คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
“กลับมาแล้ว” เสียงเหนื่อยๆของใครบางคนประกาศตัวทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในบ้านหลังใหญ่
“กลับมาแล้วเหรอครับ” และใครอีกคนวิ่งมารับเขา ดึงกระเป๋าย่ามที่เขาสะพายอยู่ไปถือแทน
“อ้าว นายอยู่เหรอ” เขาถามคนที่เดินมารับตน
“เพิ่งกลับครับพี่”
“อ้อ”
ตอบรับแค่นั้น แล้วก็เดินดุ่มๆเข้าบ้านไปที่ห้องนั่งเล่น แต่อารมณ์เหนื่อยๆเมื่อครู่กลับเหนื่อยยิ่งกว่าเดิม เมื่อเจอคนที่ไม่อยากเจอนั่งอยู่ก่อนแล้ว
ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งนั่งป้อนขนมให้กันที่ชุดรับแขก แต่คงถูกขัดจังหวะจากเขาและใครอีกคนที่เดินคู่มากับเขา ทำให้คนทั้งสองหยุดป้อน
ฝ่ายที่เป็นแฟนหนุ่มหันมายิ้มให้เขาทันที
“พี่ครับ มากินเค้กด้วยกันสิ ซูซานซื้อมาฝาก” ใครบางคนที่นั่งตัวติดกับหญิงสาวเรียกเขาเข้าไปร่วมวง
หงุดหงิด เห็นหน้ายัยนี่แล้วหงุดหงิดจริงๆ ใครปล่อยให้เข้ามานะ ไม่กลัวเป็นข่าวรึยังไงเนี่ย
“ใครใช้ให้เธอเข้ามาซูยอน” ไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดประเด็นถามออกไปตรงๆ
“พี่ครับ ผมชวนมาเองแหละ เราระวังกันดีแล้วครับ ไม่มีใครเห็นหรอก” คนที่นั่งตัวติดกับหญิงสาวตอบแทน
“คิบอม ลืมเอาสมองไว้ที่เมกาเหรอ ไม่รู้รึไงว่าอย่าเอาผู้หญิงเข้าบ้านเอสเจ เกิดข่าวหลุดออกมาจะแย่นะ”
“โธ่พี่ฮีชอลคะ จะซีเรียสทำไมกัน ทั้งเกาหลีรู้หมดแล้วว่าฉันกับบอมมี่เป็นแฟนกัน ฉันมาบ้านนี้ก็มาหาบอมมี่คนเดียวล่ะค่ะ ไม่มีใครเข้าใจผิดว่ามาหาคนอื่นหรอกนะคะ” เสียงหวานๆเลี่ยนหูดันดังขึ้นมาซะได้ ยิ่งฟังยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม
“อ้อ อีกอย่าง เรียนฉันว่าซูซานสิคะ ซูยอนน่ะชื่อเดิมฉัน ไม่มีใครเรียกฉันแบบนี้มาสิบปีแล้วนะคะพี่”
“แต่ที่นี่เกาหลี ไม่ใช่เมืองนอก เธอมาอยู่เกาหลี ฉันก็จะเรียกชื่อเกาหลีของเธอ”
“แหมพี่คะ อยู่เกาหลี แต่ในวงการใครก็เรียกฉันซูซานกันทั้งนั้น” หญิงสาวทำหน้างอนใส่เขา เห็นแล้วหงุดหงิด!!!
ฮีชอลยืนมองน้องรักและคนรักกระหนุงกระหนิงอย่างเบื่อหน่าย เป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้วที่น้องชายของเขาเปิดตัวแฟนให้ประชาชนรับรู้
นางแบบสาวชื่อดัง ปาร์ค ซูยอน หรือซูซาน นักเรียนนอกจากอเมริกาที่สุดท้ายกลับมาบ้านเกิดเพื่อลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ
ได้โอกาสแสดงเป็นดารารับเชิญในละครที่น้องรักของเขาเล่น เลยทำให้รู้จักกัน แล้วก็พัฒนาจนเป็นแฟน
นิสัยเหรอ เชอะ ก็ดีหรอกมั้ง แต่หัวสูงไปหน่อย คงเพราะมีพ่อแม่รวย แต่ที่ไม่ชอบที่สุด คือชอบทำตัวอ่อยเหยื่อพวกในวง ชอบหว่านเสน่ห์เป็นกิจวัตร คิดว่าเขาไม่รู้รึไง ยามน้องรักเขาเผลอ ยัยนี่ส่งสายตาหวานให้กับทุกคน โดยเฉพาะกับเพื่อนรักของเขาฮันกยอง และอีกคนซึ่งยืนปากแหลมทำหน้ายาวอยู่ข้างๆเขาตอนนี้
ไม่พูดอะไรต่อ เดินไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับสองนั่น
“ซีวอน ไปเอาน้ำมาหน่อย หิว” สั่งคนปากแหลมหน้ายาวด้วยความหงุดหงิด เพราะรู้สึกว่าหญิงสาวกำลังทำตาหวานใส่น้องชายสุดหล่อของวง
“แล้วจะกลับกันเมื่อไหร่ รีบๆกิน รีบๆกลับ ฉันไม่ชอบให้มีผู้หญิงในบ้านนี้” กอดอกทำเสียงเข้มบอกคู่รักหวานฉ่ำ
“เดี๋ยวก็จะไปแล้วครับพี่” น้องรักตอบ จากนั้นก็หันไปหาแฟนสาวสุดสวยของตน
“ซูซาน เดี๋ยวรอผมแป๊บนะ ผมขึ้นไปเอาของบนห้องก่อน” แล้วน้องรักก็ลุกออกจากโซฟาเดินขึ้นบันไดไป
ตอนนี้เหลือเพียงเขาและยัยหว่านเสน่ห์ตามลำพังแล้ว
“จริงสิคะพี่ฮีชอล ปิดอัลบั้มแล้ว พี่มีงานอย่างอื่นทำต่อรึเปล่าคะ”
ไม่อยากตอบ แต่ก็คงต้องตอบ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องอะไรคุยกับเขาต่อ
“มี ละคร งานพิธีกร วาไรตี้ เรียลลิตี้”
“แหม เยอะแยะไปหมดเลยนะคะ แล้วนี่จะได้พักผ่อนกับอย่างคนอื่นเขามั้ยคะเนี่ย”
“พักหรือไม่พักก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
ก่อนที่หญิงสาวจะได้ถามหรือตอบอะไรเขา ก็มีใครบางคนมาขัดจังหวะ
“มาแล้วครับพี่ น้ำอุ่นๆ ช่วงนี้อากาศหนาวดื่มน้ำอุ่นดีกว่านะ” น้องชายหน้าหล่อประจำวงเดินเข้ามาเสิร์ฟ
แม้จะได้น้ำมาไว้ในมือ แต่ฮีชอลก็ใช่จะอารมณ์ดีขึ้น ยิ่งเห็นสุดหล่อนั่งลงตรงที่เท้าแขนของโซฟาซึ่งเขานั่งอยู่ โดยมีแม่เสือสาวทำตาจะเขมือบสิงโต หน้าสวยของฮีชอลก็เริ่มหงิกยิ่งกว่าเดิม
สุดสวยแห่งบ้านเอสเจได้แต่อึดอัด ไม่ชอบว่าเลยจริงๆกับแฟนน้องชายคนนี้ มันเอาตาที่ไหนมองถึงคว้ามาได้ แถมตอนนี้ก็ยังทำตัวหัวสูงเหมือนแฟนไปซะแล้ว ผู้หญิงว่าไงมันก็ว่าตามนั้น พี่เพ่อไม่เชื่อกันแล้ว
และความหงุดหงิดยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อมีมือปลาหมึกของใครบางคนมาโอบไหล่เขา
เอาอีกแล้วววววววววววว เมื่อไหร่มันจะเลิกนิสัยมือปลาหมึกนี่ซะทีนะ นัวเนียเขาอยู่นั่นแหละ!
และที่แย่ที่สุด คือมองหน้ายัยนั่น แต่มือดันมาโอบเขาเนี่ยสิ จะให้คิดว่าไง!!
โอ๊ยยยยยยยย อยากฆ่าคน!!
“ขอตัว!!” ลุกขึ้นพร้อมกับบอกสั้นๆ หันหลังเดินขึ้นบันไดโดยไม่เหลียวกลับไปมองใครทั้งนั้น
......................................................................................................................................................
ตอนนี้คนสวยกำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่บนห้องด้วยอาการเซ็งๆ เวลาล่วงเลยมาจนถึงทุ่มเศษๆ ตอนนี้เพื่อนๆที่ออกไปทำงานคงกลับมากันได้บางส่วนแล้ว
“พี่ครับ” เสียงเคาะกับเสียงเรียกที่หน้าห้องยังไม่ทำให้คนสวยสนใจ
“พี่ฮีชอลครับ ผมเข้าไปนะ”
แม้เขาจะไม่ตอบ แต่อีกฝ่ายคงตัดสินใจเข้ามาในที่สุดแหละ และก็เป็นไปตามที่คิดจริงๆ น้องชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลา สุดหล่อของวงเดินเข้ามาหาเขาที่โต๊ะคอม จากนั้นก็ย่อตัวลงนั่งเพื่อคุยกับเขา
“พี่ครับ พี่ฮันกยองให้มาเรียกไปกินข้าว”
“ไม่ไป ไม่หิว ไม่มีอารมณ์”
“ไปซะหน่อยนะครับ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ ผมเป็นห่วง”
หันมามองหน้าน้องชายสุดหล่อด้วยความหงุดหงิด “โอ๊ยยยยยยยย นายจะมาห่วงฉันทำไมซีวอน ไม่เกี่ยวไรกับนายซะหน่อย”
“ทำไมพี่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมเป็นห่วงพี่จริงๆนะ”
วางมือเมาส์แล้วลุกขึ้นไปนั่งที่เตียง “เมื่อตอนบ่ายๆ ฉันเห็นยัยนั่นอ่อยนาย”
“ใครครับ”
“ก็ยัยซูยอนนั่นไง!” ตอบด้วยเสียงหงุดหงิดกับหน้าตายที่ไม่รู้เรื่องของสุดหล่อ
“อ่อย? พี่ครับ อ่อยตรงไหน เขาแค่ยิ้มให้ผม”
โอ๊ยยยยยยย ทำไมมันโง่แบบนี้นะ เขาอ่อยยังไม่รู้ตัวอีก
“เออๆๆ ก็ตามใจ ชอบล่ะสิเขายิ้มให้น่ะ” กอดอกสะบัดหน้าอย่างไร้อารมณ์ เบื่อพวกซื่อบื้อจริงๆ
แล้วน้องชายสุดหล่อก็มานั่งข้างๆ กอดเอวแล้วหอมแก้มเนียนของเขาเบาๆ
“ผมชอบเวลาพี่ยิ้มให้มากกว่า” น้องชายตอบ
“ซีวอนนนนนนน มือๆ ขอร้อง อย่าให้มาก ทำไมนายไม่มีแฟนอย่างคิบอมมันบ้างห๊ะ จะได้เลิกมาทำแบบนี้กับฉันซะที”
“อ้าว ก็ผมยังไม่เจอคนถูกใจนี่นา เอาไว้ผมเจอเมื่อไหร่จะมาขอความเห็นพี่นะ”
เริ่มรู้สึกอารมณ์ดีที่มีน้องชายอีกคนเห็นความสำคัญ ไม่เหมือนเจ้าน้องรัก มันมีแฟนแต่ไม่เคยขอความเห็นเขาเลย
“เหรอ สัญญานะ ถ้าฉันไม่ชอบ นายต้องไม่เอามาเป็นแฟน”
สุดหล่อยิ้มกว้างให้เขาทันที “สัญญาครับ ถ้าพี่ไม่ชอบ ผมก็จะไม่คบกับเขา”
มือเรียวของคนสวยยกขึ้นลูบหัวน้องชายเบาๆ “แหมต้องงี้สิ น่ารักจริงๆ รู้จักเชื่อฟังฉันไว้ก็ดี”
“ผมน่ารัก แต่พี่ก็ไม่ให้ผมเป็นน้องรักซะที” น้องชายสุดหล่อพูดออกมาอย่างน้อยใจ
ได้ยินแบบนั้นคนสวยในอ้อมกอดของน้องชายทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
“คิดมากน่าซีวอน จะน้องรักไม่น้องรักก็เหมือนกันแหละ” บอกปัดไปทันที ไม่อยากเห็นสุดหล่อทำหน้าแบบนั้น
จะให้เขาทำไงล่ะ ก็คิบอมและดงเฮอยู่กับเขามาก่อน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันตั้งเยอะ ร้องไห้มาด้วยกัน มีความสุขมาด้วยกัน เขาก็ต้องเห็นสองคนนั่นสำคัญกว่าอยู่แล้ว
เฮ้ออออออออออ
“ครับ” สุดหล่อก้มหน้ารับคำแบบเศร้าๆ
“ซีวอน.....”
“ช่างเถอะครับพี่ ผมเป็นได้แค่ไหนก็แค่นั้น.....ผมว่าเราไปกินข้าวกันดีกว่า ผมไม่อยากให้พี่กินดึกไปกว่านี้”
ว่าแล้วน้องชายก็ปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด จูงมือเขาให้ลงไปข้างล่างด้วยกัน
และตอนนี้เขา....รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้......
.........................................................................................................................................................
“อ้าวมากันแล้วเหรอ ทำไมไปตามกันนานจัง”
“เล่นเกมส์อยู่”
“อ้อ ดีนะ กินเกมส์ต่างข้าวไปเลยสิ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลงมากินให้เมื่อย”
“ไอ้เกิง!!”
“พอๆๆ นี่พวกนายจะทะเลากันไปทำไมนะ ทะเลาะกันได้ทุกวันสิน่า มาฮีชอล มากินข้าว” คนหัวโต๊ะเรียกเขาและน้องชายสุดหล่อให้ไปร่วมวง
ลงมาสมทบกับเพื่อนๆในครัว แต่ก็ต้องเริ่มสงครามน้ำลายกับเพื่อนรักเป็นประจำ ไม่เคยไม่ทะเลาะกัน แต่ถึงอย่างไรเขาและฮันกยองก็ยังเป็นเพื่อนรักกันเช่นนี้เสมอมา
คนสวยเดินไปนั่งข้างเพื่อนรักของตน ขณะที่อีกข้างเป็นน้องชายสุดหล่อนั่งประกบพร้อมคอยบริการตักนั่นตักนี่ให้
“ฮัน ดงเฮไปไหนซะล่ะ” เหลียวมองรอบๆโต๊ะ หลายคนที่ควรกลับมาแล้วอยู่ที่โต๊ะอาหาร ยกเว้นน้องรักของเขาอีกคนที่หายไป
“ซ้อมเต้นกับอึนฮยอก”
“ห๊ะ ปิดอัลบั้มแล้วมันยังจะไปซ้อมเต้นไรอีก”
น้องรักเขาคนนี้ชอบเต้นพอๆกับอึนฮยอก ว่างเมื่อไหร่ก็ชอบนัดแนะกันไปซ้อมเต้นที่บริษัท แต่ขยันจริงๆ ขนาดปิดอัลบั้มแล้ว น้องชายยังคงไปทำสิ่งที่เคยทำได้สม่ำเสมอ
“ปกตินั่นแหละ เห็นว่ามีเอ็มวีฝรั่งตัวใหม่ออกมา เขาเต้นได้เก่งสุดๆ เลยนัดแนะกับอึนฮยอกลองโคฟดู เผื่อจะได้เทคนิคใหม่ๆ” เพื่อนหน้าจีนตอบเสร็จก็กินข้าวต่อ
“อ้อ” พยักหน้าหงึกๆเข้าใจอย่างชัดเจน
“เอ้อฮีชอล วันนี้คิบอมพาซูซานมาบ้านเหรอ” คนหัวโต๊ะถามเขา
“อื้ม บอกมันไว้แล้ว ทีหลังอย่าพามาอีก มันก็โอเคนะ ไม่ต้องห่วงหรอกทึกกี้ ถ้าคราวหน้ามันทำอีก ฉันโยนยัยนั่นออกนอนกบ้านแน่ๆ ไม่ชอบมีข่าวไปด้วยหรอกนะ” คนสวยตอบลีดเดอร์ของตน
“ดีแล้ว เตือนมันไว้ เกิดมีข่าวไม่ดีไม่งามออกไปมันจะแย่ เดี๋ยวผู้ใหญ่มาเฉ่ง ฉันจะซวยไปด้วย” ลีดเดอร์หน้าหวานบอกกลับมา
“ฮีชอล ฉันว่านายไม่ค่อยชอบแฟนคิบอมนะ”
“แหม นายไม่โง่นี่ฮัน รู้ด้วย” หึ ทีเวลายัยนั่นส่งตาหวานให้ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง โง่ตลอด
“ฮีชอล ฉันพูดดีๆนะ”
“อ๊ะ ฉันก็พูดดีๆ” สวนกลับไปแบบกวนประสาท ทำเอาเพื่อนรักถอนหายใจ
“ฮีชอล อย่าทะเลาะกันเลยน่า ฉันพูดจริงๆ ฉันไม่อยากเห็นนายอคติกับแฟนน้องแบบนั้น คิบอมมันไม่สบายใจ”
“อะไร มันบอกนายเหรอว่าไม่สบายใจฮัน”
“..............” แต่เพื่อนกลับเงียบไม่ตอบคำถามใดๆ คงเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดต่อหน้าคนหมู่มากแบบนี้ สงสัยว่าคืนนี้เขาคงต้องได้ไปพูดกับตามลำพังกับเพื่อนแล้วแหละ
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดใครคุยเรื่องแฟนสาวของคิบอมอีกเลย ทุกเรื่องที่สนทนากันส่วนมากเป็นเรื่องสัพเพเหระและการงานที่ตอนนี้แต่ละคนได้รับผิดชอบหลังปิดอัลบั้ม
ยกเว้นเพียงสุดสวยที่ยังทำหน้ามุ่ย ด้วยเพราะตอนนี้มีเรื่องให้คิดอยู่ในหัวมากมาย
.........................................................................................................................................................
“เอ้า ว่าไงฮัน มีอะไรก็พูดมา”
หลังทานข้าวเย็นเสร็จ คนสวยขึ้นมาหาเพื่อนหน้าจีนที่ห้องนอนเพราะต้องการคุยเรื่องที่ยังค้างคากันอยู่
“เฮ้อ ฮีชอล ฉันว่านายพยายามทำดีกับซูซานบ้างก็ดี อย่างน้อยก็เป็นการรักษาน้ำใจคิบอมมัน”
“โอ๊ยฮัน ที่ทำอยู่เนี่ยก็รักษาสุดๆแล้วนะ ไม่รู้จะให้รักษาอะไรอีก
“ฮีชอล อย่าเอาแต่ใจตัวเองสิ นายไม่ชอบ แต่น้องมันชอบ นายจะไปทำอะไรได้”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะฮัน แต่ถ้าผู้หญิงมันดีกว่านี้หน่อย ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเลย นายก็รู้ ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่นี่คิบอมมันน้องฉัน แล้วฉันไม่สนใจไม่ได้”
“ไหนบอกมาซิ ว่าเขาไม่ดียังไง ทำตัวไฮโซเหรอ ก็เขารวย ปล่อยๆเขาไปไม่ได้รึไง”
ทำไมนะ ทำไมไม่มีใครมองใครเห็นอะไรแบบที่เขาเห็น
“ก็ยัยนั่นทำตาหวานใส่นาย!!” บอกออกไปพร้อมกับหน้าบูดๆ
แล้วเพื่อนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฮีชอล ซูซานตาหวานอยู่แล้ว ใครๆก็รู้ทั้งเกาหลี เขาไม่ได้ทำใส่ฉันหรอก”
“ไม่จริง ทำใส่ซีวอนด้วย” คนสวยจีบปากจีบคอเถียง
“คิดมากน่าฮีชอล ระแวงไปได้ ทำแล้วไงล่ะ เขาอาจชินก็ได้ เป็นนางแบบก็ถนัดจิกตาแบบนั้นแหละมั้ง”
“ฮันนนนนนนนน นายเชื่อฉันสิ ผู้หญิงคนนี้ซักวันต้องทำให้คิบอมอกหัก” คนสวยกอดแขนเพื่อน
“ฮีชอล นายแคร์ด้วยเหรอว่าใครจะอกหักไม่อกหัก ไหนนายเคยบอกฉันไง ว่าทุกคนต้องรู้จักดูแลตัวเอง....”
“ก็ใช่ แต่นี่มันน้องรักฉัน เป็นผู้หญิงที่ฉันต้องเห็นหน้าไปอีกนาน ฉันไม่ยอมหรอก ฉันอยากให้น้องมีแฟน แต่ก็ควรเป็นคนดีด้วย”
“ฉันเห็นนายติไปซะทุกคนนี่นาฮีชอล”
“ก็...”
“ฮีชอล ปล่อยวางซะบ้างเถอะ ถ้าวันนึงเขาจะเลิกกัน ก็ให้เขาเลิกกัน แต่ไม่ใช่เพราะนายไปขัดขวางเขา”
“เฮ้ ฉันเปล่านะ ฉันไปขัดขวางตอนไหน” คนสวยปฏิเสธทันที
“ก็ไอ้ที่ทำอยู่เนี่ย มันไม่ใช่เหรอฮีชอล”
ได้แต่สะบัดหน้างอนไม่ยอมพูดอย่างอื่นตอบโต้เพื่อนรักหน้าจีน
“เอาล่ะ ไปนอนเถอะฮีชอล พรุ่งนี้นายต้องไปทำงานแต่เช้าด้วย เดี๋ยวตื่นไม่ทันนะ”
บทสรุปคือเขาและเพื่อนรักก็ยังคุยกันไม่ลงตัวเหมือนเดิม อะไรๆก็ยุ่งยากตั้งแต่มีผู้หญิงคนนี้เขามาพัวพัน
“ก็ได้” พูดแค่นั้นคนสวยก็ลุกเดินออกจากห้องนอนของเพื่อนไปทันที
.......................................................................................................................................................
เข้าห้องนอนของตนด้วยความหงุดหงิด เพราะเหมือนอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ
“อ้าวฮีชอล มาแล้วเหรอ”
“อื้ม” ตอบเพียงแค่นั้น เพราะเหนื่อยจะพูดยาว
“งั้นปิดไฟเลยนะ ฉันง่วงแล้ว พรุ่งนี้มีงานเช้า”
“อื้ม”
แล้วรูมเมทก็เดินไปปิดไฟ จากนั้นก็กลับมาที่เตียงเพื่อเตรียมตัวนอน
“อีทึก”
“หืม....”
“นายว่า....คิบอมจะคบกับยัยซูยอนเนี่ยไปนานแค่ไหน”
“ทำไมล่ะฮีชอล นายอยากให้เขาเลิกกันเร็วๆเหรอ” เพื่อนหน้าหวานนั่งที่เตียงของตัวเองประจันหน้ากับเขาซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ก็.....ไม่ชอบ เหมือนผู้หญิงคนนี้จะเอาเรื่องยุ่งๆมาให้” ตอบเสียงอ่อยๆเพราะกลัวเพื่อนหาว่าเขาคิดเล็กคิดน้อย
“อืม ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”
“ห๊ะ นายก็คิดเหมือนกันเหรอทึกกี้!” ตกใจไม่คิดว่ารูมเมทจะเห็นอะไรแบบเดียวกัน
“เออ คิดคล้ายๆนายเนี่ยแหละ แต่ฉันทำอะไรไม่ได้ เพราะสำหรับคิบอม ฉันก็แค่ลีดเดอร์ ไม่เหมือนนาย นายเป็นพี่รักมัน มันฟังนายมากกว่า”
“อ้าว นายจะให้ฉันไปสั่งคิบอมให้เลิกกับแฟนเหรอ”
“เปล่า ไม่ใช่ แต่คิดว่าที่นายทำตัวปฏิเสธแฟนมัน อย่างน้อยก็ทำให้มันคิดได้บ้างแหละว่าผู้หญิงไม่ดีตรงไหน ทำไมนายถึงไม่ชอบ”
“อ้อ” คนสวยทำหน้าเข้าใจมากขึ้น
“แล้วแบบนั้นจะเลิกกันได้ไงอีทึก” เอ่ยปากถามเพื่อนผ่านความมืด
“ก็ปล่อยๆไปนั่นแหละ ถ้าคิบอมมันเริ่มคิดเริ่มจะดูตัวตนของผู้หญิง คงรู้สึกตัวแหละ”
“อีกนานมั้ยอีทึก ฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เลย ฉันรู้หรอก ยัยนั่นส่งสายตาให้นายด้วย นายก็....ชอบเขาด้วยนิ่”
“แน่นอนเว้ย ผู้หญิงสาวยๆมาส่งสายตาให้ทำไมจะไม่ชอบ เขาไม่ส่งให้นายน่ะสิ เลยอิจฉา ฮ่าๆๆๆ” แล้วเพื่อนก็หัวเราะชอบใจ ทำเอาเขาอยากลุกไปกระทืบ
“ทึกกี้”
สงสัยเห็นเขาทำเสียงเข้ม เพื่อนจึงยอมหยุดหัวเราะทันที
“ฮีชอล ไม่ต้องห่วงหรอก ฮันกยองไม่มองผู้หญิงแบบนั้นแน่ อย่าหวงเพื่อนไปหน่อยเล้ย ซีวอนก็ด้วย มันไม่สนหรอก”
“เกี่ยวไรกับซีวอน” คนสวยทำหน้าแปลกใจ
“เออ ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว นอนเถอะฮีชอล ฉันง่วงแล้ว” เพื่อนหน้าหวานบอกปัดพร้อมกับล้มตัวลงนอน
ชายหนุ่มอยากจับเพื่อนให้ลุกขึ้นมาคุยต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ เพราะตอนนี้ตัวเองก็ง่วงมากเช่นกัน
คนสวยค่อยๆเอนตัวลงบนที่นอนแสนอุ่น ในหัวมีเรื่องให้คิดอีกแล้ว
ไม่แคร์ ไม่สน สโลแกนประจำตัว แต่ตอนนี้ทำไมเขากลับไม่รู้สึกแบบนั้น
เพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึก....แคร์ และสนใจในเวลาเดียวกัน.....
......................................................................................................................................................
เช้านี้อากาศค่อนข้างหนาวมาก คนสวยยืนตัวสั่นงกๆอยู่นอกรถระหว่างรอให้ใครบางคนถือกระเป๋าของเขาออกมาจากเบาะหลัง
“เร็วๆสิ หนาววววววว” กอดอกให้ความอบอุ่นกับตัวเอง หวังว่ามันจะทำให้ดีขึ้นได้
ใครบางคนเดินเขามาหาพร้อมดึงเขาไปกอด “เป็นไงครับ หายหนาวยัง” ใบหน้าหล่อก้มลงมาถาม
“นี่ ปล่อย หายใจไม่ออก กอดทีไรเป็นงี้ทุกที” คนในอ้อมกอดไม่ได้มีท่าทีว่าพอใจเลยสักนิด สะบัดตัวหลุดออกจากอ้อมแขนนั้น
“แล้ววันนี้นายไม่มีอะไรทำรึไงซีวอน มาตามฉันอยู่ได้” คนสวยถามคนที่ยืนประจันหน้ากับตน
ปกติแล้วเขามีผู้จัดการส่วนตัวของวงมารับและมาส่ง ผิดกับวันนี้ที่มีน้องชายมาส่ง
หลังปิดอัลบั้ม น้องชายสุดหล่อยังคงไม่มีความรับผิดชอบอะไรให้ทำต่อนอกจากเตรียมอัลบั้มพิเศษซึ่งจะไปเปิดตัวที่จีน แต่ถึงอย่างนั้นใช่ว่าจะว่าง ทำไมถึงมีเวลามาเฝ้าเขาได้ล่ะ ไม่ไปซ้อมเต้นซ้อมร้องเพลงรึไง
“วันนี้ว่างครับ แต่แค่ช่วงเช้า ผมเลยอยากมาส่ง” น้องชายยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
ไม่อยากพูดอะไรให้ยาว รีบๆเข้าตึกก่อนที่เขาจะแข็งตายดีกว่า
คนสวยหันหลังกลับ เดินนำหน้าสุดหล่อเข้าไปยังตึกที่ตนสังกัดอยู่ วันนี้ต้องเขามาคุยเรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย จากนั้นก็ต้องออกไปทำงานประจำซึ่งมีให้หัวหมุนทุกเมื่อเชื่อวัน เฮ้อ น่าเบื่ออีกแล้ว
เข้าตึกขึ้นลิฟท์ไปพร้อมน้องชายสุดหล่อที่กำลังจูงมือ อ๊ะ อยากจับอยากจูงก็ตามใจ โดนจนชิน เพราะน้องชายทำแบบนี้กับเขามาหลายปีจนเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว
แต่ลิฟท์เจ้าปัญาหกลับมีคนขึ้นเยอะแยะ และมันทำให้เขาอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดต่อมความอดทนหมดลง เขาตัดสินใจเดินออกจากลิฟท์ ตั้งใจจะขึ้นบันไดแทน อีกแค่สองสามชั้นก็ถึงที่หมายแล้ว เช้าแบบนี้ไม่อยากเบียดตัวอยู่ในลิฟท์กับใครที่ไม่รู้จัก
เดินขึ้นบันได้มาเรื่อยพร้อมน้องชายที่อยู่ข้างกาย อากาศมันหนาวจริงๆ เบียดตัวให้อีกฝ่ายโอบตนอย่างช่วยไม่ได้
“พี่ครับ”
“อะไร”
“ต่อไปผมต้องยุ่งมากไม่มีเวลาแน่ๆเลย แต่ว่างเมื่อไหร่ ผมจะมารับมาส่งพี่นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกซีวอน ไม่มีนายก็มีพวกพี่ผู้จัดการ ลืมไปแล้วรึไง”
“แต่ผมอยากทำให้”
ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับความดื้อดึงของอีกฝ่าย
“เออ ตามใจ แล้วแต่” ตอบรับไปให้จบๆ จะได้ไม่มีใครบางคนทำหน้าเง้าหน้างอนให้อารมณ์เสีย
“ขอบคุณครับพี่” เหมือนน้องชายจะดีใจมากเกินเหตุ ก้มลงหอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่
“อ๊าาซีวอน แก้มจะช้ำ!!” ปากบอกเตือนพร้อมกับมือตีอกน้องชายด้วยความโมโห แต่มือเรียวกับถูกดึงไปจับไว้พร้อมเสียงหัวเราะ
“ซีวอน พี่ฮีชอล อรุณสวัสดิ์” และเสียงของใครบางคนขัดจังหวะของสุดสวยและสุดหล่อที่อยู่บนบันได
“อ้าวดงเฮ เฮ้ อย่าบอกนะว่านายนอนนี่เมื่อคืน ฮยอกแจล่ะ”
น้องชายสุดที่รักยิ้มให้ “มันหลับอยู่พี่ ผมลงมาหากาแฟกะจะเอาไปเผื่อ ชั้นบนมันหมด เลยเดินลงมาดูว่าชั้นนี้มันมีมั้ย”
“อ้อ เหรอ เป็นไงล่ะซ้อมเต้นซ้อมโคฟอะไรนั่นของนาย”
“ก็ดีครับ แต่ยากเหมือนกันนะ ฝรั่งนี่เขาเต้นเก่งกันจริงๆ”
“นายก็เต้นเก่งดงเฮ”
“ขอบคุณครับพี่” น้องชายยิ้มรับกับคำชม
เห็นรอยยิ้มอันร่าเริ่งของน้องชายสุดที่รักแล้วทำให้จิตใจแจ่มใสขึ้นมาทันที ดงเฮถือว่าเป็นเด็กใสๆซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัยกับใคร คนๆนี้ถือเป็นน้องรักเขาอีกคน เป็นคนที่เขารักมากพอๆกับคิบอม
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ดงเฮและเขามีเรื่องให้ต้องกอดคอกันร้องไห้ ดีใจ มานับครั้งไม่ถ้วน และมันทำให้เขาสองคนรักกันมากขึ้น
ดงเฮเป็นคนที่กล้าพูดกับเขาทุกๆอย่าง เป็นคนเดียวที่กล้าขึ้นเสียงหรือเถียงเขา แต่นั่นเขาก็ไม่คิดถือสา เพราะเขารู้ว่าน้องชายไม่เคยคิดอคติอะไรอย่างอื่นกับเขานอกจากความหวังดีที่มีให้เขาเท่านั้น
ลองเป็นคนอื่นมาเถียงใส่สิ มันไม่ตายดีแน่ อ้อ ยกเว้นฮันกยอง คนนี้ทะเลาะกับเขาได้ทุกวันสิน่า เฮ้ออออ
“แล้วพี่มาทำไมครับ” น้องชายถามขณะที่เดินลงหาเขาตรงกลางบันได
“มาคุยเรื่องงานน่ะ มีงานใหม่โยนมาให้ จะเข้าไปคุยเรื่องรายละเอียดหน่อย”
“ซีวอนล่ะ” น้องชายสุดที่รักหันมาถามสุดหล่อ
“ฉันมาเป็นเพื่อนพี่ฮีชอล” สุดหล่อตอบอย่างว่องไว
“เหรอ งั้นผมไม่กวนพี่ละ เดี๋ยวพี่จะเข้าไปสาย” น้องชายผู้ร่าเริงพูดขอตัวกับเขา
“โอเค แล้วเจอกันนะ” คนสวยตบบ่าน้องชายสุดที่รักเบา
จากนั้นคนสวยกับคนหล่อก็เตรียมตัวจะเดินขึ้นบันไดขั้นต่อไป แต่เพราะบางอย่างทำให้....ไปต่อไม่ได้
จังหวะที่คนสวยยืนมือไปแตะน้องชายผู้ร่าเริง ชายเสื้อที่มีซิบของน้องชายมาเกี่ยวกับเสื้อหนาวไหมพรมที่คนสวยกำลังใส่
“ดงเฮ! มันเกี่ยวเสื้อฉัน!!” ปากร้องบอก ขณะที่มือพยายามแกะ แต่เหมือนยิ่งแกะมันยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่
“พี่ค่อยๆแกะสิ มา ผมแกะดีกว่า” น้องชายผู้ร่าเริงปัดมือเขาออก
“นี่ อย่าทำแบบนั้น ไหมพรมมันหลุดออกมาด้วยเลยเห็นมั้ย” คนสวยดุน้องชายที่กำลังแกะ
“เดี๋ยวสิพี่ นิ่งๆน่า”
“พี่ฮีชอลครับ ไปแกะกันข้างบนดีมั้ย ตรงนี้มันอันตราย”
“พูดมากน่าซีวอน ถ้าไม่ช่วยก็หุบปากไปเลยไป”
“พี่ฮีชอล นิ่งๆสิ”
“เอ๊ะ นิ่งแล้วนะ นายน่ะสิทำไม่ดี อ๊า เสื้อฉัน!!”
“พอแล้ว ฉันทำเอง!!”
“พี่ กำลังแล้ว อย่าเพิ่งเร่ง!”
“โอ๊ย ไหมหลุดออกมาแล้ว อย่าทำแบบนี้นะ!!”
“พี่ครับ ผมว่าเราขึ้น”
“ดงเฮ มานี่! ฉันทำเอง”
คนสวยดันน้องชายของตนด้วยความเผลอตัว แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อร่างของน้องชายที่ยืนอยู่ ค่อยๆเอียงตัวออกไปจากแนวศูนย์ถ่วง
ฮีชอลรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับน้องชายของตนเอาไว้ แต่เหมือนเขาก็ลืมเช่นกันว่าตนเองไม่ได้ยืนอยู่ในสภาพที่ตั้งตัวได้
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างช้าๆราวกับภาพสโลว์โมชั่นในหนังก็ไม่ปาน
ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังหลุดออกจากบันได ร่างเขาและน้องชายกำลังร่วงตกลงไปยังชั้นล่าง
“พี่ฮีชอล!!!”
แล้วเสียงพร้อมร่างของใครบางคนก็เข้ามาจับตัวเขาเอาไว้ ฮีชอลหลับตาปี๋เพราะรู้ว่าอีกไม่กี่วิข้างหน้าตัวเองจะลงเอยในสภาพไหน
.........................................................................................................................................................
ทุกอย่างเหมือนเวลาหยุดอยู่กับที่ ฮีชอลนอนนิ่งไม่ขยับ ตอนนี้เขารู้แล้ว่าตนได้ตกลงมาสู่พื้นโลกตามแรงดึงดูดเรียบร้อยแล้ว
ไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะเป็นเช่นไร จะขาหัก แขนหัก จมูกหักอย่างคราวที่แล้วหรือไม่ ที่สำคัญ น้องชายสุดที่รักของเขาล่ะจะเป็นอย่างไร
คิดได้แบบนั้น ชายหนุ่มได้สติลืมตาขึ้นมาทันที
สิ่งที่เห็นเมื่อรู้สึกตัวและเปิดตาขึ้นมอง คือเขานอนทับร่างใครบางคนซึ่งหมดสติอยู่ ส่วนข้างๆ มีใครอีกคนหมดสติเช่นกัน
ใจหายวาบเมื่อเห็นน้องชายทั้งสองเป็นแบบนี้
“ซีวอน! ดงเฮ!” ชายหนุ่มพยายามเขย่าตัวน้องชายทั้งสอง
“ซีวอน ตื่นสิ ตื่นนะ ตื่นเดี๋ยวนี้!!”
“ดงเฮ ดงเฮ รู้สึกตัวมั้ย ดงเฮตอบพี่สิ!”
จิตใจร้อนรนด้วยความเป็นห่วงน้องชายของตน
คนสวยลุกขึ้นผละออกจากร่างที่นอนนิ่งแต่ก็ยังกอดเขาเอาไว้ สองเท้าของคนสวยออกเดินอย่างคนหมดแรง เหลียวซ้ายมองขวาหาใครบางคนมาช่วย
แล้วเขาก็เจอ
“คุณครับ ช่วยผมด้วย!!”
......................................................................................................................................................
นั่งกระวนกระวายในห้องพยาบาลของบริษัท น้องชายทั้งสองยังสลบไม่ได้สติ
โชคดีที่ไม่มีบาดแผลให้กังวล หมอประจำห้องพยาบาลบอกว่าถึงทั้งสองคนฟื้นแล้วก็ใช่จะปลอดภัย ต้องคอยดูอาการอย่างใกล้ชิดเสียก่อน
ผู้จัดการเข้ามาดูอาการ จากนั้นก็ขอตัวออกไปดูแลเรื่องต่างๆ พร้อมทั้งเดินเรื่องติดต่อโรงพยาบาลเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้ส่งน้องชายทั้งสองไปตรวจอย่างละเอียดภายหลังฟื้นขึ้นมาแล้ว
ไม่น่าเลย ถ้าเขาเชื่อซีวอนแต่แรกคงไม่เกิดอะไรขึ้นแบบนี้ ไม่น่าใจร้อนอย่างนี้เลย กุมหัวด้วยความเสียใจกับตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้น้องชายทั้งสองคนมาเจ็บตัว
อย่าให้เป็นอะไรมากกว่านี้เลยนะ ไม่งั้นเขาไม่ให้อภัยตัวเองแน่
ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่เตียงน้องชายสุดที่รักของตน กุมมือข้างหนึ่งของน้องเอาไว้ มือเรียวยกขึ้นปัดผมน้องชายออกจากใบหน้า
ห่วงแสนห่วงกับคนๆนี้ ขอพระเจ้าของน้องชายช่วยคุ้มครองด้วยเถิด อ้อนวอนไปถึงคุณพ่อของน้องชายที่อยู่บนสรวงสวรรค์ ให้ช่วยน้องของเขาปลอดภัยจากเหตุการณ์อันงี่เง่านี้ด้วย
“ดงเฮ พี่ขอโทษ.....” หวังว่าเสียงของเขาคงทำให้น้องชายตื่นขึ้นมาได้นะ
เอาแต่มองน้องชายของตน อยากให้อีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาเร็วๆ ตื่นมาบอกเขาว่าไม่เป็นไร ตื่นมาบอกเขาว่าสบายดีไม่ต้องห่วง
“ดงเฮไม่เป็นไรหรอกครับ พี่อย่าห่วงเลย”
เสียงเศร้าๆของใครบางคนดังขึ้น ทำให้เขาหันไปมองทันที
“ซีวอน! นายฟื้นแล้ว รู้สึกตัวนานรึยัง”
“..............”
แต่สายตาของน้องชายสุดหล่อตอบคำถามเขาได้เป็นอย่างดี
นี่เขา....ทำอะไรผิดไปอีกแล้วใช่มั้ย
สุดหล่อค่อยๆลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล อยากเข้าไปช่วย แต่เพราะกำลังจับมือใครบางคนเอาไว้ ไม่อยากปล่อยแม้แต่วินาทีเดียว ด้วยกลัวว่าจะทำให้ใครคนนั้นหาทางกลับมาไม่ได้
น้องชายสุดหล่อยืนขึ้นอย่างมั่นคง เดินมาหาเขาและน้องชายผู้ร่าเริงที่เตียง
“พี่เป็นอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงถามเขาด้วยความห่วงใย
เหมือนมีใครเอาก้อนหินทุบหัวเขา แทนที่เขาจะถามอีกฝ่าย แต่กลับถูกถามซะเอง
“มะ... ไม่ เป็นไร.....” ได้แต่ก้มหน้าพูดงึมงำ
แล้วน้องชายก็นั่งลงบนเตียง กอดเขาจากทางด้านหลังอย่างอ่อนโยน
“โชคดีจังที่พี่ไม่เป็นอะไร……”
“แต่ดงเฮ…..” แม้จะดีใจกับคำพูดที่สุดหล่อส่งมาให้ แต่ตอนนี้เขาห่วงดงเฮมากกว่า
“ผมตื่นแล้ว อีกไม่นานเขาคงตื่น” น้องชายกระซิบบอกที่ข้างหู
“อื้ม”
ปล่อยตัวให้พิงอกน้องชายร่างใหญ่ ขณะที่มือยังคงจับมือของดงเฮไว้แน่น สายตาเฝ้ารอคอยให้น้องชายฟื้นขึ้นมาเร็วๆเท่านั้น
.......................................................................................................................................................
ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ความรู้สึกแรกคือระบมไปทั้งตัว ปวดหัวมากๆด้วย เหมือนมันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
แสงไฟสว่างซะจนเขาต้องหรี่ตา ใช้เวลาอยู่นาน กว่าจะมองเห็นอะไรทั้งหมด
และสิ่งแรกที่เห็น คนใครบางคนนั่งหลับในอ้อมอกของใครอีกคน คนที่นั่งหลับใบหน้าสวย ผิวขาวเนียน จมูกโด่งสวยได้รูป ริมฝีปากอวบอิ่ม
สวย พูดได้คำเดียวว่าสวย…..
ส่วนอีกคนใบหน้าหล่อเหลามากทีเดียว และคนหน้าหล่อกำลังยิ้มให้เขา
“ไง ตื่นแล้วเหรอ”
ยังงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็พยักหน้า
“เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนอะไรยังไงรึเปล่า” คนหน้าหล่อยังถามเขาต่อ ส่วนคนหน้าสวยยังหลับไม่รู้เรื่องเช่นเดิม
“ก็...ทั้งตัว ปวดหัวมากๆด้วย”
“ฉันก็เป็น เราสองคนตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น มันธรรมดา เดี๋ยวอีกซักพักหมอจะมาตรวจนาย ตอนนี้เขาไปธุระ”
ตกจากที่สูง เขาน่ะเหรอ แล้วทำไมคนหน้าหล่อถึงได้ตกพร้อมกับเขา คนหน้าสวยล่ะ ตกลงมาด้วยรึเปล่า
สำรวจตัวเองรอบๆ พบว่าเขาถูกจับมือไว้ และมือที่จับเขาไว้นั้น สวยมากจริงๆ นิ้วเรียว เล็บถูกตกแต่งอย่างสวยงาม แถมมือก็....นุ่มด้วย มองเลยขึ้นไปเพื่อดูว่าเป็นมือของใคร
อ้อ ที่แท้ก็มือของคนหน้าสวยนี่เอง
“พี่ฮีชอล พี่ครับ ดงเฮฟื้นแล้วนะ” คนหน้าหล่อกำลังกระซิบปลุกคนหน้าสวยให้ตื่น
“พี่ครับ” เสียงเรียกนุ่มๆพร้อมกับการก้มลงไปหอมแก้มคนหลับของคนหน้าหล่อทำให้เขาถึงกับเขินแทน ทำไมทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้
รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนขึ้นมาทันที
คนหน้าสวยก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองคนหน้าหล่อ และคนหน้าหล่อก็ก้มลงหอมแก้มเนียนๆนั่นอีกครั้ง
“ดงเฮฟื้นแล้วครับ” คนหน้าหล่อกระซิบบอกเบาๆ
คนหน้าสวยหันมาทางเขาอย่างช้าๆ เห็นแล้ว เห็นตาของคนหน้าสวยแล้ว ตากลมมากทีเดียว ทั้งกลมทั้งโต ทำให้ใบหน้าสวยนั้นมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเก่าซะอีก
“ดงเฮ!! นายฟื้นแล้ว! เป็นไงบ้าง! เจ็บตรงไหนบ้าง! บอกฉันซิ!!” คนหน้าสวยที่รู้สึกตัวตื่นเต้นทันทีเมื่อเห็นเขา
ดูท่าทางดีใจมากๆ
“รอนี่นะ จะไปเรียกหมอมาดู!”
แล้วคนหน้าสวยก็ผละออกจากอ้อมกอดของคนหน้าหล่อ ตรงดิ่งออกไปนอกห้องทันที
แต่....เฮ้ นั่นมันเสียงผู้ชายนี่ คนหน้าสวยเป็นผู้ชาย? เป็นผู้ชาย.....
ละ แล้ว แล้วที่เขาเห็นเมื่อกี้ล่ะ คนหน้าหล่อหอมแก้มคนหน้าสวย ผู้ชายหอมแก้มผู้ชาย
งั้นก็......
เกย์น่ะสิ!!
แล้วคนหน้าหล่อก็ยิ้มให้เขา ทำเอาขนลุกด้วยความสยอง
อย่านะ อย่าบอกว่านอกใจแฟนแล้วมาคิดมิดีมิร้ายกับเขา
อยากหลบไปให้พ้นจากสายตาคนหน้าหล่อ แต่ก็ไม่ทำไม่ได้ ได้แต่หันหน้าหนีไปทางอื่น
เออ แล้วคนพวกนี้เป็นใครกัน?
“................”
ไม่ใช่ ไม่ใช่คนพวกนี้เป็นใคร
แต่......เขาล่ะเป็นใครกัน....
...........................................................................................................................
“ความจำเสื่อม!!!” เสียงของหนุ่มๆประสานขึ้นพร้อมกันจนเขาต้องเอามืออุดหู
ตอนนี้รอบๆตัวเขามีแต่คนไม่รู้จักทั้งนั้น ข้างๆเขาเป็นคนหน้าสวยกับแฟนหน้าหล่อ นั่งกอดกันตลอด ให้ตายสิ ไม่รู้สึกอายบ้างรึไงนะ
แล้วคนอื่นๆล่ะ ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ?
ตรงข้ามเขาเป็นคนหน้าหวาน ถัดไปเป็นคนหน้าอ้วน ถัดไปเป็นคนหน้ากลม ถัดไปเป็นคนตัวใหญ่บึกบึน ถัดไปเป็นคนตัวเล็กๆผอมๆ
ถัดไปอีก....โหยยย ใครน่ะ หล่อชะมัด แต่หล่อคนละแบบกับแฟนของคนหน้าสวย
แล้วก็มีใครหลายคนที่เหลือนั่งอยู่ล้อมรอบเขา
แต่มีอยู่หนึ่งคน แก้มป่องๆ จ้องเขม็งมาที่เขา ทำเอา.....หายใจไม่ทั่วท้อง
“ใช่ ดงเฮความจำเสื่อม” คนหน้าสวยตอบคำถามแทนทุกคน
“จะมีอะไรร้ายแรงกว่านี้มั้ย” คนที่หล่อพอๆกับแฟนคนหน้าสวยเป็นคนถามก่อนใคร
“คิดว่าไม่ แต่หมอบอกให้ช่วงนี้ดูอาการ พรุ่งนี้ไปตรวจอีกรอบ ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติให้มาไปใหม่ทุกๆ 3 วัน ถ้าภายในอาทิตย์นี้ไม่มีผลแทรกซ้อน ก็แค่รอให้ความจำกลับคืนมา”
“แล้วเมื่อไหร่จะจำได้ฮีชอล” คนหน้าหวานถามคนหน้าสวย
“ไม่รู้ หมอบอกว่าบางคนก็วันนึง บางคนก็สองสามวัน บางทีก็อาทิตย์ หรือไม่ก็....ไงนะซีวอน” คนหน้าสวยหันไปถามแฟนที่กอดเอวตัวเองไว้
“หมอบอกว่าเป็นปกติ บางคนสมองกระทบกระเทือนทำให้ความจำเสื่อม แต่คิดว่าไม่ร้ายแรง เคสแบบดงเฮหมอเคยเจอมาแล้ว เดี๋ยวก็หาย ไม่เป็นตลอดไปหรอก เพราะแค่ตกบันไดเฉยๆ ส่วนอื่นก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร” คนหน้าหล่ออธิบายแทนแฟนของตน
พวกที่แวดล้อมเขาต่างพยักหน้าแสดงความเข้าใจ
หลังจากเขาฟื้นขึ้นมา สิ่งที่ทำให้ตกใจคือเขาจำตัวเองไม่ได้ จำคนหน้าสวยและคนหน้าหล่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
ตอนแรกก็ร้องไห้ด้วยความกลัว แต่พอถูกคนหน้าสวยปลอบถึงทำให้หายกลัวขึ้นมาได้บ้าง
ตอนถูกคนหน้าสวยกอด รู้สึกดีจริงๆ มันคุ้นเคย มันให้ความอบอุ่นอย่างไรบอกไม่ถูก
ทั้งๆที่ตอนแรกอดรู้สึกอคติกับคนหน้าสวยและคนหน้าหล่อไม่ได้
ก็....เป็นเกย์นี่ เขาก็ต้องกลัวแหละ....
แต่คนหน้าหล่อก็ดูใจดีมากๆ ใจดีสุดๆ เล่านั่นเล่านี่ให้เขาฟัง อธิบายอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะให้เขารู้
และตอนนี้เขาก็รู้เพียงคร่าวๆว่าตัวเองนั้นเป็นถึงนักร้องชื่อดังของเกาหลี อยู่วงซุปเปอร์จูเนียร์ และมีเพื่อนร่วมสมาชิกอีกสิบคนที่เขายังไม่รู้จัก
คนหน้าสวยและคนหน้าหล่อพาเขากลับมาบ้านหลังใหญ่ อธิบายว่านี่คือบ้านที่ทุกคนอยู่ด้วยกัน
พูดตามตรงว่ายังงงๆ ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันรวดเร็วเกินไป
แต่ว่า....พอได้มานั่งอยู่ท่ามกลางทุกคนในห้องนี้ เขากลับรู้สึกคุ้นเคย สงสัยเขาเป็นเพื่อนกับทุกคนในนี้จริงๆนั่นแหละ
ความกลัวต่อคนแปลกหน้าค่อยๆหายไป ยกเว้นกับคนแก้มป่องที่เอาแต่จ้องเขาอยู่เช่นเดิม
นั่งฟังรายชื่อที่คนหน้าสวยแนะให้เขารู้จัก จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่จำได้แม่นก็ชื่อของคนหน้าสวยและแฟนนั่นแหละ ฮีชอล กับซีวอน
จำคนที่ถูกแนะนำว่าเป็นหัวหน้าวงได้ คนนี้หน้าหวานมากๆ ชื่อไรนะ อ้อ ใช่ ชื่ออีทึก แต่คนหน้าสวยเรียกทึกกี้
แล้วก็จำคนที่คนหน้าสวยเรียกว่าฮยอกแจ บอกว่าเป็นรูมเมทของเขา คนหน้าสวยบอกว่า เพื่อนบางคนเรียกอึนฮยอก แต่สำหรับเขา เขาเรียกรูมเมทว่าฮยอกแจ
จำคนอ้วนๆได้ เพราะอ้วนสุด คนนี้ชื่อชินดง
แล้วก็....คนแก้มป่อง ที่ชื่อคิบอม
นอกนั้นเขายังจำไม่ค่อยได้ คนหน้าสวยบอกไม่เป็นไร อยู่ๆไปเดี๋ยวก็จำได้ ดีไม่ดีพรุ่งนี้ความทรงจำทุกอย่างอาจกลับคืนมา
อืม....ขอให้เป็นอย่างที่คนหน้าสวยพูดมาก็แล้วกัน
หลังแนะนำตัวอะไรกันเสร็จ เขาก็ถูกพาไปกินข้าวร่วมกับทุกคน เขามีคนหน้าสวยและคนแก้มป่องนั่งประกบด้านข้าง นอกนั้นก็ยืนและนั่งตามสะดวก เหตุเพราะคนเยอะกว่าจำนวนเก้าอี้ ทำให้ไม่สามารถนั่งได้พร้อมกันหมด ดีนะที่เขาได้นั่ง
แต่ว่า....ปกติเขาได้นั่งหรือยืนกันนะ
แล้วทำไมคนแก้มป่องต้องมานั่งข้างเขาด้วยล่ะ หรือว่าสนิทกัน?
อยากถามคนหน้าสวยแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ก้มหน้าก้มตากินพร้อมกับแอบมองทุกคนบนโต๊ะ
“เอ้านี่ ของโปรดนาย” คนแก้มป่องตักอาหารบางอย่างให้เขา
“เอ่อ ขอบคุณ….” รู้สึกกลัวท่าทีเย็นชาของคนแก้มป่องจังเลย
“นี่ดงเฮ คืนนี้นายจะนอนไหน” คนหน้าหวานที่นั่งหัวโต๊ะถามเขา
“นายเป็นเมทฮยอกแจ แต่นายความจำเสื่อมแบบนี้ นายมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
เหลียวมองไปทางคนชื่อฮยอกแจที่นั่งยิ้มตรงกันข้ามกับเขา
ไม่รู้สิ ยังไม่คุ้นกับใครสักคนยกเว้นเพียงคนหน้าสวย สายตาแอบมองคนหน้าสวยที่มีคนหน้าหล่อบริการให้
เขาคงนอนกับคนหน้าสวยไม่ได้หรอก.....
“นายนอนกับฮีชอลดีมั้ย ส่วนฉันจะไปนอนกับฮยอกแจแทน” แล้วคนหน้าหวานก็พูดออกมาเหมือนรู้ใจเขา
“อื้ม นายนอนเตียงเดียวกับฉันก็ได้ดงเฮ ทึกกี้นายไม่ต้องย้ายหรอก ฮยอกแจ มีปัญหาไรมั้ย”
“ไม่มีหรอก ตามใจละกัน ดงเฮยังตื่นๆอยู่ เอาไว้ให้ชินค่อยย้ายมานอนด้วยกันก็ได้” รูมเมทยิ้มให้เขาอย่างร่าเริง เห็นแบบนี้แล้ว เขาควรนอนกับรูมเมทดีมั้ยนะ
“โอเค งั้นก็ตามนี้”
เอ๋ เดี๋ยวก่อน แล้วคนหน้าสวยไม่นอนกับแฟนเหรอ
“พี่ฮีชอล แล้วพี่ไม่ได้นอนกับซีวอนรึไง เป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ”
พรวดดดดด
คนหน้าสวยพ่นข้าวออกมาทันที ไม่ใช่แค่คนหน้าสวย คนอื่นๆก็ด้วย ส่วนบางคนที่ไม่ได้กินข้าวก็สำลักน้ำแทน
ตอนนี้ทุกอย่างบนโต๊ะอาหารวุ่นวายไปหมด
เขา.....พูดอะไรผิดเหรอ?
“ดงเฮ นายถามว่าไรนะ ฉันหูไม่ฝาดใช่มั้ย” พี่ชายหน้าสวยหันมาถามเขา
“ก็....เอ่อ พี่กับซีวอนเป็นแฟนกัน แล้วไม่เอ่อ…..”
“ฮะ ฮะ ฮ่าๆๆๆๆๆ” แล้วเสียงหัวเราะก็ดังลั่นห้องครัว ตอนนี้ทุกคนหัวเราะกันท้องแข็ง ส่วนเขาก็ได้แต่ทำหน้างง
เขาพูดอะไรผิดไปจริงๆนั่นแหละ ทำไงดี
ตอนนี้พี่ฮีชอลหน้าบูดไปแล้ว
“ดงเฮ ซีวอนกับฮีชอลไม่ใช่แฟนกัน” คนหน้าหวานบอกขณะที่หัวเราะไปด้วย
“อ้าว ไม่ใช่เหรอ” เกิดอาการงงกว่าเมื่อครู่ ถ้าไม่ใช่แล้วไอ้ที่เขาเห็นหมายความว่าไงกันล่ะ
“สงสัยนายจะโดนลัทธิวอนซินเข้าแทรกโดยไม่รู้ตัวนะดงเฮ ฮ่าๆๆๆ” คนตัวใหญ่ๆที่น่าจะชื่อคังอินหัวเราะเสียงดังทีเดียว
“คังอิน แกหุบปากไปเลย อยากโดนอัดรึไง” พี่ชายหน้าสวยปรามคนตัวใหญ่พร้อมกับส่งสายตาพิฆาตให้กับทุกคนบนโต๊ะ ทำเอาเพื่อนๆรีบหยุดหัวเราะกันทันที
“เฮ้อดงเฮ ทำไมนายคิดงั้นล่ะ ฉันกับซีวอนจะเป็นแฟนกันได้ไง” พี่ชายคนสวยส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ
แอบมองคนหน้าหล่อที่นั่งข้างพี่ชายคนสวยซึ่งเอาแต่ก้มหน้า คล้ายไม่อยากให้ใครเห็น
อยากถาม อยากได้คำอธิบายเยอะแยะ แต่เพราะเห็นเพื่อนหน้าหล่อมีอาการแบบนั้น เขาเลยคิดว่าไม่พูดไม่ถามอะไรจะดีกว่า บางทีพรุ่งนี้เขาได้ความทรงจำกลับคืนมา ทุกอย่างคงไม่มีอะไรให้สงสัยอีกแล้ว
“ระ เหรอ งะ งั้น งั้นผมขอโทษนะครับ”
จากนั้นก็ก้มหน้ากินข้าวต่อไป ไม่กล้าคิดหรือพูดอะไรแปลกๆออกมาอีก
“นี่ดงเฮ” คนแก้มป่องกระซิบเรียกเขาเบาๆ ทำให้ต้องหันไปมอง
“ทีหลังอย่าถามอะไรงี่เง่าแบบนั้นนะ พี่ฮีชอลไม่ชอบ นายเนี่ยเหมือนเดิม ขนาดความจำเสื่อมยังซื่อบื้อไม่เปลี่ยน เฮ้อ”
อะไร ทำตัวเย็นชายังไม่พอ แล้วยังมาว่าเขาอีก
ทำไมล่ะ ก็คนมันไม่รู้ เห็นอะไรก็พูดไปตามนั้น ผิดรึไง ลองมาความจำเสื่อมแบบเขาดูสิ จะรู้ว่ามันอึดอัดแค่ไหน
แต่สุดท้ายเขาก็ทำเพียงแค่คิดด่าอีกฝ่ายในใจเท่านั้น ไม่กล้าพูดออกมาหรอกนะ
แล้วนี่เขา.....จะเจอเรื่องแปลกใจกว่านี้อีกรึเปล่า
หวังว่า......คงไม่นะ....
................................................................................................................................................
“พี่ฮีชอลครับ พรุ่งนี้ให้ผมไปส่งนะ”
ชายหนุ่มนั่งมองการพูดคุยของคนสองคนในห้องนอน
“เอ้า พรุ่งนี้นายออกเช้าไม่ใช่เหรอซีวอน” คนที่ตอบกำลังเก็บของเข้ากระเป๋าย่ามสีขาว
“ครับ แต่จะไปส่งพี่.....”
“ไม่ต้องก็ได้ พรุ่งนี้พี่เขาจะมารับ”
“ผมโทรไปบอกแล้วว่าไม่ต้อง ผมจะไปส่งพี่เอง” คนหน้าหล่อยืนกราน
มองดูคนหน้าสวยวางมือจากกระเป๋าแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ ก็ได้ ก็ได้ ตื่นให้ทันฉันล่ะซีวอน ถ้าสาย ฉันออกไปก่อนจริงๆด้วย”
“ครับ” แล้วคนหน้าหล่อก็ทำท่าดีใจสุด ยิ้มกว้างมากๆ เวลาคนหน้าหล่อยิ้มแบบนี้น่ารักเหมือนกันแฮะ เวลาเขายิ้มจะน่ารักแบบนี้รึเปล่านะ
“งั้นนายก็กลับห้องไปนอนได้แล้วซีวอน ดึกละ ฉันกับดงเฮง่วงแล้ว จะนอน”
แล้วคนหน้าหล่อก็เดินเข้าไปหาพี่ชายหน้าสวยของเขา จับอีกฝ่ายมากอดแล้วหอมแก้ม
“ฝันดีนะครับพี่ฮีชอล”
อ๊าาาาา ทำแบบนี้อีกแล้ว ต่อหน้าต่อตาเขาด้วย!
ไหนว่าไม่ได้เป็นแฟนกันไง ทำไมถึง โอ๊ยยยยย ไม่เข้าใจ!!
“อื้ม ฝันดีซีวอน” แต่พี่ชายหน้าสวยของเขากลับทำหน้าไร้อารมณ์
ทำไมเป็นงั้นล่ะ? ไม่เขิน ไม่ขัดขืน ไม่ได้ไม่พอใจ
แต่.....เฉยยยยยยยสนิท
แล้วเพื่อนหน้าหล่อของเขาก็ปล่อยพี่ชายหน้าสวยออกจากอ้อมกอด ก่อนที่จะมองมาหาเขา
“ฝันดีนะดงเฮ” เพื่อนยิ้มให้พร้อมกับเดินออกไปจากห้อง
ไม่ได้คิดจะตอบอะไรเพื่อนหน้าหล่อ เพราะมัวแต่งงๆกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน เริ่มรู้สึกว่าชีวิตเขาแวดล้อมไปด้วยเรื่องน่าสงสัยซะจริง
“เอ้าดงเฮ หมอนนาย พรุ่งนี้ถือหมอนตัวเองมาด้วย” พี่ชายคนสวยโยนหมอนสำรองใบหนึ่งจากตู้เสื้อผ้ามาให้
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับหมอนมาไว้ในมือ
หลังจากทานข้าวเสร็จ เขานั่งเล่นนั่งคุยกับทุกคนจนถึงดึก จากนั้นพี่ฮีชอลก็ชวนให้ขึ้นมาอาบน้ำและเข้านอน
เดินเข้าห้องตัวเองที่เคยอยู่ มันก็คุ้น แต่ยังแปลกๆเช่นเดิม รูมเมทช่วยเขาหลายอย่างด้วยความมีน้ำใจ จากนั้นพอเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ถูกพามาส่งที่ห้องพี่ชายคนสวย
แล้วก็ได้มาเห็นอะไรแปลกๆ ประหลาดๆระหว่างพี่ชายคนสวยกับเพื่อนหน้าหล่อ
ตอนนี้เขานั่งบนเตียงพี่ชายคนสวย ทุกอย่างในห้องค่อนข้าง......แปลกๆ ส่วนที่เป็นอาณาเขตของพี่ชายคนสวยค่อนข้างมีสีสัน แต่โล่งสุดๆ ไม่มีอะไรวางรกหูรกตา
ส่วนฝั่งของคนหน้าหวาน ทำไมมันขาวขนาดนั้น จะขาวไปไหน จืดสนิท เฮ้อออออออ
ต่างกันจริงๆ แล้วทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันได้นะ
เจ้าของเตียงสีขาวล้วนยังไม่ขึ้นมา เห็นว่าคุยเรื่องรายการอะไรก็ไม่รู้กับฮยอกแจและชินดง
ได้ยินว่าคนนั้นนอนกับคนนี้ คนนี้อยู่กับคนนั้น ทุกคนต่างมีรูมเมทเป็นของตัวเอง ยกเว้นเพียงแค่คนแก้มป่องเท่านั้นที่ไม่มี
ทำไมล่ะ?
“พี่ครับ ทำไมคิบอมไม่มีรูมเมทล่ะ” ชายหนุ่มถามพี่ชายคนสวยที่นั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
“อ๋อ คิบอมมันชอบสันโดษ เลยขออยู่ห้องคนเดียว แถมห้องมันมีเศษเกินด้วย โชคดีก็เลยเป็นของมัน เสียดายฉันไม่ได้อยู่ ฉันอยากอยู่คนเดียวจะตาย”
“อ้าว แล้วพี่ไม่อยู่ล่ะครับ”
“ตอนแรกคิดเหมือนกัน แต่ไปๆมาๆก็เลยยกให้ซะ สุดท้ายเลยมาอยู่ห้องนี้กับทึกกี้นั่นแหละ”
“พี่กับพี่อีทึกเป็นเพื่อนสนิทกันเหรอครับ”
“หืม ก็....ว่าไงดีล่ะ สนิทนะ แต่ไม่ถึงกับเป็นเพื่อนรัก”
“อ้าว ใครล่ะครับ หรือว่าซีวอน”
แล้วพี่ชายก็ทำหน้าเซ็งหันหลังมาหาเขา
“จะใช่ได้ไง ซีวอนน่ะน้อง เพื่อนรักฉันน่ะเหรอ โน่น ฮันกยอง คนที่พูดเกาหลีไม่ชัดน่ะ”
เอ๋ คนนั้นเหรอที่เป็นเพื่อนสนิทพี่ชายหน้าสวยของเขา แล้วทำไมไม่เป็นเมทกันล่ะ จะถามดีมั้ยนะ
อา ไม่ดีกว่า กลัวถามมาแล้วกลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรถามน่ะสิ
“ส่วนนายดงเฮ นายมีเพื่อนสนิทอยู่สามคนในบ้านนี้ คนนึงก็เมทนาย ฮยอกแจ คนที่สองก็ซีวอน ส่วนคนสุดท้าย สนิทกับนายมากที่สุด คิบอม”
หัวใจหล่นวูบเมื่อรู้ว่าคนสนิทที่สุดของเขาคือคิบอม
“จริงเหรอพี่!!” ไม่น่าเป็นไปได้ กับคนเย็นชาพูดน้อยอย่างนั้นเนี่ยนะ เป็นเพื่อนสนิทเขา
มีเรื่องให้เขาตกใจเพิ่มขึ้นอีกจริงๆซะด้วย
“อื้ม นายสองคนสนิทกัน สนิทกัน....ม้ากมากกกกกกกก” พี่ชายพูดย้ำ และนั่นยิ่งทำให้เขาเหงื่อตก ไม่อยากสนิทกับคนเย็นชาอย่างนั้นหรอก
แล้วพี่ชายก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้ง เดินมานั่งกับเขาบนเตียง
“ดงเฮ อืม....คือว่า นายรู้แล้วใช่มั้ยว่านายเป็นน้องรักฉัน”
พยักหน้าแทนคำตอบ
“แล้วคิบอมก็เป็นน้องรักฉัน”
“เหรอครับ”
“อื้ม” พี่ชายคนสวยยิ้มให้ ตอนพี่ชายยิ้ม สวยสุดๆไปเลย ผู้ชายแน่เหรอ?
“รู้มั้ย....ทำไมพวกนายถึงเป็นน้องรักฉัน” แล้วพี่ชายก็ยิ้มแปลกๆ
เขาจะตอบได้ไงล่ะ ก็เขา.....ความจำเสื่อม
“มันก็มีหลายเหตุผลนะ เล่าทั้งคืนก็ไม่จบ แต่.....เหตุผลข้อนึงที่นายสองคนเป็นน้องรักฉันทั้งคู่ นั่นเพราะ......”
พี่ชายคนสวยทิ้งท้ายให้เขาต้องคอยฟังด้วยใจระทึก
แล้วพี่ชายก็ยิ้มหวาน ยิ้มสวยกว่าเมื่อครู่เสียอีก “เพราะนายสองคนเป็นแฟนกัน”
และตอนนี้หัวใจของเขาคงหยุดเต้นไปเรียบร้อยแล้ว
ความคิดเห็น