ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซ่อนรักระหว่างบรรทัด

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอน 1

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 54


     1 เม.ย.

    ฉันเริ่มต้นลงมือเขียนบันทึกเล่มนี้ขึ้นก็เพราะความเหงาผสมกับความกลัว

    กลัวอะไรน่ะหรือ กลัวที่จะต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่มีใครน่ะสิ

    วันเวลาหมุนผ่านไปตามที่มันควรจะเป็น ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง มีความหวัง ความฝัน ศรัทธา และความรัก ในขณะที่ฉันไม่มีใครเลยสักคน โลกของฉันว่างเปล่า เงียบเหงา แต่ไม่หรอก มันจะเป็นไม่เป็นอย่างนี้อีกต่อไป

    ฉันสัญญา...

    วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน วันที่ฉันไม่อยากจะปักเทียนลงบนก้อนเค้กเพราะจำนวนเทียนมากมายทำให้ฉันได้รู้ว่าฉันกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะขึ้นคานอย่างแท้จริง ฉันไม่มีครอบครัวเหลืออยู่ ฉันอยู่ตัวคนเดียวในโลก และไม่... ฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนี้อีกต่อไป พอกันทีกับชีวิตโสด เงียบเหงาเปลี่ยวดาย

    วันเกิดปีที่สามสิบ ฉันตัดสินใจทำเรื่องที่ไม่น่าจะทำ แต่ใครจะสนกันล่ะ ในเมื่อฉันไม่มีอะไรเสียนอกจาก... ความเสียดายถ้าไม่ได้ลงมือทำ

    ว่ากันว่าคนเรามักจะกล้าขึ้น เป็นคนละคนเมื่ออยู่ในโลกอินเตอร์เนท เพราะเราไม่มีภาระหน้าที่ หรือแม้แต่หน้าตาทางสังคมให้ต้องรับผิดชอบถึงผลที่จะตามมา ตัวตนที่เราสมมติขึ้นในโลกใหม่ใบนี้ เลยทำให้เรากล้าจะทำในสิ่งที่ชีวิตจริงมีวันกล้ามาก่อน

    รวมทั้งฉันด้วย...

    ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย เหรียญมีสองด้าน และวันนี้กลับเป็นวันที่ฉันพลิกอีกด้านของเหรียญที่ซ่อนอยู่ในตัวออกมาใช้

    ปกติงานของฉันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าตื่นแต่เช้าไปตอกบัตรเข้างาน หัวหมุนตลอดทั้งวันและภาวนาให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ วันหยุดน่ะหรือ มีไว้สำหรับนอนสลบอยู่ที่ห้องพัก หรือไม่ก็ออกไปห้างดูหนังสักรอบ ตลอดทั้งปีชีวิตของฉันมีเพียงเท่านี้ แถมยังทำงานในบริษัทการเงินเล็กๆ พนักงานทั้งบริษัทมีสิบกว่าคน เป็นผู้หญิงมากกว่าครึ่ง ส่วนผู้ชายที่เหลือ ถ้าไม่แต่งงานแล้วก็มักเป็นเพศที่สามก็เท่านั้น

    ฉันจะไม่คร่ำครวญถึงผู้ชายในที่ทำงานหรอก มันไร้สาระจะตายไป สู้ความคิดใหม่ก็ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็หาคู่ทางอินเตอร์เนทกันทั้งนั้นไม่เห็นจะแปลกตรงไหน

    เหมือนเพื่อนรักฉันจะรู้นะว่าฉันคิดเลยเถิดไปถึงไหนๆ เพียงแค่เล่าให้ฟังว่าจะทำอะไรในวันเกิดปีที่สามสิบของฉันบ้าง เขาก็ส่งข้อความมาทันที

     แน่ใจแล้วเหรอแก ถ้าเกิดไปเจอพวกโรคจิต หลอกไปนอนด้วยจะทำไง

    เขา... ใช่... เพื่อนของฉันเป็นผู้ชายโดยกำเนิด แต่สถานปัจจุบันฉันไม่อาจรู้ได้ว่ามันเลือกเพศได้รึยัง ความที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ฉันถึงไม่คิดจะปิดบังอะไรกับนายธีรเทพคนนี้

    หมายเหตุ ขออนุญาตเรียก มัน เพราะความสนิทสนมกว่าสิบปี จะให้เรียกเขา เรียกคุณคงกระดากปากน่าดู

    เห็นข้อความแสดงความหวังดีแล้วฉันก็รีบตอบกลับไปทันที

    ก็ดีสิแก ฉันจะได้รู้ซะทีว่าเซ็กซ์มันเป็นยังไง

    ฉันคิดว่ามันคงอึ้งไปสักพัก คอยคิดหาประโยคแสบๆ ตอบกลับมาเหมือนทุกที แต่เปล่าเลยไม่ถึงห้าวินาทีดี ข้อความก็เด้งกลับมา

    ถ้าแกอยากรู้ขนาดนั้น ฉันช่วยได้

    เอากับมันสิ... ฉันทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

    ยังดีอยู่หรอกที่วันนี้เป็นวันทำงานแสนเหนื่อยหน่าย เพราะใกล้ถึงวันหยุดเต็มที จึงไม่มีใครสนใจอยากทำงานนักหรอก เหมือนมีหน้าที่แค่มาตอกบัตรทำงานเพื่อรอเวลาเลิกงานแล้วรีบคว้ากระเป๋าเก็บของไปต่างจังหวัดกันทั้งนั้นล่ะ วันนี้ถึงไม่มีใครสนใจที่ฉันเอาแต่ส่งข้อความคุยเล่นกับเพื่อน

    ช่วยได้หรือ... ก็บอกแล้วว่าฉันกับมันไม่เคยมีความลับต่อกัน มีอะไรก็เล่ากันหมด ไม่มีปิดบัง แล้วดูสิ ชักจะเล่นเลยเถิดไปถึงไหนแล้ว

    ช่วยยังไง ฉันถามกลับไปเพราะยังคิดมุขตลบหลังไม่ค่อยออก

    แกอยากให้ช่วยยังไงก็ว่ามา

    ทุกอย่างนั่นล่ะ ฉันตอบกลับไป

    ได้อยู่แล้ว

    ทำไมใจดีนัก

    ฉันถามทั้งที่เริ่มงงแล้วว่ากำลังพูดถึงอะไรกันอยู่ แต่เหมือนมันจะเก็บกดมาจากไหนถึงได้ร่ายยาวใส่ฉันเป็นชุด

    ก็คงดีกว่าปล่อยให้แกไปนัดบอดเจอผู้ชายโรคจิตที่ไหนก็ไม่รู้ในอินเตอร์เนทก็แล้วกัน แกยิ่งเซ่อๆ โง่ๆ อยู่ อย่าคิดว่าขึ้นคานแล้วจะไม่มีใครสนนะโว้ย ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง ลองปิดไฟคลำเจอแล้วก็เหมือนกันหมดจะสวยไม่สวย มันก็ไม่ต่างกันหรอก

    ฉันอึ้งไปนานเลย ไม่รู้จะตอบความตรงไปตรงมาหรือที่เรียกว่าปากสุนัขของเพื่อนยังไงดี ธีรเทพนี่ อะไรๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่บทจะทะลุกลางปล้องขึ้นมา ก็ไม่มีใครอยากฟังปากมันเหมือนกัน

    กว่าฉันจะคิดออกว่าจะตอบยังไงดีก็ร่วมสิบนาที แต่ยังทำวางฟอร์มใส่กลัวจะมีใครรู้ว่าฉันอึ้ง

    โทษที เมื่อกี้งานเข้า ถึงไหนแล้วนะ

    มันไม่ตอบ เชอะ... คิดว่าฉันจะสนใจหรอ ไม่ตอบมา ฉันก็ส่งข้อความไปอีกได้ย่ะ

    แกคิดมากเกินไปแล้ว ฉันกำลังจะไปนัดเดทดูตัวนะ ไม่ใช่ไปตาย

    ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ผู้ชายดีๆ ที่ไหนมันจะมาหาคู่ในอินเตอร์เนท มันต้องมีอะไรสักอย่าง

    ก็บอกแล้วว่าไม่ได้หาคู่ แล้วคนนี้ฉันก็คุยกับเขามาตั้งปีนึงแล้วนะ ฉันเคยเล่าให้แกฟังแล้วไงจำไม่ได้รึไงยะ

    เรื่องมันมีอยู่ว่าปีที่แล้วฉันเบื่อๆ เพราะวันเกิดไม่มีอะไรทำ เลยไปโพสว่าเหงาจัง ทำไงดี วันเกิดทั้งที กลับไม่มีใครจำได้ (ก็แน่ล่ะใครจะไปจำได้ในเมื่อฉันแทบไม่มีใครเลย แถมธีรเพทก็ไปสัมมนาต่างจังหวัดอีก) แล้วเขาคนนี้ก็ตอบกลับมาให้กำลังใจฉัน

    หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ คุยหมดทุกเรื่อง สังคม การเมือง ศิลปะ ดนตรี กีฬา ทุกเรื่องบนโลกใบนี้ฉันคุยกับเขาหมด ยกเว้นเรื่องบนเตียงเท่านั้นล่ะ

    ไม่อยากจะคุยหรอกนะว่าเราไปกันได้สวยขนาดไหน เขาชอบส่งกลอนมาให้ฉันอ่านบ่อยๆ เพราะเขาบอกว่าเขาอยากเป็นนักเขียน แต่เขียนอะไรก็ไม่เคยเสร็จสักที ตอนนี้เลยเป็นนักอยากเขียนไปก่อน และฉันเป็นคนแรกที่ได้อ่านผลงานของเขา

    แอบปลื้มอยู่นะ ยิ่งคุยก็ยิ่งปลื้ม แล้วจะไม่ให้ฉันไปพบเขาได้ยังไงจริงไหม

    ตื่นจากฝันได้แล้วคุณจามจุรีที่รัก ผู้ชายสมบูรณ์แบบของแกน่ะ เป็นแค่ภาพฝันเท่านั้นล่ะ ในเนทอยากพิมพ์อะไรก็พิมพ์ แกเชื่อจริงๆ หรอว่าเขามีตัวตนอยู่จริง ฉันหมายถึงตัวตนอย่างที่เขาเล่าให้แกฟังนะ เชื่อหรอว่าเขาไม่ได้โกหกอะไรแกเลย

    ไม่รู้ ฉันตอบไปตรงๆ ซื่อๆ นี่ล่ะ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะหลอกฉันนะแก ฉันมีอะไรให้เขาหลอกกัน คุยกันได้ตั้งเป็นปี มันคุ้มแล้วหรอ

    ก็ฉันบอกอยู่นี่ไงว่าแกเป็นผู้หญิง จะเที่ยวไปนัดบอดดูตัวกับผู้ชายในอินเตอร์เนทนี่คิดดีแล้วหรอ

    ดีที่สุดแล้ว

    เจอคำยืนยันไปอีกรอบ คราวนี้ธีรเทพเป็นฝ่ายเงียบหายไปเลย ไอ้ฉันก็รอคำตอบอยู่เป็นนาน แต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา ฉันเลยตัดสินใจพิมพ์ข้อความส่งไปหาเสียเอง

    ถ้าเป็นห่วงฉันนัก ก็ไปด้วยกันเลยดีไหม

    พิมพ์เสร็จกดส่งปุ๊บ ข้อความก็ตอบกลับมาทันที

    ไม่ไป

    แสดงว่าเขานั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ตลอดนี่ล่ะ แค่ไม่อยากตอบเท่านั้นเอง

    ฉันคิดแล้วก็ชักโมโห

    ตกลงแกจะเอายังไงกับฉันหา จะไปก็ไม่ให้ไป ห้ามโน้นห้ามนี่ ชวนไปด้วยกันก็ไม่ยอมไป

    ข้อความเงียบหายไปอีกครั้ง คราวนี้เป็นฉันที่ซวยของแท้ เจ้านายเดินออกมาจากห้องทำงาน โยนเอกสารให้ปึกใหญ่ สั่งงานอีกสองสามนาที แต่คงใช้เวลาทำอีกหลายชั่วโมง ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องตัวเอง พนักงานกินเงินเดือนตัวน้อยๆ อย่างฉันเลยได้แต่ก้มหน้ารับคำ

    ตกช่วงบ่ายระหว่างที่เคลียงานอยู่ฉันก็เหลือบไปเห็นข้อความเข้าจากเพื่อนรักที่ค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อสองชั่วโมงก่อน

    ฉันไม่ให้แกไป แล้วฉันก็ไม่อยากไปเป็นเพื่อนแก

    แล้วฉันต้องเชื่อฟังแกด้วยรึไงฉันรีบพิมพ์ตอบกลับไป

    เออ

    ดูมันทำ ตอบกลับมาได้อย่างกับมันเป็นญาติผู้ใหญ่ของฉัน เป็นพี่ชาย เป็นคนที่ฉันจะต้องเคารพเชื่อฟัง มีหรือฉันจะยอม

    ฉันจะไป

    คราวนี้ธีรเทพเงียบหายไปอีกครั้ง ฉันก็ทันได้สนใจ งานกองโตรออยู่ แถมค่ำนี้ฉันยังมีนัดกับหนุ่มในฝันอีก ใครกันจะไปสนเพื่อนเก้งกวางปากจัดเอาแต่ใจตัวเอง

    แต่ก่อนเลิกงานฉันก็ต้องเช็คข้อความเข้าอยู่ดี

    แกอยากมีนักใช่ไหม

    มีอะไร

    สามี

    ฉันอ่านแล้วก็ได้แต่หัวเราะกับตัวเองเหมือนคนบ้า ก่อนจะพิมพ์ตอบลงไปง่ายดาย

    เออ

    งั้นเราแต่งงานกันไหม

    ฉันอึ้งเลยทีนี้ ชักจะแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะคุณธีรเทพ

    ฉันหยุดคิดอยู่เกือบสอองนาทีเต็มข้อความของเพื่อนรักก็เด้งกลับมาอีก ก่อนที่จะออฟไลน์หายไปเลย

    สุขสันต์วันเอพริวฟลูเดย์

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×