ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dexter's Laboratory ♡

    ลำดับตอนที่ #1 : firstlap ♡ . choiminho {it's me#}

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 53


     .: FORM . Audition ; plot.5

    (ตอบคำตอบเป็นสีชมพูนะคะ & ลบส่วนวงเล็บออกด้วย)

     

     

    ส่วนของผู้ออดิชั่น.

     

    ชื่อ . ปอย

    อายุ . 17 ขวบ

    มายไอดี . http://my.dek-d.com/alwaysjess

    ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ : ) . ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะน้องอีฟ <3

     

     

    ส่วนของตัวละคร.

     

    ชื่อ . ชอง ยุนฮเย


    บุคลิก
     . เรือนผมยาวสีน้ำตาลมะฮอกกานีดัดลอนเกลียวตามสมัยล้อมกรอบเข้ากับใบหน้าสวยคมที่ขึ้นรูปด้วยตาเรียวคมกริบเน้นความดุเข้มให้ทวีขึ้นเป็นเท่าตัว บวกกับใบหน้านิ่งขึงปราศจากรอยยิ้ม และการไว้ตัววางตัวอย่างลูกผู้ดีตลอดเวลาทำให้เธอกลายเป็นคนเชิดหยิ่งในสายตาคนอื่นไปโดยปริยาย


    ลักษณะนิสัย
     . สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง . พวกคุณคงเคยได้ยินประโยคเปรียบเปรยนี้กันมาจนคุ้นหูดีแล้วใช่ไหม ? ผู้หญิงตัวเล็กบอบบางคนนี้นี่แหละคือที่รวบรวมทุกองค์ประกอบเหล่านั้นเอาไว้ในตัวโดยไม่มีขาดตกบกพร่องไปสักข้อเดียว จริงอยู่เธอสวย และสวยมากชนิดที่หาข้อติไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ ทุกส่วนบนใบหน้าล้วนรวมกันลงตัวอย่างสวยงามราวกับภาพวาดชั้นดีจากจิตรกรฝีมือระดับโลก ตลอดจนการแต่งตัวที่หรูหรา ดูดี มีสไตล์ จนเหล่าดีไซเนอร์ทั้งหลายต้องยอมยกตำแหน่งเซเลบริตี้สาวสุดเริ่ดแห่งปีให้เธอไปครอง แต่เพราะยุนฮเยไม่ใช่คนที่เที่ยวแจกยิ้มโปรยปรายไปทั่ว และเธอไม่สามารถครองอารมณ์ดีไว้ได้ยาวนานขนาดให้ใครๆ เห็นรอยยิ้มหวานที่เข้ากันได้ดีกับรูปลักษณ์ทรงเสน่ห์จนคนมองต้องเหลียวมองแล้วมองอีก จึงรับข้อหาเอาคำว่าเชิดประกอบเข้าไปอีกหนึ่งประเด็น ไหนจะนิสัยชอบเอาชนะ ทะเยอทะยาน เลือกมาก ขี้วีนเป็นกิจวัตรอย่างคุณหนูแสนร่ำรวยผู้เอาแต่ใจทั่วไป คำพูดคำจาที่รุนแรงเชือดเฉือนทำร้ายจิตใจคนฟัง เจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่เคยแคร์ใคร และไม่เคยเห็นใครดีไปกว่าตัวเอง เลือกคบคนโดยหวังซึ่งผลประโยชน์ไร้ความจริงใจใดๆ จึงไม่เป็นที่แปลกใจเลยที่คำว่าหยิ่งจะแปะตราหน้าลูกผู้รากมากดีอย่างเธอไว้ แต่ถึงกระนั้นความสวยเปี่ยมเสน่ห์ก็ยังคงดึงดูดเอาความสนใจของใครหลายคนให้เดินหน้าเข้าหาทำความรู้จักกับเธอ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าสุดท้ายอาจโดนสาวไฮโซถีบหัวส่ง หรืออย่างโชคดีที่สุดก็คบกันชั่วระยะหนึ่ง พอหมดผลประโยชน์ที่จะให้กับเธอได้ก็ทิ้งไว้อย่างไร้เยื่อใยใดๆ ต่อกัน


    ประวัติครอบครัว
     . ลูกสาวคนรองของตระกูลชอง ที่สืบทอดขึ้นชื่อเรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ชีวิตเธอตั้งแต่เล็กจนโตเติบโตผูกพันใกล้ชิดอยู่กับพี่ชายเพราะพ่อแม่ที่งานรัดตัววุ่นวายทำได้แค่โยนเงินปรนเปรอให้อย่างเดียว และด้วยวัยที่ห่างกันพอสมควรก็ทำให้ยุนฮเยติดนิสัยมีเหตุมีผล ดำเนินชีวิตอย่างผู้ใหญ่ โดยเลือกที่จะเคยชินกับความโดดเดี่ยว และบอกปัดความอบอุ่นที่สมควรจะได้รับออกไปจากจิตใจ รักและเคารพยุนโฮมากกว่าใคร เทิดทูนเหนือหัวกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด ครอบครัวสนับสนุนผลักดันให้ทั้งลูกชายลูกสาวออกงานพบปะสังสรรค์เข้าสังคม หรือที่เธอเรียกมันว่าการสอนสวมหน้ากากเข้าหากันดีๆ นี่เอง และเพียงแค่อายุไม่กี่ปีทั้งคู่ก็ขึ้นแท่นเซเลบริตี้คนดังทายาทเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ที่ชีวิตนับจากนี้จะมีแต่คนจับตามอง


    อิมเมจ
     5 รูป + ชื่อเจ้าของอิมเมจ .

    ไม่ทราบชื่อค่ะ . รู้แต่เธอสวยและไฮโซไฮคลาสสุดสุด

     

     

     

     

     




     

     

    ส่วนของพระเอก.

     

    ชื่อ . ชเว มินโฮ


    บุคลิก
     . ผู้ชายเพอร์เฟ็คท์ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างน่าหลงใหล หุ่นสูงยาวหากแต่แข็งแรงอุดมไปด้วยมัดกล้ามอย่างนักกีฬา ดวงตากลมโตแฝงความโศกที่ลึกลับน่าค้นหา ไหนจะรอยยิ้มที่กระตุกหัวใจเพศตรงข้ามอย่างมีเสน่ห์เหลือร้าย รวมตลอดถึงทรงผมซอยยาวที่ถูกจัดเป็นทรงรับกับโครงหน้าคมคาย ริมฝีปากอิ่มสีนู้ด และผิวขาวอย่างคนสุขภาพดี


    ลักษณะนิสัย
     . ตามปกติแล้วมินโฮจะเป็นผู้ชายนิ่งๆ เงียบๆ ไม่ค่อยถนัดแสดงความคิดเห็นเป็นคำพูดอะไรกับใครเท่าไหร่ แต่อันที่จริงแล้วเขาจะแสดงออกทางอารมณ์อย่างชัดเจนไม่ว่าจะผ่านทางสีหน้า หรือแววตาทรงเสน่ห์นั่น ซึ่งหากใครไม่ทันสังเกตก็จะไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไร ยังไง จนอาจจะกลายเป็นมองว่ามินโฮเป็นคนเย็นชาน่ากลัวไปเสียเฉยๆ นิสัยมั่นคง จริงจัง ทุ่มเทอะไรจะทุ่มไปสุดตัว หากลองได้ฝังใจเรื่องความรู้สึกใดสักเรื่องกับใครแล้ว จะลืมได้ยาก ถอนตัวกลับได้ยาก และด้วยความที่เป็นคนกล้าได้กล้าเสียไม่กลัวเจ็บ จึงส่งผลให้เขากลายเป็นคนอดทนอดกลั้นกับสิ่งที่ได้เลือกแล้วแต่แรกอย่างถึงที่สุด


    ประวัติครอบครัว
     . ครอบครัวของมินโฮเป็นหนึ่งเรื่องความยอดเยี่ยมด้านทักษะทางกีฬาอย่างแท้จริง พ่อเป็นโค้ชฟุตบอลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ส่วนแม่ก็เป็นอดีตนักกีฬาแม่นปืนที่วางมือเพื่อเบนเข็มมาทำหน้าที่แม่บ้านที่ดีของครอบครัว จะมีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่แม้จะได้รับเชื้อแห่งการกีฬามาเต็มร้อยแต่มินโฮก็เลือกที่จะใช้รูปร่างหน้าตาที่ได้เปรียบนำคนอื่นเพื่อทำงานเบาๆ อย่างถ่ายแบบให้นิตยสารแฟชั่นวัยรุ่นจนเป็นที่รู้จักติดอันดับนายแบบหน้าใหม่ผงาดขึ้นเป็นแถวหน้าของวงการได้ไม่ยากเลย


    อิมเมจ
     5 รูป .

     

     

     

      

     

     

    ………………………………………………

     

     

    คำถามชิงบท.

     

    1.ทำไมคุณถึงเลือก มินโฮซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายที่เข้ามาจีบคุณ เพื่อที่ว่าจะหลอกใช้เขาให้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น

    :: 

    มือเรียวเลื่อนนิตยสารแฟชั่นราคาแพงที่ถูกวางทิ้งสะเปะสะปะขึ้นมาพลิกดูแก้เบื่อระหว่างรออีเมลล์ดีไซน์แบบเสื้อผ้าใหม่ๆ จากเพื่อนสนิททางแถบยุโรป ก่อนสายตาคมกริบจะหยุดกวาดเพื่อให้ความสนใจกับหน้าปกของฉบับที่เน้นไฮไลท์ไปที่ชายหนุ่มร่างสูงคุ้นตาในชุดแจ็คเกตหนังสีดำสนิท ตัดกับผิวหน้าขาวที่เน้นแต่งคลุมโทนดำเพิ่มความเด่นให้นัยน์ตาโศกยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้น ยุนฮเยขมวดคิ้วลงอย่างไม่รู้ตัวว่าปล่อยให้ใจจดจ่อเผลอไผลไปกับผู้ชายคุ้นตาที่ขึ้นปกนิตยสารไฮโซตรงหน้าไปเมื่อไหร่

    หญิงสาวกรีดนิ้วไล่แผ่นกระดาษมันวับไปที่หน้า editor ที่มีทั้งบทความเบื้องหลังการทำงาน รายชื่อสตาฟฟ์ ตลอดจนสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมชั่นสูงอันเป็นที่รู้จักกันดี ก่อนจะใช้สายตาไล่ผ่านๆ เรื่อยมาจนถึงรายละเอียดรวมทั้งข้อมูลส่วนตัวพอสังเขปของนายแบบที่ระบุไว้ว่ากำลังมาแรงที่สุดในวงการ

    "ชเว มินโฮ .." เอ่ยอ่านชื่อเสียงแผ่วทั้งขมวดคิ้วลงไปอีกอย่างพยายามทบทวนความทรงจำ แล้วเพียงไม่กี่วินาทีให้หลัง ภาพเมื่อหลายวันก่อนก็ไหลผ่านย้อนเข้ามาในหัวอีกครั้ง

     

    .

    ร่างเล็กกระแทกกระเป๋าเดินทางลงบนที่นั่งรับรองผู้โดยสารเสียงดังลั่น ทั้งบดกระทืบเท้าที่สวมส้นสูงสีดำลงบนพื้นขัดหินอ่อนเต็มแรง ท่ามกลางสายตาของคนรอบข้างที่พากันให้ความสนใจกับหญิงสาวหน้าตาสวยจัดทว่าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์รุนแรง ยุนฮเยรูดเปิดกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมราคาแพงเพื่อล้วงหยิบเอาโทรศัพท์หรูระยับสมฐานะเซเลบริตี้คนดังขึ้นมาแนบกับหู

    (สวัสดีค่ะคุณหนู)

    "นี่คนรถบ้านเรามัวแต่ไปเถลไถลที่ไหนป่านนี้ถึงยังไม่มารับฉันอีก" คนตัวเล็กตวัดเสียงตั้งคำถามโดยไม่สนใจตอบรับคำทักทายของปลายสายแต่อย่างใด "ฉันไม่ชอบรอนาน แล้วก็เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ไม่รู้อะไรกันบ้างเลยหรือไง"

    (เอ่อ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณหนู)

    "ไม่ ! ฉันเหนื่อย ฉันอยากกลับบ้าน"

    (ค่ะๆ เดี๋ยวดิฉันจะรีบโทรเร่งให้อีกทีนะคะ คุณหนูอย่าเพิ่งโมโ ...)

    ไม่ทันจะได้ฟังหัวหน้าแม่บ้านพูดจบ ยุนฮเยก็ตัดสายฉับ แล้วโยนโทรศัพท์ลงกระเป๋าหน้าหงิก แต่ดูเหมือนเธอจะวางทิศทางผิดพลาดเพราะตัวเครื่องหรูกลับกระเด็นตกไปอีกทางแทนที่จะเข้าไปอยู่ในกระเป๋าใบสวยเหมือนเดิม คุณหนูคนสวยปรายตามองเครื่องมือสื่อสารบนพื้นก่อนตีสีหน้าเบื่อหน่าย ไร้ทีท่าจะสนใจใดๆ ทั้งสิ้น

    ... ถ้ายังมาช้ากว่านี้ไปอีกสิบนาที ฉันจะไล่ออกไปให้หมดทั้งหัวหงอกหัวดำเลยคอยดู ! ...

    "เอ่อ ... คุณครับ"

    หญิงสาวทำเพียงแค่ตวัดสายตาคมกริบมองตามเสียงเรียกรบกวนราวกับสิ่งของเหมือนคราวที่เธอปรายตาดูโทรศัพท์ คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นเป็นเชิงถามเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นคือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสวมแว่นตาดำอันโตที่ดูดีใช่ย่อย

    "โทรศัพท์ของคุณใช่ไหมครับ ?"

    ยุนฮเยขมวดคิ้วตึงขึ้นมาอีกเมื่ออีกฝ่ายยื่นของที่เธอตั้งใจจะทิ้งมาให้ คนตัวเล็กจิ๊ปากก่อนหันมาเผชิญหน้าเต็มตัวกับคนตัวสูง แล้วเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ตัดความรำคาญพร้อมเอ่ยคำขอบคุณอย่างไว้ตัว

    ชเว มินโฮหยุดค้างนิ่งไปกับความงามบนใบหน้าคมที่รวมตัวกันอย่างเหมาะเจาะทั้งจมูก ตา ปาก เขาจำได้ดีว่าเธอคือเซเลบริตี้สาวคนดังที่ตัวเองแอบปลื้มอยู่เงียบๆ มานาน และยิ่งได้มองอยู่ใกล้ชิดแบบนี้ เธอก็ยิ่งสวย ... สวยมากจนทำให้เขายิ่งตราตรึง

    "คุณหนูครับ"

    ยุนฮเยเปลี่ยนความสนใจเบือนหน้ามองคนที่มาใหม่ด้วยสายตาจิกปรามลงไปพักหนึ่ง ก่อนจะยกนิ้วชี้ไปยังกองกระเป๋าที่ยังคงอยู่ที่เดิม โดยไม่มีคำพูดใดๆ ผ่านริมฝีปากบางสวยออกมา แต่กระนั้นอีกฝ่ายที่อาวุโสกว่าก็พอจะสัมผัสได้ถึงรัศมีร้อนวูบที่บ่งบอกได้ว่าคุณหนูน้อยของบ้านกำลังไม่พอใจอย่างรุนแรง เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เขาจะต้องช้ากว่านี้ในการขนเอาสัมภาระทั้งหมดนำล่วงหน้าไป หญิงสาวปรายตามองพ่อคนตัวสูงเปี่ยมน้ำใจอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าฉับๆ ตาม

    "เดี๋ยวครับ"

    ยุนฮเยค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลงตามคำเรียกนั้น แต่ก็ทำเพียงเหลือบมองอย่างที่ชอบทำประจำเหมือนเดิม อีกฝ่ายบรรจงถอดแว่นตาดำที่เธอว่าดูดีออกเผยให้เห็นใบหน้าคมคายได้รูป ก่อนจุดยิ้มเปี่ยมเสน่ห์แต้มมุมปาก

    "ผมชเว มินโฮ ... ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"

    หญิงสาวกระตุกยิ้มในหน้าอย่างรู้ทันเสมอกับพวกมุขทำความรู้จักเดิมๆ ของผู้ชายที่เข้าหาเธอ

    "ฉันชอง ยุนฮเย" เอ่ยเสียงห้วนสั้นตามสไตล์ ก่อนก้าวเท้านำขาเรียวสวยเดินต่อไปโดยไม่หันมาสนใจมินโฮอีก ต่างกับฝ่ายตรงข้ามที่ยังคงมองตามยุนฮเยไปจนลับสายตาพร้อมรอยยิ้มบางๆ อย่างอารมณ์ดี

     

    .

     

    "ฮึ ..." เมื่อถึงบางอ้อ แววตาก็วาววับขึ้นมาอย่างนึกสนุกกับความคิดที่พุ่งเข้ามาหลังรู้ว่าใครเป็นใคร ยุนฮเยก้มมองหนังสือในมือ สำรวจหน้าตาและโพรไฟล์อีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนก่อนโยนนิตยสารทิ้งไป ทั้งยกนิ้วขึ้นมาม้วนผมที่ดัดเป็นลอนฮัมเพลงอย่างมีความสุข

    บ้านมีฐานะ

    หน้าตาหรือก็หล่อเหลาควงได้ไม่อายใคร

    ไหนจะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคมอีก

     

    ... โชคดีกำลังจะเป็นของนายแล้วล่ะชเว มินโฮ ...

     

    2.หลังจากที่หลอกใช้เสร็จ คุณก็พยายามที่จะสลัดเขาทิ้ง คุณจะบอกเลิกเขาอย่างไร

    :: 

    ยุนฮเยพลิกตัวจากอีกด้านหนึ่งของเตียงคิงไซส์สะอาดตาพร้อมกวาดมือไปทางหัวนอนเพื่อควานหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูที่ถูกปิดทิ้งไว้ตลอดสัปดาห์ ก่อนค่อยชันตัวขึ้นทั้งใช้เรียวตาคมปราศจากเครื่องสำอางจับอยู่ที่หน้าจอรอโหลดคอมพลีทพร้อมใช้งาน แต่ยังไม่ทันที่นิ้วเรียวจะได้กดทัชอะไรลงไป เสียงเตือนระบบข้อความเข้าก็ดังติดต่อกันอย่างต่อเนื่องซ้ำๆ ขึ้นมาเสียก่อนจนเจ้าของอดตกใจไม่ได้ และเมื่อชัดเจนในสายตาแล้วว่าใครเป็นคนมานะเพียรพยายามส่งมา ใบหน้าคมที่ยกยิ้มอารมณ์ดียามเช้าก็เบ้ลงจนกลายเป็นบึ้งตึงในที่สุด

    หายไปไหน ทำไมคุณไม่ติดต่อกันมาบ้างเลย ฝันดีนะครับ

    คุณจะคิดถึงผมสักนิดบ้างไหมยุนฮเย ?’

    ‘minho’s event 224 missed call’

    คุณหายไปไหน รู้ไหมว่าผมอยากคุยกับคุณ

    ตลอดเวลาที่ไล่อ่านแต่ละข้อความ คุณหนูชองไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นยินดีใดๆ ทั้งสิ้น หากแต่เธอกลับเหยียดปากอย่างนึกสมน้ำหน้าในความโง่เง่าของผู้ชายคนนี้เสียมากกว่า

    โง่ที่ยอมเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับเธอ

    โง่ที่หลงกลยอมให้เธอจิกหัวหลอกใช้จนสำเร็จ

    และโง่ โง่มากที่รักเธอขนาดคิดว่าความรักไร้สาระเหล่านั้นจะละลายความแค้นของเธอลงได้

    ยิ่งนึกก็ยิ่งขำจนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ เสียเหลือเกิน คุณหนูไฮโซชั้นสูงอย่างยุนฮเยน่ะหรือจะหลวมตัวเห็นแก่คนอื่นมากกว่าความพึงพอใจในการแก้แค้นของตัวเอง

    ขอบอกไว้เลยว่าไม่มีวัน !

    ยุนฮเยเหยียดปากยิ้มร้ายอย่างสาสมใจกับความสำเร็จในทุกเรื่องของตัวเองอีกที ก่อนจะทำท่าเรี่ยนิ้วลงเพื่อกดออกจากเมนูเท็กซ์เมสเสจนั้น แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้กระดิกตัวทำอะไร หน้าจอโทรศัพท์ก็สว่างวาบขึ้นรูปปลายสายพร้อมเสียงเรียกเข้าดังลั่น

    ชเว มินโฮ

    คนตัวเล็กถอนหายใจพรืดอย่างรำคาญใจ แล้วแน่นอนว่าเธอย่อมเลือกที่จะปล่อยให้เสียงโทรศัพท์แผดดังอีกครั้งและอีกครั้งอยู่อย่างนั้นโดยหวังเพื่อให้อีกคนล้มเลิกความตั้งใจที่ไม่มีวันสำเร็จลง แต่ยุนฮเยคงจะประเมินคนจริงจังทุ่มเทอย่างมินโฮผิดไปถนัด เพราะตอนนี้กลับกลายเป็นเธอเสียเองที่ประสาทจะกินกับการดื้อดึงของอีกฝ่าย

    (ยุนฮเย คุณหายไปไหน ปิดเครื่องทำไมครับ)

    ทันที่ที่ตัดสินใจกดรับ เสียงทุ้มของชายหนุ่มก็กรอกเว้าวอนผ่านมาตามสายอย่างน่าใจอ่อน แต่ยุนฮเยคงกระด้างเกินไปที่จะรู้สึกล้ำลึกไปกับมัน เพราะน้ำเสียงที่เธอใช้ช่างไร้ความรู้สึกอย่างกระแทกตอกหัวใจคนฟังจนแทบหมดแรงยืน

    ฉันจะหายไปไหน ไปทำอะไรมันก็เรื่องของฉันนี่คะ ไม่ทราบว่าคุณมีสิทธิ์มาเทียวไล่เทียวขื่อคนอย่างฉันตั้งแต่เมื่อไหร่

    ร่างสูงพยายามกล้ำกลืนความขื่นขมลงคอหลังจากรับฟังคำตอบไปแล้วอย่างยากเย็น ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เสียทีเดียวว่าเธอคบกับเขาเพื่ออะไร หวังอะไร แต่เพราะความรักที่มินโฮมีให้ยุนฮเยอย่างมากมายต่างหากที่สามารถลบล้างข้อกังหานั้นไปได้อย่างหมดจดและทำให้เขามีความสุขหล่อเลี้ยงลมหายใจอยู่ได้ทุกวัน

    (ผม จะไม่มิสิทธิ์ในฐานะคนรักคุณเลยเหรอ)

    ต่อไปนี้คุณคงใช้ได้แค่คำว่าอดีตแล้วล่ะ หญิงสาวสวนกลับไปทันควันโดยจงใจเน้นคำว่าอดีตลงไปอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเช่นไร ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว พูดแค่นี้หวังว่าคุณคงจะพอเรียนรู้ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก

    (ผม …)

    ฉันไม่มีเวลาว่างมากพอจะฟังคุณบอกรัก หรือหาเหตุผลอะไรมารั้งฉันขนาดนั้น และหวังว่าเราจะไม่ต้องได้คุยได้เจอกันอีกไม่ว่าจะในกรณีไหน ฐานะไหนก็ตาม เพราะที่ผ่านมาฉันก็ไม่เคยคิดจะรักคุณ และตอนนี้คุณเองก็หมดประโยชน์กับฉันไปแล้ว

     

    3.แต่มินโฮก็ไม่ยอมที่จะออกไปจากชีวิตคุณ จวบจนวันหนึ่งคุณก็รู้สึกว่ารักและขาดเขาไม่ได้ เหตุการณ์นั้นเป็นอย่างไร

    :: 

    거친 삶에 시들어갈 ชีวิตที่เหี่ยวแห้งนั้นได้ผ่านไปแล้ว

    그대가 내게 다가와 ตั้งแต่เมื่อคุณเข้ามาหาผม

    얼어붙은 마음에 손을 순간 ขณะที่ผมสัมผัสหัวใจที่โดนแช่แข็งของคุณ

    나의 삶은 시작됐음을 มันทำให้ชีวิตผมเริ่มต้นขึ้น

    그대 지치고 힘들 เมื่อใดที่คุณเหนื่อยและมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก

    부디 옆자리에 나를 있게 โปรดบอกให้ผม ให้ผมไปยืนอยู่เคียงข้างคุณ

    ยุนฮเยไม่รู้ตัวเลยว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้ ริมหน้าต่างตรงนี้ เพื่อฟังเพลงนี้ซ้ำๆ ผ่านทางไอพ็อตมานานเท่าไหร่แล้ว หญิงสาวรู้เพียงแต่ว่า เพลงที่มินโฮเคยขอร้องให้เธอฟังเพื่อสื่อทุกความในใจ เพลงที่ไม่เคยทำให้เธอสนใจในความหมายของมัน ตอนนี้กลับมีอิทธิพลควบคุมให้ผู้หญิงที่แข็งกระด้างเริ่มคงแววตาอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ไม่ใช่แค่ความหมาย และท่วงทำนองนุ่มลึกที่ทำให้เธออ่อนไหว

    หากแต่เป็นภาพความทรงจำของทุกการกระทำที่แสนดี รอยยิ้ม แววตาเปิดเผยความรู้สึกลึกซึ้งของมินโฮที่ค่อยๆ ซึมซาบเข้ามาในหัวใจคั่งแค้น และทำให้เธอได้รู้จักความหมายของคำว่าอบอุ่น หวามไหว ไม่ใช่ร้อนรนทุรนทุรายอย่างที่เคยครองมันมาตลอด

     

    ผมไม่รู้ว่าเวลาคุณเหงา คุณไม่มีใคร สิ่งแรกที่คุณเลือกทำคืออะไร แต่นับจากนี้ไปนี้ ช่วยบอกผมได้ไหม เมื่อไหร่ที่คุณเจ็บปวดใจ ผมสัญญาว่าจะรักษาคุณเอง

    이런 아픔, 고통쯤 หากคุณกำลังยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว

    견딜 있는걸요 ผมจะจัดการกับความเจ็บปวดและความทุกข์เหล่านั้นเอง

     

     ที่ผมทุ่มเททุกอย่างให้คุณไป มันไม่เคยมีค่าอะไรเลยใช่ไหม

    ถ้าการรักฉันมันทำให้คุณต้องมาเรียกร้องอะไรงี่เง่าแบบนี้ ก็เลิกรักฉันไปเลยดีกว่า เบื่อจะฟังประโยคประเภทนี้เต็มทีแล้ว

    참을 있는걸요 ผมกล้ำกลืนความเจ็บปวดและน้ำตาเอาไว้

    All I want is you ทั้งหมดที่ผมต้องการคือคุณ

    Only one is you in my life เพียงคุณคนเดียวเท่านั้น ตลอดชีวิตของผม

     

    ผมไม่เบื่อจะฟังคุณพูดเชือดเฉือนผมหรอกนะ แม้แต่ละคำจะกรีดลึกซ้ำลงไปบนแผลเดิมแค่ไหน เพราะผมรักคุณไปแล้วทั้งชีวิต ผมเลือกให้ทั้งใจกับคุณแค่คนเดียวไปแล้ว

    울지 않아요 다신 울지 않아요 ผมจะไม่ร้องไห้ จะไม่ร้องไห้อีก

    무엇도 절대 멈추지 못해 ไม่มีอะไรจะหยุดผมได้

    허나 오직 사람 그대 แต่มีเพียงคนหนึ่งเท่านั้น

    나를 만들고 완성시키고 ที่ทำให้ผมหายขาดจากความเปล่าเปลี่ยว

    이렇게 숨쉬게 You… ที่ทำให้ผมหายใจต่อไปได้

    คือคุณ when i

     

    부디 옆자리에 나를 있게

    โปรดบอกให้ผม ให้ผมไปยืนอยู่เคียงข้างคุณ

     

    เธอไม่เคยคิดแม้แต่จะใส่ใจกับความรู้สึกของเขา

    ในขณะที่อีกคนกลับทุ่มเทและเป็นห่วงความรู้สึกข้างในของเธอเสมอ

    เธอไม่เคยคิดแม้แต่จะทำอะไรดีๆ ให้เขาอย่างจริงใจ

    ในขณะที่อีกคนกลับยอมทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ให้เธอมั่นใจที่จะเดินไปด้วยกัน

    ... เธอดีแต่ทำเรื่องแย่ๆ ให้เขาเจ็บปวดใจอยู่เสมอ

    ในขณะที่อีกคนกลับทนกล้ำกลืนมัน และมอบกลับตอบแทนให้ด้วยความรู้สึกละมุนละไมที่เรียกว่า ความรัก

     

    .

    แววตาวูบไหวของคนไร้ความรู้สึกเริ่มมีน้ำคลอ พร้อมกับหัวใจที่ตะโกนยอมแพ้ และมอบตอบสนองความรู้สึกในแบบเดียวกัน ให้กับอีกคน

    All I want is you

    ทั้งหมดที่ฉันต้องการก็คือคุณ

    Only one is you in my life

    เพียงคุณคนเดียวเหมือนกัน

    เพียงคุณคนเดียวเท่านั้น ตลอดชีวิตของฉัน

     

     

    4.ตอนจบ

    :: 

    เมื่อไหร่คุณจะเห็นผมอยู่ในสายตาสักทีจู่ๆ ร่างสูงก็โพล่งคำถามไม่อ้อมค้อมขึ้นทำลายความเงียบจนน่าอึดอัดลง ยุนฮเยตวัดสายตาคมกริบมองมินโฮแวบหนึ่ง ก่อนยกมือสองข้างขึ้นค้ำราวสะพาน เงยหน้าปล่อยเรือนผมสีน้ำตาลพลิ้วรับแรงลมหน้านิ่ง

    ผม ไม่ควรถามคำถามงี่เง่าแบบนี้กับคุณสินะพูดออกมาพร้อมแค่นหัวเราะฝืดอย่างสมเพชตัวเองเต็มทน รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยคิดจะสนใจ ไม่เคยคิดจะให้ความจริงจังจริงใจใดๆ แต่ก็ยังอดหวังไม่ได้ว่าสักวันความรักของเขาจะเอาชนะใจเธอได้จริงๆ ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการหลอกใช้เป็นเครื่องมือแก้แค้นอย่างที่เคยโดนกระทำมา

    รู้ตัวก็ดี …”

    มินโฮทำได้เพียงคลี่ยิ้มออกมาบางๆ อย่างเคยชินกับคำพูดพวกนี้ไปเสียแล้ว นัยน์ตาโศกเบนมาจับจ้องคนสวยข้างตัวที่ยังคงตีหน้านิ่ง ไร้ทีท่าแสดงความสนใจอย่างที่ชอบทำมาเสมอ ก่อนตัวเองจะเป็นฝ่ายทอดถอนหายใจ แล้วเปลี่ยนโฟกัสกลับไปอยู่ที่จุดเดิม

    คุณรู้ไหม ผมดีใจแค่ไหนที่คุณยอมคบกับผม ยอมเลือกผมให้อยู่ข้างๆ คุณ ถึงแม้สุดท้ายมันจะกลายเป็นแค่เรื่องหลอกลวงเรื่องหนึ่งก็ตาม เพราะไม่ว่าคุณจะคบผมในฐานะอะไร จะเลือกวางผมไว้อยู่ตำแหน่งไหน อย่างน้อยผมก็ยังจะได้อยู่เคียงข้างคุณ ดูแลคุณ ปกป้องคุณอย่างที่ผมต้องการมาตลอด และสิ่งสำคัญที่สุดคือคุณให้โอกาสผมได้รักคุณ

    ใจหญิงสาวกระตุกวูบเมื่อได้ยินถ้อยคำที่อีกฝ่ายป้อนผ่านมา แม้ไม่มีการสบตา ไม่มีการมองหน้าซึ่งกันและกันอย่างเคย แต่ยุนฮเยก็รู้สึกได้ถึงความเปิดเผยทุกความรู้สึกที่มินโฮต้องการสื่อให้เธอได้รับรู้เหมือนเดิม

    คุณอาจจะเบื่อที่ผมเอาแต่พูดคำๆ นี้อยู่ตลอด แต่เมื่อไหร่ที่ผมอยากพูด อยากให้คุณรู้ ผมจะพูดมันออกมาทุกครั้ง เพราะผมอยากให้คุณเชื่อ อยากให้คุณมั่นใจในความรู้สึกที่ผมมีให้ เผื่อคุณจะเข้าใจและหันมามองมันบ้าง ผมหวังอยู่ตลอดว่าสักวันความรัก ความจริงใจของผมจะเปลี่ยนแปลงคุณได้ และถึงแม้ผลลัพธ์มันจะออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าผมหลงตัวเอง ผมเข้าใจผิดมาตลอด แต่มันกลับไม่มีผลให้ความรู้สึกผมลดน้อยลงไปเลยร่างสูงก้มหน้าแล้วฝืดเสียงหัวเราะผ่านลำคอออกมาแผ่วเบา “… คนอื่นคงจะนึกสมเพชผมนะครับ ที่ยังเฝ้าหวังอะไรลมๆ แล้งๆ ยังยอมทำตัวเป็นคนโง่เพื่อหวังจะได้เป็นผู้ชายที่อยู่ข้างคุณไปเรื่อยๆ

    ก็บอกแล้วว่าให้ไปจากฉัน ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะถ้าคุณจะเป็นคนดื้อด้านเอง

    เหตุผลผมก็มีแค่ความรักมินโฮเอ่ยสวนกลับไปทันควัน ความรักที่ไร้การตอบแทนใดๆ กลับมา แต่เชื่อไหม ผมยินดียอมโง่อีกแล้วเพราะเหตุผลของผมก็มีแค่ว่าผมรักคุณ

    เมื่อไหร่คุณจะเลิกพูดสักที

    ผมบอกแล้วว่าเมื่อไหร่ที่ผมอยากพูด ผมก็จะพูดออกมาทุกครั้ง

    แล้วใจคอคุณจะไม่ฟังฉันพูดบ้างหรือไงยุนฮเยเริ่มขึ้นเสียงแข็ง ทั้งยกมือกอดอกปรายตามองคนตัวสูงที่เงียบลงไปอึดใจหนึ่ง

    แล้ว คุณจะพูดอะไร …”

    สิ้นเสียงเอ่ยถามเอื้ออาทรจากชายหนุ่ม หญิงสาวก็กัดริมฝีปากหลุบตาลงต่ำเบือนไปทางอื่นอย่างเก้กัง ยุนฮเยไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน และมันยิ่งทวีความยากขึ้นเมื่อเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของความรู้สึกละเอียดอ่อนในแบบที่เธอไม่เคยคิดจะทำให้กับใคร ไหนจะสายตาที่อีกฝ่ายสบทอดมองลงมาอย่างใส่ใจ ตั้งใจจนทำให้เธอยิ่งประหม่าจนลำดับคำพูดไม่ถูกนั่นอีก

    คงเพราะชินกับการเป็นผู้รับ มากกว่าการเป็นผู้ให้อะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง ...

    คนตัวเล็กอัดลมหายใจเข้าปอดอย่างรวบรวมกำลังใจ พร้อมพยายามสลัดเอาความกังวลเบื้องต้นเหล่านั้นออกไปโดยเลือกที่จะเรียกเอาสิ่งที่เธอเข้าใจแล้วว่ามันคือความรักออกมาแทนที่

    ฉัน …”

    เจ้าของใบหน้าหล่อเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ประสาทสัมผัสทั้งหมดพร้อมเปิดรับฟังทุกสิ่งที่ยุนฮเยจะถ่ายทอดลงมา โดยไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งเขาแสดงออกถึงความอยากรู้ แสดงออกถึงความตั้งใจรอแค่ไหน สิ่งเหล่านั้นเป็นตัวแปรผลให้ปากคอเธอพลันแข็งขึ้นมาทั้งนั้น

    ถ้าคุณเอาแต่จ้องฉันอยู่อย่างนี้ ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นว่าแล้วก็แสดงท่าทางเชิดหยิ่งกลบน้ำเสียงที่เริ่มจะสั่นของตัวเอง มินโฮทำหน้าเก้ออยู่ชั่ววินาทีหนึ่ง ก่อนจะรีบหันหน้าออกมองผืนน้ำใสแทนที่จะเป็นใบหน้าสวยของผู้หญิงที่เขารัก

    ผมไม่จ้องคุณแล้วนะครับ พูดออกมาได้เลย

    ฉันรักนายคำสามคำที่เสียงหวานส่งผ่านริมฝีปากบางออกมาอย่างไม่ทันได้ให้อีกคนตั้งตัวเล่นเอาชายหนุ่มสติแตกกระเจิดกระเจิงพร้อมๆ กับอาการพองฟูของหัวใจอย่างบอกไม่ถูก มินโฮรีบเบนเสี้ยวหน้าหล่อกลับมามองยุนฮเยที่โครงหน้าคมขึ้นสีระเรื่ออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าควรต้องพูดยังไง ต้องทำยังไงถึงจะฟังดูดี

    ว่าแล้วเงยหน้ามองสายตาเดาอารมณ์ไม่ถูกของคนตัวสูง ก่อนกลั้นใจลบความอายสบลงเพื่อย้ำให้เขารู้ถึงความจริงใจที่เธอมี

     แต่ฉันรักนาย รักนายจริงๆ นะ

    แล้วก็ทันทีที่ร่างบางปลิวหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของมินโฮโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนกัน ยุนฮเยยกแขนสองข้างขึ้นกันระหว่างเธอกับเขาอย่างคนไม่เคย แต่สัมผัสอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้ก็ทำให้ไม่กี่วินาทีให้หลังหญิงสาวตัดสินใจทิ้งปลายคางลงบนไหล่ของมินโฮอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนมือเรียวจะลดลงเป็นโอบยึดรอบแผ่นหลังแกร่งไว้ แล้วชายหนุ่มรั้งเธอเข้ามาแนบชิดแลกเปลี่ยนอารมณ์ละมุนกันมากขึ้น

    ผม ไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคงไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบนักหรอกในเวลานี้ หัวใจของมินโฮเต้นแรง และแรงมากจนยุนฮเยรู้สึกได้ พร้อมๆ กันนั้นเธอเองก็เชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่าเขาคงจะสัมผัสถึงจังหวะหัวใจที่แปลกไปของเธอได้เหมือนกัน

    ผมรอคอยคำนี้จากคุณมาตลอด รอคอยที่จะได้รับความรู้สึกแบบเดียวกันที่ผมมีให้กับคุณ

    “…………………………….”

    คุณรักผมจริงๆ ใช่ไหม …”

    ยุนฮเยหลับตาลงช้าๆ พยักหน้าเบาๆ พอให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเธอฟังอยู่ และเข้าใจในทุกอย่างที่มินโฮกำลังบอก

    หญิงสาวกำลังรู้สึกว่าอ้อมกอดนี้อบอุ่นและอ่อนหวานเหลือเกิน

    ในขณะที่ชายหนุ่มก็กำลังรู้สึกว่าความรักที่เธอมีให้เขาก็อบอุ่นและอ่อนหวานไม่แพ้กัน

    คุณ ไม่โกรธฉันเหรอ

    เรื่องอะไรล่ะครับ …” มินโฮเอ่ยถามเบาๆ กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอย่างไม่รู้เบื่อ ก่อนก้มลงสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมสีน้ำตาลสวย ถ้าหมายถึงเรื่องที่ผ่านมา ผมยืนยันเลยว่าไม่เคยโกรธคุณ

    ว่าแล้วเงียบเสียงลงไปสักอึดใจหนึ่ง ก่อนค่อยๆ ผละดันไหล่บางของคนตัวเล็กออก ยกมือเกลี่ยแก้มบางนุ่มอย่างทะนุถนอม

    แต่ช่วยบอกรักผมอีกสักครั้ง จะเป็นการขอที่มากไปหรือเปล่าครับ

    ยุนฮเยระบายยิ้มจริงใจที่ไม่เคยมีแทนคำตอบนั้น มือเรียวยกขึ้นแตะหลังมือมินโฮเบาๆ ก่อนเป็นฝ่ายเดินเข้าใกล้ชายหนุ่มแล้วเขย่งปลายเท้าแนบแก้ม กระซิบคำอ่อนหวานไพเราะที่เธอรู้ว่าใครอีกคนรอคอยมานานแสนนาน

    ฉันรักคุณ

     

    ………………………………………………

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×