ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love story - L love

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 52




    Love Story – L love (ตอน...ปฐมบท ...)
     
    ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มกลางผับชื่อดัง พีรนุช หรือที่ใครๆเรียก พี่พี สาวหน้าตาคม รวมผมยาวขนาดบ่าทั้งหมดไว้ข้างหลัง นั่งไขว่ห้าง ดื่มเพียงคนเดียว พลางชายตามองไปรอบๆ บริเวณ …ที่มีหญิงสาวสองสามคนเต้นอยู่
    “สวยใช่ไหมว่ะ” เสียงที่ถามมาทางด้านหลัง ทำให้พีต้องหันกลับไปดูเจ้าของเสียงนั้น
    “อ่าว ...บีม นัดฉัน 2 ทุ่ม นี้ 3 ทุ่ม มากไปป่าวเพื่อน” บีม สาวนัยน์ตาเรียวเล็ก และเย็นชานั่งลงข้างๆเพื่อนและสั่งเด็กเสริฟ “น้อง...ขอเหล้าอีกขวด”
     
    บีมและพี เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยม ด้วยบุคลิกที่แตกต่าง และนิสัยที่ต่างกันสุดขั้วของทั้งสองทำให้ใครๆหลายคนต่างสงสัยว่า ทำไม๊...ทำไม เจ้าสองคนนี้ ถึงได้เดินไปด้วยกันได้...
     
    บีม สาวหล่อ หน้าแมน นัยน์ตาเรียวเล็กเย็นชา ตัดผมสั้นเปิดหู จริงจัง และซีเรียสกับทุกเรื่อง เรียงความรักน่ะหรอ โอ๊ยยย อย่าไปพูดกับเขาเลย เพราะถึงสาวๆถวายใส่พานให้ เจ้าตัวยังใช้เท้าเขี่ยยังกับเป็นสิ่งน่าขยะแขยง ภายนอกดูเย็นชา และจริงจังกับงาน เรียกได้ว่าทุ่มเทเสียจนตัวเองแทบไม่มีลมหายใจอยู่ทำงานต่อเชียวละ แต่ภายในกลับอ่อนไหว เบาบาง มีปมและความลับที่อยู่ในใจ
     
    พี สาวหล่อหน้าใส จอมกะล่อนที่ว่างเป็นไม่ได้ เป็นอันต้องแอบไปควงสาวๆ พีเป็นคนอัธยาศัยดี (ดีเกินไป) ดีจนต้องมีเรื่องรักสามเศร้าสี่เศร้า จนทำให้บีมต้องพลอยวุ่นวายไปด้วยตลอด แต่อย่างว่า ถ้าบีมไม่ช่วยพี แล้วใครจะช่วยพีได้ละ ครอบครัวพีและบีมเปิดธุรกิจร่วมกัน  โดยมีบีมและพีท พี่ชายของพีเป็นหัวหอกในการทำงาน (ก็ไม่น่าใช่เจ้าพีหรอกที่จะเป็นคนลุยงานอะ)
     
    “เอ้ยยยย พี... แกฟังฉันอยู่ไหมเนี๊ยะ” บีมใช้เอกสารฟาดไปที่หัวของพี เมื่อสังเกตเห็นว่าเพื่อนรักมัวแต่ชายตามองสาวๆกลุ่มหนึ่งอยู่
    “โหหห บีม มาเที่ยวนะเพื่อน อย่าเอางานมาให้รกสมองเลย” พีพูดพลางยิ้มไป
    “โอเค๊...งั้นพรุ่งนี้มีประชุม 8 โมงนะ ไปให้ทันละ ...ฉันจะกลับละ” บีมพูดขณะที่กำลังลุกขึ้น เมื่อพีเห็นเพื่อนรักจะกลับ ก็คว้าแขนเอาไว้
    “เฮ้ย...อยู่ก่อนดิ นะ...”
    “ผู้หญิงฝั่งโน้นน่ะ คงอยากจะอยู่กับแกมากกว่าฉันว่ะ”
    บีมก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ถ้าให้มาเที่ยวเฉยๆ เธอก็ไม่มา พีต้องเอางานมาอ้าง เพื่อให้บีมออกมา แต่พอบีมรู้ว่าไม่ใช่เรื่องงาน เธอก็จะกลับทันที ทิ้งเพื่อนรักให้เที่ยวต่อกับสาวๆ บีมรู้ดีว่าเพื่อนอย่างพี ดูแลตัวเองได้ เธอจึงไม่ค่อยห่วงพีเท่าไหร่
     
    ภายในคอนโดของบีม ฝาขวดเบียร์ถูกเปิดออก พร้อมกับเอกสารและแบบที่ถูกรื้อออกมาวางกระจัดกระจาย เสียงเคาะประตูดันมาขัดจังหวะการนั่งดื่มของคนรักสันโดนอย่างบีม...ใครนะที่กล้ามาเคาะห้องของคนดุๆ อย่างบีมได้ ประตูหน้าห้องถูกเปิดออก พร้อมด้วยเสียงเย็นๆของบีม ที่ถามผู้มาเยือนยามวิกาล  “มาทำไม?”
    “ไปไหนมา...รอตั้งนาน”
    “ไม่ใช่เรื่องของเธอ” บีมตอบด้วยเสียงเย็นชา
    “...” ผู้แปลกหน้าเบียดตัวเข้ามาในห้องของบีม โดยไม่ได้รับคำเชิญ...
     
    “พี่เนตร...!!! เบาๆสิค๊าฟ” เสียงพีซึ่งถูกเนตรนภา สาวใหญ่ ที่เป็นที่รู้จักกันดีในสังคมหญิงรักหญิง กระหน่ำทิงเจอร์ราดใส่แผลของพี
    “โอ้ยย ใจเสาะจังพ่อหนุ่ม ก็แค่ทำแผล ใครใช้ให้ไปมีเรื่องในผับละ” เนตรนภาใช้ผ้าปิดแผลที่อยู่ต้นแขนของพี และถามต่อว่า “แล้วบีมไปไหนซะละ ไหนบอกว่าจะไปเที่ยวกับบีมไง”
    “กลับไปก่อนครับ”
    “อ่าว????”
    “ก็งี้ พีอะชวนไปครั้งไหนก็ไม่ไป พีต้องเอางานมาอ้าง พอมันรู้ว่าพีแค่หลอกมันมา มันก็กลับไปเลย” พีตอบพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
    “พี่น่ะ ก็รู้จักบีมมานานแล้วนะพี ทำไมไม่เห็นเขาจะกะล่อน เหลวไหล เหมือนพีเลย นิสัยดีกว่านายตั้งเยอะ แกสองคนมาเป็นเพื่อนกันได้ไงนี่ ห๊า”
    “พี่ด่าพีช่ายป๊ะ” คงไม่ใช่ชมหรอกจ้า...
    “แผลก็เสร็จละ แกกลับห้องแกไปได้ละพี” พอเนตรเห็นว่าน้องอาการดีขึ้น ก็ออกปากไล่ เพราะดึกมากแล้ว “ไปๆ พี่จะนอนละ”
    “อะไรอะพี่ ยังเจ็บอยู่เลย” สายตากะล่อนของพีสอดสายไปเห็นหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของเนตรนภา “อะๆๆๆ... พีรู้ละ ว่าทามมายพี่เนตรอยากให้พีกลับเร็วๆ...สวยป่าววววว”
    “นี้ นั่นน้องสาวพี่ ไปได้ละ ฉันจะนอน”
    “อื้มๆ ก็จะไม่ขวางความสุข ...ขอให้ มีความสุขนะคร๊าฟฟฟฟฟ” ว่าแล้วพีก็เดินดุ่มๆออกห้องไป
    ส่วนเนตรนภา ปิดไฟและล๊อกประตูห้อง ก่อนที่จะเข้าไปสวมกอด “น้องสาว” ที่นอนอยู่บนตียง
    “ใครหรอคะ” น้องสาว งัวเงียถาม พี่สาว
    “น้องพีคะ แกมาให้พี่ช่วยให้ทำแผลให้”
    “อ๋อ” เนตรนภาซุกหน้าลงซอกคอของผู้เป็นน้องสาว ... “หอมจัง....”
     
    แสงแรกของวันส่องเข้ามาที่ห้องของบีม ผู้แปลกหน้าที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นช้าๆ
    “จะไปทำงานแล้วหรอ” ประโยคแรกที่ผู้มาเยือนเมื่อคืนถามบีมที่กำลังใส่นาฬิกาอยู่
    “วันนี้มีประชุม เลยต้องไปเช้าหน่อย” อีกฝ่ายตอบโดยไม่หันมามองคนถาม และพูดต่อ “อยากจะอยู่ต่อก็ได้นะ วันนี้ไม่กลับดึกหรอก ตอนเที่ยงๆอาจจะกลับมา”
    “อื้อ ...” เหมือนกับเป็นการตอบรับ ไหนๆวันนี้ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว นั่งรอบีมกลับมาดีกว่า
    บีมเดินมาเก็บเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายเข้าตะกร้า และคว้ากุญแจรถก่อนโทรสั่งอาหารเช้าให้กับคนขี้เซาที่อยู่บนเตียง และออกไปทำงานเงียบๆ
     
    “รีสอร์ทที่เสม็ดให้พีไปทำนะ ถ้าพี่พีทหายป่วยเมื่อไหร่ ค่อยให้พี่พีทกลับไปคุมที่เสม็ดแล้วกัน...” บีมกล่าวในที่ประชุมด้วยเสียงที่ทำให้คนทั้งห้องได้ยิน
    “อ่าว...” คุณพีรนุชทำหน้างงๆ และเดินเข้าไปถามบีมหลังเลิกประชุม ด้วยความสงสัย “ไหนแกว่าจะไปทำเองไงว่ะ”
    “ไม่ทำละ มีธุระ” เป็นสไตของบีมที่จะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
    “ธุระไร”
    “ส่วนตัว”
    “เฮ้ยยย แค่นี้ก็บอกไม่ได้ อีกอย่างนะ ฉันน่ะทำคนเดียวไม่ได้หรอก”
    “ใครจะให้แกไปทำคนเดียว ฉันรู้หรอกน่าว่าอย่างแก ทำงานคนเดียวไม่เป็นหรอก” บีมพูดเชิงประชดประชัน “มีคนไปช่วย คุณเอไง จำได้ไหม” คุณเอ สาวสวย แม่ม้ายลูกติด1 ฝ่ายการเงิน คู่อริของพีรนุช
    “เฮ้ย????” พีร้องด้วยเสียงอันดัง “ยัยนั่นเนี๊ยะนะ ตาย!!”
    “ทำงานแค่นี้ไม่ตายหรอก กะอีแค่ให้ไปดูแลรีสอร์ท เรื่องมากจัง” บีมบ่น “หัดแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกมั้งดิว่ะ”
    “แล้วแกละ ยังไม่บอกฉันเลยนะว่าแกมีธุระอะไร”
    “จะไปเขียนแบบให้เขาหน่อย...”
    “เขา? ใครว่ะ”
    “...” บีมไม่ตอบ และเดินไปหยิบเอกสารที่อยู่บนโต๊ะของตน “เที่ยงละ ฉันมีธุระ ไว้แกทำงานไปนะ ฉันจะออกไปข้างนอก”
    อีกแล้ว อีกแล้วที่จู่ๆบีมก็หาเรื่องหายตัวไป โดยไม่บอกอะไรพี ‘….เขียนแบบ ? เขียนแบบให้ใคร... เดี่ยวนี้เจ้าบีมมันรับเขียนแบบด้วยหรอ...’ พีคิดไป ก็งง สับสนไป 
     
    “พี่เนตรคะ...หิวข้าว เที่ยงละน๊า...มัวทำแต่งานอยู่นั่นละ” เสียงน่ารักสดใสของสาวน้อยวัย 24 ผู้ที่เนตรนภาบอกใครต่อใครว่าเป็นน้องสาว ส่งผ่านมาตามสายโทรศัพท์ในยามเที่ยงวัน
    “พี่ติดงานอยู่เลย ...อุ้มไปทานก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่โทรหาใหม่นะ” เนตรนภาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ
    “อื้มมมมม งั้นเย็นนี้เจอกันที่เมเจอร์นะคะ”
    “อ่อ...เย็นนี้พี่ต้องออกไปตรวจงานกับเจ้านายนะคะ เอาไว้วันอื่นได้ไหม” เนตรนภาตอบกลับไปด้วยเสียงอ่อยๆ เพราะสำนึกผิดว่าลืมนักสาวน้อยไปได้...
    “ไม่เป็นไรคะ...งั้นพี่เนตรว่างตอนไหน โทรมาหาอุ้มด้วยนะคะ” เสียงที่บอกไปนั้น ปนความน้อยใจ แต่ช่างเถอะ เธอชินเสียแล้วกับการที่เนตรนภามักจะลืมเธอเสมอ เวลาที่หล่อนทำงาน...
     
    “เห็นผักในตู้เยอะ เลยทำเอาไว้รอ” ผู้ที่อยู่ในห้องของบีมเอ่ยขึ้น เมื่อบีมเดินเข้ามา และพบว่า มีอาหารน่าทานรอไว้บนโต๊ะ นานแล้วนะที่โต๊ะอาหารในห้องของบีมไม่ได้มีอาหารวางเอาไว้แบบนี้ ส่วนมากจะเป็นเอกสาร งาน และขวดเบียร์เสียมากกว่า และนานแล้วที่คนแปลกหน้าคนนี้ไม่ได้ทำอาหารเอาไว้รอเขา แบบนี้ แบบวันนี้... รอยยิ้มจางๆ ที่ห่างหายไปจากใบหน้าของบีมตั้งแต่วันที่คนแปลกหน้าคนนี้ห่างออกไปจากชีวิตของบีม เริ่มปรากฏขึ้นมาทีละน้อย พร้อมด้วยเสียงที่ดังก้องภายในใจ ‘...อย่า...อย่าไปไหนอีกนะ... ‘
     
    เสียงเอ็มเอสเอ็นที่บอกว่ามีคนทักมาในยามตะวันจะลับฟ้า ทำให้อุ้ม หันไปดูตามเสียงนั้น
    มี่ say: ดีดีดีดี
    “มี่หรอ ใครกันนะ ไม่คุ้นชื่อเลย” อุ้มบ่นกับตัวเอง เมื่อเธอเห็นว่าคนที่ทักมานั้น เธอไม่รู้จัก ก่อจะตอบกลับไปเพราะรู้จักมารยาทในการแชทอย่างดี
    AUM LeSSS say: ดีคะ
    มี่ say: อุ้มป่ะ
    AUM LeSSS say: คะ ใครคะ
    มี่ say: มี่จ้า เคยคุยกันแล้วครั้งหนึ่ง
    AUM LeSSS say: งั้นหรอ จำไม่ได้
    มี่ say: โห เรายังจำอุ้มได้เลย น่าน้อยใจจัง
    มี่ say: อยู่คนเดียวหรอ
    AUM LeSSS say: อืม แฟนทำงาน
    มี่ say: มีแฟนแล้วหรอ ว้า
    AUM LeSSS say: ทำไม
    มี่ say: ก็กำลังหาแฟนอยู่อะดิ
    มี่ say: อยู่คนเดียวไม่เหงาหรอ
    AUM LeSSS say: นิดหน่อย ชินแล้ว
    AUM LeSSS say: งืมมมม
    มี่ say: กินข้าวยัง
    AUM LeSSS say: ยังเลย
    มี่ say: งั้นออกไปกินข้าวกันม่ะ
    AUM LeSSS say: มาชวนเค้า ทำกะอยู่ใกล้กัน
    มี่ say: ก็เคยบอกแล้วนี่ว่าอยู่บางเขน ใกล้ๆอุ้มอะคะ
    ‘ …แอ๊ะ ยัยนี้อยู่ใกล้เราเสียด้วย... อื้ออออ จะทุ่มละ พี่เนตรคงกลับค่ำ งั้นออกไปกินข้าวกะมี่ คงไม่เป็นไรมั้ง…’ คิดได้อย่างนี้แล้ว อุ้มจึงกดโทรศัพท์เพื่อโทรไปบอกผู้เป็นแฟน... ครั้งแรก – ไม่ติด ...ครั้งที่ 2 – ไม่ติด ... งั้นไปก่อนแล้วค่อยบอกก็ได้ พี่เนตรไม่ใช่คนที่จะมาหึงเรื่องไร้สาระแบบนี้นี่น่า... ว่าแล้วเธอก็ขอเบอร์มี่ เพื่อติดต่อนัดแนะ และจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเอง
     
    “พี่พีทเป็นไงบ้าง” พีส่งเสียงตามสายไปถามพี่ชายสุดที่รักของตน
    “คงพักอีก 3 เดือนอะ เป็นเดชไอ้เป๋อยู่เลย” พีทพูดทีเล่นทีจริง พร้อมๆกับนอนมองดูขาของตนที่ดันไปขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ จนรถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง “ยังดีนะที่แค่ขาหัก ถ้าคอหักละก็.....”
    “พี่พีทก็ พูดไป ห่วงนะค๊าฟฟฟฟฟ ดูแลตัวเองด้วยนะ”
    “เอ่อ แล้วแกจะลงมาดูที่นี้ตอนไหนว่ะ”
    “คงอาทิตย์หน้าละ ไปกับ...คุณอรวรรณ...” พีเน้นเสียงชื่อคู่อริจนพีทขำก๊าก “หัวเราะอะไรเล่าพี่ ถ้าไม่ใช่เจ้าบีม พีไม่ยอมไปกับยัยนั่นหรอก”
    “เอ่อๆ ก็มาแค่ทำงาน ไม่ได้ไปอยู่ค่ายพักแรมกับเขาเสียหน่อย เอาน่าไหนๆเขาก็ผู้หญิง แกก็ให้เกียรติเขามากๆแล้วกัน” พีททราบดี ว่าต้นเหตุของสงครามเย็นที่เกิดขึ้นระหว่างพีรนุชกับอรวรรณคือ การที่พีรนุชพูดจาไม่ระวังปาก และอรวรรณเป็นคนอาฆาตแค้นนั่นเอง
    พีวางสายไป และนั่งครุ่นคิดว่า เพื่อนรักของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงให้เขาเดินทางไปกับอรวรรณ
    “ไอ้บีม ไอ้บ้าเอ้ย” เสียงของพีดังจนผู้เป็นมารดาเดินเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
     
    “ฮัชเช่ยยยย...” บีมจามจนคนที่ทำอาหารให้เขาทานมื้อเที่ยงยื่นกระดาษทิชชู่ให้แทบไม่ทัน “ใครนินทานะ” บีมบ่นด้วยความเคยชิน
    “คิดไปน่า ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน ระวังไม่สบายนะ” อีกฝ่ายพูดด้วยความเป็นห่วง “สวยดี สมกับเรียนออกแบบมาจริงๆ” แบบที่บีมสร้างเป็นโมเดลขนาดเล็ก ที่วางบนโต๊ะรับแขก หน้าทีวี ถูกอีกคนจับไปดูใกล้ๆ “ขอนะ จะเก็บเอาไว้”
    “ของเธออยู่แล้ว” บีมบอก
    “ใจบีมด้วยรึเปล่า?” อีกฝ่ายล้อเล่นจนบีมหน้าแดงกร่ำด้วยความอาย...
     
    1 อาทิตย์ต่อมา
    “เจอกันที่นู้นเลยดีกว่า ฉันจะเอารถไป” พีบอกกับ คุณเอ อรวรรณ ผู้ที่จะต้องเดินทางร่วมกับเขา
    “ท่านคะ ท่านช่วยดูหมายกำหนดที่คุณบีมเธอเป็นคนเขียนด้วยมือตัวเองด้วยนะคะ” ถ้าจะพูดตามตรง คือ กรุณาลืมตาดูเอกสารสำคัญนั่นด้วยว่าเขาให้ไปพร้อมกัน ด้วยรถตู้ของบริษัท เข้าใจไหม๊...
    “แล้วไง ฉันจะเอารถฉันไป” พีมีความเกรงใจเพื่อนรักอยู่มากโข แต่ที่เถียง เพราะต้องการเอาชนะอีกฝ่ายนั่นเอง
    “งั้นตามใจ” อรวรรณเดินขึ้นรถตู้โดยไม่สนใจพีว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป
    ไม่ช้า พีก็เดินขึ้นรถด้วยความอ่อนใจ... “นี่ ใครให้เอาเด็กไปด้วย” พีพูดกับอรวรรณ เมื่อเห็นว่าเธอหิ้วเด็กวัย 4 ขวบมาด้วย 
    “คุณ ถ้าฉันไม่พาแกไปด้วย ใครจะดูแลแก แล้วอีกอย่าง คุณบีมเธออนุญาตแล้วด้วย”
    ‘…แหม คำก็คุณบีม สองคำก็คุณบีม ร้ายนะแม่ตัวแสบ...’ ...พีคิด
     
    “อาทิตย์ก่อนพี่ก็ไม่ได้พาอุ้มไปดูหนังนะ” อุ้มบ่นด้วยเสียงน้อยใจ เมื่อเห็นว่า เนตรนภาจะเดินทางไปตรวจงานที่ต่างจังหวัดอีกแล้ว “จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องหนังหรอกคะ อุ้มแค่อยากให้พี่มีเวลาให้อุ้มบ้าง”
    “อุ้มคะ ช่วงนี้พี่วุ่นๆ ยังไง เอาไว้พี่ทบต้นทบดอกให้นะ เราไปเที่ยวเสม็ดกัน ปลายเดือนหน้านะ” เนตรนภาพยายามไม่ให้สาวน้อยต้องน้อยใจไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อเธอสังเกตเห็นว่า หน้าตาของอุ้มเริ่มเบื่อหน่ายในตัวเธอแล้ว แต่ทำอย่างไรได้ละ ตอนนี้ก็สายแล้ว เธอต้องไปทำงานแล้วด้วย...
     
    ตื๊ดดดด ตี๊ดดดดดด ... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อเนตรนภาออกไปทำงาน
    “อุ้มหรอ” ปลายสายถามมาหลังจากที่อุ้มรับสาย
    “คะ มี่”
    “วันนี้มีหนังใหม่เข้า” มี่พูดด้วยเสียงตื่นเต้น “ไปดูกันนะ”
    อาจจะเป็นเพราะอายุ ที่ใกล้กัน และอาจจะเป็นเพราะคนเหงาๆสองคนมาเจอกันละมั้ง ที่ทำให้ทั้งอุ้ม และมี่สนิทสนมกันเร็วขึ้น
     
     “ที่นู้นมีบ้านพักให้ ให้พักในรีสอร์ทเลย” พีพูดไปพลางอ่านเอกสารไป “ดีชะมัด” หันไปมองอรวรรณ พบว่าหล่อนดันนอนหลับเสียแล้ว ‘ …เอ้อ ยัยนี้ขี้เซาชะมัด รถวิ่งเป็นหลับ…’
    “คุณน้าคะ...หนูหิวน้ำ” เสียงเด็กที่นั่งข้างๆอรวรรณพูดขึ้น พีหันไปมอง ก่อนจะส่งน้ำเปล่าให้เด็กไป
    “หนูชื่ออะไรคะ” พีถามเด็ก
    “ชื่อปลายฟ้าคะ”
    “ชื่อน่ารักจังเลย”พียิ้มให้กับเด็กตัวเล็กๆ และคิดว่า ลูกสาวคู่อริของเขาก็น่ารักเหมือนกัน
    “คุณน้าชื่ออะไรคะ”
    “เรียกน้าพี นะคะ”
     
    เสียงกีต้าร์ลอยแว่วมาจากห้องของบีม ห้องนี้ไร้เสียงดนตรีมานานมาก... ไร้รอยยิ้ม ไร้เสียงฮัมเพลงเบาๆยามค่ำคืน จากเจ้าของห้อง มานานพอๆกับเสียงดนตรี ใครบางคนโอบกอดบีมที่นั่งเล่นกีต้าร์ตัวนั้นอยู่ รอยยิ้มจางๆจากใบหน้าของคนเย็นชาอย่างบีม ปรากฏเด่นชัด มันทำให้บีมมีความน่ารักขึ้น ไม่ใช่เพราะแค่รอยยิ้ม แต่เพราะเจ้าของยิ้มนั้น กำลังมีความรัก อีกครั้ง .....กับคนเก่า
     
    2 อาทิตย์แล้วที่พีและเอ อรวรรณ เข้ามาร่วมงานกัน แม้จะไม่ค่อยเข้าขากันนัก แต่ก็นับว่าการทำงานของทั้งคู่ประสบผลสำเร็จ
    “เอ้อออ เหลืออีก 10 อาทิตย์เราก็จะได้กลับกรุงเทพแล้ว” พีพูดขึ้นเมื่อเขาเดินเล่นอยู่ที่ริมทะเลในยามค่ำคืน โดยคิดว่า เขาเดินอยู่คนเดียว
    “คุณอยากกลับ เพราะอยากใช้ชีวิตแบบคนกรุง หรือเพราะว่าอยากจะหนีฉันคะ” เสียงแว่วมาทางด้านหลังจนพีตกใจ พลันหันกลับไปมองตามเสียงนั้น “เกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรอคุณพี”
    “ใครบอกละ ก็แค่อยากเที่ยวที่นู้น คิดถึงเพื่อน” จริงๆแล้วสาวๆมากกว่า
    “คะ” เอตอบเสียงห้วนๆคล้ายให้อีกฝ่ายเป็นคนถามต่อ
    “มาเดินแบบนี้ แล้วปลายฟ้าละ”พีชักจะห่วงหนูปลายฟ้าเกินหน้าเกินตาเสียหน่อย
    “หลับไปแล้วคะ แกติดคุณนะ พูดถึงคุณบ่อยๆ”
    “เอ่อ” พียิ้มบางๆ “พูดว่าไงบ้างละคะ”
    “คุณน้าพีใจดี” ทั้งคู่หยุดเดินสักพัก “ก็คุณชอบซื้อขนมซื้อของเล่นให้แกบ่อยๆ ตามใจแกมาก เดี๋ยวเด็กก็เสียคนหรอก”
    “ไม่เป็นไรหรอก ตอนเด็กๆพีโดนตามใจยังไม่เสียคนเลย ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า”.... แน่ใจหรอเจ้าพี???
     “ไม่หรอกคะ ถ้าไม่ฝึกก็กลัวเสียคน ฉันยิ่งไม่ค่อยมีเวลาให้แกอยู่ด้วย”
    “แล้ว คุณดูแลแกอย่างนี้ ไม่เหนื่อยแย่หรอ”
    “เหนื่อยก็เหนื่อยสิคะ หลานทั้งคน”
    “หลาน? พีคิดว่านั่นลูกคุณ” พีพูดเชิงถามด้วยความงุนงง
    “ก็เข้าใจกันว่าอย่างนั้นละคะ เลยไม่บอกอะไร ปลายฟ้าเป็นลูกสาวของพี่ชายฉัน เขาเสียแล้ว อีกอย่างตามหาแม่ของปลายฟ้าไม่ได้ ฉันเป็นญาติคนเดียว เลยต้องเลี้ยงแก แต่ฉันก็รักแกเหมือนลูกนะ บางทีแกก็เรียกฉันว่าแม่” เออธิบายให้พีฟังไปพลางยิ้มกับความน่ารักของปลายฟ้าไป
    “แล้วที่ใครๆบอกว่าคุณเป็นหม้าย”
    “อ๋อ...” เอหัวเราะออกมา และพูดต่อ “นั่นก็เหมือนกัน ฉันไม่เคยแต่งงานเลยสักครั้ง ไม่เคยจดทะเบียนสมรส ไม่เคยมีสามีสักคน ในใบสมัครงานก็น่าจะบอกแล้วนะคะ แต่ดันไม่มีใครไปดู”
    พียิ้ม แก้เขิน ที่แท้เขาเข้าใจผิดมาตอดหรอกหรอนี่ มิน่าละ ตอนที่เจอเอครั้งแรก และทะเลาะกัน เอถึงได้ฉุนเฉียว และโกรธที่ขาไปพูดอย่างนั้นกับเอ
    “ตอนนั้นน่ะ ตอนที่เราทะเลาะกัน... พีขอโทษนะ พีเข้าใจคุณผิด” พีพูดเมื่อมาส่งเอถึงหน้าห้อง
    “คะ ตอนนั้นฉันก็ไม่ควรถืออะไร เพราะว่า คุณก็ยังไม่รู้ความจริง” เอแบ่งรับแบ่งสู้
    “งั้นพรุ่งนี้ เดี๋ยวพีจะพาปลายฟ้ากับคุณไปเที่ยวที่หาดดีไหม” พีต้องการไถ่โทษ และต้องการให้ความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานกับเขาดีขึ้น จึงคิดวิธีง่ายๆ บางทีการเที่ยวด้วยกันอาจจะทำให้เขาและเอทำงานได้เข้าขากันมากขึ้น 
     
    “ร้านกาแฟเปิดใหม่หรอคะมี่” อุ้มถามมี่เมื่อมี่พาเธอมาทานอาหารเช้าที่ร้านกาแฟ
    “คะ” ตอบอุ้มเสร็จ ก็หันไปบอกกับเจ้าของร้าน “พี่นัทคะ ขอเป็นคาบูชิโน่ กับลาเต้ คะ”
    “เจ้าของร้านหรอ” อุ้มกระซิบถามเมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านที่ชื่อนัทเดินกลับไปลงมือทำกาแฟที่ทั้งสองสั่ง
    “คะ”
    “ทอม?” อุ้มถาม
    “ช่าย ทอมคะ แต่ชงกาแฟได้อร่อยมาก” มี่พูดไปตามประสาคอกาแฟที่ชิมมาแล้วแทบทุกร้าน
    “หน้าตาน่ารักมากๆเลย ดี้คงติดเยอะเนอะ” อุ้มพูดพลางมองนัทที่กำลังง่วนอยู่กับการชงกาแฟ
    “ก็ไม่เห็นได้ยินว่าเจ้าของร้านนี้มีแฟนนะคะ” มี่ตอบ “อ๊ะ หรือว่าสนใจ”
    “ถ้าเปลี่ยนมาเป็นเลส จะจีบให้ติดให้ดู” อุ้มพูดทีเล่นทีจริง
    ในเวลานั้น สายตาของอุ้มบังเอิญไปเจอกับคนที่อุ้มพอจะคุ้นเคย
    “พี่บีม!!!” อุ้มส่งเสียงเรียกจนเจ้าของชื่อหันไปหาเสียงนั้น
    “อ่าวอุ้ม...” เขาเดินเข้ามาใกล้ๆโต๊ะ พร้อมกันที่นัทยกกาแฟมาให้ทั้งสองสาว “ขออย่างเดิมนะ” บีมสั่งเจ้าของร้าน
    “แหม.. มีอย่างเดิมด้วย มาบ่อยหรอคะพี่บีม” อุ้มแซว
    “ก็ไม่เท่าไหร่จ๊ะ แต่เขารู้ไง พี่กินไม่เหมือนใคร”
    “คิดถึงพี่พีจัง เมื่อไหร่เขาจะกลับอะคะ” อุ้มถาม
    “อีก 2 เดือนครึ่ง พี่พีทเขายังไม่หายเลย ให้พีมันทำที่นู้นไปก่อน เดี๋ยวกลับมา ค่อยพาพีเขาไปเที่ยวละกัน” บีมพูดอย่างรู้ใจอุ้ม ที่เป็นขาแด๊นส์คู่กับพีเสมอ พูดเสร็จ ก็เดินไปที่โต๊ะประจำ โดยมีนัท นำกาแฟ และหนังสือพิมพ์มาวางไว้ก่อนหน้าแล้ว
     
    “1 เดือนแล้วนะ” พีพูดกับเอ “ยอดโอเคไหม”
    “คะ ดีกว่าที่คุณพีททำไว้เมื่อเดือนก่อน คุณบีมคงสบายใจนะ”
    “แหม อะไรๆก็บีมนะ”
    “ก็คุณบีมเธอกลัวว่ายอดจะตก รายได้ที่นี้ ช่วยบริษัทได้เยอะเลยนะคะ” เอพูด เพราะเธอทราบดี “โรงแรมที่กรุงเทพฯอยู่ได้เพราะมีรายได้ของรีสอร์ทที่ต่างจังหวัดช่วย ถ้าจะเลิกกิจการที่กรุงเทพ ก็ดูท่าว่าคุณบีมเธอต้องตัดพนักงานอีกหลายๆคน แกเห็นใจน่ะคะ”
    “อ๋อ มิน่าละ บีมมันห่วงพนักงานนี้เอง” ตอนนี้พีเริ่มเข้าใจอะไรๆ หลายๆอย่างมากขึ้น “บีมทำงานหนักนะ ไม่เห็นมีเวลาไปเที่ยวกับพีเลย”
    เอ ยิ้มอย่างผู้รู้ ในเรื่องที่พีไม่รู้...
     
    “บีมเป็นอะไร” เสียงถามเมื่อเขาเห็นผู้เป็นคนรักนั่งหน้าซีดกลางดึก
    “เหมือนจะเป็นลม” บีมบอกคนรัก และพยายามพยุงตัวขึ้น
    “ค่อยๆลุกสิ เอายาดมไหม”
    “ไม่ๆ” บีมพยายามพยุงตัวขึ้นจนสำเร็จ “ขอไปสูดอากาศที่ระเบียงสักพักแล้วกัน”
    “โอเคขึ้นไหม”
    “อื้อ” เพื่อไม่ให้คนรักต้องเป็นห่วงมาก บีมจึงโกหกไป ก่อนจะพยายามเดินไปล้มตัวนอนที่เตียง โดยอีกคนเดินถือแก้วน้ำตามไป
    “กินน้ำก่อนสิ”
     
    เนตรนภามองคนรักของตนหลับใหลยามวิกาล หล่อนมองอย่างสงสัย ระยะนี้อุ้มไม่หาเรื่องบ่นเหมือนเมื่อก่อนทั้งๆที่เนตรก็ไม่ค่อยจะมีเวลามากขึ้นด้วยซ้ำ
    “อ่าว พี่เนตร” ผู้ถูกจ้องงัวเงียขึ้นมา “มายืนจ้องอุ้มทำไมคะ”
    “เปล่าคะ พี่เห็นว่าอุ้มหลับ...หลับน่ารัก”
    “พี่เนตรก็ อาบน้ำแล้วหรอ ไหนขอหอมหน่อยสิคะ”
    “อื้อออ อ้อนจังเลย” เนตรนภาเดินเข้าไปนั่งบนเตียงใกล้ๆอุ้ม หญิงสาวโผเข้ากอดเนตร กลิ่นหอมครีมอาบน้ำโชยเข้าที่จมูก “...หอม” เนตรนภาเลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆเด็กน้อย ตากลมโตคู่นั้น ทำให้เนตรต้องใจอ่อนเสมอ ริมฝีปากน้อยๆค่อยๆประกบริมฝีปากบางๆของเนตรนภา ก่อนจะเลื่อนลงต่ำ – ต่ำ – ต่ำลงไป พร้อมๆกับสองมือของเด็กน้อยที่ผลักไสเสื้อคลุมให้หลุดออกจากร่างกายหญิงสาว ปลายลิ้นรู้หน้าที่ของการลิ้มรส ซึ่งตอนนี้ เป็นการชิมรสของร่างกายอีกฝ่ายในส่วนกึ่งกลาง เนตรนภายอมปล่อยให้เด็กน้อยในสายตาเธอทำหน้าที่ของเธอ ก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อเด็กน้อยเล่นซน ดันตัวขึ้นขบกัดเอาที่ท้องน้อยของตน “ซนจังนะ...” เนตรบ่นเด็กน้อย พลางดันตัวของสาวน้อยให้ต่ำลงไป ... เสื้อผ้าของทั้งคู่ถูกโยนลงไปกองที่พื้น ความรักเร้าร้อนบนเตียงเริ่มขึ้น ใครจะรู้ว่าเมื่อเด็กน้อยกลายเป็นสาวรุ่นจะร้อนแรงได้เพียงนี้ มือข้างหนึ่งที่เอื้อมจับแกมขยำหน้าอกของอีกฝ่าย ส่วนมืออีกข้างค่อยๆลูบจับสะโพกงอนงาม เมื่อสังเกตเห็นอารมณ์ที่กู่ไม่กลับของเนตรนภา เด็กน้อยในวัยสาวร้อนแรงจึงลดตัวลงไปค่อยๆแทรกเข้าสู่ร่างกายอีกฝ่ายอย่างรู้หน้าที่ เสียงร้องด้วยความพึงพอใจเป็นการแสดงให้ผู้กระทำรับรู้ว่า เธอมาถูกทางแล้ว ...เพียงไม่นาน พี่สาวก็บีบรัดน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะผ่อนคลายลง ความสุขอาจไม่จบลงเพียงเท่านี้
    “เรียบร้อย...” อุ้มกระซิบเนตรนภา
    “เจ้าซน...” เนตรนภารู้หน้าที่ของตนดี พลิกตัวอุ้มลงไปบนเตียง และดันตัวเองขึ้นบนตัวของอีกฝ่าย...!?!
     
    “บีม...ตื่นแล้วหรอ” คนรักถามเมื่อเห็นบีมลืมตาขึ้นช้าๆ
    “เธอสลบไปเลย” ... “พรุ่งนี้ไปหาหมอนะ ไปด้วยกัน”
    บีมนอนลืมตาฟังคนรักที่พูดด้วยความเห็นห่วง บีมรู้ดีว่าเขาป่วย เขารู้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่บอกใคร และไม่ต้องการรักษามัน “มียาอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
     
    “แกเป็นอะไรของแกว่ะ บีม” หมอถามขึ้นเมื่อบีมมาปรากฏตัวต่อหน้า “ฉันนัดแกตั้งแต่ 3 เดือนก่อน นี้ถ้าไม่เหมือนจะตาย ก็คงไม่มาหาฉันใช่ไหม” หมอว่าน สาวหล่อเพื่อนของบีมที่รู้จักกันโดยบังเอิญก่อนที่เขาจะมาอยู่ในฐานะแพทย์ประจำตัวของบีมบ่นกระปอดกระแปด
    “พูดมากน่ะว่าน ให้ทำไรบ้าง” บีมฉวยโอกาสเปิดดูบันทึกโดยที่เจ้าตัวหมอเองยังไม่อนุญาต “ตรวจเลือด โอ้ววว คราวนี้ตรวจ น้ำเหลือง ตรวจการทำงานของตับด้วยแฮะ”
    “ยังจะมาทำเป็นเล่นอีก” หมอซีเรียสขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นคนไข้จอมดื้อทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน “คราวนี้อาจจะได้นอนโรงบาลนี้นะ”
    “ไม่ได้หรอก...ฉัน...”
    “ไม่ต้องเอางานมาอ้างแล้ว ฉันบอกให้เลิกกินเหล้าโดยเด็ดขาด เลิกสูบบุหรี่ แกทำไหม ฉันบอกให้แกเลิกคิดมาก เลิกโหมงาน แกเชื่อฟังฉันไหม” หมอพูดโดยเดาออกว่าทุกครั้งที่จะให้คนไข้คนนี้นอนโรงบาลนั้น เขาจะเอางานมาอ้างเสมอ
    “งั้น อย่าบอกใครนะ” บีมทำเสียงอ่อยๆ
    “แล้วที่มากับแกนั่น แฟนแกหรอ” บีมพยักหน้าตอบรับ หมอถามต่อด้วยความเป็นห่วง “อย่างน้อยถ้าแกจะไม่ให้คนที่บ้านรู้ แกก็น่าจะให้แฟนแกรู้นะ”
    “ญาติฉันตายหมดแล้วเว่ย” บีมตอบดื้อๆ
    หมอถอนหายใจยาวๆและให้คำเตือนบีมไป “แกต้องมีคนดูแล...”
    ผู้ที่อยู่ข้างนอก ถูกหมอเรียกเข้ามาเพื่ออธิบายการใช้ชีวิตและการดูแลคนไข้...
    “แล้วบีมเป็นอะไร” คำถามแรกของคนรักถามเมื่อมายืนต่อหน้าหมอ บีมมองหน้าหมอด้วยอาการขอความเห็นใจ แต่เปล่าเลย บีมไม่ได้รับสิ่งนั้น เพราะถ้าหมอไม่บอกเขารู้ดีว่าเท่ากับการฆ่าคนไข้คนนี้ให้ตายไปเรื่อยๆ...
    “หมอไม่ใช่หมอดู แต่ถ้าเขาไม่รักษาตัวเอง ไม่เกิน 2 ปี ได้มีงานศพแน่” หมออธิบายด้วยความเป็นกันเอง และกวนอารมณ์ตามนิสัย แต่เมื่อผู้ฟังได้ฟังข้อมูลกลับกระดิกตัวไม่ได้ และพูดไม่ออก “ข้อแรก ห้ามคนไข้กินเหล้ารวมถึงบุหรี่หรือสิ่งที่เป็นอันตรายด้วย พวกกาแฟ ชา งด ข้อ 2 ความเครียด ตรงนี้ต้องควบคุม ข้อ 3 เวลาในการพักผ่อน ...ฯลฯ”
     
    ภายในห้องพักคนไข้พิเศษ บีมนอนรอ ยาจากพยาบาล โดยมีคนรักเดินไปมาอยู่ตรงปลายเตียง
    “บีมไม่บอก” เสียงซักไซ้เริ่มถามบีม “ทำไมไม่บอก ...ทำไมไม่ยอมรักษาตัวเอง ทำไมไม่รักตัวเองเลย”
    “รักษาไปทำไม” บีมตอบไป “ฉันไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร” น้ำใสๆในตาของบีมเริ่มอ่อล้น และไหลออกมา “เธอ..ฉันไม่รู้ว่าเธอต้องการให้ฉันมีชีวิตอยู่ไหม... ในชีวิตฉันตัวคนเดียว แล้วเธอก็เข้ามา ชีวิตฉันก็มีแค่เธอ ...แล้ววันหนึ่งเธอก็ไป ฉันเลยไม่แน่ใจว่าฉันจะอยู่ไปทำไม”
    อีกฝ่ายอึ้งกับความคิดของบีม ทั้งๆที่ดูเหมือนเขาโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่ แต่ทำไมเรื่องสำคัญๆ กลับคิดได้เหมือนเด็กเล็กๆ ที่มีปมปัญหาอยู่ในใจ “ไม่หรอก ฉันสัญญาจะดูแลไปจนฉันตาย ฉันรักบีมนะ....อย่าไปไหนจากฉันนะบีม” อ้อมแขนที่คุ้นเคย ค่อยๆกอดบีมแน่นขึ้น แน่นขึ้นพร้อมกับเสียงกระซิบที่พร่ำบอกข้างๆหูของผู้ที่ร้องไห้อยู่บนเตียง “ฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว จะดูแลเธอไปตลอดชีวิต ฉันสัญญา” เสียงปลอบนั้น ทำให้คนที่ร้องไห้ยิ่งร้องมากขึ้น แต่อุ่นใจเหลือเกิน
    พยาบาลสาวค่อยๆเปิดประตูเข้ามาโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว เมื่อเห็นภาพนั้น หล่อนเลือกที่จะปิดประตูและเดินกลับออกมาเงียบๆ ‘...สักครู่ค่อยเข้าไปดีกว่า...’ เธอคิด และก้าวออกมาเกือบจะเดินชนกับหมอเจ้าของไข้...
    “อ่าวคุณไม่เอายาเข้าไปละ” หมอถาม
    “เอ่อ...” พยาบาลสาวไม่แน่ใจว่าจะเล่าให้ฟังดีไหม
     
    “อ๋อออ” หมอร้องขึ้นเมื่อได้รับฟังเหตุผลของพยาบาลที่ไม่เอายาเข้าไปให้คนไข้ “อื้อ ไอ้บีมก็ดีนะ มีแฟนดีๆ แล้วถ้าหมอป่วย พยาบาลจะดูแลแบบนี้ไหม” ว่าแล้วก็หันไปถามพยาบาลสาว
    “โธ่คุณหมอ มาทำเป็นเล่นนะคะ” พยาบาลยื่นถาดยาให้กับหมอ “คุณเป็นเพื่อนเขา เข้าไปให้เองสิ” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เดินดุ่มๆ ไปทำงานของตนต่อ ปล่อยให้หมอยืนงง ‘…ตกลงฉันต้องเอาไปให้เองใช่ไหม...’
     
     
     
    หลายวันต่อมา ณ ร้านกาแฟ
    “พี่ไปไหนมาคะ ไม่เห็นเปิดร้านตั้งหลายวัน” มี่ถามนัท ขณะที่นั่งรออุ้มภายในร้านกาแฟ เธอได้คำตอบเป็นยิ้มน้อยๆจากนัทเท่านั้น
    “รอนานไหม” อุ้มถามมี่เมื่อมาถึง
    “15 นาทีคะ” มี่ยิ้ม “แต่ยินดีรอนะ” นัทยื่นขนมปังปิ้ง สูตรพิเศษจากร้านวางบนโต๊ะของมี่และอุ้ม “อร่อยนะอุ้ม ชิมดูสิ” มีใช้ซ้อมจิ้มขนมปังและยื่นให้อุ้มด้วยความสนิทสนม อุ้มยื่นหน้าไปจะให้มี่ป้อน เพราะมือของเธอพวงอยู่กับการหาแป้งพับในกระเป๋า
    “อื้มมมม อร่อยจริงๆด้วย” อุ้มบอก
    ทั้งอุ้มและมี่ไม่รับรู้หรอกว่า อีกมุมของถนน มีสายตาของคนคุ้นเคยของอุ้มจ้องมองอยู่ด้วยความหึงหวง
     
     
     
    “เดือนครึ่ง....ครึ่งทางของการทำงานแล้ว” พีถอนหายใจแรงๆ และพูดกับเอต่อ “ไอ้บีมไม่ติดต่อมาเลยหรอ”
    “ไม่คะ คงปลายเดือนมั้งคะ ทำไมคุณไม่โทรไปเองละคะ” เอยื่นข้อเสนอ
    “ไม่เอาอะ” เขารู้ดีว่าเพื่อนรักไม่ค่อยจะมีเวลาว่างให้เขเท่าไหร่นัก ก็คงจะมีแต่งาน งาน งานละสิ
    “น้าพีนู๋อยากกิงนมปั่น” ปลายฟ้าพูดพร้อมเดินเข้ามาหาพี
    “ดูสิคุณ... แกน่าจะเดินมาหาฉัน กลับเดินไปหาคุณแทน” เอพูดเชิงน้อยใจ
    “อิจฉาเด็กรึไง” พีหัวเราะและอุ้มปลายฟ้าขึ้น “ปะ ไปกินนมปั่นกัน”
    “ไม่เอาลูก อย่าไปกวนน้าพีเค้า” เอเกรงใจพี จึงร้องเรียกให้หนูน้อยอยู่กับตัว
    “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพีจะไปซื้อกาแฟอยู่พอดี” ว่าแล้วก็อุ้มหนูน้อยเดินออกไปทางหน้ารีสอร์ท
    ‘…เขาน่ารักเหมือนกันนะ...’ เอคิด
     
    “ดึกแล้วพี่เนตรยังทำงานอยู่หรอ...นอนได้แล้วนะคะ” อุ้มพูดขึ้น เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเห็นพี่สาวของเธอยังคงอ่านแฟ้มเอกสารต่างๆ ก่อนจะเดินเข้าไปทำท่าจะกอด แต่อีกฝ่ายกลับลุกเดินหนีไปทางอื่น โดยแสดงกิริยาที่เหมือนจะไปหยิบของแก้ตัวไป
    “อุ้มนอนก่อนเถอะ พี่มีงานอีกนิดหน่อย” น้ำเสียงเย็นชา และการหลบสายตาของผู้พูด ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเย็นๆในใจ
    “พี่...” อุ้มเริ่มใจคอไม่ดี “เป็นอะไรไปคะ”
    “เปล่า...” เนตรนภานั่งลงที่เดิมและดูแฟ้มงานของตนต่อไป “พี่ต้องทำงาน อุ้มไปนอนเถอะ”
    อุ้มทำได้เพียงยืนมอง ไม่ยอมไปนอนคล้ายจะหาคำตอบให้กับตัวเองถึงอาการเปลี่ยนไปของแฟน
    “มีอะไรบอกอุ้มได้นะคะ”
    “...”
    “หนูรู้นะคะว่าพี่ต้องมีอะไร” อุ้มเริ่มตาแดงๆ “เกี่ยวกับเราสองคน”
    “...”
    “หรือพี่ต้องการให้หนูอึดอัดให้ตายไปเลยคะ” อุ้มกระแทกเสียงใส่
    “อุ้ม” เนตรนภาเกลียดที่สุดคือการที่มีใครกระแทกเสียงใส่ตน “อย่าทำแบบนี้ พี่บอกหลายครั้งแล้ว”
    “แล้วอุ้มทำอะไรผิดละคะ” พูดเสร็จ เจ้าหล่อนก็สะบัดหน้าเดินหนีเข้าห้องนอน ปล่อยให้เนตรนภาทำงาน และนั่งคิดเรื่องต่างๆจนถึงเช้า
     
    ขอบตาแดงช้ำๆของอุ้ม เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า หล่อนร้องไห้ทังคืนนั้นน่าทำให้เนตรนภาถามด้วยความห่วงใยสักนิด แต่เปล่าเลยเนตรนภาแต่งตัว และออกไปทำงานโดยไม่บอกกล่าวสาวน้อยหรือทักทายกันยามเช้าเหมือนเคย ทั้งๆที่เห็นหน้ากันก็แทบไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ
     
    “มี่...” เสียงที่อุ้มส่งตามสายไปนั้น ช่างสั่นเครือ และดูน่าเป็นห่วง
    “อุ้ม...อุ้มเป็นอะไร” มี่ถามเพื่อนด้วยความห่วงใย ปลายสายไม่ตอบอาแต่นอนร้องไห้ “เดี๋ยวเราไปหานะ” วางสายโทรศัพท์เสร็จ มี่ก็รีบอาบน้ำแต่งตัว กำลังจะหยิบกุญแจรถท่านั้น มีเสียงเบรกเอาไว้
    “คือ...” อุ้มหันไปหาเสียงนั้น “พี่มีตรวจวันนี้ อุ้มจะไปไหน พี่ไปส่งดีกว่านะ พี่ไม่มีรถไปโรงพยาบาล”
    “ไปบ้านเพื่อนน่ะคะพี่ว่าน แกร้องไห้ใหญ่เลย” อุ้มพูดอย่างเร่งรีบ แต่ต้องถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าน ยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวเลย “แล้วถ้าจะไปส่งทำไมพี่ไม่ยอมอาบน้ำแต่งตัวให้เร็วกว่านี้ละคะ”
    “ก็กำลัง...” ว่านยังพูดไม่จบ มี่ก็แทรกเสียงเป็นการตัดบทเอาไว้
    “พี่นั่นละไปแท๊คซี่เอง เลิกกี่โมงโทรหาหนูนะคะ จะไปรับ” ประตูบ้านถูกปิดลง ปล่อยให้ หมอว่านยืนงง สงสัยดี้จะมาจากดาวดวงเดียวกันจริงๆ
     
    ถ้วยกาแฟถูกยกมาตั้งไว้ที่โต๊ะหน้าบ้านของว่าน พร้อมกับเอกสารขนาด 50 หน้า ... ‘…ธรรมชาติบำบัด กับโรคตับ...’
    “ฉันมีวิธีทดลองช่วยแกแล้ว...บีม” ว่านพูดกับตัวเอง และกดมือถือถึงผู้เป็นแฟนของบีม เพราะรู้ดีว่า ในเวลานี้ บีมคงไม่สะดวกรับสายของเขาหรอก
     
    “เอาน่าอุ้ม คนเป็นแฟนกัน เดี๋ยวก็ดีกัน” มี่ปลอบอุ้ม “อุ้มไม่ได้ไปทำอะไรให้พี่เค้าต้องโกรธจริงๆนะ”
    “ไม่เลยมี่ ไม่มี” อุ้มมั่นใจ
    “หน้าตาซีเรียสกันจริงๆ” นัทแซว เมื่อเห็นทั้งคู่ชักจะคุยเสียงดังจนลูกค้าคนอื่นหันมามอง “มีอะไรให้พี่ช่วยไหม” เพราะความคุ้นเคยกับมี่ ทำให้นัทกล้าที่จะเข้าไปถามเรื่องราว
    “คืออย่างนี้คะพี่” อุ้มเริ่มต้นเล่าเรื่องทุกอย่างให้นัทฟัง ไม่รู้ทำไมถึงไว้ใจ และอุ่นใจนัก อุ้มรู้สึกสนิทกับนัทโดยที่นัทพูดให้คำปรึกษาเพียงไม่กี่ประโยค เสียงโทรศัพท์มือถือของนัทขัดจังหวะการสนทนาอยู่ นัทเดินออกมารับโทรศัพท์ข้างน้อก ตอบรับเพียงคำสองคำ ก่อนวางสายไป และเดินไปเก็บเงิน และเก็บโต๊ะช่วยเด็กในร้าน
    “พี่นัทไม่เหมือนทอมเลย” อุ้มถามมี่ขึ้น “เขาอายุเท่าไหร่หรอ”
    “ไม่มากหรอก 27” มี่พูดต่อ “เหมือนผู้ใหญ่ใช่ไหมละ”
    “อืม ไม่เหมือนทอม” อุ้มพูดประโยคเดิม “เหมือนกับว่า เขาไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบการรุกด้วย”
    “ห๋า...” มี่ขำก๊ากออกมา “เธอจะบอกว่า เธอจับเซ็สได้ว่า พี่นัทอาจจะ...เป็นทูเวย์หรอ... ไม่หรอกมั้ง แมนขนาดนั้น” มีพูดไปขำไป
    “คุยอะไรกันอยู่จ๊ะ” นัทเดินกลับมาที่เดิม “ดีขึ้นยังละอุ้ม ก็ลองไปทำตามที่พี่บอกแล้วกันนะ”
    “คะ” อุ้มตอบรับ ยิ้มน้อยๆปรากฏบนหน้าแสดงให้นัทเห็นว่า เธอดีขึ้นแล้ว
    “อ่อ พี่นัทคะ” มี่พูดขึ้น “อุ้มเค้าสงสัยน่ะคะ” มี่เล่นสนุกจึงลองถามนัทเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงของเขา “คือพี่เป็นทูเวย์หรอคะ”
    “มี่!!” อุ้มร้องห้าม แต่ไม่ทันเสียแล้ว
    “ไม่เป็นไรหรอก ถามได้” นัทพูดยิ้มๆ เพราะมี่ก็ถือว่าสนิทกับนัทมาพอสมควรตั้งแต่เมื่อครั้งที่นัทเปิดร้านอยู่ที่เดิม
    “เห็นไหม บอกแล้ว พี่นัทใจดี ตอบได้ทุกเรื่อง” มี่ยิ้มแบบเด็กจนนัทต้องหัวเราะด้วยความเอ็นดู
    “ใช่พี่ทูเวย์” นัทตอบ
    “แต่พี่ไม่เหมือน ทอมทูเวย์แบบ...ปกติเลยนะคะ” อุ้มพูดอย่างลังเลว่าตนจะพูดออกมาดีไหม
    “...” นัทไม่ตอบ เพียงคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่สองสาวน้อยจะรู้
     
    สองสาวน้อยพากันเดินเที่ยวอยู่นาน เสียงโทรศัพท์ของมี่ก็พลันดังขึ้น
    “ใครนะสัญญาว่าจะมารับเวลาพี่เลิกงาน” ปลายสายทวงสัญญาทันทีเมื่อมี่รับสาย “มารับพี่ที่...ที่ทำงานพี่วีนะ”
    “อ่าว พี่ไปทำอะไรที่นู้นละคะ”
    “ก็ พี่มาเอาของกับพี่วีน่ะจ๊ะ มาเร็วๆเถอะพี่หิวแล้ว” วางสายเสร็จ ว่านไปตอบพี่ชายเขาว่าแฟนจะมารับ พีวี วีรศักดิ์ พี่ชายของว่านยืนคอยส่งว่านอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจพร้อมกับลูกน้องตำรวจหญิง ยืนคอยอยู่ด้วย พี่ชายของว่านดูเข้ม จริงจัง ดุดันสมกับเป็นตำรวจ ต่างกับว่านที่ผิวขาว หน้าตาคงแก่เรียน  
     
    “อื้มม อุ้มเดี๋ยวมี่จะแวะรับแฟนกลับด้วยน่ะคะ ไปรับด้วยกันนะ อุ้มจะได้รู้จักพี่ว่านสักที” อุ้มพยักหน้ารับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อุ้มไม่อยากกลับบ้านเร็วให้ต้องไปเจอพี่สาวของเธอเท่าไหร่นัก
     
    “เอาเป็นว่า ผมให้ผู้กองหยุด แล้วกัน สักสามสี่วัน เหนื่อยกันมาเยอะแล้ว” วีรศักดิ์พูดยิ้มๆ เขารู้ดีว่าลูกน้องของเขาทำงานเก่ง เร็วและเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมงแค่ไหน ก็ต้องมีเวลาให้ได้พักเหมือนกัน
     
    “สน.นี้หรอมี่” อุ้มถามเมื่อเห็นมี่เลี้ยวรถเข้าไปใน สน. “ที่เดียวกับที่แฟนอุ้มทำงานเลย”
    “มี่ว่าจะให้อุ้มลืมแฟนสักหน่อย นี่มี่ทำให้อุ้มคิดถึงแฟนอีกแล้วหรอ” มี่พูดยิ้มๆ
    เมื่อรถจอด และอุ้มเดินลงไปจากรถนั้น พลันหนึ่งสายตาไปเจอกับคนที่คุ้นเคย ที่อุ้มไม่อยากจะเจอ
    “พี่เนตร นี้มี่ แฟนว่าน” ว่านแนะนำ “ส่วนนี้...”
    “คนนี้อุ้มคะ เพื่อนมี่...” มี่แนะนำให้ทั้งเนตรนภา และว่านรู้จัก
    “เรารู้จักกันแล้วละคะ” เนตรนภาพูดขึ้นเมื่อว่านทำท่าจะแนะนำอุ้มให้เนตรรู้จักอีกที “รู้จักดี”
    “แฟนอุ้มน่ะคะมี่ คนนี้ละพี่เนตร” อุ้มพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
     
    เนตรนภาทราบดีว่างานนี้เธอผิดเต็มประตู เพราะความเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆ ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนแฟนสาวของเธอร้องไห้ทั้งคืน ด้วยความอยากไถ่โทษ ดอกกุหลาบช่อใหญ่ และ ตั๋วเครื่องบิน เที่ยวเสม็ดถูกวางเอาไว้บนหัวเตียงที่ๆอุ้มนอน
    สาวน้อยกลับมาถึง ไม่ยักกะเห็นผู้เป็นแฟน เมื่อเธอจัดการอาบน้ำจนเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาในห้องนอน กลับเห็นดอกกุหลาบที่เธอชอบ ก็หยิบขึ้นมาดม ในการ์ดที่เขียนสารภาพว่า ขอโทษ ไปเที่ยวกันนะคะ ด้วยลายมือหวัดๆของเนตรนภา ทำให้อุ้มยิ้มแก้มปริ ลืมสิ่งที่เนตรนภาทำไว้กับเธอไปเสียสนิท
     
    “ชอบไหม” เนตรถามมาจากทางด้านหลัง และโอบกอดเด็กสาวด้วยความรัก “พี่ขอโทษนะ”
    “คะ..” อุ้มพิงเข้าที่อ้อมแขนที่อบอุ่น “ไม่เป็นไร อุ้มก็ต้องขอโทษพี่เหมือนกัน ที่ตะโกนใส่หน้าพี่”
    แววตากลมโตแสดงให้เห็นว่า สาวน้อยสำนึกผิด ทำให้เนตรนภาหอมเบาๆลงที่เปลือกตานั้น กุหลาบถูกวางลงไปข้างๆเตียง ทั้งสองล่องลอยอยู่ในภวังค์แห่งความรัก และปฏิบัติต่อกันดังคนรักกันที่จะมีต่อกัน
     
    ดังที่นัทบอกและให้คำปรึกษาแก่อุ้มเอาไว้...
     
    “เดือนที่ 2 แล้ว” พีพูดขึ้นเมื่อเห็นเอเดินเข้ามา “ยอดเป็นไงบ้างคับผม”
    “โอเคกว่าเดินที่แล้ว” เอพูดพร้อมยื่นแฟ้มเอกสารให้พี “คุณพีรนุชเก่งนะคะ รู้จักหลักการเรียกลูกค้าด้วย”
    “ไม่หรอก มีคุณช่วยต่างหาก” พีเปิดแฟ้มเอกสารดูสักครู่ ก่อนจะปิดลง “เย็นนี้ไปทานข้าวกันที่ไหนดี”
     
    กี่ครั้งแล้วนะ ที่พีรนุชทำตัวน่ารัก จนอรวรรณต้องอมยิ้มกับความน่ารักนั้นบ่อยๆ และนาน 2 เดือนแล้วที่คนเจ้าชู้ขั้นเทพอย่างพีรนุชไม่ได้ออกเที่ยวหาสาวๆอย่างเคย พีรนุชเริ่มชินกับการอุ้มหนูปลายฟ้าออกเดินเที่ยว เดินซื้อของ พร้อมๆกันกับอรววรณ เช่นเดียวกับอรวรรณที่เริ่มชินกับการที่เธอต้องมาทำอาหารเย็นให้พีรนุชทานเสมอๆ
     
    “...คุณบีมคะ” เสียงเลขาสาวร้องขึ้นเมื่อหล่อนมาเจอบีมฟุ๊บสลบอยู่กับพื้น “ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลที”
    เสียงโทรศัพท์มือถือของพีดังขึ้น เลขาของบีมโทรมาแจ้งข่าวร้ายให้พีทราบ โดยที่ไม่บอกอะไรเอ พีรีบขับรถของรีสอร์ทกลับมากรุงเทพด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก
     
    “อะไรนะ...” ถ้วยกาแฟหล่นจากมือของนัท “เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวนี้ละ” เขาพูดไปตามสายให้ปลายทางทราบ และหันมาสั่งเด็กๆในร้าน “ดูแลร้านด้วยนะ แฟนพี่เข้าโรงบาล”
     
    มีเพียงนัท และเลขาส่วนตัวของบีมเท่านั้นที่มาถึงก่อนใคร และนั่งคอยอยู่ที่หน้าห้องICU ไม่นานหมอว่านก็เดินออกมา...
    “หมอบอกเขาหลายครั้งแล้ว ถ้าเขายังเครียดและทำตัวแบบเดิม ...”
    “หมอ...” นัทพูดขึ้น “เขาไม่เป็นไรใช่ไหม”
    “...” หมอไม่ตอบ
     
    อาทิตย์ต่อมา
    “ไงอุ้ม ไปเที่ยวทะเลมาคล้ำขึ้นเยอะนะ” มี่ทักขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตนดินเข้ามาและสังเกตเห็นว่าคล้ำลงไปมาก
    “พี่เนตรเขาไม่ค่อยทาครีมกันแดด แต่ก็ยังขาวอยู่เลย เราเลยลองไม่ทามั้ง เป็นงี้เลย” อุ้มพูดเสียงเซ็งๆ เมื่อเห็นแฟนของเธอคงสภาพความขาวได้มากกว่าเธอ
    “ขาวของจริงจ๊ะมี่ ไม่ต้องใช้ครีม” เนตรพูดหยอกล้อกับมี่
    “มากันครบเลย แล้วนี่จะเข้าไปตอนไหนละ” หมอว่านเดินถือถุงพลุงพลังเข้ามาหากลุ่มสาวๆ จนเนตรต้องได้ช่วยแบ่งเบาบ้าง
    “เดี่ยวคะ คุณหมอ รอพี่พีอีกคน”
    “พี...พีรนุชน่ะหรอ” หมอว่านทวนชื่อที่อุ้มบอก
    “คะ”
    “พีเขาเข้าไปก่อนหน้าเราแล้ว กับแฟนแล้วก็ลูกสาวเขาอะ” หมอว่านบอกตามตรง
    “พี่พีมีลูก”
    “พีมีลูก” ทั้งเนตรและอุ้มต่างร้องขึ้นพร้อมกัน
    “เปล่า หลานของแฟนมันน่ะ” หมออธิบายเมื่อเห็นว่าทุกคนจะเข้าใจผิดว่า พี ทำลูกได้ด้วย
    “พี่พีมีแฟนแล้วหรอ ไม่เห็นบอกกันเลย” อุ้มบ่นพึมพำ ในขณะที่หมอพาทุกคนเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยพิเศษ
     
    “อ่าว พี่ร้านกาแฟ” อุ้มพูดขึ้น “รู้จักกับพี่บีมด้วยหรอคะ”
    “ก็แฟนพี่” นัทพูดยิ้มๆ
    “จริงหรอคำพี่บีม” อุ้มแทบไม่เชื่อ “งั้นแสดงว่า พี่นัทกับพี่บีม ชอบทอมด้วยกันงั้นหรอ”
    “นี้ยัยอุ้มจะสงสัยอะไรมาก เดี๋ยวนี้มีให้เห็นเกลื่อน ทอมรักทอม ทอมเกย์อะ รู้จักป่าว” พีพูดจากวนๆ ในขณะที่ตนเองอุ้มปลายฟ้าอยู่
    “เซ้นส์เธอแรงจริงๆอุ้ม ที่บอกว่าพี่นัทไม่เหมือนทอมปกติ” มี่กระซิบ
    “ฉันว่าแล้วเชียว” อุ้มพึมพำ
     
    “แล้วบีมเป็นไงบ้าง” หมอว่านหันไปถามบีมบ้าง
    “ก็ดี ไม่คิดเลยว่าธรรมชาติบำบัดของแกจะให้ผลเร็วยิ่งกว่ายาของแกเสียอีก” บีมพูดเสียงอ่อยๆ
    “ก็เชื่อฟังฉันตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องมาเสียเวลานอนแหมะอยู่อย่างนี้หรอก” ว่านบ่นตามนิสัย
    “อ่อ ทุกคน นี้พี่เอ แฟนพีคับ” พีลืมแนะนำแฟนของตัวเองให้ใครๆ รู้จัก “ส่วนนี้ หนูปลายฟ้า หลานของพี่เอคับ” ปลายฟ้ายกมือไหว้ทุกคนด้วยความน่ารัก และทำให้ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่ปลายฟ้า โดยแอบลืมไปว่า ทุกคนมาเยี่ยมบีมต่างหาก
     
    ผู้ที่นอนอยู่บนเตียง นัท หมอว่าน และเอ ต่างยิ้มให้กับความน่ารักของปลายฟ้า โดยปล่อยให้สาวๆ รุมหอมแก้มเด็กน้อยที่มีพีคอยอุ้มเอาไว้ไม่วางมือ
     
    ความสุขและเสียงหัวเราะ เริ่มต้นขึ้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×