่อนคลายหายกังวลมากขึ้น นี่แหละมุมดีๆ ของผู้ชายคนที่ฉันอุตส่าห์ถ่อสังขารมาหาถึงนิวยอร์คซิตี้!
ความคิดเห็น