ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE HOPE ???

    ลำดับตอนที่ #1 : ความหวัง 1

    • อัปเดตล่าสุด 31 ก.ค. 52


    ดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่อัดแน่นไปด้วยความหวังของมวลมนุษย์ลอยเด่นเป็นสง่ากลางจอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ ซึ่งตั้งเด่นอยู่กลางหอประชุมของเหล่านักวิทยาศาสตร์ผู้บุกเบิก

                    ดาวเคราะห์ดวงที่ทุกท่านเห็นมีนามว่า ดาว MOTHER ดาวดวงนี้มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เหมาะแก่การดำรงชีวิตของมนุษย์และมีสิ่งต่างๆใกล้เคียงกับโลกของเรามาก

                    เสียงบรรยายดังขึ้นมาจากริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูของชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาที่มุ่งมั่นสีควันน่าหลงใหล ยิ่งบวกกับผมสีบอนเงินที่ขับกับดวงหน้าขาวมนให้แลดูขาวยิ่งนัก ภายใต้ชุดกราวสีขาวดูภูมิฐานบ่งบอกให้ทราบว่าชายผู้นี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับแนวหน้าของโครงการเป็นแน่

                    จากการประชุมของสภาอาวุโสมีผลสรุปว่า เราจะทำการอพยพไปตั้งรากฐานใหม่ ณ ที่แห่งนั้น

    ชายหนุ่มคนเดิมเอ่ยพร้อมขยับกรอบแว่นสีดำของตนให้เข้าที่

                    แต่ดาวดวงนี้อยู่ไกลจากโลกของเรามากนะครับ ตั้ง 5 ร้อย 43 ล้าน ปีแสง เชียว ถ้าใช้เวลาเดินทางก็ร่วม 10 ปีเลยนะครับ อีกอย่างถ้าเราอพยพคนทั้งโลกไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่นั่นก็ต้องใช้เวลาร่วม 50 ปีเชียวนะครับ กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

                    ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีครามสดใส ผู้สวมชุดเดียวกับชายหนุ่มคนแรกเอยขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งไม่พอใจเล็กน้อย

                    ถึงจะใช้เวลา 100 ปี พวกเราก็ต้องทำโครงการนี้ให้สำเร็จ

    ชายหนุ่มผู้มีเกศาสีบอนเงินเอ่ย เรียกสีหน้าไม่พอใจมาสู่เจ้าของนัยน์ตาสีครามให้หันไปมองสบตาชายหนุ่มผู้เอ่ยคำ

    ........ แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยงั้นเหรอ........เพราะยังไงซะอีกไม่กี่ปีข้างหน้าดาวดวงใหม่ก็ต้องเป็นดั่งเช่นดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ดี.......

    เจ้าของนัยน์ตาสีครามเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง พร้อมเบือนหน้าหลบแววตาสีครัวที่จ้องมองมา

    จะให้ทำไงได้ล่ะ........เพื่อการดำรงอยู่ของ มนุษยชาติ.....เพื่อการดำรงอยู่ของ WORLD …..”

    แววตาสีควันที่เคยมุ่งมั่นบัดนี้กลับดูหม่นหมองลง พร้อมกับน้ำเสียงที่เคยหนักแน่นก็เจือไปด้วยความอ่อนแอและอ่อนล้าเต็มทน

    นั่นสินะ.......เพื่อการดำรงอยู่ของ THE WOLD ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เราก็จำเป็นที่จะต้องทำโครงการนี้ให้ลุล่วง

    ชายหนุ่มคู่สนทนาเอ่ยพร้อมกับใช้แววตาสีครามจ้องมองไปยังจอภาพของดาว MOTHER ด้วยวาดหวังว่าสิ่งที่เค้าคิดจะมิบังเกิดขึ้น ณ ดวงดาวดวงนั้น

     

     

    สายลมอ่อนๆพลิ้วไหวหยอกล้อใบไม้รูปดาวห้าแฉกสีแดงให้ล่วงหล่นปลิวไหว ไปกับสายลมเย็นตกลงไปสัมผัสกับผิวน้ำอ่อนละมุนที่หลั่งไหลอย่างเชื่องช้า เบื้องล่างของความเป็นไปเหล่านั้นอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของนัยน์ตาสีคราม ซึ่งผู้เป็นเจ้าของยืนโต้สายวาโยใต้ต้นไม้เจ้าของใบไม้ที่ถูกวายุพัดล่วงโรยใบนั้น ส่งผลให้เส้นผมอ่อนละมุนสีฟ้าขาวและชุดกราวสีขาวสะอาดของชายหนุ่มโบกสะบัดไปตามสายลมอ่อนๆสายนั้น

    ยังไงของปลอมก็ยังคงเป็นของปลอมอยู่วันยังค่ำ  มันไม่มีทางที่จะกลายมาเป็นของจริงได้หรอกนะครับ คุณ เบตา

    เสียงแหบน้อยๆที่ฟังดูน่าหลงใหลดังขึ้นจากเบื้องหลัง เรียกให้ชายหนุ่มนาม เบตา ที่ยืนเหม่อมองสายธาราหลั่งไหลหลุดออกมาจากภวังค์สู่โลกแห่งความเป็นจริง

    ถึงจะเป็นของปลอม แต่ก็ถูกเรียนแบบมาจากของจริงนะครับ ยังไงซะมันก็มีส่วนคล้ายของจริงอยู่บ้างล่ะครับ คุณ เอลฟา

    ชายหนุ่มผู้อยู่ก่อนเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังไม่หันมามองผู้มาเยือนด้วยซ้ำ ซึ่งมันเป็นการกระทำที่เรียกรอยยิ้มบางๆให้ปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้มาเยือนนาม เอลฟา ได้เป็นอย่างดี

    ( >o< ) ของปลอมรึจะสู้ของจริงได้ครับ

    มันเป็นคำพูดที่เรียกให้ผู้ยืนอยู่ก่อนต้องเบือนหน้ากลับมามองผู้มาเยือน พร้อมดวงตาสีครามที่ส่อให้เห็นถึงความเศร้า 

      ของจริงที่อยู่ในตู้พิพิธภัณฑ์ ไร้ชีวิตชีวา นั่นนะเหรอครับ ( - _- )  

    แล้วทำไมไม่ทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาล่ะครับ ( >o< )  

    ชายหนุ่มนาม เอลฟา เอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งเล่นกึ่งจริง แต่มันกลับเป็นการสร้างความจริงจังให้กับชายหนุ่มอีกคนผู้ฟังอยู่ ให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาโดยผู้พูดหารู้ตัวไม่

    ( >o< ) ขอบคุณนะครับสำหรับคำแนะนำดีๆ

     เบตา เอ่ยพร้อมกระโดดกอดคอ เอลฟา ด้วยความดีใจ เป็นเหตุเรียก งอ งู สองตัวให้มาชนกันภายในซีรีบรัมของเอลฟา

    ( ?_? ) ของมันเนี่ย เมี่อกี้ยังซึมอยู่เลยแต่ตอนนี้กลับ........หึ ( >o< )

    นั่นคือความคิดของเค้าล่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×