ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    darkness inside

    ลำดับตอนที่ #1 : ชายแปลกหน้าและแผลเป็นที่แขนซ้าย

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 52


    "ตึงๆๆๆ "
    เสียงกลองถูกลั่นขึ้นใจกลางหมู่บ้านแห่งหุบเขาเวียนวน บัดนี้ประเพณีโบราณเริ่มเวียนบรรจบอีกครา ณ ที่แห่งนี้เป็นหมู่บ้านของชนเผ่าผู้ใช้ชีวิตซุกซ่อนในร่มเงาประวัติศาสตร์มนุษย์ ผู้ถูกหลงลืมจากกาลเวลาแต่ไม่ไร้ตัวตน เวลานี้เป็นเวลาเป็นเวลาสำคัญ ประเพณีการต่อสู้อันยาวนานระหว่างสองชนเผ่าในหุบเขาเวียนวน 1 คือ เผ่าชิเมร่า ผู้ท้าทายแสงแดด อีก 1 คือ เผ่าเอราโน่ ผู้ต้องความมืด สองเผ่ามีประเพณีโบราณคัดเลือกนักรบหนุ่มเพื่อแสดงพลังของกันและกันมิให้เลือนหายไปจากกาลเวลา ตอนนี้ครบรอบ 3 ปีจากการต่อสู้ครั้งก่อน ทั้งสองหมู่บ้านได้เวลาคัดเลือกนักรบตัวแทนหมู่บ้าน เช้าของวันใหม่หุบเขาเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ แสงแดดไม่สามารถต้องพื้นดินได้เอราโน่หนุ่มชูมือเหนือผู้คน บัดนี้ผู้ต้องความมืดพร้อมแล้วสู่การประลอง บ่ายอันร่มรื่นมาถึงการคัดเลือกตัวแทนของชิเมร่ารอบสุดท้ายได้เริ่มขึ้น
     "มัตเทโอ มัตเทโอ มัตเทโอ...."
     เสียงเชียร์จากคนรอบลานประลองกลางหมู่บ้านเรียกชื่อชายผู้ยืนอยู่คนสุดท้ายในการคัดเลือก

     "มัตเทโอ บุตร จานี่ เฟร์ ผู้คุมกฏ เจ้าคือตัวแทนของเรา" ผู้เฒ่าชี้ไม้เท้าไปที่ผู้ชนะ
     "ข้าจะล้มผู้ต้องความมืดเอง" มัตเทโอบอกทุกคนพร้อมชูมือขึ้น
     "เจ้าต้องทำได้แน่" เซเรนี่ คู่ต่อสู้ในสนามและเพื่อนรักลุกขึ้นแสดงความยินดี
     "รับ มงกุฏพฤกษาไปมันเป็นของเจ้าแล้วอย่าแพ้ใครจนกว่าจะถึงเวลาประลอง ข้าภูมิใจในตัวเจ้า ลูกข้า" ผู้คุมกฏมอบมงกุฏพฤกษาแก่ลูกชาย
     "อย่าห่วงท่านพ่อ ข้าจะไม่แพ้ใครเด็ดขาด" มัตเทโอตอบ

    หลังการประลองเสร็จสิ้นลงมัตเตโอและเซเรนี่หลบมาพักผ่อนร่างกายในกระท่อมล่าสัตว์ชายป่า ทั้งสองคุยกันถึงการประลองของทั้งคู่เมือตอนบ่ายพลางวิจารกันและกัน
     "เจ้าพ่นมันใส่ข้าได้ยังไง มัตเทโอ มันน่าหวาดเสียว" เซเรนี่บอกเพื่อน
     "ก็ข้ารำคาญต้นไม้ของเจ้านี่มันพันแข้งพันขาเต็มไปหมด" มัตเทโอตอบ
     "แล้วคืนนี้จะนอนบ้านข้าหรือบ้านเจ้า" เซเรนี่เปลี่ยนเรื่อง
     "นอนที่นี่" มัตเทโอตอบแบบสั้นๆ
     "เจ้าคิดอะไรของเจ้า มีบ้านให้นอนไม่นอน เจ้าเพี๊ยนแล้วเพื่อนข้า" เซเรนี่งุนงง
     "ข้าไม่ได้ใช้ให้เจ้านอนด้วยนี่นา กลับก็ได้นะงานนี้ข้าคนเดียวไหว" มัตเทโอหันไปทางเซเรนี่ด้วยใบหน้าจิงจัง
     "เจ้าจะทำอะไรกันแน่ !" เซเรนี่พูดพลางเอามือเขย่าไหล่เพื่อน
     "ถ้าเล่าแล้วคืนนี้เจ้าต้องนอนโดยไม่มีข้า สัญญามั๊ย" เงื่อนไขถูกเสนอ
     "ได้ถ้าเหตุผลเจ้าเพียงพอต่อการอยู่คนเดียว" เซเรนี่นั่งลงกับกองฟางในกระท่อม 1  ชั่วโมงผ่านไปมัตเทโอเปิดประตูแล้วส่งเพื่อนรักกับบ้านหน้าตายังจิงจังเหมือนเดิม
     "คิดดีแล้วใช่มั๊ย" เซเรนี่ถาม
     มัตเทโอพยักหน้าพร้อมทั้งส่งเสียงตะคอกใส่เซเรนี่ "ถ้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังอย่าได้หวังว่าข้าจะมองหน้าเจ้า"
     "อืม พยายามเข้านะ ข้าเอาใจช่วย" เซเรนี่เดินออกกลับเข้าไปในหมู่บ้านไม่หันกลับมามอง

     รุ่งเช้ามาถึงประตูห้องนอนเซเรนี่ถูกเคาะแต่เช้า
     "ก๊อก ๆ เซเรนี่ มีน่า มาหาน่ะลูก"แม่ตะโกนบอกลูกชาย
     "นางอยู่ไหน แม่ บอกนางกลับไปนี่ยังเช้าอยู่" เสียงงัวเงียตอบกลับไป
     "ข้าอยู่นี่ เจ้าโง่" นีน่ายืนอยู่ข้างเตียง
     "โธ่ ข้าบอกแล้วว่านี่ยังเช้าอยู่" เซเรนี่เอาหัวหลบเข้าไปในผ้าห่ม
     "ข้าหาเจ้าตั้งแต่หลังประลองแล้ว แต่เจ้าหายตัวไปกับเพื่อนเจ้า เอ๊ะไม่ใช่สินะต้องเรียกว่า ผู้ชนะ ส่วนเจ้าคือผู้แพ้" นีน่าเริ่มเอามือเท้าสะเอว
     "ข้าก็หลงรอเจ้าเอามงกฏพฤกษามาขอข้าเป็นคู่ แต่เจ้ามันดันห่วยไปแพ้มัตโต้ ข้าต้องรีบหลบคำเยาะเย้ยจากเพื่อนข้ามาบ้านเจ้าแต่เช้า" นีน่าต่อว่าอย่างหัวเสีย
     "รู้แล้วๆ ข้าขอโทษ มัตโต้มันเก่งเว่อไปหน่อยนี่นา เรื่องมันช่วยไม่ได้เจ้าก็รู้" เซเรนี่เอาหัวโผล่จากผ้าห่มมาบอกนีน่า
     "ไม่รู้หละเจ้าต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับความห่วยแตกของเจ้า" นีน่ากอดอกทำตาดุใส่
     "อืมที่จริง ข้าก็พอมีนะแต่ข้ากลัวว่า......" เซเรนี่ทำเสียงอ่อย
     "ว่ามาเดี๋ยวนี้" นีน่าทำเสียงข่ม
     "แต่ว่าเจ้าห้ามบอกใครนะไม่งั้นเจ้ากับฆ่าได้ไปนอนกอดกันในโลงศพแน่" เซเรนี่บอก
     "เดี๋ยวนี้!" นีน่าเริ่มหมดความอดทน
     "เช้านี้มัตโต้จะไปนำมงกุฏพฤกษาไปขอ เอลเมส เป็นคู่รัก" เซเรนี่เผลอพูดออก
    มาด้วยความตกใจ
     "หา จริงเหรอ โถ มัตเทโอเพื่อนข้าช่างกล้าหาญเสียจริง" นีน่าเปลี่ยนสีหน้าอย่าง
    รวดเร็ว
     "ตกลงเจ้าหายโกรธข้าแล้วใช่มั๊ย นี่น่า ยอดรัก" เซเรนี่ยิ้มใส่
     "ก็ได้แต่มีเงื่อนไขว่ามัตโต้ต้องขอเอลเมสเป็นคู่รักสำเร็จเท่านั้นนะ" นีน่ายื่นคำขาด 
     "อย่าห่วงยอดรัก สายตาข้าไม่ได้โง่ดั่งคำเจ้าจะมีผู้ใดเหมาะสมกันเท่า มัตเตโอผู้เบิก
    อัคคีสองสาย และเอลเมสช่างทอชีวิต" เซเรนี่จับมือนีน่า
     "ขอเป็นดังที่เจ้าว่า" นีน่าภาวนา

     เช้าตู่ที่ถนนเชื่อมหมู่บ้าน มัตเทโอเดินถือมงกฏพฤกษามุ่งตรงไปยังโรงทอ ระหว่าง
    ทางเห็นผู้เป็นพ่อขี่ม้าผ่านไปโดยไม่ทักทายจึงอดสงสัยไม่ได้แต่ใจของมัตเทโอนั้นมุ่งมั่นอยู่กับเอสเมส มัตเทโอจึงไม่ได้สนใจอะไร
     "ขอโทษครับข้ามาหาเอลเมส" มัตเทโอตะโกนเข้าไปในโรงทอผ้า
     "รอก่อนมัตโต้ ช่างทอกำลังทำงาน" หญิงสาวคนหนึ่งเปิดปะตูออกมาต้อนรับ
     "อนาช่า ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้" มัตเทโอถามอย่างสงสัย
     "เพียโล่ ถูกคนแปลกหน้าทำร้าย ยังไม่ได้สติเลย โชคดีที่พ่อเจ้าลาดตะเวนไปเจอ"
    หญิงสาวตอบพลางร้องไห้ไปด้วย
     "ไม่จริง เพียโล่เป็นรองก็แค่ข้ากับเซเรนี่เท่านั้น" มัตเทโอตกใจกับคำพูดของอนา
    ช่า
     "อนาช่า เพียโล่ได้สติแล้ว" เสียงตะโกนดังมาจากโรงทออนาช่าและมัตเทโอรีบวิ่ง
    เข้าไป มัตเทโอวิ่งแซงเข้าไปยังเตียงเพียโล่
     "ใครกัน เพียโล่ ข้าจะไปลากมันมาให้เจ้า" มัตเทโอถาม
     "คนแปลกหน้า ข้าก็ไม่รู้แค่ข้าจับแขนมันจากนั้นข้าก็ไม่รู้สึกตัว" เพียโล่พูด
     "มันไปทางไหนข้าจะตามมันไป" มัตเทโอถามด้วยอารมณ์เดือดดาล
     "อย่าเลยมัตโต้ ไม่มีประโยชน์ สิ่งเดียวที่เจ้าควรจะทำคือภาวนาขออย่าให้เป็นผู้
    ประลองจากเอลาโน่เลย" เพียโล่พูดพร้อมกับไอเล็กน้อย

     ทั้งห้องเงียบงันไม่คิดว่าเพียโล่ผู้มีพละกำลังจะพูดออกมากับผู้ชนะแห่งชิเมร่าเช่นนี้
     "เอลเมสล่ะ" มัตเทโอถาม
     "นางไปพัก คงช่วงบ่ายๆถึงจะตื่น" อนาช่าตอบ

     ขณะเดียวกับ จานี่ควบม้ามาถึงที่กระท่อมผู้เฒ่าแห่ง ชิเมร่า
     "อาจารข้ารบกวนท่านแต่เช้าเพราะมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ" จานี่พูด
     "อะไรที่ทำให้ผู้คุมกฏอย่างเจ้าต้องรีบร้อนเช่นนี้" ผู้เฒ่าถาม
     "ข้าพบเพียโล่ บูตรแห่งเนียร์ นอนบาดเจ็บอยู่ในชายป่า ข้าได้นำส่งโรงทอแล้ว แล้ว
    ข้าก็เก็บชิ้นไม้ในที่เกิดเหตุมาให้ท่านช่วยดูด้วย ข้าไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย" จานี่พูดพร้อมนำชิ้นไม้ที่มีรอยใหม้ให้ผู้เฒ่าดู
     "ลูซิสเนเลี่ยน เป็นไปไม่ได้" ผู้เฒ่าพูดพร้อมกับเดินออกไปนอกกระท่อม
     "ท่านหมายถึงพลังโบราณอย่างนั้นเหรอ " จานี่มองชิ้มไม้
     "พวกลูซิสเนเลี่ยนเท่านั้นที่ทำให้สิ่งของที่ถูกพลังเป็นสีดำสนิทได้อย่างนี้" ผู้เฒ่า
    บอก
     "เราจะทำยังไงดีท่านอาจารย์" จานนี่เก็บชิ้นไม้แล้วเดินไปหาผู้เฒ่า
     "งานนี้เจ้าจะให้ใครรู้ไม่ได้ เจ้าต้องหามันให้เจอ ใช้เนโร่ ผู้ค้นหา ฟิเกโร่ ผู้สร้างภาพ
    ริยาน่า พิษสังหาร" ผู้เฒ่ากระซิบข้างหูจานี่

     จานี่รีบควบม้าตามหาคนทั้งสาม หลังจากพบคนทั้งสามแล้วทั้งหมดจึงเดินทางไปยัง
    ชายป่าที่เกิดเหตุ
     "ฟิเกโร่ ย้อนหลังภาพเมื่อ ตอนเช้ามืดให้ดูหน่อย" จานี่บอก
     "ได้ แต่ข้าเกรงว่ามันจะจางเกินไป ถ้าย้อนไปนานขนาดนั้น" ฟิเกโร่จับมือจานี่
    แล้วทั้งคู่ก็หลับตา
     "แผลเป็นที่แขนซ้าย" จานี่ลืมตาขึ้นแล้วบอกให้เนโร่ค้นหา
     "พวกท่านเห็นอะไร" หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มถาม
     "ริยาน่า มันถูกเรียกว่า ลูซิสเนเลี่ยน" ฟิเกโร่บอกเธอ
     "ข้าเจอแล้ว 2 คน ในชายป่าอีกหมู่บ้านมีการเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ข้าไม่แน่ใจว่าใช่รึ
    เปล่า" เนโร่ ผู้ค้นหาบอกจานี่
     "ลูซิสเนเลี่ยน 2 คน รีบไปกันเถอะ ชักไม่ดีแล้ว" จานี่บอกพรรคพวก ทั้งสี่รีบ
    ควบม้าไปอีกหมู่บ้านนึงเพื่อตามหาเป้าหมาย

     ขณะเดียวกัน ที่โรงทอเป็นเวลาบ่ายมัตเทโอเดินออกมาสูดอากาศภายนอกให่ใจเย็น
    ลงเพราะมัวคิดถึงแต่เรื่องที่เพียโล่พูด
     "หูดำ หูดำ เจ้าอยู่ไหน" เสียงตะโกนดังมาจากหลังโรงทอ
     "เอลเมส" มัตเทโอเอ่ยพร้อมกับนึกขึ้นได้ว่าตนจะมาขอเอลเมสเป็นคู่
     "หูดำเจ้าหายไปไหน" เอลเมสตะโกนพร้อมเดินเข้าไปในป่าหลังโรงทอ
     "รอข้าด้วยเอลเมส" เสียงตะโกนตามหลังทำให้เอลเมสหยุดหันกลับมามอง
     "เจ้าหูดำหายไปเหรอ" มัตเทโอถาม
     "ใช่แล้วมัตเทโอ ข้าตื่นมาไม่เจอมันข้าหาจนทั่วแล้วคิดว่ามันคงหลงเข้าไปในป่า"
    เอลเมสมีสีหน้ากังวล
     "จริงๆเจ้าน่าจะเรียกข้าว่ามัตโต้ แบบคนอื่นบ้างนะมันดูคุ้นเคยกันดี" มัตเทโอเอ่ย
     "ตอนนี้ข้าเป็นห่วงหูดำเหลือเกิน" เอลเมสไม่ได้สนใจมัวห่วงแต่สัตว์เลี้ยงตัวโปรด
     "ก็ได้งั้นเราไปหาหูดำในชายป่ากัน" มัตเทโอเดินนำหน้าเข้าไปในป่า
     "มัตเทโอ นี่ผ้าที่ข้าผูกหูเจ้าหูดำไว้ มันต้องโดนสัตว์อื่นลากเข้าไปในป่าแน่รีบไปกัน
    เถอะ" เอลเมสพูดเสร็จรีบวิ่งเข้าไปในป่า
     มัตเทโอวิ่งตามเข้าไปทั้งสองวิ่งเข้าไปในป่าได้ซักพักก็เห็นควันไฟลอยขึ้นมาอีกไม่
    ไกลทั้งสองรีบวิ่งไปที่ควันไฟ พอถึงที่กองไฟทั้งสองได้พบชายคนนึงรุ่นราวคราวเดียวกันมือซ้ายของชายคนนั้นถือกระต่ายสีขาวที่มีหูดำอยู่
     "หูดำ! เจ้าคนแปลกหน้าคืนกระต่ายข้ามาเดี๋ยวนี้" เอลเมสบอกชายแปลกหน้า
     "คืนกระต่ายของนางแล้วขอโทษนางซะ คนจากเอลาโน่อย่ามาโอหังที่นี่" มัตเทโอ
    ตะคอกใส่
     ชายแปลกหน้าโยนกระตายมาที่เอลเมสแล้วหันหลังคล้ายจะเดินจากไป
     "กลับกันเถอะ มัตเทโอ" เอลเมสรับกระตายแล้วหันไปบอกมัตเทโอแต่ก็ช้าไป
     "ขอโทษนางเดี๋ยวนี้" มัตเทโอเดินเข้าไปจับแขนซ้ายของชายแปลกหน้า
     "เมื่อเช้าก็มีไอ้โง่จับแขนข้าอย่างนี้แหละ" ชายแปลกหน้าหันมาพูด
     "ตู้ม!!!!!" มัตเทโอกระเด็นกระแทกต้นไม้หมดสติ
     "มัตเทโอ!" เอลเมสร้องพร้อมกับจะวิ่งไปหามัตเทโอแต่โดนชายแปลกหน้าดึง
    แขนไว้
     "อย่างยุ่งกับแผลข้า ฝากบอกมันด้วย" ชายแปลกหน้าปล่อยมือแล้วเดินจากไป
     เอลเมสมองเห็นแผลสีดำที่แขนซ้ายของชายคนนั้นจากนั้นเอลเมสก็วิ่งมานี่ร่างของมัต
    เทโอ เอลเมสสร้างเส้นใยสีฟ้าที่มือแล้วเริ่มทอเส้นใยเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของมัตเทโอ ท่ามกลางบริเวณนั้น หินและต้นไม้บางส่วนกลายเป็นสีดำ เอลเมสพยายามตั้งสติรักษามัตเทโอ ไม่นาน จานี่ และพวกก็ตามมาทันเพราะเสียงระเบิดเมื่อรู้ว่าอาการบาดเจ็บของลูกชายทุเลาลงจึงรีบตามชายแปลกหน้าเข้าไปในป่าลึก....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×