ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องลองของ ( ธีม..)

    ลำดับตอนที่ #1 : Room 001: Zintear St. Zenith

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 58



    “ถึงแม้องค์มหาเทวีจะลิขิตเราไร้ซึ่งพรสวรรค์.. เราจักเพียรหามันมาไว้ในกำมือ”



    ชื่อ - สกุล : เทียร์ (Tear) [นามแฝง] ซินเทียร์ เซนต์ เซนิกส์ (Zintear St. Zenith) [นามจริง]

    เผ่าพันธ์ : ลอร์ดเอลฟ์

    เพศ : หญิง

    อายุ : 314 ปี (ภายนอกเหมือนสตรีอายุ 21 ปี)

    อาชีพ : แม่ค้า + บรรณรักษ์ (ในร้านหนังสือที่ตนเองเปิด), นักดาบ

    ลักษณะ :   เอลฟ์สาวที่มองลักษณะภายนอกไม่เหมือนเอลฟ์เพราะใช้ผมบังหูของตนเองไว้ ร่างกายสูงโปร่ง (173 cm.) รูปร่างผอมบาง (44 kg.)
                    เกศาสีขาวบริสุทธิ์ ดวงเนตรสีเขียวนํ้าทะเล ผิวขาวซีดเสมือนบุคคลไม่เคยโดนแดด ทรงผมยาวเหยียดตรงไปจนถึงกลางหลัง
                    ใบหน้ารูปไข่ โดยจุดเด่นนั้นจะอยู่ที่สีของผมและดวงตาที่ไม่เหมือนมนุษย์ (เพราะปลอมตัวหนีมาอาศัยอยู่ในเมือง)
                    และแม้จะมีรูปร่างที่ดูค่อนข้างอ่อนแอ แต่ก็มีพละกำลังเสมือนผู้ชายที่ฝึกวิชาการต่อสู้คนหนึ่ง มีมือที่หยาบกระด้าง
                    (จากการฝึกดาบ) รวมถึงจากนิสัยที่รักการอ่านมักจะพบเธอพร้อมๆกับหนังสืออย่างน้อยหนึ่งเล่มเสมอ

    นิสัย : สุภาพ เรียบร้อย เยือกเย็น มีความสามารถในการวิเคราะห์และการตัดสินใจ รักการอ่านทำให้มีความรู้มากมายในรอบ 300 ปี
              สะสมหนังสือและค้าขายหนังสือเป็นงานอดิเรก เมื่อโกรธขึ้นมาอารมณ์จะรุนแรงมากพอที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลาย
              สิ่งที่ตนเองเกลียดให้หายไปจากโลก และชอบทานขนมปังและของหวานเป็นชีวิตจิตใจ

    ประวัติ :   ลูกสาวเพียงคนเดียวในตระกูลเซนิกส์ที่ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลที่ให้กำเนิดผู้ขับขานมนตราที่ทรงพลังมาหลายยุคหลายสมัย
                  เพียงแต่เทียร์นั้นกลับตรงกันข้าม อำนาจมนตราของเธอนั้นแทบจะเทียบเท่ากับศูนย์ ทำให้เธอนั้นถูกครอบครัวเก็บเอาไว้เป็นความลับ
                  เปรียบเสมือนเธอไม่เคยมีตัวตนอยู่ภายในตระกูล ถึงแม้เธอจะพยายามแทบตายเพียงใด พลังมนตราของเธอนั้นก็ไม่ก้าวหน้าขึ้น
                  เลยแม้แต่น้อย มันทำให้เธอถูกทุบตีและด่าทอหลายครั้งกับความไร้พรสวรรค์ของตนเอง จนเมื่อเวลาล่วงผ่านไปนานนับ 70 ปีตั้งแต่
                  เธอก่อกำเนิด ไม่มีอะไรก้าวหน้าขึ้นแม้แต่น้อย.. มันทำให้เธอจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวังต่อทุกสิ่ง
                  แม้กระทั้งครอบครัวอันควรเป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่ชีวิตของเธอนั้นก็ยังคงดำรงอยู่ต่อไปจากการอ่านตำราเล่มเล็กๆที่เธอแอบนำมันมาจาก
                  ห้องสมุดของผู้เป็นบิดา และการฝึกวิชาดาบอันเป็นสิ่งต้องห้ามในตระกูลของเธออย่างลองผิดลองถูกกับตำราที่เธอได้แอบนำมันมา
                  จนกระทั้งฝางเส้นสุดท้ายของเธอได้ขาดสะบั้นลงเมื่อหนังสือทั้งหมดที่เธอนำมาถูกเพลิงเผาผลาญโดยผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้า
                  ของตนเอง เธอได้ทำการชักดาบประจำตำแหน่งของบิดาที่อยู่ตรงหน้า และลงมือสังหารบิดาของตนเองทิ้งอย่างเลือดเย็น
                  ก่อนที่เธอนั้นจะกระชับดาบนั้นไว้ในมือ และเดินไปสังหารมารดา และพี่ชายของตนเองทิ้ง โดยพวกเขานั้นยังไม่ทันรู้สึกตัว และมิทันได้
                  คาดคิดมาว่าลูกสาวอันไร้ความสามารถนั้นจะกลายเป็นภัยให้แก่ตนเอง หลังจากที่เธอสังหารวงวานศ์ของตนเองยกครอบครัว
                  ก็ได้ขโมยไม้เท้าอันศักดิ์สิทธิ์ของครอบครัวตนเอง และจุดเพลิงเผาทำลายทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเธอจนมอดไหม้ทั้งหมด
                  และเธอก็ได้ทิ้งอดีตของตนไว้เบื่องหลัง โดยมิได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนได้ก่อการกระทำแม้แต่น้อย เธอได้ใช้เงินเก็บของตระกูล
                  ในการซื้อที่ดินเล็กๆเมื่อเธอปลอมตัวเข้ามาอยู่ในเมืองของมนุษย์ และได้ทำการเปิดร้านขายหนังสือขึ้นภายในเมืองของมนุษย์
                  เธอจัดการความไม่โรยราของตนเองโดยการสวมผ้าคลุมสีดำสนิทปิดบังใบหน้ายามต้องออกไปกลางฝูงชน และเลือกที่จะ
                  เดินทางในยามวิกาลตราบจนถึงปัจจุบัน..

    เพิ่มเติม : ยามปกติจะสะพายดาบของบิดาตนเองไว้ใต้ผ้าคลุมสีดำ และจะพกตำราหนาปึกไว้กับตัวตลอดเวลา ยามเมื่อเอาจริง
                    จะปลดผนึกไม้เท้าของตนเองออกมาเป็นสื่อกลางในการร่ายมนตราเพื่อทดแทนความอ่อนด้อยของตนเอง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×