คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Episodes 1 - Pilot
“สวัสดีครับ สัปดาห์นี้แขกรับเชิญของเราเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์ถึงหกคนด้วยกัน เชิญพบกับพวกเธอ เหล่าเจ้าหญิงผู้เลอโฉม Princess!” พิธีกรรายการทอล์คโชว์ชื่อดังกล่าวเปิดรายการและกล่าวเชิญแขกรับเชิญ ซึ่งเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่กำลังมาแรงในขณะนี้ สปอร์ตไลท์บนเวทีดับลงในขณะที่อินโทรเพลงขึ้น จากนั้นสปอร์ตไลท์จึงไล่เปิดไปทีละคนจนมาถึงคนสุดท้าย ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ดังที่สุด และทั้งหกสาวก็วาดลวดลายร้องเต้นให้แฟนๆแทบคลั่ง เมื่อเพลงจบลงทั้งหกก็หยุดอยู่ในท่าสวย
“แหมยอดเยี่ยมจริงๆครับ เรามาทำความรู้จักกับพวกเธอกันดีกว่า” พิธีกรชายกล่าว
“สวัสดีค่ะ มิจิค่ะ” สาวน้อยร่างเล็กทักทายด้วยใบหน้าแอ๊บแบ๊ว เรียกเสียงหนุ่มๆโลลิได้ยกใหญ่
“สวัสดีค่ะ ชิโร่ค่ะ” สาวหล่อมาดทะเล้นทักทายด้วยใบหน้าเก๊กหล่อ ทำหัวใจสาววายกระตุกจึงส่งเสียงกรี๊ด เธอเลยส่งจูบให้เป็นโบนัสแฟนๆ สาวๆกรี๊ดกันแทบสลบ
“สวัสดีค่ะ เอพิลค่ะ” สาวมั่นพลังล้น ทักทายพร้อมส่ายสะโพกดินระเบิดท่าเต้นประจำตัวให้แฟนๆกรี๊ดกร๊าด
“สัวสดีค่ะ ซอนอาค่ะ” พี่ใหญ่หัวหน้าวงผู้เงียบครึมโค้งทักทายแฟนๆอย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีค่ะ คริสติน่าค่ะ” สาวลูกครึ่งร่างระหงส์ทักทายด้วยใบหน้าเซ็กซี่พร้อมขยิบตาขวาให้หนุ่มๆอ่อนระทวย
“สวัสดีค่ะ เซรยองค่ะ” สาวสวยสุดเพอเฟ็คทักทายด้วยรอยยิ้ม (นางฟ้า) ที่ว่ากันว่าเป็นอาวุธพิฆาตทั้งสามโลก เรียกเสียงกรี๊ดของแฟนๆได้ยาวนานและดังที่สุด
“เอาละครับ เชิญเจ้าหญิงทั้งหกด้านนี้เลยครับ เราจะได้นั่งคุยกัน” พิธีกรชายเดินนำหกสาวไปยังฉากอีกด้าน
“เพลงที่คุณเพิ่งร้องไปนี่ ได้อันดับหนึ่งของชาร์ตเพลงทั่วประเทศติดกันมา 4 สัปดาห์แล้วใช่ไหมครับ?” พิธีกรชายถาม
“ห้าแล้วค่ะ สัปดาห์ล่าสุด เพิ่งประกาศเมื่อวานนี้ก็ยังอยู่อันดับหนึ่งค่ะ” คริสติน่ากล่าว
“โอ้ ห้าเลยรึครับเนี่ย เพลงนี้คงฮิตมากๆเลยนะครับเนี่ย” พิธีกรชายกล่าวเสริม
“ค่ะ ตอนนี้มีการประกวดโคฟเวอร์เพลงนี้ในแฟนคาเฟ่ของพวกเราด้วยค่ะ” เอพิลกล่าว
“โอ้จริงหรือครับเนี่ย งั้นแบบนี้ผมประกวดบ้างได้ไหมครับ?” พิธีกรชายถามอย่างตื่นเต้น เตรียมจะลุกขึ้นมาเต้น เรียกเสียงฮาจากหกสาว
“ได้ค่ะ แต่ว่าคุณต้องมีทีมที่ครบหกคนแบบพวกเรานะค่ะ และก็ต้องเต้นท่าให้ตรงเป๊ะด้วยค่ะ” มิจิกล่าว
“โอะ! หรือครับ งั้นช่วยสอนผมเต้นหน่อยได้ไหม ได้ตัวจริงสอนแบบนี้ผมต้องเต้นดีที่สุดแน่ๆ” พิธีกรชายลุกออกมายืนด้านหน้า เอพิลสาวขาแดนซ์ของวงจึงลุกออกไปสอนให้ เธอสอนท่าฮิตที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของวง “ท่าเจ้าหญิงโบกมือ”
“ท่าเจ้าหญิงโบกมือ คุณจะต้องยืนโดยที่สะโพกจะมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ดูนิ่งเกินไป จากนั้นยกมือขวาขึ้นมาให้อยู่ในระดับคางนะค่ะ โดยที่หันหลังมืออกด้านนอกค่ะและสลัดข้อมือเข้าออก” เอพิลอธิบายและสาธิต
“เอ๊ะแบบนี้มันไม่เหมือนไล่หรือครับ?” พิธีกรชายถามด้วยความสงสัย
“โดยปกติเวลาเราโบกมือเราจะใช้ฝ่ามือหันออกแล้วก็โบกใช่ไหมค่ะ แต่สำหรับเจ้าหญิงที่ต้องโบกมือให้กับคนมากมายการทำแบบนั้นมันจะเหมื่อยเกินไป จึงใช้การสลัดข้อมือแบบนี้แทนนะค่ะ แต่ว่าคุณก็อย่าสลัดมากไปนะค่ะมันจะดูเหมือนไล่อย่างที่คุณว่า และจะปวดข้อมือด้วย” เอพิลเสริม จากนั้นพิธีกรชายจึงทำตามแต่มันดูเหมือนเขากำลังไล่ใครอยู่และการส่ายสะโพกที่เกินพอดีของเขาก็เหมือนกระเทยหลงผับ เรียกเสียงฮาจากแฟนๆในห้องส่งและทำให้หกสาวหัวเราะท้องแข็ง
“เอาละครับ เรามาพูดถึงความเป็นมาของวงดีกว่า…ทำไมจึงตั้งชื่อว่า Princess ครับ หรือเพราะพวกคุณสวยเหมือนเจ้าหญิง ถึงแม้ว่าผมจะเห็นด้วยแต่นั่นใช่เหตุผลจริงๆหรือเปล่าครับ?” พิธีกรชายถามหยอด
“ฮ่าๆๆ ไม่ใช่ค่ะ จริงๆแล้ว Princess มาจาก The Dancing Princesses นิทานของพี่น้องตระกูลกริม เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหญิงทั้ง 12 ที่ตื่นเช้ามาทุกเช้ารองเท้าของพวกเธอนั้นจะพังทั้ง 12 คู่ เลยค่ะ อย่างไม่ทราบสาเหตุ พระราชาเลยคิดว่าเป็นคำสาปและประกาศให้ใครก็ได้มาแก้คำสาปหรือปริศนานี้ โดยให้เวลาแก่คนผู้นั้นเพียงสามวันสามคืนเท่านั้น หากทำไม่ได้ก็จะโดนประหารค่ะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครไขปริศนาได้ จนในที่สุดทหารแก่คนหนึ่งซึ่งถูกเรียกมาตามบัญชาของพระราชา เขาได้พบกับหญิงชรากลางป่าเธอให้เสื้อคลุมล่องหนและห้ามเขาไม่ให้กินสิ่งที่เจ้าหญิงทั้ง 12 ประทานให้ และต้องแกล้งหลับจนกว่าพวกเธอทั้งหมดจะออกไป ในคืนวันที่สามเขาทำตามที่หญิงชราบอกทุกอย่างและตามเจ้าหญิงทั้ง 12 ไป ปรากฏว่าพวกเธอหนีไปเที่ยวเล่นและเต้นกันทั้งคืนจนร้องเท้าพังเลยละค่ะ ปริศนาก็เลยถูกไข” เซรยองเล่าที่มาให้พิธีกรฟังอย่างลุ้นระทึก
“โอ้! ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจจริงๆ เป็นเพราะพวกเธอเต้นกันทั้งคืนรองเท้าก็เลยพัง โอ้พวกเธอคงจะเต้นเก่งกันน่าดูนะครับ สมแล้วที่ชื่อ Dancing Princesses เอ๊ะแต่คุณว่า 12 คนไม่ใช่หรือครับ แล้วทำไมพวกคุณถึงมีแค่ 6 ล่ะ?” พิธีกรถามต่อ
“ตอนแรกโปรดิวเซอร์ของพวกเราก็อยากจะได้วงที่มีสมาชิก 12 คน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็จะทำลายสถิติเกริลกรุ๊ปเกาหลีไปเลย แต่ว่าพอมาคิดดูการหานักร้องนักเต้นจำนวนเท่านั้นเป็นเรื่องยากมากทีเดียว และแฟนๆอาจจะจำได้ไม่หมดก็ได้ค่ะ เขาก็เลยหารครึ่งเป็น 6 คน เพราะฉะนั้นพวกเรา 1 คนจึงเท่ากับเจ้าหญิงนักเต้น 2 คนใน The Dancing Princesses พวกเราจะต้องเต้นให้ได้เท่ากับพวกเธอสองคนเต้นเลยค่ะ” เซรยองอธิบาย
“โอ้! มันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่พวกคุณก็เต้นเก่งจริงๆนะครับ ผมชอบท่าโบกมือมากเลย เดี๋ยวผมจะรวมทีมให้ได้และร่วมประกวดบ้างครับ….และทั้งหมดนี่คือพวกเธอครับ เจ้าหญิงนักเต้น Princess!” พิธีกรชายกล่าวปิดรายการ พร้อมเสียงกรี๊ดของแฟนๆที่ดังสนั่นห้องส่ง
“เฮอะ! หาร 2 หรอ กล้าพูดจริงๆ แต่เดิมประธานคังจะทำวงแค่พวกฉัน 5 คนหรอกย่ะ แต่เพราะพ่อหล่อนมาซื้อบริษัทนี้หล่อนก็เลยได้เข้ามาอยู่ ให้ตายเถอะพวกลูกคุณหนูนี่ไม่ต้องพยายามอะไรเล้ย” เอพิลจีบปากจีบคอประชดประชัน ขณะเดินเข้าบ้านพักของวง
“ไม่เอาน่า จะพูดอะไรนักหนา ถึงยังไงเขาก็เป็นสมาชิกของวงเรา” ซอนอาปราม
“ยัยนั่นเคยคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกันด้วยหรอ ทำตัวอยู่คนละระดับกับเราตลอด ห้องนอนก็ได้ใหญ่กว่าพวกเรา เรื่องนั้นยังไม่เท่าไหร่ ยังมีเก้าอี้ประจำตัวในบ้านที่ห้ามใครนั่งอีก และนี่ นี่! ตู้เย็นที่แยกกับพวกเรา นี่มันอะไรกันนักหนา!” เอพิลระเบิดอารมณ์
“โอ้ยหนวกหูจริงๆเล้ย พวกขี้อิจฉาเนี่ย” มิจิกล่าวขึ้นและส่ายหน้าอย่างระอา
“นี่ยัยเตี้ยมีปัญหาหรอ!” เอพิลของขึ้น
“ว่าไงนะนังทึก!” มิจิที่โดนพูดแทงใจเรื่องความสูงเดือดขึ้นทันที จึงสวนกลับด้วยคำจี้ใจของเอพิลเช่นกัน ทั้งสองจึงเข้าตะลุมบอลกันนัวเนีย ซอนอาเห็นดังนั้นก็เดินส่ายหน้าด้วยความระอาเข้าห้องของตัวเองไป เหลือแต่ชิโร่ที่ยังนั่งถักไหมพรมอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“พวกเธอทำอะไรกันเนี่ย?” คริสติน่าที่เพิ่งเดินเข้าบ้านมาถามขึ้น สองสาวคู่กัดจึงหยุดหันมามอง ก็พบเข้ากับสายตาดูแคลนของเซรยองที่มองมาอย่างสมเพช ก่อนจะเดินเชิดหน้าเข้าห้องนอนสุดอลังการของเธอ
“กรี๊ดดดดดดดดด ฉันเกลียดยัยนั่น เพราะเธอล่ะยัยเตี้ยดูซิยัยนั่นถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น กรี๊ดดดด” เอพิลร้องโวยวาย
“ก็สมควรแล้วนี่ยัยทึกขี้อิจฉา” มิจิสวน
“เธอตายยัยเตี้ย!” และทั้งสองก็ฟัดกันต่อ คริสติน่าได้แต่ส่ายหน้าระอา
“ชิโร่หิวจัง ทำกับข้าวให้กินหน่อยสิ” คริสติน่ากล่าวกับสาวหล่อแอบหวานที่นั่งถักไหมพรมอย่างตั้งอกตั้งใจ
“อ่ะหิวแล้วหรอ เดี๋ยวนะจะทำให้เดี๋ยวนี้ละ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปทำอาหารให้ตามที่เพื่อนสาวร่างระหงส์บอก โดยมีเสียงแว๊ดๆของสองสาวคู่กัดที่กำลังฟัดกันเป็นซาวด์แทร็คประกอบ
ไม่นานอาหารของทั้งหกก็ทำเสร็จโดยฝีมือแม่ครัวประจำบ้านอย่างชิโร่ สาวหล่อกำลังจัดโต๊ะอาหารให้น่าทานอย่างอารมณ์ดีทันใดหมาป่าสาวที่คิดว่าเข้าไปอาบน้ำอยู่นั้นก็ลอบเข้ามาจากด้านหลัง
“นี่แน่ะ!” เอพิลเข้ามาเปิดกระโปรงตัวพลิ้วที่ชิโร่ใส่อยู่จนเห็นชั้นในตัวการ์ตูนของเธอ
“ว้าย!” สาวหล่อร้องด้วยความตกใจ หมาป่าสาวก็หัวเราะชอบใจกับปฏิกิริยาของคนถูกแกล้ง
“เฮ้อ...ไร้สาระจริงๆ” คริสติน่าที่นั่งทานอยู่กล่าวอย่างอ่อนใจ
ขณะเดียวกันในห้องนอนของมิจิ เธอกำลังสำออยให้ผู้จัดการชางเข้ามาทำแผลที่เกิดจากการฟัดกันเมื่อครู่
“ดูสิค่ะ แก้มฉันแดงไปหมดเลย ยัยนั่นนะมือหนักจะตาย พรุ่งนี้แก้มของฉันต้องบวมแน่ๆเลย คงไปออกรายการไม่ได้แล้ว” มิจิกล่าวด้วยน้ำเสียงออเซาะ
“ไม่ได้นะ รายการพรุ่งนี้สำคัญมาก ไม่ไปไม่ได้นะ” ผู้จัดการชางกล่าว
“ถ้างั้นก็เข้ามาทายาให้ฉันหน่อยซิค่ะ” มิจิอ้อน ผู้จัดการชางครุ่นคิดสักครู่จึงเดินตามเข้าไป แต่เมื่อลูกแกะเข้ามาในถ้ำแม่เสือสาวแล้ว เธอก็กระโจนใส่เขาทันที มิจิคล่อมร่างของเขาพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้และจับมือของเขาขึ้นมาลูบแก้มของเธอ
“ดูซิค่ะ มันแดงมากชิมิ” มิจิทำเสียงดัดจริตสุดพลัง ผู้จัดการชางที่ถูกจู่โจมถึงกับทำอะไรไม่ถูกได้แต่อ้าปากผงาบๆ ร่างเล็กจึงค่อยๆโน้มลงมาใกล้ใบหน้าเขาช้าๆ ดวงตากลมโตปิดลงริมฝีปากเผยอเล็กน้อยก่อนที่
“ไปกินข้าวได้แล้ว” ซอนอาเปิดประตูเข้ามาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทำให้มิจิเสียจังหวะผู้จัดการชางจึงได้ทีรีบลุกขึ้นและวิ่งออกจากห้องไปทันที มิจิได้แต่เสียดายโอกาสที่หลุดลอยไป
ทั้งห้านั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร ขาดเพียงเจ้าหญิงเซรยองจอมหยิ่งที่ยังไม่เสด็จออกจากห้องบรรทม
“ให้ตายเถอะ นี่ต้องไปปูพรมรับเสด็จเลยไหมถึงจะออกมานะ” เอพิลพูดขึ้น
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พี่ไปบอกแล้วเดี๋ยวเขาก็ออกมาเองละ” ซอนอากล่าว ทันใดร่างบางของเซรยองก็เดินนวยนาดมา เธอมองจานอาหารตรงหน้าแล้วก็ทำหน้าแหย เอพิลเห็นก็เป็นเดือด
“นี่หล่อนคนเขาอุตส่าทำให้ ก็กินๆไปเถอะน่า เธออยากจะกินอะไร อาหารทิพย์หรอ! เดี๋ยวตายไปก็ได้กินเองล่ะ” เอพิลพูดใส่
“ไม่เอาน่าพี่เอพิล....เซรยองชิ(คุณ)ไม่ชอบสปาร์เก็ตตี้หรือค่ะ เดี๋ยวฉันทำให้ใหม่ก็ได้นะค่ะ คุณอยากทานอะไร?” ชิโร่ปรามคนอารมณ์ร้อนและถามเซรยองอย่างสนใจ
“ช่างเถอะ คนระดับเธอคงทำอาหารที่ฉันอยากทานไม่ได้หรอก” เซรยองกล่าวน้ำเสียงเรียบและลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไป
“นี่ยัยบ้า มันจะมากไปแล้วนะ!” เอพิลเหลืออดลุกพรวดขึ้นชี้หน้าเซรยอง
ติ๊งต่อง! เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นพอดี ดั่งเสียงสวรรค์ห้ามศึกพยัคฆ์มังกร
“ผู้จัดการชางไปไหนล่ะ? ทำไมไม่ไปเปิด” คริสติน่าถามขึ้น
“หนีกลับบ้านไปแล้วล่ะ เพราะมิจิไปปล้ำเขา” ซอนอาตอบ ทุกคนจึงหันไปมองเธอเป็นตาเดียว
“อะไรกันเล่ามิจิแค่หยอกผู้จัดการเล่นแค่นั้นเอง” สาวร่างเล็กกล่าวและก้มหน้าก้มตาทานต่อ
“งั้นใครจะไปเปิด?” คริสติน่าถาม
“เดี๋ยวชิโร่ไปเปิดให้เอง” ชิโร่ขันอาสา หากแต่โดนเอพิลรั้งไว้
“ไม่ต้อง ให้คนที่ลุกออกจากโต๊ะไปแล้ว ไปเปิดซิ” เอพิลกล่าวและดึงร่างชิโร่ให้นั่งลงพร้อมส่งสายตาท้าทายเซรยอง เซรยองหัวเราะเยาะและส่งยิ้มกวนประสาทกลับ
“ไม่” ร่างบางกล่าวสั้นๆเรียบๆแต่ได้ใจความ
“ก็เธอลุกออกไปแล้วนี่ เดินไปเปิดแค่นี้จะเป็นอะไรไป อ้อหรือว่าคุณหนูเซรยอง เป็นง่อย” เอพิลพูดกวนประสาท ทำเซรยองถึงกับเดือดดาน เดินเข้ามาทุบโต๊ะดังปัง!
“ว่าไงนะ!” เซรยองตะคอกใส่เอพิล สาวอารมณ์ร้อนไม่น้อยหน้าลุกพรวดขึ้นประชันหน้าอีกคนทันที
“พอที! ฉันไปเอง!” คริสติน่าเหลืออดแผดเสียงขึ้นให้ทุกคนหยุดชะงัก ขนาดพี่ใหญ่ซอนอาที่ว่าเยือกเย็นก็ถึงกับทำช้อนตก มิจิที่ก้มหน้าก้มตากินอยู่ก็สำลักเส้นสปาร์เก็ตตี้ออกมาทางจมูก ชิโร่ตัวสั่นเทาดั่งลูกนก ส่วนจอมทัพทั้งสองในศึกครั้งนี้ก็ถึงกับหน้าเสีย ร่างระหงส์จึงลุกออกไปเปิดประตูบ้าน ทันทีที่ประตูเปิดออกก็พบกับผู้หญิงร่างสูงในชุดคลุมยาวสีดำกำลังยืนหันหลังอยู่ด้วยเพราะรอคนมาเปิดนานแล้ว คริสติน่าเห็นคนไม่คุ้นตาจึงเอ่ยถามขึ้น
“มาหาใครหรือค่ะ?” ร่างระหงส์ถาม หญิงร่างสูงจึงหันมา
“อีเซรยอง” เธอบอกด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ หากแต่มันมาพร้อมกับลมแห่งฤดูหนาวที่พัดเข้ามาในบ้านหลังนี้ซึ่งกระทบกับใบหน้าของร่างระหงส์เข้าเต็มๆ หน้าของเธอรู้สึกชาไปชั่วขณะก่อนจะแดงขึ้นเรื่อยๆโดยที่สายตาของเธอไม่ละไปจากคนหน้าประตู ก่อนที่นักร้องสาวทั้งห้าจะเดินมาสมทบกัน
“เขามาหาใครนะ?” มิจิถามขึ้น
“เห็นว่าเป็นเซรยองชินะ” ชิโร่ที่เดินตามคริสติน่ามาติดๆทันได้ยินคำตอบของผู้มาเยือนบอก เซรยองจึงเดินฝ่าวงล้อมของทั้งหมดออกมาดูว่าใครกันที่มาหาเธอ ร่างบางมองผู้มาเยือนด้วยความแปลกใจ
“คุณเป็นใคร?” เซรยองถาม
“บอดี้การ์ดของเธอ” หญิงปริศนาตอบ ทำเอาห้าสาวถึงกับอ้าปากค้างมองทั้งสองด้วยความแปลกใจ
ความคิดเห็น