ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องครักษ์พิทักษ์ใจ (วอนเฮ)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 53







    “ซีวอน เมื่อไหร่เจ้าจะมีชายาเสียที”

     

    ดวงพักตร์คมเข้มได้รูปตามเชื้อสายที่สืบทอดกันมาของบุรุษเจ้าของชื่อแหงนเงยจากกองเอกสารมากมายที่กำลังสะสางให้เสร็จสิ้นขึ้นมองเจ้าของคำถามทันที รอยแย้มสรวญฉายระยับ ทอดพระเนตรท่วงท่ากลุ้มพระทัยของพระบิดาเห็นเป็นเรื่องปกติ

    สุรเสียงนุ่มนวลไพเราะเปล่งวาจาหลังจากเชื้อเชิญพระบิดาให้ประทับเป็นที่เรียบร้อย “ถวายพระพรเสด็จพ่อ เหตุใดเสด็จพ่อถึงไม่ทรงถามเจ้าเยซองบ้างพะย่ะค่ะ เจ้านั่นก็ยังไม่มีคู่ครองเช่นกัน เสด็จพ่อทรงลืมหรืออย่างไร”

    “มันเหมือนกันที่ไหนเล่า มิใช่ว่าน้องของเจ้านั้นจะไม่มีความสำคัญหรือไฉน แต่เป็นตัวเจ้าต่างหากที่ดำรงค์เป็นถึงองค์รัชทายาท รูปร่างรึก็งามสง่า จึงมิแปลกที่จะเป็นที่ถูกจับตามองซะมากกว่า แต่จนป่านนี้เจ้ายังมิมีคู่ครองหรือถูกตาต้องใจใครสักคน แล้วเจ้าจะไม่ให้พ่อร้อนใจได้เยี่ยงไร”

    “เสด็จพ่อ ลูกยังไม่อยากคิดเรื่องนี้พะย่ะค่ะ ลูกอยากจะเรียนรู้ราชกิจ งานบ้านการเมืองต่าง ๆ ให้กระจ่างแจ้งเสียก่อนพะย่ะค่ะ”

    “นี่เจ้าหาว่าพ่อแก่ หมดเรี่ยวแรงที่จะบริหารบ้านเมืองแล้วกระนั้นรึ เจ้าถึงต้องรีบเรียนรู้งานต่าง ๆ โดยไว” พระพักตร์คมเข้มส่ายไหวไปมา หลังจากได้รับค้อนวงใหญ่จากน้ำคำที่ฟังไม่เข้าพระกรรณของพระบิดา

    “ลูกมิกล้า เสด็จพ่อยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ดวงพักตร์อ่อนกว่าพระชันษาเสียด้วยซ้ำ มิเช่นนั้นเสด็จแม่จะทรงหึงหวงอย่างทุกวันนี้หรือพะย่ะค่ะ”

    “ฮ่า ๆ จริงแท้ลูกเอ๋ย เจ้าช่างพูดได้ถูกใจพ่อเสียจริง ๆ ... เอ้อ ว่าแต่เมื่อไหร่เจ้าจะหาคู่ครองเสียที”

     

    ให้ตายสิ... อุตส่าห์พาออกนอกเรื่องแล้วนะ วกกลับเข้าเรื่องนี้อีกจนได้ เฮ้อ~

     

    เอาไว้ให้ลูกถูกใจใครสักคนก่อนนะพะย่ะค่ะ แล้วเวลานั้นลูกจะทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบพะย่ะค่ะ

    ไม่ได้ ๆ ไม่ดี ๆ ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดมา พ่อไม่ต้องรอจนแก่หรอกเหรอ... เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดือนหน้าพ่อจะจัดงานเลือกคู่ให้เจ้าเองดีไหม พระหัตถ์หนาโบกสะบัด พร้อมพระพักตร์ไหวไม่คิดเห็นด้วยกับความคิดของบุตรชาย

    หา!! ไม่ดีกระมัง ลูกว่า...

    ดีที่สุด ภายในงานถ้าเจ้าถูกใจใครก็บอกพ่อแล้วกัน พ่อจะได้หาฤกษ์งามยามดี กำหนดวันอภิเษกให้เรียบร้อยเสียทีเดียว เจ้าอย่าได้ปฏิเสธเป็นอันขาด ชี้พระพักตร์คมเข้มของบุตรชาย ดวงเนตรจ้องเขม็งให้ยอมความ

    องค์รัชทายาทผู้สงบขรึมทำได้เพียงถอดถอนพระหทัย มิอาจขัดพระประสงค์แห่งบิดาของตนได้

    ลูกทราบดีพะย่ะค่ะ ว่าลูกคัดค้านพระประสงค์ของเสด็จพ่อไม่ได้อยู่แล้ว ตามแต่เสด็จพ่อเห็นสมควรเถิดพะย่ะค่ะ

    อืม... เป็นอันตกลงตามนี้ เจ้าก็เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมก็แล้วกัน หากว่าในวันนั้นเจ้าไม่เลือกใครสักคนเป็นคู่ครองล่ะก็ แม่ของเจ้าคงจะลงมือคัดสรรหญิงสาวทั้งหลายมาให้เจ้าเลือกด้วยตัวเองยิ่งกว่านี้เป็นแน่ และถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริง ตัวของเจ้าเองนั่นแหละที่จะปวดหัวมากกว่านี้

    ขอบพระทัยที่ทรงเตือนพะย่ะค่ะ ยังไงเสียลูกก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ใช่ไหมพะย่ะค่ะ

    ก็คงเป็นเช่นนั้น แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ กว่างานจะเริ่มก็อีกตั้งเกือบเดือน เจ้ายังพอมีเวลาดูหน้าค่าตาและเรียนรู้นิสัยของว่าที่ชายาของเจ้าได้ เพราะแม่ของเจ้าได้ส่งสาส์นเชิญบรรดาท่านหญิงจากเมืองต่าง ๆ รวมถึงหญิงสาวชาวบ้านที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดไว้มาในงานด้วย รับรองได้เลย บรรดาแม่หญิงทั้งหลายมากันหนาตาเป็นแน่

    ถึงขนาดนั้นเชียวรึพะย่ะค่ะ เยี่ยงนี้แล้วลูกไม่ต้องปวดหัวไปจนกว่าจะถึงวันจัดพิธีหรือไรพะย่ะค่ะ ... เฮ้อ~” เพียงแค่สดับ นึกดำริตาม ก็ปวดพระเศียรแล้ว

    ทำใจซะเถอะเจ้าลูกชาย ลองแม่ของเจ้าเป็นคนจัดการเตรียมงานทุกอย่างเองล่ะก็ ใครก็ขวางไม่ได้

    ลูกก็คิดเช่นเดียวกันกับเสด็จพ่อพะย่ะค่ะ ลองลูกขัดพระทัยของเสด็จแม่ ชีวิตของลูกก็คงจะวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่ ๆ เลยพะย่ะค่ะ แม้พระโอษฐ์จะเอ่ยคำบ่นออกมา แต่หากว่าดวงพักตร์นั้นยังคงมีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ บ่งบอกได้ดีว่าไม่ได้คิดกังวลเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องที่ได้สดับรับฟังนั่นแต่อย่างใด

    พระราชารีบยกพระหัตถ์ขึ้นจรดโอษฐ์ สอดส่ายสายพระเนตรไปทางซ้ายที ขวาที พร้อมลดสุรเสียงจนกลายเป็นเพียงคำกระซิบด้วยความขบขัน

    จุ๊ ๆ ๆ ๆ ๆ อย่าพูดเสียงดังไป เดี๋ยวแม่ของเจ้าผ่านมาทางนี้แล้วได้ยินเข้า จะพาลงอนเอานะ

    แต่ลูกว่าเสด็จแม่คงไม่เสด็จมาที่นี่หรอกพะย่ะค่ะ ลูกคิดว่าน่าจะทรงเตรียมความพร้อมของงานที่จะมีขึ้นกับบรรดาขุนนางและเหล่านางกำนัลเสียมากกว่าพะย่ะค่ะ องค์ชายใหญ่แก้ต่างตามดำริของตน ด้วยทราบถึงอุปนิสัยของมารดาเป็นอย่างดี ซึ่งองค์ราชาพยักพระพักตร์เห็นชอบ

    เห็นจะเป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า ตั้งแต่เช้ามาพ่อยังไม่เจอหน้าของแม่เจ้าเลย ... พ่อไม่กวนเจ้าแล้ว เดี๋ยวจะออกไปดูว่าแม่ของเจ้าเตรียมความพร้อมไปถึงไหนแล้ว

    รีบเสด็จเถิดพะย่ะค่ะ ลูกเกรงว่าเสด็จแม่จะทรงงอนเสด็จพ่อที่ไม่ยอมช่วยน่ะพะย่ะค่ะ

    นั่นน่ะสิ ป่านนี้แม่เจ้าคงบ่นซะจนบรรดาขุนนางหูชาไปตาม ๆ กันแล้ว ... ฮัดชิ้ว...! ... เห็นไหมว่ายังไม่ทันขาดคำ พ่อไปดีกว่าก่อนจะจามไปมากกว่านี้

    ฮ่า ๆ ขอให้ทรงโชคดีนะพะย่ะค่ะ

     

     

    กระจองงอง กระจองงอง เจ้าข้าเอ้ย ... ขอเชิญพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายไปรวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าหมู่บ้านด้วยจ้า ท่านขุนนางมีประกาศสำคัญจากทางวังหลวงจะแจ้งให้พวกท่านทราบ ... กระจองงอง กระจองงอง เจ้าข้าเอ้ย ...

    ชายคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกข่าวของหมู่บ้านเดินตีฆ้องร้องป่าวไปทั่วชุมชน เพื่อแจ้งให้ชาวบ้านที่อยู่ในระแวกนั้นได้ทราบและปฏิบัติตาม

    มีประกาศสำคัญเรื่องอะไรกันนี่ หรือว่าจะมีข้าศึกบุกแล้วทางการประกาศเรียกกองกำลังเสริมกันแน่

    ข้าว่าไม่น่าจะเป็นไปได้นะ เพราะลูกชายของข้าไม่เคยพูดถึงเรื่องข้าศึกหรือเรื่องอะไรทำนองนี้มาก่อนเลย

    ข้าเห็นด้วยกับเจ้า ช่วงนี้บ้านเมืองออกจะสงบสุข ไม่น่าจะเป็นเรื่องนี้ไปได้หรอก ข้าว่าพวกเราอย่ามัวแต่มายืนถกกันเองเลย รีบไปยังลานกว้างดีกว่า

    นั่นน่ะสิ ไปกันเถอะ จะได้รู้เรื่องราวเสียที

    ชาวบ้านทั้งหลายที่ได้รับฟังข้อความดังกล่าวจากกระบอกข่าวประจำหมู่บ้าน ทุกคนล้วนแล้วเกิดความคลางแคลงสงสัยกับเรื่องสำคัญที่ทางวังหลวงจะประกาศให้ทราบ ต่างคนก็ต่างความคิด วิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวไปมากมายแต่ยังไม่รู้แน่ชัด จึงพากันออกเดินไปยังจุดนัดหมาย รอรับฟังข้อมูลข่าวสารที่แน่ชัดทันที

     

    ห่างจากที่กลุ่มชาวบ้านยืนถกปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่ขุนนางจากทางวังหลวงจะแจ้งให้ทราบนั้นไม่ไกลนัก ชายหนุ่มรูปงามสองคนยืนขบคิดด้วยความงุนงงกับสิ่งที่ได้รับฟังด้วยความบังเอิญ โดยเฉพาะชายหนุ่มรูปร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันกับชายหนุ่มอีกคนนั้นแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน

     

    ทางวังหลวงมีเรื่องสำคัญอะไร ทำไมพวกตนถึงไม่ทราบเรื่อง

     

    ชายหนุ่มรูปร่างใหญ่โตกว่า ท่วงท่าสง่างามภายใต้อาภรณ์ที่บ่งบอกฐานะความเป็นอยู่ได้เป็นอย่างดี ทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว จึงได้หันมาถามคนร่างเล็กข้างกาย

    เจ้ามีความคิดเห็นเยี่ยงไรบ้าง

    ไม่มีพะ ...

    อะแฮ่ม!!!”

    ขออภัยขอรับ ข้าน้อย...

    อะแฮ่ม ๆ ๆ !!!”

    ขอโทษแล้วกัน ข้าลืม เผอิญมันเคยปากไปหน่อย

    อย่าลืมให้มันบ่อยนักสิ ตอนนี้เรากันแค่สองคน ไม่มีคนอื่น ๆ อยู่ด้วยซะหน่อย เจ้าน่ะเป็นสหายสนิทคนเดียวของเรานะ เราไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นเยี่ยงอื่นเลยนะ

    ข้ารู้และซาบซึ้งมาถึงทุกวันนี้ แต่ข้าก็ควรสำนึกตัวเองว่าข้าควรจะอยู่ที่ตรงไหน

    เจ้านี่คิดมากจริง ข้าเบื่อที่จะคุยเรื่องนี้กับเจ้าแล้วนะ เจ้าอยากจะวางตัวเช่นไรก็เรื่องของเจ้าเถอะ แต่เราขอร้องนะ ห้ามมาถือยศถือตำแหน่งกับเราเวลาที่ไม่มีใครอื่นอยู่ด้วยเลย เราไม่อยากเป็นอย่างท่านพี่ซีวอนหรอก

    ฮ่า ๆ ท่านคงเป็นเหมือนท่านซีวอนมิได้หรอก ท่านทั้งสองต่างกันเกินไป บางครั้งข้ายังคิดเลยว่าท่านทั้งสองไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ ข้าไม่เห็นว่ามีส่วนไหนที่พวกท่านทั้งสองคนจะเหมือนกันสักนิด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา นิสัย ท่วงท่าอาการต่าง ๆ ไหนจะ ...

    พอ ๆ พูดมากเกินไปแล้วเจ้านะ เราจะไปเหมือนท่านพี่ซีวอนได้เยี่ยงไร ในเมื่อไม่ใช่คนคนเดียวกันเสียหน่อย อีกอย่างนะ ถ้าจะให้เราเอาเยี่ยงอย่างท่านพี่ซีวอนล่ะก็ เราขอเป็นแบบนี้ดีกว่า

    จริงดังที่ท่านกล่าวมา ข้าก็นึกภาพไม่ออกเช่นกัน หากว่าท่านจะเป็นอย่างท่านซีวอน ข้าว่าท่านเป็นตัวของท่านเองน่ะดีที่สุดแล้ว อย่าได้เอาตัวเองไปเปรียบกับใครอื่นเลย

    ขอโทษเถิดนะ เราจำได้ว่า เรายังไม่เคยเปรียบเทียบตัวเรากับท่านพี่ซีวอนหรือกับใครอื่นเลยนะ มีแต่เจ้านั่นแหละที่เป็นคนพูดออกมาตั้งแต่ต้น

    แหะ ๆ ขออภัย ข้าลืม ... แล้วท่านกับข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ ไม่เคลื่อนย้ายไปฟังเรื่องที่ทางวังหลวงจะแจ้งให้ทราบหรอกหรือขอรับ ข้าว่าพวกเรานอกเรื่องกันมานานมากแล้ว ท่านเห็นหรือเปล่าว่าชาวบ้านต่างไปรวมตัวกันหมดแล้ว

    เพราะใครล่ะที่พาเราออกนอกเรื่องไปไกล รีบ ๆ ไปกันเถอะ เผื่อเป็นเรื่องสำคัญ ประเดี๋ยวพวกเราจะพลาดเสียก่อน

    ขอรับ

     

     

    ณ. ลานกว้างของหมู่บ้าน

     

    ชาวบ้านทั้งหลายต่างพากันมารวมตัวเพื่อรับฟังประกาศสำคัญจากทางวังหลวง เสียงเซ็งแซ่ของผู้คนที่พากันพูดคุย ถกเถียงถึงเรื่องราวที่จะได้รับฟัง ความคิดเห็นหลากหลายถูกนำเสนอขึ้นมากมาย มีทั้งเรื่องน่ายินดี เรื่องทั่ว ๆ ไป รวมถึงเรื่องร้ายแรง ต่างคิดไปต่าง ๆ นานา ว้าวุ่นใจกาย เฝ้ารอเวลาที่ท่านขุนนางจากวังหลวงขึ้นบนเวทีเพื่อบอกเรื่องราวให้กระจ่างแจ้งเสียที

     

    ประกาศจากทางพระราชวัง เนื่องด้วยพระราชาและพระราชินีทรงมีพระราชดำริจะจัดพิธีเลือกคู่ครองให้กับองค์รัชทายาท จึงขอเชิญสาวงามทุกท่านเข้าร่วมงานครั้งนี้ในคืนวันเพ็ญครั้งถัดไป

    ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม หากเป็นที่ต้องพระทัยองค์รัชทายาทแล้วไซร้ ท่านผู้นั้นจะดำรงตำแหน่งพระชายาแห่งองค์รัชทายาทซีวอน อีกทั้งพระราชาและพระราชินีจะทรงจัดพิธีอภิเษกตามขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณี และงานฉลองทั่วทั้งเมืองหลวงเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน

    แต่ถ้าหากว่า งานพิธีเลือกคู่ครองในคืนนั้น มิมีผู้ใดสามารถครอบครองดวงหทัย หรือทำให้องค์รัชทายาททรงถูกพระทัยได้ ทางพระราชวังจะจัดให้มีการทดสอบความสามารถทางด้านต่าง ๆ ของผู้เข้าร่วมงานในค่ำคืนนั้น เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งพระชายาแห่งองค์รัชทายาทมากที่สุดต่อไป

    จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง

     

    หลังจากสิ้นคำประกาศของขุนนางท่านนั้น เสียงพูดคุยของบรรดาชาวบ้านร้านตลาดดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะหญิงสาวที่ยังไม่มีคู่ครอง รวมทั้งหญิงหม้าย หรือแม้กระทั่งหญิงวัยกลางคนที่ยังไร้คู่แต่ยังคงมีความงามพร้อมไว้ไม่สูญหายสลายไปกับกาลเวลา ทุกคนล้วนตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้รับฟังไปตาม ๆ กัน

     

    โอ้! นับว่าเป็นข่าวดีในรอบปีเลยทีเดียว องค์รัชทายาทจะทรงเลือกคู่ครอง โอ๊ย ๆ ตาย ๆ ตายแล้ว นี่เจ้า ข้าจะเตรียมตัวทันไหมนี่ วันงานจะมีขึ้นในอีกไม่กี่เพลาที่จะถึงนี้แล้ว ทำยังไงกันดี

    นั่นน่ะสิ ชุดก็ยังไม่ได้ตระเตรียม ข้าวของอะไรก็ยังไม่ทำสักอย่าง ทำไมถึงได้กะทันหันเยี่ยงนี้ล่ะ

    แล้วพวกเจ้าจะมายืนบ่นกันทำไมมิทราบ โน่น ... ดูอย่างแม่พวกนั้นสิ รีบวิ่งไปที่ร้านตัดชุดกันหมดแล้ว มีแต่พวกเจ้านี่แหละที่ยังไม่ยอมไปสักที เดี๋ยวผ้าผืนสวย ๆ ก็ถูกแย่งไปหมดซะก่อนหรอก

    ใช่ ... ส่วนข้าก็กำลังจะไปขัดกาย แช่น้ำนมเพื่อให้ผิวพรรณผุดผ่อง พอถึงคืนวันงาน เวลาที่แสงจากโคมไฟส่องกระทบจะช่วยขับให้ผิวของข้ากระจ่างมากยิ่งขึ้น ไม่แน่นะ บางทีข้าอาจจะเป็นผู้ที่องค์รัชทายาททรงเลือกเป็นคู่ครองก็เป็นได้

    พวกข้าสองคนขอไปเตรียมตัวก่อนนะ เชิญพวกเจ้าทั้งสองอยู่ถกปัญหากันต่อไปเถอะ แล้วเจอกันคืนวันงานนะ ข้าไปล่ะ

    นี่พวกเจ้ารอพวกข้าด้วยสิ

     

    สองหนุ่มรูปงามยืนมองท่าทางกระวีกระวาดของบรรดาหญิงสาวทั้งหลายแล้ว ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มขันให้กับความวุ่นวายเล็ก ๆ เกือบโกลาหลที่พบเจอ ทั้งที่อยากจะหัวเราะออกมาให้ลั่นลานกว้างแห่งนี้ หากไม่เกรงว่าชาวบ้านทั้งหลายจะกล่าวหาว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นคนสติไม่สมประกอบไปซะก่อน จึงจำเป็นต้องเก็บอาการดังกล่าวไว้ แล้วรีบเดินทางกลับที่พำนักทันที

     

     

    เสด็จพ่อ เสด็จแม่ทรงหาเรื่องปวดหัวมาให้แก่เจ้าพี่ซีวอนอีกแล้ว ท่าทางคราวนี้เจ้าพี่ซีวอนคงหมดทางหนีแน่นอน เจ้ามีความคิดเห็นว่าเยี่ยงไร

    สองหนุ่มรูปงามเดินทางกลับมายังที่พำนัก สถานที่กว้างขวางใหญ่โตที่ใคร ๆ ต่างเรียกขานว่า “วังหลวง” หลังจากสดับรับฟังเรื่องราวชวนปวดเศียรเวียนเกล้ากลางลานกว้างของหมู่บ้านแล้ว

    บุรุษผู้ดำรงค์ตำแหน่งองค์ชายรองของราชวงศ์เกิดความรู้สึกเห็นพระทัยพระเชษฐาของตนขึ้นมาทันใด เช่นเดียวกับบุคคลที่เดินเยื้องห่างไปทางด้านหลังเล็กน้อย ด้วยเกียรติยศ ฐานะตำแหน่งต่างกัน จึงต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสมถูกต้องเมื่อกลับมายังสถานที่แห่งนี้แล้ว

    เห็นทีคราวนี้คงมิมีผู้ใดช่วยได้พะย่ะค่ะองค์ชายเยซอง ในเมื่อจนป่านนี้แล้ว องค์รัชทายาททรงยังคงครององค์โดยไร้คู่เรียงเคียงหมอนแบบนี้แล้วไซร้ สมควรแล้วที่องค์เหนือหัวกับองค์ราชินีต้องทรงกลัดกลุ้มพระทัยเป็นธรรมดาพะย่ะค่ะ น้ำเสียงใส ๆ รู้สึกถูกใจกับเรื่องที่กล่าวอยู่มิใช่น้อย

    ฮ่า ๆ มันก็จริงของเจ้า ในเมื่อเจ้าพี่ซีวอนยังมิทรงมีคู่ครองสักที พระชันษาก็ไม่ใช่น้อย ๆ รูปร่างหน้าตามิต้องเอ่ยถึง แต่ทำไมถึงยังมิตกลงปลงใจกับผู้ใด เสด็จพ่อกับเสด็จแม่จึงต้องกระทำการบางอย่าง ... หึหึ แล้วเจ้าไม่คิดจะลองเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วยรึ เราว่าน่าสนุกออกนะ เอี้ยวกายทอดพระเนตรบุคคลข้าง ๆ เล็กน้อย หากแต่ดวงเนตรนั้นสุกสกาวฉายประกายบางอย่าง

    องค์ชายเยซองตรัสอันใดเยี่ยงนั้นพะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นชายชาตรี จะให้กระหม่อมเข้าร่วมงานพิธีอันมีเกียรติร่วมกับบรรดาสตรีทั้งหลายได้เยี่ยงไรกัน ผิดจารีต ไม่เป็นเรื่องดีเลยนะพะย่ะค่ะ

    ทำไมจะไม่ได้ ดู ๆ ไปแล้ว เค้าโครงดวงหน้าของเจ้ายังมีความงดงามกว่าบรรดาแม่หญิงทั้งหลายที่มาชุมนุมกันที่ลานกว้างตั้งมากมายนัก อีกทั้งรูปร่างของเจ้านั้นรึก็บอบบาง อรชนอ้อนแอ้นเสียยิ่งกว่าพวกนางมาก ถ้าหากว่าลองเจ้าได้แต่งองค์ทรงเครื่องให้เต็มยศเสียหน่อยแล้ว... เราว่า ... หึหึ

    ขอได้ทรงโปรด องค์ชายเยซองทรงปัดสิ่งที่พระองค์ทรงคิดโยนออกไปนอกเมืองได้เลยนะพะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ยินดีสักนิดที่มีรูปร่างหน้าตาเยี่ยงนี้ มันคือข้อด้อยของกระหม่อมนะพะย่ะค่ะ องค์ชายเยซอง อย่าได้ทรงนำมาเป็นเรื่องล้อเล่นพะย่ะค่ะ องครักษ์หน้าหวานพยายามบังคับใบหน้าให้เรียบเฉย ทั้งที่ใจจริงแล้วอยากจะถวายค้อนวงใหญ่ให้สหายสูงศักดิ์ผู้นี้ยิ่งนัก แต่สถานที่มิเอื้ออำนวยให้ทำเยี่ยงนั้นได้

     

    ทำไมเจ้าถึงได้คิดเยี่ยงนั้นกันเล่า ข้าว่าออกจะดี ดูอย่างทุกวันนี้สิที่จวนของเจ้ามีทั้งเหล่าหญิงงามและชายชาติทหารต่างผลัดกันเดินเข้าออกจนหัวบันไดจวนของเจ้ามิได้ทันแห้งเลย เจ้าไม่ภูมิใจหรอกรึ องค์ชายเยซองขบขัน ยิ่งเห็นสหายรักมีท่าทางตอบสนอง ยิ่งแกล้งให้อารมณ์เสียขึ้นไปอีกเท่าตัว

    น่าภูมิใจตรงไหนพะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพยุนโฮผู้เก่งกาจเกรียงไกร ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน ส่วนตัวของกระหม่อมนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าองครักษ์

    แต่องค์ชายทรงทอดพระเนตรสิพะย่ะค่ะ ทั้งใบหน้าและรูปร่างของกระหม่อมนั้น มิได้ต่างจากหญิงสาวทั่วไปสักนิด เวลากระหม่อมเดินไปที่ใดก็มีแต่คนมองแปลก ๆ เหมือนกับว่ากระหม่อมเป็นตัวประหลาดเยี่ยงนั้น มีเรื่องไหนให้น่าภูมิใจบ้างพะย่ะค่ะ

     

    ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คงจะต้องไปโทษท่านยูชอนซะแล้วล่ะ ที่ถ่ายทอดโครงหน้าและรูปร่างเยี่ยงนี้ให้กับเจ้ามา ฮ่า ๆ ... เจ้าก็ชอบคิดมากไปได้ ทุกวันนี้เจ้าก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้ประจักษ์ถึงความสามารถที่แท้จริงของเจ้าแล้วนี่ ...

    ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีรูปร่างหน้าตาเยี่ยงนี้ แต่ความแข็งแกร่ง ปฏิภาณไหวพริบต่าง ๆ ที่เป็นเนื้อแท้ของเจ้านั้นเป็นเช่นไร ทุกคนต่างรับรู้มันได้ดีถึงความสามารถเหมาะกับตำแหน่งที่เจ้าได้รับมากแค่ไหน

    ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ

    ไม่เป็นไร ๆ ว่าแต่เจ้าจะไม่ลองเข้าร่วมงานครั้งนี้บ้างหรือไร

    ไม่พะย่ะค่ะ!!”

    ฮ่า ๆ ตามใจเจ้าก็แล้วกันนะ ดงแฮ

    เสียงหัวเราะ ถกเถียงของสหายสนิทต่างยศทั้งสองยังคงดังลั่นไปทั่วระเบียงทางเดิน บรรดานางกำนัลและทหารเวรทั้งหลายต่างมองด้วยความขบขัน สิ่งที่เห็นจนชินตา ถือเป็นเรื่องปกติประจำวันเลยก็ว่าได้ ไม่มีวันไหนเลยที่องค์ชายรองจะไม่ทรงแกล้งแหย่ให้องครักษ์หน้าหวานผู้เก่งกาจเกิดอาการงอน อารมณ์เสีย จนเผยตัวตนที่แท้จริงหลังหน้ากากผู้พิทักษ์เชื้อพระวงศ์ออกมา

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×