คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ❤รัก❤บรรทัดที่ 1 : accIDENT DEsTINy
-บรรทัดที่ 1-
accIDENT
DEsTINy
この小さなこの約束
This small promise
คำมั่นสัญญาเล็กๆนี้
変わらないこのまま
without changing
จะไม่เปลี่ยนไป
ท้องฟ้าใสไร้ก้อนเมฆ
ภายใต้ร่มใบสีเขียวสดใสจนแสบตา ตามลำต้นสูงในสวนสาธารณะ จักจั่นหลายตัวเริ่มเก็บปีกเตรียมพร้อมจะเข้าสู่นิทรารมย์
แสงอาทิตย์ลอดผ่านแมกไม้สาดส่องร่างอวบของเด็กน้อยทอดเป็นเงาไหวระริก
“ย้อน...”
จุกนมปลอมซึ่งแทรกอยู่ในรอยแย้มของริมฝีปากอวบอิ่มขยับเคลื่อน เปิดทางให้น้ำเสียงติดเอาแต่ใจลอดผ่านออกมา
อูมมือนุ่มวาดพัดระหว่างพวงแก้มยุ้ยที่ขึ้นสีแดงระเรื่อทั้งสองข้างเพราะพิษไอร้อนอุ่นอัง
สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตารีเรียวสุกใสไม่ใช่ทิวไม้ไหวลู่ และยิ่งไม่ใช่น้ำพุห้าสายซู่ซ่า แต่เป็นป้ายโฆษณาที่สั่นพลิ้วไม่หยุดนิ่งตามแรงลมอบอ้าวในอีกฟากของถนนต่างหาก
ภาพไอศกรีมราดวิปครีมแต่งท็อปปิ้งชวนชิมโบกสะบัดไปมาราวกับมีชีวิต ลีฮงกีดูดจุกนมปลอมแล้วกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ ตาฝาดแน่ๆ! เด็กน้อยเห็นเจ้าไอศกรีมกวักมือเรียกเขาหย็อยๆ!
ซ้าย-ขวา-ซ้าย
ขาสั้นป้อมก้าวฉับๆตามคำเชิญที่แสนเย้ายวนของเจ้าเกล็ดน้ำแข็งแสนหวาน เหยียบย่างลงบนเศษใบไม้ดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงปกคลุมถนน
เฟี้ยว~
สายลมคมกริบตวัดพัดผ่านเด็กน้อยไปอย่างรวดเร็วรุนแรง กลีบดอกไม้ปลิวล่องลอยขึ้นจากพื้น
ลีฮงกีเบือนดวงหน้าน่ารักน่าชังหันตามไปโดยสัญชาติญาณ
เส้นดำเป็นสายพุ่งห่างออกไปเบื้องหน้า ก่อนจะหมุนคว้างส่งเสียงครวญครางดังลั่น ตามด้วยเสียงวัตถุหนักๆกระแทกพื้น
มอเตอร์ไซค์นั่นเอง! ยานพาหนะสุดเท่กระเด้งกระดอนราวกับติดสปริง ชุดเกราะไฟเบอร์สีรัตติกาลปริแตกเป็นชิ้นเล็กๆ กระจกมองข้างด้านหนึ่งถูกบดขยี้แหลกละเอียดกับผิวถนน!
เค้าเงามืดหม่นลอยคว้างเคว้งล่องละลิ่วปลิวปลิดลงล้มกลิ้ง จวบจนแรงผลักดันสงบลง ร่างนั้นจึงค่อยๆถอดหมวกกันน็อคออกอย่างยากลำบาก
กลุ่มเส้นผมมันเงาสะบัดยาวกรอมแผ่นหลังบอบบางลากไล้กับกลีบดอกไม้บนพื้นถนน ห้อมล้อมความเจ็บปวดที่ปรากฏบนใบหน้าสะสวยชโลมโลหิตเป็นสาย
เรียวแขนพาดริ้วรอยแผลเหวอะ มองเห็นได้ชัดเพราะปลอกแขนยาวที่เชื่อมต่อกับตัวเสื้อด้วยสายโซ่เล็กๆสองเส้นขาดสะบั้นไม่มีชิ้นดี พยายามดันเป็นฐานยันให้เรือนกายอ้อนแอ้นลุกขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ
ไอศกรีมไม่ได้กวักมือเรียกลีฮงกีอีกแล้ว เป็นร่างที่นอนคว่ำปางตายอยู่กลางถนนนั่นต่างหาก เด็กน้อยสาวเท้าสั้นป้อมเดินไปหาราวกับถูกแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น
ร่างเล็กทรุดลงนั่งเบื้องหน้าคนที่สวยราวกับเจ้าหญิง ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับลำธารโลหิตที่ไหลผ่านดวงตากลมโตราวกับไข่ไดโนเสาร์ คล้ายกับเจ้าหญิงในนิทานที่ถูกสาปให้น้ำตาเป็นสีเลือด
เชี่ยเอ๊ย!
เจ้าหญิงจำแลงสบถในใจ ให้ออกเสียงก็คงไม่ไหวต้องช้ำในตายก่อนแน่ๆ เพราะเป็นทางโค้งเลยไม่เห็นว่ามีเด็กกำลังเดินข้ามถนน
เรียวมืองดงามดังประติมากรรมชั้นเลิศยื่นออกมา
เลือดไหลเลอะดวงตากลมสวยเสียจนพร่ามัวมองไม่เห็นว่าเด็กคนนั้นโดนเฉี่ยวชนได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?
ฮงกีใช้มือเล็กๆคว้ามือที่กำลังเอื้อมคว้ามาหาเขาจับไว้มั่น ราวกับจะเป็นที่พึ่งพิงให้ ทั้งที่มือน้อยๆนั้นสั่นเทา หยดเหลวสีใสเม็ดโตร่วงลงบนพื้นถนนเผาะๆ
เขารู้...
ว่าเมื่อกี้ถ้าอีกฝ่ายไม่หักคอรถหลบ คงเป็นตัวเองที่ต้องลงไปนอนจมกองเลือดแบบนี้แทน
“จะตายไหม?”
ถามตรงไปตรงมาเสียจนคนเจ็บที่อยากจะพริ้มตาสลบหนีความเจ็บปวดปลาบร้ายกาจให้พ้นๆ ต้องสะดุ้งเบิกตามองใบหน้าน้อยๆที่เปื้อนน้ำตาอีกครั้ง
นี่ถามจริงๆหรือกวนตีนวะ!?
หากเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นพร้อมกับความรู้สึกเปียกชื้นที่หลั่งหล่นรดบนผิวขาวผุดผาดก็รู้คำตอบ
ยกมือที่สั่นเทาเปรอะโลหิตขึ้นเช็ดซับน้ำตาให้เด็กขี้แยอย่างเอ็นดู
แต่ก่อนหลงคิดว่าตัวเองเกลียดเด็ก...
ที่ไหนได้ เพราะไม่อยากอยู่ใกล้เห็นเด็กร้องไห้ตะหาก เลยหลีกเลี่ยงมาตลอด
เพิ่งรู้นะว่าภูมิต้านทานน้ำตาของสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยในร่างกายมันต่ำ
ไม่รู้สิ...ไม่อยากเห็นคนตรงหน้าร้องไห้เลย ไม่ว่าจะเพราะเขาเป็นต้นเหตุก็ตาม
“ฉันญานะฮะ ต้องรอดมาแต่งงานกับผมนะ”
ความไร้ตัวตนอันหนักอึ้งกดทับที่เปลือกตาจนมิอาจต้านทานไหวอีกต่อไป หากแต่หูยังแว่วได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าเด็กนั่นอยู่บ้าง
เจ้าบ้าเอ๊ย คำว่าสัญญายังพูดไม่ชัดเลย แล้วว่าแต่ว่ามันเกี่ยวอะไรกับแต่งงานกันเล่า
“นะฮะ”
นิ้วก้อยรับรู้สัมผัสเกี่ยวพันของนิ้วเล็กๆอีกนิ้ว เขากัดฟันออกแรงขยับตอบรับสัมผัสเบาๆ พร้อมกับปล่อยเสียงหลุดลอดออกจากลำคอเป็นเชิงตกลง
สติสัมปชัญญะค่อยๆเลือนราง สิ่งที่รับรู้สุดท้ายคือการขยับไหวของสร้อยเส้นยาวที่สวมอยู่
เกิดอะไรขึ้นนะ... เจ้าเด็กนั่นมันจะกระชากสร้อยฉันเหรอ? เฮ้ๆๆ ถึงมันจะไม่ใช่ของแท้ที่มีราคาค่างวดมากมาย แต่ก็เป็นน้ำพักน้ำแรงของฉันเพียวๆนะเว้ย อือออ... ไม่ไหวแล้วว่ะ อะไรก็ช่างเถอะ ขอนอนก่อนดีกว่า...
ฮงกีเอียงคอยกมือขึ้นไล้ใบหน้าที่พริ้มหลับ ใช้นิ้ววาดไปตามโค้งคิ้วดำเรียว จากนั้นลากลงมายังสันจมูก ลมหายใจผะแผ่วเป็นจังหวะสม่ำเสมอกระทบถูกปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวไม่หยุดของเด็กมือบอน และสะดุดลงฉับพลัน
“อือ..ออ..ออ~~”
เปลือกตาสีน้ำนมย่นยู่ เรียวหน้าสวยส่ายไปมายังผลให้เส้นผมยาวระยับสะบัดพลิ้วอยู่บนผืนผ้าขาวบริสุทธิ์ ก่อนที่แพขนตางอนงามจะกระพริบเปิดเผยดวงตาคู่งามล้ำ
เรือนร่างเพรียวบางกระตุกลุกภายในทันที ท่อนแขนเรียวขาวภายใต้ชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลวาดฉับแหวกอากาศสับสันมือลงบนกระหม่อมทุยๆของคนที่นั่งข้างๆเตียงอย่างแรง
“โอ๊ยโหยว!”
เหยื่อประทุษร้ายตัวเล็กหวีดร้องเสียงแหลมออกจากปากยื่นๆ ใช่ว่าคนตัวโตกว่าจะยอมอ่อนข้อให้
เรื่องอะไรมาบีบจมูกเขาจนหายใจไม่ออกต้องตื่นขึ้นมาด้วยเล่า!!
สมมติตัวเองเป็นวงร็อคใช้หัวเด็กต่างกลอง ฟาดให้หนำใจ ให้สาสมกับการรบกวนนิทรากาลของท่านคิมฮีชอลผู้นี้
“อย่าลงมือลงไม้กับคู่หมั้นอย่างนี้สิฮะ! ไม่น่ารักเลย!”
“คู่หมั้น?” ฮีชอลยั้งมือไว้ไมตรีกลอกตาขบคิดถ้วนถี่ในเวลาไม่ถึงวิ แล้วตวัดมือตบอีกครั้ง
ผัวะ!!~
“เพื่อนเล่นเรอะ!?”
“อะไรล้าววว? คนขี้ตู่! ไหนว่าจะแต่งงานกับผมไงฮะ!?”
จะว่าไปแล้ว...
เรื่องราวบ้าๆที่เลือนรางก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นมาในหัว
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... ใครจะถือเอาจริงเอาจังกับเรื่องแบบนี้กันล่ะ เฮอะ!
เห็นคู่หมั้นของตัวเองเงียบไป เจ้าตัวเล็กก็กระตุกดึงชายแขนเสื้อหลวมโคร่งของคนสวยเบาๆ ช้อนใบหน้ากลมขึ้นสบมองด้วยดวงตาสุกใสเว้าวอน ไม่อยากให้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดไปเองคนเดียว
“สัญญาแล้วนะฮะ”
คำว่า “สัญญา” พุ่งตรงเข้าไปกระแทกที่หัวใจของคิมฮีชอลอย่างจัง
เขาลืมไปได้ยังไงกันนะ... คนที่จริงจังกับคำมั่นสัญญามากที่สุด ก็คือเด็กไร้เดียงสาไงล่ะ
อย่างที่เขาเคยพูดแบบนี้ “สัญญาแล้วนะ” ด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ แต่คนหน้าตาสวยๆคนนั้นก็เพียงวาดยิ้มหวานพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำหลอกลวงกับเขาไปเรื่อยๆ
แล้วไงล่ะ? เพียงเพราะไม่อยากจะผิดสัญญาทำร้ายจิตใจผู้อื่นเหมือนคนๆนั้น ถึงกับขนาดต้องดึงเด็กคนนี้เข้ามาในชีวิตเชียวเหรอ...
“ไปได้แล้ว ไอ้แสบ”
ร่างสูงร่างหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเมื่อไรไม่รู้เอ่ยปาก ฮีชอลตกใจกับการที่จู่ๆก็มีตัวตนของเขามากอยู่หรอก แต่ก็ไม่มากเท่าตอนที่ลีฮงกีหันไปตามเสียงเรียก
เห็นปื้นแดงจัดเป็นรอยฝ่ามือบนพวงแก้มใสของเด็กน้อย!
“ใครตบหน้านาย?”
คว้าข้อมือเล็กดึงความสนใจให้หันเหมาที่เขา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรแม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จัก หากชายหนุ่มก็ไม่อาจห้ามความห่วงใยลึกซึ้งซึ่งสะท้อนออกมาทางสีหน
ความคิดเห็น