ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : :: 1 :: Eyes on you
........
L
O
V
E
ENTER
....
ลัฟว
n.
ความรัก
ผมมองผลที่ปรากฏบนหน้าจอหลังจากเคาะนิ้วลงไปบนแป้นพิมพ์หนึ่งครั้ง
ปุ่มดูเล็กเมื่อเทียบกับขนาดนิ้วของเขา
โปรแกรมทำงานได้ดี มันยังคงบอกความหมายของคำที่พิมพ์ได้อย่างชัดเจน ผมนั่งนิ่งมองอักษรไม่กี่ตัวที่เรียงกันอยู่บนหน้าจอขนาดเล็ก เรียนหนังสือ ผมเรียนหนังสือและอ่านหนังสืออก แต่ข้อความข้างหน้าเหล่านี้ไม่ได้ซึมซับเข้าไปในหัวของผมเลยแม้แต่น้อย
ผมรู้.. ว่าโปรแกรมของเจ้าเครื่องแปลภาษาเครื่องเล็กนี่ยังคงทำงานได้ยอดเยี่ยมแม้ว่าจะผ่านการใช้งานมานานนับหลายปีแล้วก็ตาม
ผมรู้ .. ว่ามันคงบอกความหมายของคำที่ผมพิมพ์ลงไปได้อย่างถูกต้องเหมือนเคย
สายตาของผมว่างเปล่าแม้นัยน์ตาจะสะท้อนภาพตรงหน้า
ผมไม่รับรู้
ความหมายที่ปรากฏตรงหน้า ผมไม่เข้าใจ
ถึงจะอ่านกลับไปกลับมา แต่สมองของผมก็ไม่รับรู้
คงเป็นเพราะ..
คำนี้มันตายไปจากชีวิตของผมนานเกินไปแล้วก็ได้
.
.
.
“แทคยอน”
ชายหนุ่มร่างสูงพับทอล์กกิ้งดิคขนาดพกพาก่อนจะโยนมันลวกๆลงไปบนโซฟาตัวเดียวกับที่นั่งอยู่ ใบหน้าที่หันไปมองผู้เยือนแสดงให้เห็นว่าคนที่นั่งหันหลังอยู่แต่แรกมีผิวคมคร้ามและหน้าตาดี ดูเหมือนว่าผู้ที่เดินเข้ามาจะมีอิทธิพลต่อชายหนุ่มไม่น้อย แทคยอนหรืออกแทคยอนถ้าจะเรียกเต็มๆลุกขึ้นยืนก่อนจะโค้งเล็กน้อย
“คืนนี้.. นายคงไม่ลืมใช่ไหม”
“ผมไม่ลืมแน่นอน”
คนฟังหัวเราะ
“ดี หวังว่าพรุ่งนั้นคงเห็นหน้านายนะ”
คนตัวใหญ่กว่าแต่อาจมีศักดิ์ต่ำกว่ายกยิ้มราวกับไม่ได้ใส่ใจความหมายแฝงในประโยคนั้นสักเท่าไหร่นัก
“ผมขอภาวนาให้ท่านสมหวังครับ”
คำพูดคำจายอกย้อนที่ฉลาดสมตัวไม่เคยทำให้ผู้ที่รับฟังผิดหวัง เสียงหัวเราะถูกใจดังขึ้นทั่วห้อง แต่ชายหนุ่มกลับไม่แสดงสีหน้าอะไรไปมากกว่าการฉาบรอยยิ้มเจือจางไว้บนใบหน้าเหมือนเดิมกับเมื่อตั้งแต่ประโยคแรกของบทสนทนาเริ่มขึ้น
อกแทคยอน
บอร์ดี้การ์ดหรือ
บางทีนั่นก็เป็นแค่ชื่อเรียกเล่นให้รู้สึกว่าตัวเองห่างไกลจากความตายของคนอื่นขึ้นมาอีกนิดหนึ่งเมื่ออารมณ์สามัญของมนุษย์แล่นวูบขึ้นมาจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดเท่าที่ควรจะเป็น
แต่นั่นก็เป็นเพียงชื่อทำให้หัวเราะกับคำโกหกเมื่อเรียกมัน
ปืนสีดำเงาวับที่เล็งไปอย่างไม่ลังเล ลั่นไกโดยไม่มีแม้แต่น้ำตา
จะเป็นนักฆ่าได้
ก็ต่อเมื่อไร้หัวใจ
อกแทคยอน หัวใจของอกแทคยอน
ตายไปทั้งๆที่ยังไม่มีแม้แต่เลือดสักหยดที่หลั่งออกมา
.
.
ความจริงของมนุษย์ก็คือ
เราทุกคนต่างมีลมหายใจเพื่อรอใครสักคน
ใครสักคนที่ว่าเราอาจจะรู้จักหรือไม่รู้จัก อาจจะมีตัวตนหรือไม่มี
หน้าที่ของเราทำได้เพียงแค่รอ
แต่กับแทคยอน ไม่มีความจำเป็นจะต้องรอ
แม้จะไม่อยากหายใจ แต่ก็ไม่อาจตาย เพียงแต่อยู่ โดยไม่ต้องรอ
รถจากัวร์คันสดท้ายแล่นตามมาจอดที่หน้าผับหรูแห่งหนึ่ง สถานที่ชั้นต่ำระดับสูงเอาไว้เป็นแหล่งเริงรมย์สำหรับพวกคนรวยไร้ค่า แต่เขาไม่ได้มีหน้าที่มาใส่ใจกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แค่เงินมา ดีเลวก็ไม่มีความหมาย
เมื่อขาแตะพื้น แทคยอนก็ถอดแว่นกันแดดที่ไร้ความจำเป็นในยามค่ำคืนออก เครื่องแบบคือเสื้อสูทเรียบราคาแพงระยับเข้ากับสีรถและบรรยากาศรอบข้างขับให้รูปร่างสูงใหญ่ดูโดดเด่นมากกว่าผู้คนรอบข้าง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าตัวสนใจ
“สี่คน”
สัญญาณกระซิบบอกข้างหูให้ได้ยิน แทคยอนกระชับสูทเพื่อเป็นการเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
ปกติหน้าที่ของเขาคือคุ้มกันภัย แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ
เข้าทางประตูพิเศษด้านหลังไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคำว่ามีอิทธิพล
แอร์เย็นฉ่ำปะทะหน้าทันทีที่เข้าไปถึงภายในบริเวณด้านใน แฝงตัวเข้ามาในความมืดจะได้ไม่เป็นจุดสนใจ
แทคยอนกวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะสะดุดอยู่ที่โต๊ะชั้นวีไอพีโต๊ะหนึ่ง
มากันสี่คนตามที่ได้รับข้อมูลมา..
ใบหน้านิ่งไม่ไหวติงแต่ปลายแขนกระทบกับวัตถุภายใต้เสื้อสูทชั้นดี ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาบุกำมะหยี่ รอให้เวลาเดินไป
..
.
.
.
.
“มาสายอีกแล้วนะจางอูยอง!”
เสียงผู้จัดการร้านแหวขึ้นทันทีที่เขาสาวเท้าวิ่งไปหยุดยืนหอบอยู่หน้าล็อกเกอร์ คนมาสายทำหน้าแหย
“ขอโทษครับผู้จัดการ ผมจะไม่มาสายอีกครับ”
“นายนี่นะ”
ใบหน้าจริงใจที่ดูรู้สึกผิดนั้นทำให้ด่าว่าต่อไปจากนี้ไม่ลง เสียงถอนหายใจพร้อมกับบ่นพึมพำค่อยๆลอยหายไปพร้อมๆกับแผ่นหลังของคนพูด เมื่อห้องว่างเปล่าอูยองก็รีบเปลี่ยนจากชุดเสื้อยืดกางเกงธรรมดาเป็นเครื่องแบบสำหรับบาร์เทนเดอร์ของร้าน
หลังจากช่วยฟ้าขายของเสร็จเด็กหนุ่มก็ต้องวิ่งรอกเข้ามาทำงานที่นี่ เงินเลี้ยงปากท้องคือปัจจัยง่ายๆที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ใช้ความสามารถผ่าฟันเข้ามาทำงานที่นี่ได้ก็ถือว่าบุญโขแล้ว อายุที่ยังไม่ถึงยี่สิบดีไม่ใช่ปัญหาถ้าเจ้าของร้านไม่ได้ใส่ใจ
ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อสวมชุดพร้อมทำงานพร้อมทำงานเรียบร้อยแล้ว
.
.
สามทุ่ม
อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลา ผับนี้เพิ่งเปิดใหม่มาได้ไม่นานจึงไม่มีใครระมัดระวังตัวมากนัก เหมาะเจาะกับสิ่งที่ต้องทำในคืนนี้
ตาคมเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง .. นับถอยหลังในใจช้าๆ
เข็มวินาทีเดินไปเรื่อยๆในขณะที่มือเลื่อนเข้าไปในเสื้อจับวัตถุที่ซ่อนไว้ข้างใน
“เฮ้ย คุณ มาได้ไงวะเนี่ย”
เสียงทักทายดังขึ้นจากโต๊ะเป้าหมาย ชายหนุ่มผิวขาวเดินเข้ามาเป็นผู้ร่วมโต๊ะคนใหม่ เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลเป็นประกายสะท้อนแสงไฟกับดวงกลมโตมีทีท่าเย็นชาจนน่าใจหาย
“ทำไมมาไม่บอก”
นิชคุณต่อว่าพี่ชายที่กำลังชนแก้วกับเพื่อนร่วมโต๊ะ
“ฉันเป็นพี่แกนะเว่ย ทำไมต้องบอกด้วยวะ” ตอบกลับพร้อมปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะ จนคนถามชักเริ่มหัวเสีย
เพราะพี่ชายของเขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา จึงไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานะของครอบครัวตอนนี้ การไปไหนมาไหนคนเดียวในที่สาธารณะแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน
อันตราย..
แทคยอนได้ยินเสียงพูดคุยเหมือนคนมาใหม่จากทางด้านหลัง ใบหน้าคมคร้ามหันตามเสียง
อันตราย ....
เหมือนอะไรบางอย่างดึงดูดนิชคุณให้หันไปมองทางด้านซ้าย
ดวงตาคมสบกับดวงตาสีน้ำตาล ...
แทคยอนสบตากับคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
นิชคุณสบตากับคนที่หันหน้ามา
เหมือนทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ นาฬิกาเดินถอยหลังวินาทีต่อวินาที มือใหญ่ที่จับปืนสีดำมันวาวเอาไว้มั่นชักมันออกมาจ่อตรงไปที่เป้าหมายที่ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อหน้าน้องชายที่เห็นทุกการเคลื่อนไหว
อันตราย..
ตายังคงสบตา..
“พี่! ระวัง!!!!!!!”
ปัง!
เสียงกรี๊ดดังขึ้นทันทีที่ปืนลั่นไก เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย การ์ดสองคนรีบกันตัวทายาทคนโตที่บาดเจ็บจากกระสุนปืนออกไปจากสถานที่ ขณะที่อีกสองคนพยายามจะพาทายาทคนรองให้ตามออกไป ใบหน้าขาวสะบัดมากลับมามอง ดวงตาสองคู่สบกันหากแต่คราวนี้ประกายในแววตาแข็งกร้าวขึ้นมาจนน่ากลัว
“คุณชาย!!”
บอร์ดี้การ์ดร่างใหญ่รีบมาดันตัวทายาทคนรองให้ออกไปสู่ความปลอดภัย สายตายังคงประสานกันอย่างโกรธแค้นเป็นครั้งสุดท้าย แสงไฟสลัวแบบนี้ไม่มีใครมองเห็นใครชัดจึงไม่ได้มีการยิงปะทะกัน ความปลอดภัยอันดับแรกคือต้องพาทุกคนออกจากที่นี่โดยด่วน
ถึงจะมองเห็นหน้ากันไม่ชัด แต่แทคยอนมองเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นชัดเจนราวกับเปิดไฟสว่าง
สายตาที่มองมาเป็นสิ่งสุดท้ายยังคงติดแน่นอยู่ในหัว
เขาทำงานพลาด แม้จะถูกตัวเป้าหมาย
แต่ไม่รู้ว่าตายหรือรอด
ตราบใดที่ไม่รู้ นั่นคือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่
เพราะคนคนเดียวที่ทำให้เขาพลาดงานสำคัญ
เพราะคนคนเดียว
.
.
เหมือนไฟร้อนที่สุมอยู่ในใจ คนที่หันหน้ามา คนที่สบตาด้วย เป็นคนเดียวกับที่ยิงพี่ชายของเขา
อก แทค ยอน
ตอนนี้พี่ชายถูกพาส่งโรงพยาบาลไปแล้ว รถกำลังรีบแล่นออกจากลานจอดมารับคุณชายอีกคนกลับบ้าน เหตุการณ์ชุลมุนแต่เจ้านายก็ถูกคุ้มกันอย่างปลอดภัยด้วยการ์ดนับสิบคน นิชคุณเก็บกดความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้จนแทบจะระเบิด เสียงกุกกักข้างๆทำให้ต้องรีบหันไปมอง การ์ดขยับปราดเข้ามาทันทีเพื่อระวังภัย
“ใคร”
นิชคุณถามเสียงแข็ง ร่างหนึ่งนั่งคุดคู้อยู่ตรงมุมเสา
“ใคร!”
“ผะ..ผม...
“นั่งอยู่แบบนั้นอยากตายรึไงฮะ!!??”
เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงคนเดียวเล็กๆคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบบาร์เทนเดอร์ไม่มีพิษมีภัย นิชคุณจึงกระชากแขนขึ้นมา ดูท่าทางคงจะตกใจไม่น้อย
ใบหน้าใสสะอาดนี่คงไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างตอนวิ่งออกมาทำให้มีรอยแตกตรงใกล้ๆมุมปาก เลือดไหลลงมาเป็นทาง
“คุณชายครับ รถมาแล้ว รีบขึ้นรถครับ”
ดวงตาใสสั่นระริกอย่างตื่นตระหนกเมื่อถูกจับข้อแขนเอาไว้แน่น
“คุณชายครับ!!”
การ์ดรีบร้องท้วงเมื่อเห็นว่าเจ้านายกำลังจะเอาคนแปลกหน้าขึ้นรถไปด้วย แต่พอนิชคุณตวัดสายตาไปมองก็ต้องถอยกลับไปเงียบตามเดิม
หันไปมองคนที่ยืนตัวแข็ง
ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงได้ยืนสติหลุดอยู่อย่างนี้ทั้งคืน
“ขึ้นรถ”
“ขึ้นรถ!!”
ตวาดใส่เมื่ออีกฝ่ายขืนตัว บาร์เทนเดอร์ตัวเล็กถูกโยนเข้าไปในรถคันหรูที่ทั้งชาตินี้ก็คงทำงานได้เงินไม่ถึงเศษเสี้ยวของมัน
แอร์เย็นเฉียบ บรรยากาศในรถก็เย็นเยียบจนจางอูยองตัวลีบ ปืนที่ติดอยู่ตรงกระเป๋ากางเกงของผู้ชายชุดดำสองคนตรงเบาะหน้าก็ทำให้แทบไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวไปไหน
ดวงตาน่ารักเหลือบมองคนข้างๆที่นั่งนิ่งอย่างหวาดๆก่อนจะสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“บ้านอยู่ไหน”
ถามเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย
“ถาม ได้ยินมั้ย”
“คุณ.. คุณจะทำไม” ถามไปแบบกล้าๆกลัวๆ แต่พอตั้งสติได้อูยองก็ต้องรีบป้องกันตัวองเอาไว้ก่อนแม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็เถอะ
“ยะ..อยู่ อีกสองซอยถัดไป”
แต่สุดท้ายก็ต้องบอกตะกุกตะกักออกไปเพราะสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา
“จอดรถ”
“คุณชาย..”
“จอดรถ”
ล้อรถหยุดเคลื่อนก่อจะนิ่งสนิทตรงข้างทาง
“เอากล่องยามา”
ทันที่เอ่ยปากของก็ถูกส่งให้ถึงมือ อูยองแทบรับไว้ไม่ทันเมื่อจู่ๆคนข้าวตัวก็โยนกล่องยามาใส่แบบไม่บอกกล่าว โยนมาแล้วก็นั่งไขว่ห้างหันไปมองนอกหน้าต่างเล่นเอาคนรับนั่งเอ๋อทำอะไรไม่ถูก
เมื่อเห็นว่าสิ่งมีชีวิตข้างๆตัวเองยังคงนั่งนิ่งอยู่ไม่ไหวติง นิชคุณก็เริ่มจะหงุดหงิด
“ทำแผลของนายแล้วกลับบ้านไป”
“............................”
“ที่บ้านจะได้ไม่ตกใจตาย”
อูยองนั่งกระพริบตาปริบๆ แต่พอคนข้างๆหันมามองอีกทีก็รีบเปิดฝากล่องยา จัดแจงทำแผลท่ามกลางความเงียบกริบที่ไม่แม้แต่จะมีเสียงเครื่องปรับอากาศในรถเล็ดรอดมาให้ได้ยิน
จางอูยองลอบมองใบหน้าด้านข้างที่แสนจะดูดีกว่าคนธรรมดาทั่วไปก่อนจะรีบหลบตาเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านของเขาตามที่จำเป็นต้องเอ่ยปากบอกไปหลังจากทำแผลให้ตัวเองเสร็จเรียบร้อย
“ขะ..ขอบคุณ”
อุตส่าห์กลั้นใจเอ่ยคำนั้นออกมาแต่แววตาอีกคนกลับไม่บ่งบอกอะไรนอกจากความเฉยเมย เขาเปิดประตูลงจากรถมาเหลียวมองรถที่ยังไม่เคลื่อนตัวออกไปไหนก่อนจะไขกุญแจเปิดประตูบ้านเข้าไป
พอหันกลับไปอีกที ก็เห็นแต่เพียงหลังคันรถที่เคลื่อนออกไปแล้ว
.
.
แทคยอนก้มหน้านิ่ง
“คำภาวนาของฉันเป็นจริงจริงมั้ย ?”
“แต่นายกลับมาให้ฉันเห็นหน้าในเวลาที่ฉันไม่อยากเห็นเลยจริงๆ” ปลายเสียงกลั้วหัวเราะแต่มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่น่าพิสมัยเอาซะเลย
“ช่างเถอะ ถึงครั้งนี้มันจะยังไม่ตาย แต่ก็คงเจ็บหนักไปอีกนาน”
“ต้องขอบคุณลูกกระสุนของนายนะแทคยอน”
คนพูดยกยิ้มมุมปาก
“ตอนนี้มันคงคุ้มกันทุกอย่างอย่างแน่นหนา..”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ก้มหน้ามองพื้น
“งานใหม่ของนาย..”
“หวังว่าคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังเหมือนวันนี้นะ”
ซองสีน้ำตาลถูกโยนมาวางไว้ลนโต๊ะ ร่างสูงเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเปิดออก
เหมือนหัวใจจะกระตุกไปวูบหนึ่ง
ใบหน้าขาวจัดกับดวงตาสีน้ำตาลเย็นชา
หากแต่คนในรูปกำลังส่งยิ้มสดใสมาให้เขา
“จัดการซะ อกแทคยอน”
:: TBC::
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น