ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLACKART DAZONG สายเลือดอมรัตติกาลที่หายไป

    ลำดับตอนที่ #1 : BLACKART DAZONG

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 53


    เมฆสีดำทะมึนลอยปกคลุมท้องฟ้าเหนือโรงเรียน “ แดซอง ” โรงเรียนที่ไม่ธรรมดาและจะไม่มีวันธรรมดาเมื่อนักเรียนของที่นี่คือผู้วิเศษ

                หยดน้ำใสๆค่อยๆร่วงหล่นจากท้องฟ้า นักเรียนหลายคนเดินอยู่ก็รีบวิ่งหาสถานที่หลบฝนที่กำลังเม็ดใหญ่บวกกับตกแรงขึ้นเรื่อยๆ

    “โอ๊ย....อะไรฟะฝนเนี่ยนึกจะตกก็ตกไม่เห็นใจคนเล๊ย เอ๊ย ปีศาจ อย่างฉันบ้างเล๊ย” หญิงสาวคนหนึ่งยินอยู่ใต้หลังคาของอาคารเรียนที่สูงเสียดฟ้ากว่า 5829 ชั้น ตามอายุโรงเรียน ร่างหญิงสาวคนนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน หูและหางสีขาวของเธอลู่ลงอย่างหงุดหงิดใจ

    “เครดิโอ” ลำแสงสีขาวสว่างออกจากร่างหญิงสาวแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว

    “อย่างนี้ค่อยดีหน่อย” เธอพูดแล้วมองดูเสื้อผ้าที่แห้งสนิทของเธอที่ไม่ทิ้งร่องรอยของเสื้อผ้าที่เปียกเอาไว้เลย  นอกจากพื้นที่มีรอยน้ำอยู่บนพื้นหลังจากที่เธอก้าวเดินจากไป

                            ********************************************

    “เฮ้ดูนั่นสิ ได้ข่าวว่าเขาเป็นมนุษย์นะ”

    “จริงเหรอ”

    “มนุษย์เหรอ  หยิ่งชะมัด”

    “ก็ดีแต่หยิ่งแล้วฝีมือละจะมีเหมือนมาดหรือเปล่า”

                เสียงวิภาควิจารณ์ต่างๆนาๆดังขึ้นตลอดทางที่เขาเดินมาแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจปีศาจพูดมากเหล่านั้น เขาเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่สนใจใคร

                พลัก!

    “โอ๊ย”   ร่างเขาเซล็กน้อยเมื่อเทียบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนกองอยู่กับพื้น

    “นี่ คิมคิบอม  นายเดินดีๆไม่เป็นหรือไง” เธอบ่นอย่างหงุดหงิด

    “ขอโทษนะ คิม ยองวอน” เขาบอกสั้น

                ยองวอนค่อยๆ  ยันตัวลุกขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดหางสีขาวแวก่งแรงๆอย่างโมโห หูที่กระดิกและสั่นระริกอย่างรุนแรงแบบไม่สบอารมณ์กับสายตาพิฆาตทำให้คิมคิบอม ขอโทษอีกครั้งแล้วเดินจากไปเขาเดินตรงไปยังห้องปรุงยาเช่นเดียวกับยองวอน

    “ฮึย ยิ่งอารมณ์เสียอยู่ด้วย”ยองวอนบ่นอีกครั้งแล้วเดินไปที่ห้องปรุงยา ซึ่งวิชาปรุงยาเป็นวิชาที่น่าเบื่อสำหรับทุกคนเพราะศาสตราจารย์โชกียาพูดได้น่าเบื่อโดยไม่ต้องอาศัยเพลงคลาสสิคเลยสักนิด

    ตูม!

    เสียงระเบิดดังออกมาจากห้องปรุงยา ทำให้นักเรียนทุกคนวิ่งออกมาเหลือแต่หมอกสีเทากลิ่นคละคลุ้งเหมือนต้นผักผสมไข่เน่าลอยออกมากระทบจมูกของยองวอนและคิบอม เพราะเขากำลังจะเดินเข้าห้องปรุงยาของปี 1 ที่อยู่ข้างๆซึ่งเป็นห้องถัดไป ทั้งสองจึงซวยไปที่ดันมาก่อนและกำลังจะเดินผ่าน

    “เกิดอะไรขึ้นค่ะ”ยองวอนถามรุ่นพี่ผมสีทองที่กำลังยกมือขึ้นพัดใบหน้าช่วยปัดเขม่าควันโขมงที่มีกลิ่น

    “ก็ชินบีอกนะซิทำหม้อยาระเบิดอีกแล้วให้ตายเถอะ”หญิงสาวคนนั้นบอกและเดินเสไปทางอื่นเพื่อหาอากาศบริสุทธิ์

    “หลบๆ” รุ่นพี่สองคนบอกให้ทุกคนหลบเมื่อแบกศาสตราจารย์โชกีเยออกมาด้วยสภาพสะบักสะบอมเนื่องจากแรงระเบิด  ทั้งสองแบกร่างของศาสตราจารย์โชกีเยไปห้องพยาบาล  พอดีกลับศาสตราจารย์ซาซึมวิ่งมาดูเหตุการณ์เพราะวิชาแปลงร่างเรียนอยู่ข้างล่างของห้องปรุงยา

    “เกิดอะไรขึ้น”ศาสตราจารย์ซาซึมถามอย่างตกใจ

    “เอ่อ....คือว่าชินบีอกที่เรียนอยู่ในห้องปรุงยาปีสามทำหม้อยาระเบิดนะค่ะ” เพื่อนของ   ชินบีอกตอบ

    “เวร” ศาสตราจารย์ซาซึมสบถเบาๆแล้วเดินหนีไป

    “ใช่เวร แล้วใครจะสอนเราล่ะทีนี้”ยองวอนบ่นเบาๆอย่างหัวเสีย ส่วนคิบอมยังรักษาหน้าตายได้อย่างเดิมโดยไม่มีอาการสนใจเหตุการณ์รอบด้านแม้แต่น้อย ยองวอนได้แต่มองเขาอย่างหงุดหงิด

    “ยองวอน”เสียงหนึ่งทักขึ้นมายองวอนหันไปมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเธอแต่งตัวด้วยผ้าไหมสีชมพูชั้นดี  รับกับผิวขาวเนียนละเอียดของเธอเป็นอย่างดีอีกทั้งผมสีดำและนัยน์ตา          สีเขียวมรกรตรับกันอย่างดี เธอคือชเวกาอินเจ้าหญิงแห่งเมืองสโนว์แลนด์ เมืองแห่งพ่อมด แม่มด ที่มีเวทย์ชั้นสูง

    “กาอิน” ยองวอนเอ่ยเบาๆ และกาอินหันไปทักคิบอม

    “สวัสดีคิมคิบอม” เธอเอ่ยทักชายหนุ่ม แต่เขาไม่มีปฏิกิริยาหรือการตอบรับใดๆทั้งสิ้น

    “อย่าไปสนใจเขาเลย” ยองวอนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่หมองลงของกาอิน

    “ว่าแต่มีไร”

    “อุ๊ย โทษที” กาอินเอ่ยขอทายองวอน เมื่อลืมเรื่องที่จะมาพูด

    “ไม่เป็นไร” ยองวอนตอบแบบขอไปที

    “คือ....”

    “เฮ้ เพื่อนๆ อยู่นี่เอง” เด็กหนุ่มที่สูงกว่ายองวอนมากวิ่งกระโดดเข้ามากอดคอยองวอนอย่างไร้มารยาทและพูดตัดบทกาอินที่กำลังจะพูด  ร่างสูงๆนั่นมีหูและหางสีน้ำตาล ผมและสีตาของเขาเป็นสีน้ำตาลเช่นเดียวกัน เขาคือเผ่าจิ้งจอกน้ำตาลลีฮยอกแจ

    “นี่ลีฮยอกแจนายเคยทักใครดีๆเป็นมั้ยฮะ”ยองวอนเขกกะบาลฮยอกแจพร้อมกับด่าไปหนึ่งชุด

    “ก็นี่ปกติของฉัน พวกเธอยังไม่ชินอีกหรือยองวอน กาอิน อ้อ คิบอมด้วย”เขาตอบกลับมากวนๆอย่างอารมณ์ดีส่วนยองวอนก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันไปถามกาอินต่อ

    “เมื่อกี้เธอจะบอกอะไรนะ”

    “อือ นี่วิชาปรุงยาภาคเช้าเปลี่ยนเป็นทฤษฎีการต่อสู้ภาคสนามแทนนะ ส่วนปรุงยาเป็นตอนบ่ายแทนทฤษฎีการต่อสู้ภาคสนาม สลับกันนะ”กาอินตอบทำเอาใบหน้าเปื้อนยิ้มหุบลงทันใด

    “โอ๊ยอุตส่าห์คิดว่าจะไม่ได้เรียนวิชาปรุงยายังมาเจอะเจอกันอีกเหรอเนี่ย”ฮยอกแจโวยวายเป็นการใหญ่

    “ฉันว่าเราไปเรียนทฤษฎีการต่อสู้ภาคสนามกันดีกว่ายังไม่อยากสายเป็นวันแรกในการเรียนหรอกนะ”ยองวอนว่า กาอินเดินนำไปยองวอนกับคิบอมก็เดินตามปล่อยให้ฮยอกแจบ้าอยู่ตัวเดียว

    “เฮ้ย รอด้วย”เค้าตะโกนแล้ววิ่งตามไป

    ************************************************

    ทั้งสี่คนเดินมาถึงสนาดาวหางกันซึ่งก่อนถึงสนามใหญ่จะเป็นโถงทางเดินที่ประดับด้วยซุ้มดอกไม้ซึ่งช่างไม่ค่อยเข้ากับสถานที่ ที่เกี่ยวกับการต่อสู้ซักเท่าไหร่

    ยิ่งเมื่อเดินเข้ามายิ่งรู้สึกว่าไม่เหมือนสนามทฤษฎีการต่อสู้ภาคสนามเลยซักนิด

    “แน่ใจเหรอว่าใช่ที่นี่ เรามาเรียนทฤษฎีการต่อสู้ภาคสนามนะไม่ใช่วิชาพืชศาสตร์”        ฮยอกแจถาม

    “ก็พี่ชีวอนบอกมานี่น่าไม่เชื่อได้ไง”เธอพูดชื่นชมพี่ชายแท้ๆอีกครั้งก่อนจะเดินนำเข้าไปสู่สถานที่เรียนทฤษฎีการต่อสู้ภาคสนามที่แม้จะไม่ใกล้เคียงกันก็เถอะ

    ทั้งสี่คนเดินเข้ามาข้างในเห็นลีกีจี ลีกูรึม ปาร์คพาดา และ ลีจิน กำลังยืนคุยกับ            เดนิส  โอ  แวมไพน์หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษที่มีหน้าตาหล่อเหลาเป็นเอกลักษณ์ กับ  เรียวอุค มังกรพฤกษาอยู่อย่างออกรสออกชาติ ลีกีจีหันมา

    “ยองวอน กาอิน คิบอม ฮยอกแจ  ทางนี้” กีจีโบกมือทักทายทั้งสี่คนเดินเข้ามารวมกลุ่มกันและเริ่มเปิดบทสนทนา

    “เริ่มเรียนหรือยังน่ะกูรึม” กาอินถามหญิงสาวผมเปียสีน้ำเงินหน้าตาละหม้ายคล้ายกับหญิงสาวผมเปียสีม่วงที่กำลังคุยกับยองวอน

    “ยังหรอก ยังไม่เห็นคนสอนมาเลยอ่ะ” เธอตอบและเริ่มหันหาผู้สอน

    “เหรอ อยากรู้จังใครเป็นคนสอนวิชานี้”กาอินพูดขึ้นเพราะวิชานี้เริ่มเรียนเป็นครั้งแรกของการเปิดเทอมเป็นสัปดาห์ที่สามของการเรียนของชั้นปีหนึ่ง

    “ศาสตราจารย์ลีทึก”คิบอมพูดขึ้น

    “เหรอ อืมใครนะ”ชายหนุ่มร่างสูงหูและผมสีดำสนิทพยักหน้าเบา

    “ศาสตราจารย์ลีทึกเขาเป็นอาจารย์ที่มาจากเมืองไฟท์เมืองที่สอนการต่อสู้ทุกแขนงยังไงล่ะ”ชายหนุ่มผมสีควันบุหรี่ที่ปิดมาครึ่งหน้ากับดาบเล่มใหญ่ที่สะพายอยู่ที่หลังเฉลยให้

    “นายเป็นใคร”กีจีหันไปถามชายหนุ่มคนนั้น

    “อ้อ ลืมแนะนำตัวเองฉันซีอา จากเมืองไฟท์ จะเรียกฉันเซี้ยะก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก”เขาพูดพร้อมยิ้มให้ทุกคนและโค้งอย่างสวยงาม

    “อ้อ ฉันก็ยินดีที่ได้รู้จัก”หญิงสาวผมสีม่วงนามว่าลีกีจีตอบอย่างเป็นมิตรเช่นกัน

    “ส่วนคนผมสีน้ำเงินนี่ กูรึมแฝดฉัน ส่วนนี่ ยัยหน้าโหดนี่ยองวอน กับยัยหน้าหวานนี่ กาอิน ส่วนคนที่ไม่พูดนั่นคิบอมและไอ้ที่กำลังตีกันนั่นผมสีดำแจจินและผมสีน้ำตาลฮยอกแจ ส่วนหัวเขียวๆนี่เรียวอุค กับไอ้หน้าหล่อนี่เดนนิส ส่วนยัยตัวเล็กนี่พาดา”         ทุกคนโค้งให้อย่างมีมารยาทตามธรรมเนียม

    “ยินดีที่ได้รู้จัก”ทุกคนพูดพร้อมกัน

    “อืมแล้วศาสตราจารย์ลีทึกนี่เก่งมากเลยเหรอซีอา”กูรึมถามด้วยความสงสัย (ก็แน่ล่ะไม่สงสัยคงไม่ถามให้เปลืองน้ำลาย)

    “อืมใช่เป็นยอดครูต่อสู้ที่ว่าแทบจะเก่งที่สุดในโลกปีศาจเลยล่ะ”เขาตอบ

    “โฮ้ แสดงว่าศาสตราจารย์ลีทึกต้องมีกลยุทธมากมายในการสอนแน่ๆเลย”   พาดาพูดอย่างชื่นชม

    “ก็แน่ล่ะ ศาสตราจารย์ลีทึกน่ะเป็นแชมป์การต่อสู้ในรายการต่อสู้ทุกๆ100ปีเลยล่ะ เป็นถึงห้าสมัยซ้อนเลยนะซิ”ซีอาเล่าให้ฟังอีกครั้ง

    “ศาสตราจารย์ลีทึกคงแก่งหงำเหงือแน่ๆอยู่มาตั้งหลายร้อยปีขนาดนั้น”ฮยอกแจลูบคางและให้เหตุผลกับลักษณะรูปร่างหน้าตาของผู้สอน

    `คงหนังยาน แก่ชัวร์ๆ`ฮยอกแจคิด

    “ไม่รู้ซิไม่เคยเห็นแต่ฟังและอ่านข่าวมาเท่านั้นน่ะ”ซีอาก็เริ่มจินตนาการผู้สอนเหมือนกัน

    กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! ! !

    เสียงกริ๊ดของนักเรียนหญิงหอต่างๆทำให้นักเรียนที่กำลังจินตนาการลักษณะครูผู้สอนกันอยู่หันไปมองอย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีเสียงดังขนาดนั้น

    “ศาสตราจารย์ลีทึก มาแล้ว”นักเรียนชายหอมกซองตะโกนนักเรียนทุกคนก็รีบวิ่งมารวมตัวกันเพื่อนจะเรียน

    “สวัสดีนักเรียนฉันศาสตราจารย์ลีทึก” ชายหนุ่มที่ไม่แก่ (เออรู้ถ้าหนุ่มก็ไม่แก่หรอก)ผมสีทองยาวสลวยมัดด้วยผ้าไหมแพรสีแดงชั้นดี  เข้ากันกับใบหน้าสวยขาวปากบางๆสีเชอร์รี่ ตาเฉี่ยวสีเงิน จมูกโด่งรับใบหน้ากับร่างสูง

    “นะ นี่นะเหรอศาสตราจารย์ลีทึก กริ๊ดหล่อ”พาดา  *_*  เริ่มมีอาการตาประกายวิ้งๆ(เพื่อนๆเริ่มออกอาการกลัวเป็นแถว)

    “มะไม่เห็นเหมือนกับที่คิดไว้เลยแหะ ไม่เห็นจะแก่เลยทั้งที่ อายุก็ปาเข้าไปจะหลายร้อยปีขนาดนั้น”แจจินพูด

    “นั่นสิ”ยองวอนว่า

    “พวกนายจะเรียนกันมั้ยวันนี้”คิบอมถามและเดินไป

    “เรียน” ทุกคนตะโกนและวิ่งตามไปเรียนในวิชาทฤษฎีการต่อสู้ภาคสนามกันถ่วนหน้าโดยเฉพาะผู้หญิงวิ่งไปตั้งแต่แรกๆด้วยเหตุผลหลักใหญ่ใจความสำคัญคือว่า

    ศาสตราจารย์ลีทึกเป็นตัวอะไรที่หล่อมาก

    **********************************************************************

                หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไปศาสตราจารย์ลีทึกสอนอย่างตั่งใจแต่รู้สึกนักเรียนหญิงจะตั้งใจกว่าในวิชาทฤษฎีการการมองหน้าผู้สอน

    “นักเรียนต่อไปเราไปสู่สนามจริงกัน”ศาสตราจารย์ลีทึกเดินนำนักเรียนไปสู่ลานประลองที่แสนกว้างใหญ่ คาดว่าใหญ่กว่าโคลอสเซียมในโลกมนุษย์เสียอีก ซึ่งในสนามประลองนี้จะมีเกราะป้องกันในสนามประลองโดยพลังเวทย์หรืออาวุธจะมีมีโอกาสได้มาโลดแล่นถึงผู้ชมแน่นอน สบายใจได้

    “เอาล่ะเราจะเริ่มทำการทดสอบพลังเวทย์และความเร็วของการใช้เวทย์โดยครูจะให้ทุกคนประลองกัน ซึ่งในการประลองครั้งนี้จะเป็นพื้นฐานในการประลองประจำปีของโรงเรียนและการประลองทุกๆร้อยปีซึ่งจะจัดในปีนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 582ในการประลองนี้เป็นพื้นฐานครูจึงใช้วิธีจับคู่โดยวิธีสากลเชียวน้า”ศาสตราจารย์ลีทึกสั่งให้ภูตยกอุปกรณ์ออกมา

    “จับสลาก”นักเรียนทุกคนตะโกนพร้อมกัน

    “ใช่  จับสลากวิธีการสากลเชียวนะ เพราะวิธนี้เราอาจจะได้สู้กับคนในหอตัวเองหรือต่างหอก็ได้ครูว่าตื่นเต้นดี  ครูจึงเลือกใช้วิธนี้ งั้นก่อนจะประลองเรามาดูกติกามารยาทกัน”ศาสตราจารย์ลีทึกสะบัดมือ 1 ครั้ง กติกาก็ลอยขึ้นมา

    1.      ห้ามทำข้าวของพังในกรณีที่เกราะป้องกันร้าวเพราะงบที่ใช้ซ่อมแซมน้อยถ้าทำพังซ่อมเอง

    2.      สู้ได้ทุกรูปแบบ

    3.      ห้ามทำร้ายผู้ชมและกรรมการ

    4.      เมื่อต่อสู้จบผู้ชนะต้องดูแลผู้แพ้จนหายดี(ในกรณีที่เสมอกันต้องดูแลกันเอง)

    5.      ถ้าไม่เข้าใจถามกรรมการได้ แต่ห้าม ด่า หรือ ตีกรรมการมิฉะนั้นโดนปรับแพ้

    6.      ไม่เข้าใจอ่านทุกข้อใหม่อีกครั้งนะจ๊ะ

    “เอาล่ะนักเรียนเรามาหาตัวแทนในการประลอง อ้อ ในวันนี้เราจะมีพี่ๆในหอของแต่ละหอมาดูการประลองเพื่อเฟ้นหาตัวแทนการประลอง เอาล่ะเราขอให้รุ่นพี่หอมกซอง  หอฮวาซอง  หอกึมซอง และ หอโทซองมาจับสลากของหอตัวเอง”ศาสตราจารย์ลีทึกพูดจบชายหนุ่มร่างสูงหัวสีชมพู  ผิวขาวเว่อร์แก้มป่องๆเหมือนเด็กๆหน้าตาเขาน่ารักกับรอยยิ้มสดใสเขาเดินมาหยุดที่กล่องสลากของหอมกซอง ถัดไปเป็นหอโทซอง หอฮวาซอง และ กล่องสุดท้าย ของหอกึมซอง

    “สวัสดี ผมชี่อลีซองมินปี 3 ตัวแทนหอมกซองครับ”ชายหนุ่มผมสีชมพูเค้าโค้งน้อยๆ จากนั้นชายหนุ่มอีกคนรูปร่างสูงสมส่วน ผมสีดำสนิทแต่นัยน์ตาสีครามน้ำทะเล เขาดูสุขุมแต่กลับไม่ดุเพราะใบหน้าหล่อๆนั่นช่วยปิดบังความดุไว้

    “สวัสดี ผมชเวซีวอนปี 3 หอโทซองครับ”เขาพูดจบก็เดินไปประจำที่กล่องของหอตัวเอง

    คนถัดมาคือชายหนุ่มผมสีดำสนิท สีนัยน์ตาก็เช่นกัน มันทำให้เขาดูเข้มแข็ง และ ดูโหดในเวลาเดียวกัน ก็ยังดีที่เขามีใบหน้าหล่อสู้ซีวอนแห่งหอโทซองได้ความโหดจึงลดไปบ้างเช่นกัน ริมฝีปากบางๆนั่นยิ้มและแนะนำตัวเอง

    “สวัสดีครับผมชเว ซึงฮยอนปี 3 หอฮวาซองครับ”เขาพูดจบและโค้งเล็กน้อยแล้วก็เดินไปประจำกล่องของหอตัวเอง

    คนสุดท้ายชายหนุ่มผู้มีดวงตากลมโตน่ารักจนไม่น่าเป็นไปได้ ใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาแต่เพราะเค้าอยู่ในชุดนักเรียนชายเขาจึงดูเทห์แทนที่จะดูหวานเหมือนผู้หญิง

    “สวัสดีครับ ผมคิมแจจุงปี 3 หอกึมซองครับ”เขาโค้งพองามและเดินไปประจำกล่องตัวเอง

    เสียงปรบมือดังขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวแทนของแต่ล่ะหอ

    “อืม ที่นี่เราก็จะการเสี่ยงว่าคู่แรกจะเป็นสายไหน โดยการเสี่ยงลูกบอลในโถทึบใบนี้”(ศาสตราจารย์ลีทึกค่ะจะประลองหรืออกหวยเนี่ยทำไมมีโถทึบด้วย)

    ฉึบ!ฉึบ!

    ศาสตราจารย์ลีทึกจับขึ้นมาและเปิดออก

    “คู่แรกหอกึมซอง VS หอฮวาซอง เชิญรุ่นพี่ทั้งสองหอออกมาจับผู้โชคดีจะได้แข่งเป็นคู่แรกในวันนี้”หลังจากที่ศาสตราจารย์ลีทึกพูดจบ ชเว ซึงฮยอน และ ลีแจจุง เดินออกมาจากแท่นและล้วงลงไปในกล่องของตนเอง รายชื่อ ปรากฏออกมาว่า เป็น  คิมยองวอน  และ  โอค แทคยอน

    “ขอเชิญทั้งสองออกมา ณ ลานประลอง ณ ลานประลองเดี๋ยวนี้” ศาสตราจารย์ลีทึกพูดจบ ยองวอนที่ตกใจนั่งแข็งทื่ออยู่ก็เดินออกมาโดยมีสายตาที่เป็นห่วงจากคิบอมแฟนหนุ่มของตน เพราะ                        โอคแทคยอน คู้ต่อสู้ของยองวอน นั้นนอกจากเป็นผู้ชายแล้ว ยังมีพลังที่มหาศาลสมกับเป็นหัวหน้าหอปี 1 แห่ง หอจอมพลังด้านความคิดและพละกำลังอย่างกึมซอง แถมหมอนี่ยังเป็นเผ่าฟินิกซ์ซึ่งมีกำลังมากมายนั่นทำให้คิบอบนั่งไม่ติดซะแล้ว

    “เฮ่ คิบอม นายช่วยนั่งซัก5นาทีได้มั้ยเนี่ยฮะ”กีจีตวาดเข้าให้ คิบอมตวัดสายตามามองกีจีที่ไม่เคยเกรงกลัวต่อสายตาของเข้าเลย

                กลางเวทีประลอง ยองวอน กับ แทคยอน หันหน้าเข้าหากันพร้อมที่จะสู้ ทั้งคู่โค้งให้กันอย่างสวยงาม โดยที่กรรมการสำหรับวันนี้คือ ชองยุนโฮ เสนาธิการฝ่ายซ้ายของโทซอง ซึ่งมีความหล่อระดับเทพเพราะดูจากสายตาสาวๆที่จ้องจะเขมือบกรรมการน่าจะรู้

    “กรุณาด้วยครับ”โอค แทคยอนพูดอย่างสุภาพเพราะเห็นเป็นผู้หญิง

    “เช่นกันค่ะ”ยองวอนโค้งให้

    Fight” ยุนโฮ สะบัดมือ1ครั้งเป็นสัญาณ

    เคร้ง!

    ดาบของยองวอนปะทะกับกรงเล็บเพลิงจนเกิดประกายไฟ เจิดจ้า หลังจากที่ใช้อาวุธสู้กันแทบตายแต่ก็ไม่มีใครเพลี้ยงพล้ำทั้งคู่จึงเริ่มใช้เวทย์ เมื่อคทาคู่กายอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็เริ่มร่ายเวทย์

    “อสุนีบาตท้องฟ้าพิโรธ”

    “เกลียวคลื่นแผ่นดินพินาศ”
    ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!ตุ้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ทั้งคู่ร่ายเวทย์พร้อมกันแต่ใครล่ะจะหาญสู้พ่อมดปีศาจแห่ฟินิกซ์ได้ แม้จะไม่ได้เปลี่ยนเป็นนกก็ตามที แต่พลังเวทย์นั้นก็ไม่ได้ด้อยลงไปเลยแม้แต่น้อย แสงสว่างแสบตาสาดส่องไปทั่วทุกทิศทุกทาง
    เมื่อแสงดับลงภาพร่างหมาป่าสาวที่เคยยืนอยู่กลายเป็นหมาป่าเปียกไปเรียบร้อย  และ นั่นแหละคือสิ่งที่ยองวอนเกลียดที่สุดคือการเปียก

    “ข้าแต่เทพแห่งน้ำ ข้าขอแด่ท่าน จงใช้น้ำฟาดฟันศรัตรูให้พินาศ ...........” ขณะที่ยองวอนร่ายเวทย์  แทคยอนก็เช่นกันร่ายกลับมาใส่กัน

    “และดับสูญ/เกราะแสงมรกรต”แทคยอนสร้างเวทย์ป้องกันแต่ไร้ผลเพราะเกราะมรกรตใยจะสู้เวทย์ได้แต่ไม่น่าเชื่อเพราะเกราะแค่แตกละเอียดเป็นผุยผงในพริบตา แต่เวทย์ของยองวอนกลายเป็นน้ำแข็งที่แตกละเอียดเป็นผุยผงละลายกลายเป็นเลือดนองเต็มพื้นไปหมด เพราะ ฟินิกซ์หนุ่มทะลวงเวทย์และใช้มีดสั้นแทงยองวอนจนเลือดสาด

    ตุ๊บ / ยองวอน

    ยองวอนล้มลงเพราะพิษจาดมีดสั้นเริ่มออกฤทธิ์  คิบอมและเพื่อนๆวิ่งลงมาจากอัศจรรย์ที่นั่งอยู่

    “ผลปรากฏว่า โอแทคยอน แห่งกึมซองชนะ” ยุนโฮประกาศ

    “อ้อ แทคยอนกรุณาอุ้มคู่ท่านลงไปรักษาด้วย ขอบคุณ” แทคยอนกำลังจะอุ้มยองวอนลงไปแต่                   คิบอมเข้าไปขวางไว้และอุ้มยองวอนลงมา

    “ยองวอนๆๆๆ ตื่นดิๆๆๆ ยองวอน”

    “ยาถอยพิษอยู่ไหน เอามาซิ”กีจีตะโกน แทคยอนยื่นยาถอนพิษให้ คิบอมกำลังจะถอนพิษให้แต่

    “มันใช้ยังไงนะ” คิบอมถาม

    “ฮึๆๆๆๆ ก็แค่ให้เจ้าของยาพิษจะต้องป้อนเองนะ”แทคยอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×