ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [Psycological][BumHyuk]Paranoid ต้องคอยให้รอด -จิต ลุ้น หักมุม-
ฟิคหักมุม(?) ลุ้น(จริงอ่อ) จิตๆเรื่องนี้
ไรเตอร์ตั้งใจสร้างบรรยากาศอึมครึมโดยเฉพาะ อิ อิ
อ่านแรกๆอย่างพึ่งเบื่อ
ตั้งใจสังเกตการพูดการจาดีๆ
แล้วมาทายกันว่าใครคือคนๆนั้น
Title: Paranoid
ไรเตอร์ตั้งใจสร้างบรรยากาศอึมครึมโดยเฉพาะ อิ อิ
อ่านแรกๆอย่างพึ่งเบื่อ
ตั้งใจสังเกตการพูดการจาดีๆ
แล้วมาทายกันว่าใครคือคนๆนั้น
Title: Paranoid
Pairing: Bum�Hyuk
Type: Psychological
Author: Deirc
�
แดดยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าก่อนเดินทางผ่านเปลือกตา ทำให้คนที่กำลังหลับไหลบนเตียงสีขาวสะอาดต้องตื่นจากความฝัน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีท่าทีจะลืมตาขึ้นมองดูสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย
�
แขนยาวคว้าปะป่ายหวังจะดึงเอาตัวคนรักข้างกายมากอดเสียให้ชื่นใจยามเช้า
แต่..... สิ่งที่คว้าได้มีเพียงอากาศธาตุ
�
ทันทีที่รู้สึกถึงความผิดปกติก็เบิกตาโพลงด้วยความเร่งร้อน กระโดดขึ้นจากเตียงตามหาอีกคนด้วยความกระสับกระส่าย
�
บ้านทั้งหลังเงียบสงัดมีเพียงเสียงฝีเท้าเดินเข้าห้องนู้นออกห้องนี้ดูทุกซอกทุกมุมของร่างสูง แต่คนๆนั้นกลับไม่ได้อยู่แม้ในส่วนใดของบ้าน ลองโทรเข้ามือถือก็พบว่าเจ้าของทิ้งเครื่องไว้ในบ้าน
�
“หรือว่า.....” พึมพำเบาๆด้วยท่าทางหดหู่ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟารับแขก ด้วยความเคร่งเครียดทำให้สมองปวดหนึบขึ้นมา แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำได้นอกจากรอ....... รอเพื่อความแน่ใจ
�
ทรมาน รออย่างไม่รู้จุดหมาย
�
ไม่รู้ว่าการรอคอยจะสิ้นสุดเมื่อใด
�
ไม่รู้ว่าคนที่รอจะกลับมาหรือไม่
�
ถ้ากลับมา จะกลับมาในสภาพไหน
�
คงไม่ใช่เพราะการไล่ล่า
.. ใช่ไหม?
�
เวลาแสนตึงเครียดผ่านไปเรื่อยๆโดยที่ไม่อาจรู้ได้ว่า หากนับจริงๆแล้วเวลาผ่านไปช้าเร็วเพียงไร
�
แอ๊ด
�
เสียงบานประตูทางเข้าเรียกความสนใจให้หน้าคมหันไปมองอย่างรวดเร็ว ร่างบางที่พึ่งกลับมาสะดุ้งนิดๆกับสายตาที่หันมามอง
�
“ฮยอคแจ นายหายไปไหนมา!” รีบเดินเข้าไปหาคนที่พึ่งกลับจากข้างนอก ถามด้วยน้ำเสียงโล่งใจแต่ด้วยความร้อนใจเลยยังติดเสียงดังอยู่เล็กน้อย
�
“อ๋อ......... พอดีเห็นว่าของในตู้เย็นหมด เลยออกไปซื้อมาน่ะ” ตอบยิ้มๆ ทันทีที่เห็นใบหน้าที่ดูโล่งอกโล่งใจของคนตัวสูงเขาก็ดีใจแล้ว เพราะนั่นแสดงว่าตอนที่ตื่นมาแล้วหาไม่เจอคิบอมกำลังเป็นห่วงเขา
“แบบนี้ฉันเป็นห่วงนะ” คว้าถุงพะรุงพะรังจากมือคนตัวแล้วแล้วดึงร่างนั้นเข้ามากอดแน่นๆ
“อืม ขอโทษที่ไม่ได้ทิ้งโน๊ตไว้นะ แล้วนี่ยังไม่ได้อาบน้ำใช่มั้ย เอาของไปวางบนโต๊ะแล้วไปอาบน้ำแปรงฟันซะ ฉันจะไปเตรียมอาหาร” พยายามยิ้มให้อีกคนที่สีหน้ายังคงดูไม่ปกติแถมยังยืนกอดเสียแน่น
�
“อย่าเครียดน่า เจ้านั่นน่ะทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เครียดมากๆหน้าจะเหี่ยวรู้มั้ย ฮึ” ค่อยๆใช้มือดันร่างสูงออกห่างแล้วส่งยิ้มให้รู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
�
ร่างสูงยืนทำใจอีกสักพักก่อนจะเดินไปวางของในครัวแล้วเดินกลับเข้าห้องไปอาบน้ำตามที่คนตัวเล็กบอก
�
เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าออก เงาจากกระจกภายในก็สะท้อนให้เห็นบางอย่างที่ผิดแปลกไป
�
กระดาษบางอย่างสอดอยู่ภายในโน๊ตบุ๊คซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานที่อยู่อีกฝั่งของห้อง ตาคมไม่ละไปจากสิ่งแปลกปลอม เมื่อคว้าของที่ต้องการได้ก็รีบเดินไปดูให้หายข้องใจว่ากระดาษนั่นคืออะไร
�
เมื่อเปิดฝาโน๊ตบุ๊คขึ้นข้อความที่อยู่บนกระดาษเป็นตัวอักษรสีแดงที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย แต่ก็อ่านได้ชัดเจน
�
เกมซ่อนหาจบแล้ว คุณหนีผมไม่พ้นหรอก ลีฮยอคแจ
�
ร่างสูงเพียงพับเป็นแผ่นเล็กๆแล้วเก็บเข้าไปในกระเป๋ากางเกง จะทิ้งไว้ในบ้านก็คงไม่พ้นสายตาอีกคนอยู่ดี เข้าไม่ต้องการให้ร่างบางเห็นกระดาษแผ่นนี้เพื่อความสบายใจของฮยอคแจ
�
นี่เป็นอีกครั้งที่จดหมายขู่มาถึงคนรักของเขา เป็นสาเหตุที่เขาตื่นตกใจเมื่อตื่นมาไม่พบคนที่ควรจะนอนอยู่ข้างๆ
�
เรื่องทั้งหมดเริ่มตั้งแต่สามเดือนก่อน หลังจากที่ทั้งสองคนย้ายมาอยู่ด้วยกันได้ประมาณครึ่งปี เช้าวันนั้น เมื่อร่างสูงตื่นขึ้นมาก็พบว่าฮยอคแจหายไป หลังจากตามหาก็พบว่าคนตัวเล็กกำลังพยายามซ่อนตัวจากอะไรบางอย่าง ไม่ยอมพบใครแม้กระทั่งเจอเขาก็ยังหนี ดูหวาดกลัวทุกสิ่ง ที่สำคัญคือฮยอคแจจะเกิดอาการหวาดระแวงเฉพาะเวลาอยู่ในบ้านเท่านั้น
�
ครั้งแรกที่เขาเริ่มเข้าใจก็คือวันที่สามของอาการแปลกๆนั่น เมื่อเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วพบบานกระจกถูกขีดเขียนด้วยของเหลวสีแดงคล้ำที่คาดว่าน่าจะเป็นเลือด ขู่จะเอาชีวิตคนตัวเล็กของเขา เวลาผ่านไปเขาจึงค่อยๆถามฮยอคแจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันละนิด และพยายามทำความเข้าใจ แววตาหวาดกลัวค่อยๆดีขึ้น แต่สารขู่ต่างๆนาๆก็ยังคงมีมาเป็นระยะๆ บ้างก็บนกำแพง พื้นโรงรถ และข้าวของก็ยังคงเสียหายเหมือนร่องรอยการต่อสู้ แม้คนตัวเล็กจะกลับเป็นเหมือนปกติแต่ก็มักจะร้องไห้เสมอเวลาเขาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือบางทีก็หลบไปนั่งร้องไห้คนเดียว
�
หลายครั้งเขาตั้งใจจะอยู่รอดูให้รู้แล้วรู้รอดว่าเกิดอะไรขึ้นกับฮยอคแจแล้วใครกันแน่ที่ทำเรื่องเลวร้ายพวกนี้ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเพราะมักจะจบด้วยการที่ทั้งสองคนเข้านอนเป็นปกติแล้วก็ตื่นขึ้นมาเหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยที่ฮยอคแจจะตื่นก่อนเสมอ หรือบางวันเคิบอมหรือฮยอคแจ อาจจะเจอข้อความขู่ อยู่ที่ว่าใครจะเจอก่อน และเมื่อคิบอมชักจะหมดความอดทน จึงบอกให้ฮยอคแจแจ้งความคนตัวเล็กก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก มันคงไม่มาแล้วบ้าง อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเลยบ้าง ร่างสูงเองก็ได้เพียงคิดว่า เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นล่ะก็ เกี่ยวพันถึงชีวิตเลยนะ
�
แต่หนึ่งอย่างที่คิบอมไม่เข้าใจและไม่มีวันเข้าใจคือ แม้จะเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้ฮยอคแจกลับไม่เคยกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว
�
หลังจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยคิบอมก็เดินเข้าไปในห้องครัวทานมื้อเช้าพร้อมกับฮยอคแจการพูดคุยเล็กๆน้อยๆทำให้บรรยากาศตรึงเครียดตอนเช้าค่อยๆหายไป เมื่อทานเสร็จร่างสูงจึงเตรียมตัวออกจากบ้านตามปกติ
�
“ฉันไปแล้วนะ” บอกคนตัวเล็กที่กำลังนั่งจิบนมอุ่นๆอย่างอารมณ์ดี
�
ตาเรียวช้อนขึ้นมองหน้าอีกคนที่กำลังลุกจากโต๊ะโดยมีเนคไทสีเข้มในมือ แล้วรีบวางแก้วนมอุ่นๆก่อนจะลุกอ้อมไปหาร่างสูงที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แล้วผูกไทให้
�
ร่างสูงใช้แขนยาวดึงคนตัวเล็กเข้าหาจนตัวแนบชิดกัน ทำให้คนตัวเล็กไม่ถนัดในการทำสิ่งที่กระทำอยู่จึงใช้มือข้างนึงผลักอกกว้างออกเบาๆ
�
“เดี๋ยวสิ รอผูกให้เสร็จก่อน ฉันล่ะไม่เข้าใจ ทำงานก็ไม่เห็นมีฟอร์ม ทำไมต้องมาขยันใส่ชุดไปเวทที่มันต้องผูกเนคไทแบบนี้ทุกวันด้วยนะ คิบอมฝึกผูกเองมั่งสิ ฉันชักจะขี้เกียจที่ต้องมานั่งผูกให้แบบนี้ทุกวันแล้วนะ” บ่นยาวๆก่อนจะมองเช็คความเรียบร้อยอีกที
�
“อยากรู้หรอว่าทำไม” คนตัวสูงถามเสียงเรียบก่อนจะคว้าร่างผอมบางเข้ามาก่อนแนบแน่นแล้วเริ่มซุกไซร้ซอกคอขาวที่ปรากฏให้เห็นเพราะคอกว้างๆของเสื้อที่คนตัวเล็กกำลังใส่อยู่ สูดหายใจลึกๆเอากลิ่นกายหอมกลุ่นอัดเข้าจนเต็มปอดก่อนพรมจูบเบาๆบนไหล่เนียน
“ทีนี้รู้รึยัง ฮึ” กระซิบเบาๆข้างหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
�
คนฟังได้แต่ยิ้มอายๆก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
�
“รีบไปได้แล้ว โอเอ้อยู่นั่นน่ะ” หันกลับไปหยิบแก้วนมมาดื่มต่อกลบเกลื่อนความอาย
�
คนฟังเพียงยิ้มบางๆก่อนจะหันหลังเดินไปเอารถออกจากบ้านอย่างเคยชิน
�
คนที่ยังอยู่ในบ้านเดินไปริมหน้าต่างแล้วมองรถที่วิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ทันทีที่ลับตาไปหยาดน้ำตาก็เอ่อคลอตาเรียวอีกครั้ง
�
ความสมเพชเวทนาจุกอยู่เต็มอก ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร หันไปทิศไหนก็มือมิดไปเสียทุกด้าน แล้วคืนนี้ล่ะ ฮยอคแจจะทำอย่างไรต่อไปสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงนั่งไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดไปพร้อมๆกับน้ำตาอันเศร้าสลดนี้ เมื่อไหร่กันเรื่องบ้าๆนี้จะยุติลงเสียที
�
ซักพักเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ที่แม่บ้านจะต้องมาทำความสะอาดประจำสัปดาห์ มือเรียวรีบปาดเอาหยาดน้ำใสๆออกไปตากบริเวณใบหน้าและดวงตา ทำหน้าให้ดูปกติที่สุดแล้วเดินไปเปิดประตูพร้อมรอยยิ้ม
�
“สวัสดีครับแม่บ้านชอง” ยิ้มสดใสของเด็กหนุ่มมักทำให้แม่บ้านวัยห้าสิบผู้นี้มีความสุขเสมอ
“สวัสดีจ้ะ” หญิงมีอายุยิ้มรับ
�
เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มที่รู้สึกสบายใจเสมอเวลาได้อยู่กับแม่บ้านชองคนนี้
�
“อาทิตย์นี้เป็นยังไงบ้างจ๊ะ” คุณแม่บ้านเอ่ยถามขณะเดินหยิบนู่นนี่ไปเก็บให้เข้าที่
“ก็.... ไม่ได้เลวร้ายครับ” น้ำเสียงติดจะกังวลอยู่ทำไมอีกฝ่ายจะไม่รู้
�
“คนคนนั้นอีกแล้วใช่มั้ยคะ ที่มาขู่คุณฮยอคแจ”
�
ร่างบางที่นั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขกเพียงเงียบไว้ในฐานที่รู้กันพลางหยิบรีโมตเปิดโทรทัศน์แล้วช่องไปมาหารายการที่น่าสนใจ
�
“คุณฮยอคแจไม่ต้องคิดมากหรอก ยังไงก็มีคุณคิบอมอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ คิบอมเค้าปกป้องฮยอคแจได้อยู่แล้วล่ะค่ะ” ว่าไปมือก็ทำงานไป
“คะ ครับ” ตอบน้ำเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปยังโทรทัศน์ต่อ
�
วันศุกร์เป็นวันที่ฮยอคแจโปรดปรานเพราะจะมีแม่บ้านชองมาอยู่ทำงานเป็นเพื่อนแก้เหงา แทนบรรดาเครื่องเกม เวลาจึงเหมือนล่วงเลยไปเร็วกว่าวันอื่นๆของสัปดาห์
�
“แม่บ้านชองทำงานเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ จะกลับก่อนก็ได้นะครับ” เอ่ยถามหญิงสูงวัยที่กำลังเดินเข้าออกครัวหลังจากทำหน้าที่ของตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“โอ๊ย ยังหรอกค่ะ ป้ารู้นะว่าคุณฮยอคแจน่ะเหงา เดี๋ยวป้าทำมื้อเย็นไว้ให้เลยดีกว่าค่ะ เพราะนี่ก็จะหกโมงแล้ว”
�
แม่บ้านชองหายเข้าไปในครัวอยู่พักใหญ่ก่อนจะเดินออกมาพร้อมอาหารหลากหลายบนโต๊ะ กลิ่นหอมลอยมาแตะจมูกคนที่นั่งแช่อยู่ในห้องนั่งเล่นจนต้องเดินตามไปดู
�
“น่ากินทั้งนั้นเลยนะครับเนี่ย แม่บ้านชองนี่เก่งจริงๆ ทำได้ทุกอย่างเลย” ปากพูดไปตาก็จ้องมองบรรดากับแกล้มเหมือนพร้อมจะเขมือบอยู่ทุกวินาที
�
“โอ๊ะ นั่นรถคุณคิบอมมาแล้วค่ะ เดี๋ยวป้าไปเปิดประตูให้นะคะ” ชี้ผ่านหน้าไปยังยานพาหนะสีดำที่อยู่หน้าบ้าน
�
ระหว่างที่แม่บ้านชองไปเปิดประตูให้อีกคนเข้าบ้าน คนตัวบางก็เดินเข้าครัวไปเตรียมจานชามไว้ให้เรียบร้อย
�
“กลับมาแล้ว” เสียงเข้มดังมาก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาในบริเวณที่มองเห็นได้
�
“วันนี้ทำงานเหนื่อยมากเลย” สอดแขนแกร่งกอดคนตัวเล็กที่กำลังยุ่งกับถ้วยชามรามไหจากด้านหลัง แล้ววางคางลงบนไหล่เนียน
“เหนื่อยมากเลยหรอ” หันไปถามคนตัวโตที่เกาะหนึบอยู่กับตัว
“อืม.....” ลากเสียงยาวออดอ้อนในแบบที่หาดุไม่ได้ง่ายนักทำให้ฮยอคแจแอบหมั่นไส้เล็กๆ
“อืม..... เหนื่อยมาก แล้วได้ตังค์รึเปล่าล่ะ? ถ้าได้ก็ทำต่อไป หรือถ้าไม่ไหวก็ไปไถนาปลูกข้าวกินกันเองดีมั้ย?” คำพูดติดตลกแกมต่อว่าทำให้อีกคนหน้าบูด
�
คนหน้าบึ้งรีบฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่มๆไปฟอดใหญ่ก่อนผละออกแล้วรีบเถียงกลับ
�
“เหนื่อยก็ต้องทำสิ เพราะใครแถวๆนี้น่ะ วันๆซื้อแต่กุชชี่ ไหนจะเครื่องเกมนู่นนี่อีก”
“ถ้าลำบากมากก็ไปสิ” คนผิดสวนอย่างไม่ใส่ใจ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทานอาหาร
“พูดความจริงแล้วทำเป็นงอนนะ” ขอหยอกอีกนิดก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
�
ฮยอคแจกัดริมฝีปากคิดหาคำโต้เถียงแต่เมื่อจะอ้าปากแม่บ้านชองก็เอ่ยลาพอดี
�
“คุณฮยอคแจ คุณคิบอม ป้าไปแล้วนะคะ สำหรับวันนี้ขอบคุณมากค่ะ” โค้งให้เด็กหนุ่มทั้งสอง จนทั้งสองรีบยืนโค้งกลับกันแทบไม่ทัน
�
หลังส่งแม่บ้านชองที่หน้าบ้านเสร็จเรียบร้อยทั้งสองจึงกลับเข้ามานั่นที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง
�
“ต่อไปเรียกป้าชองมาทุกวันเลยดีมั้ย นายจะได้ไม่เหงา” คิบอมยื่นข้อเสนอ
“หืม? ทุกวัน? แล้วแม่บ้านชองเค้าจะมีอะไรให้ทำทุกวัน”
“อยู่เป็นเพื่อนนายไง จะได้มีคนทำกับข้าวให้นายกินด้วย ปกติเห็นขี้เกียจไม่ยอมหาอะไรกินนี่ตอนเที่ยงน่ะ”
“เงินน่ะหามาง่ายนักใช่มั้ย”
“ก็ไม่ง่าย แต่พอบอกให้นายออกไปช็อปปิ้ง ไปหาทงแฮแก้เหงานายก็ไม่ยอมไป หมกอยู่แต่ในบ้าน ดูซิดูซีดเป็นไก่ต้มแล้ว”
�
คำพูดเสียดสีทำให้อีกคนหน้างอนิดๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นความจริงที่คิบอมมักบอกให้ฮยอคแจออกไปหาทงแฮเพื่อนสนิทแก้เหงา ฮยอคแจก็มักจะอ้างว่าทงแฮไม่ว่างไม่อยากไปรบกวนเสมอ แต่สุดท้ายบทสนสนาของอาหารมื้อนี้คือเรื่องการว่าจ้างแม่บ้านชองเต็มทั้งวันจันทร์ถึงศุกร์ �
�
ร่างบางเดินกลับเข้าห้องเพื่ออาบน้ำเพราะวันนี้เป็นเวรล้างจานของคิบอม นาฬิกาดิจิตอลข้างเตียงบอกเวลาหนึ่งทุ่มเลย ความไม่สบายใจเริ่มย่างกลายเข้ากัดกินหัวใจอีกครั้ง
�
แม้เสียงสายน้ำร่วงหล่นกระทบพื้นกระเบื้องจะชัดดังเพียงใจ โสตประสาทของคนที่กำลังอยู่ให้สายน้ำไหลผ่านกลับเงียบสงัด โลกส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง เหลือเวลาอีกเพียงไม่มาก ช่วงเวลาอันน่าเวทนาก็จะกลับมาอีกครั้ง เพียงผ่านเที่ยงคืนไป....
�
เหตุการณ์อันผิดแปลกที่วนเวียนซ้ำซาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกๆวัน แม้เผชิญหน้าก็ไม่อาจทำ ได้เพียงหนีแล้วเป็นทุกข์กับมันในทุกครั้งที่เวลานั้นมาถึง
�
หยดน้ำใสจากฝักบัวไหลรินชโลมไปทั้งกาย จะมีใครรู้บ้างไหมว่าหยดน้ำใสๆที่ร่วงหล่นนั้นมีน้ำตาแทรกซึมอยู่เป็นทาง
�
เพียงได้ยินเสียงประตูห้องถูกเปิดออก ร่างบางจึงหลุดจากภวังค์แล้วจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยอีกทีแล้วจึงออกจากห้องน้ำไปเป็นปกติ
�
“วันนี้ใช้กลิ่นอะไรเนี่ย กุหลาบหรอ” ร่างสูงที่กำลังหยิบเสื้อผ้าเตรียมจะอาบน้ำเป็นคนต่อไปวางของในมือแล้วเดินทำจมูกฟุดฟิดเข้ามาใกล้ไม่เหมาะกับหน้าคมเข้มแม้แต่น้อย
�
เมื่ออีกคนเข้ามาในระยะประชิดขึ้นเรื่อยๆพลางอ้าแขนเตรียมมอบกอดแน่นๆให้กับคนตัวหอมเสียทีก็ถูกอีกคนจิ้มหน้าผากไว้เสียก่อน
�
“ตัวเหม็นแบบนี้ อย่าเข้ามานะ ไปอาบน้ำก่อนเลย”�นิ้วเรียวจิ้มเบาๆที่อกกว้างก่อนจะรีบเดินหนี
แต่ทว่าคนตัวเล็กพลาดท่าเสียแล้วเมื่อร่างสูงดึงสายคาดชุดคลุมอาบน้ำจนหลุดออก
�
เพียงเสี้ยววินาทีแรกที่เสื้อคลุมเปิดออก ร่างบอบบางขาวเนียนทั้งร่างเปิดเผยสู่สายตาเจ้าเล่ห์ก่อนมือเรียวจะรีบคว้าเอาเสื้อคลุมทั้งสองด้านเข้ามาปกปิดจนมิดชิดแล้วสะบัดหน้าหนีไปหยิบเสื้อผ้าหันหลังใส่ให้พ้นจากสายตาของคนเจ้าเล่ห์
�
แม้ทุกการกระทำจะดูเป็นเรื่องล้อเล่นตามปกติในแต่ละวัน ใครบ้างจะรู้ว่าใต้ใบหน้าแสนงอนนั้น คนๆนี้กำลังร้องไห้อยู่ทุกวินาทีที่ได้พบหน้ากับอีกคนอันเป็นที่รัก
�
เพราะไม่มีอะไรมาประกันว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะยังได้หายใจเคียงข้างคนๆนี้อีก
�
ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงนอนคว้ารีโมตแล้วเปลี่ยนดูช่องนู้นช่องนี้ไปเรื่อย แม้จะจ้องมองทุกวินาทีแต่กลับไม่ได้ใส่ใจในจอสี่เหลี่ยมนั่นอย่างจริงจัง เพราะทุกอย่างในหัวตีกันไปเสียหมด อยากจะหยุดแต่ก็ทำไม่ได้
�
เขาจะมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ได้ด้วยหรือ?......
�
ก่อนที่จะได้ฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ร่างสูงก็ออกมาจากห้องในภายใต้ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ปกปิดร่างกายท่อนล่างเอาไว้
�
“อาบเสร็จแล้ว เป็นไงหอมใช่มั้ยล่ะ” ร่างสูงล้มตัวลงบนเตียงเอาศีรษะเปียกๆวางแหมะลงบนตักของคนที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่แล้วจึงตะแคงหันไปดูโทรทัศน์บ้าง
�
ความรู้สึกเปียกชื้นสมัผัสกับหน้าคมจนอีกคนต้องพลิงหน้าขึ้นมามอง ตาเรียวแดงก่ำ เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำที่ค่อยๆไหลเป็นทางหยุดลงบนใบหน้าของเขา นัยย์ตาว่างเปล่าจ้องอยุ่ที่ใบหน้าของเขา
�
คิบอมรีบลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ เขาไม่แปลกใจกับอาการแบบนี้เพราะฮยอคแจเป็นแบบนี้บ่อยๆ�เป็นใครหากเจอเรื่องแบบนี้สภาวะจิตใจก็คงอ่อนแอเช่นนี้
�
แขนแกร่งโอบอีกคนให้ไออุ่นจากกายช่วยปลอบประโลม หน้าหวานซบลงบนบ่ากว้าง ความอบอุ่นที่โอบกอดซึมซาบเข้าไปในใจยิ่งทำให้น้ำตารินไหลลงมากกว่าเดิม
�
รักเหลือเกิน องค์พระผู้เป็นเจ้า ลูกไม่อยากให้เรื่องราวเลวร้ายมาเป็นอุปสรรค์ในการใช้ชีวิตกับคนๆนี้ ทั้งๆที่พระองค์ทรงสร้างให้เรารักกัน แต่ยังมีปัญหาอื่นๆตามมาไม่หยุดหย่อน หรือชีวิตนี้ลูกจะไม่มีโอกาสได้มีความสุขเช่นคนทั่วไป
�
หากทุกอย่างเป็นไปตามปกติ หากได้อยู่ในอ้อมกอดนี้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะประทานให้ลูกไม่ได้เชียวหรือ.....
�
หรือเป็นเพราะความรักนี้จะต้องจ่ายค่าตอบแทน
�
“ฉันจะอยู่ข้างนายเสมอนะ” ควรจะสุขจำกับคำๆนี้ไม่ใช่หรือ ทำไมกัน น้ำตาถึงรินไหลมากกว่าเดิม
�
คิบอมนายจะรู้บ้างมั้ย ว่านั่นแหละคือสิ่งที่เจ็บปวดที่สุด
�
ไม่ใช่เพราะรังเกียจ ไม่ใช่เพราะหมดรัก แต่เพราะรักมาก มากจนไม่อาจทนเห็นได้
�
“ฉันไม่เป็นไรแล้วคิบอม ไม่เป็นไร รีบเป่าผมแล้วนอนเถอะ” ใครฟังก็รู้ว่าโกหก แต่เขาเลือกที่จะเชื่อ เพราะฮยอคแจมีเหตุผลในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กแค่ไหน
�
“ฉันรักนายนะ” คิบอมกระซิบเบาๆกับคนที่กำลังปาดน้ำตา
�
ทุกครั้งที่ร่างบางร้องไห้ไม่เคยมีเสียงสะอื้นแม้สักครั้ง เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้แล้วว่าคนตัวเล็กของเขาเข้มแข็งขนาดไหน แต่ยังไงคนเราก็มีขีดจำกัด
�
ทางด้านฮยอคแจเองก็ไม่อยากอ่อนแอ ไม่อยากแสดงความหวาดระแวง ไม่อยากแสดงความขลาดกลัว พยายามแบกความรู้สึกทั้งหมดไว้เอง เพราะรู้ รู้ดีว่าอีกคนเป็นห่วงแค่ไหน
�
ร่างบางผละออกเบาๆแล้วล้มตัวลงนอน หลับตาไปอย่างนั้น เพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางหลับลงจนกว่าจะผ่านเวลานั้นไป
�
เสียงสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นเสียงไดร์เป่าผม เสียงเดินไปมาหยิบของจนกระทั่งคิบอมล้มตัวลงนอนแล้วโอบกอดร่างเล็กไว้ ทุกอย่างดังชัดอยู่ในหู
�
เสียงนาฬิกาบอกเวลาแต่ละชั่วโมงดังขึ้นเบาๆจนกระทั่งครั้งที่สี่
�
ฮยอคแจค่อยๆลุกออกจาเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุด ด้วยกลัวว่าอีกคนจะตื่น มือเรียวรีบคว้านาฬิกาข้อมือมาใส่ก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ
�
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
�
�ติ๊ด ติ๊ด
�
เสียงนาฬิกาที่ดังเป็นรอบที่สี่บอกให้ผมรู้ว่าถึงเวลาแล้ว
�
ผมค่อยๆยันตัวออกจากอ้อมกอดของคิบอมที่กำลังหลับอยู่ด้วยกลัวว่าเค้าจะตื่น รีบเดินไปหยิบนาฬิกามาใส่แล้วจ้ำอ้าวออกจากห้อง
�
เรื่องแบบนี้ผมเคยชินแล้วล่ะ ลุกขึ้นกลางดึกหยิบนาฬิกา
�
แล้วหาที่ซ่อน
�
วันนี้ผมจะไปซ่อนที่ไหนดีล่ะ ผมอยากจะออกไปให้พ้นจากบริเวณบ้าน แต่ผมทำไม่ได้ เพราะคนที่คอยตามล่าผม เขาฉลาดพอที่จะค้นจนแน่ใจว่าผมไม่ได้อยู่ในบ้าน ครั้งล่าสุดที่ผมหนีออกไปจากบ้าน รองเท้าทุกคู่ของผมถูกทำลายทิ้งจนหมด มีกับดักใบมีดวางไว้ตรงทางเข้าออกประตู ชนิดที่ว่าถ้าไม่ทันเห็นอาจมีการจมูกแหว่ง หรือเท้าขาดอะไรประมาณนั้น สรุปคือผมต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ภายในบริเวณบ้านหลังนี้
�
เอาชีวิตรอดให้ได้ในสองชั่วโมงที่มีขวาน มีด เลื่อยหรืออะไรซักอย่างตามล่าในทุกๆคืน หากเป็นคนดู มันก็ไม่ต่างไปจากในเกมเท่าไหร่หรอกครับ เพียงแต่เจ็บจริง ตายจริงเท่านั้นเอง
�
สำหรับคนถูกล่าอย่างผมน่ะ เวลาแค่สองชั่วโมง แต่รู้สึกมันช่างยาวนานเป็นปีเลยล่ะ
�
ผมได้แต่ภาวนาขอพระเป็นเจ้าให้ทุกอย่างจบลง แต่บางทีคำภาวนานี้คงจะแผ่วเบาเกินกว่าที่พระองค์จะได้ยิน
�
“ฮยอคแจ อยู่ไหนครับ” เสียงเดิมๆที่ทำให้รู้สึกชาวาบ ขนลุกไปทั้งตัว เขามาแล้ว
�
วันนี้ผมตัดสินใจเลือกที่จะซ่อนอยู่ในห้องใต้ดิน เพราะห้องใต้ดินนี้สามารถโผล่ออกไปที่สนามหน้าบ้านได้ ผมคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด ผมหลบที่นี่มาสองอาทิตย์แล้ว และเขายังหาที่นี่ไม่เจอ แม้มันจะมืดสนิทและอับชื้นเพียงใด หากเป็นที่ๆปลอดภัย ผมก็จะอยู่
�
“ฮยอคแจ อยู่ไหนเอ่ย ผมหาคุณอยู่นะ” อีกแล้ว เสียงนั้นตะโกนเรียกผมอีกครั้ง
�
ผมรู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเมื่อได้ยินเสียงเรียก ทั้งๆที่ผมพยายามชินกับมันแล้วแท้ๆทำไมน้ำตามันถึงเอ่อออกมาแบบนี้ล่ะ ผมพยายามจะไม่กลัว ไม่อ่อนแอ รอดมาได้ตั้งนาน กับแค่วันนี้อีกวัน ทำไมจะต้องกลัว
�
เอี๊ยด
�
ปัง
�
เสียงประตูเปิดปิดทีละห้องทีละห้อง ใช่แล้ว เขากำลังหาผม ผมไม่รู้ว่าวันนี้อาวุธที่เขาหยิบมาใช้คืออะไร และไม่อยากจะรู้ด้วย
�
คุณเคยเป็นมั้ย อยู่เป็นเป้านิ่งให้อะไรซักอย่างตามล่า มีเวลาเหลือเฟื่อ แต่กลับไม่มีที่จะไป อึดอัดจนอยากจะหายไปจากโลก นี่แหละคือความรู้สึกของผม
�
ผมไม่ปฎิเสธว่าตอนนี้น้ำตาเริ่มไหลอีกครั้ง หลายๆครั้งเมื่อผมเริ่มทนไม่ไหว ผมเคยคิดว่าใครๆก็ต้องตายอยู่ที่ว่าช้าหรือเร็วต่างหาก พยายามปลอบใจตัวเองว่าถ้าตายก็ไม่เป็นไร แต่พอคิดว่าจะไม่ได้ตื่นมาพบกับคนที่นอนอยู่ข้างๆ จะไม่ได้หายใจร่วมกับคนที่รัก มันทำให้ผมกลัว ผมกลัวการต้องแยกจากจากทุกๆสิ่งที่มีในทุกวันนี้
�
แรงผลักดันของความต้องการมีชีวิตอยู่ของผมคือคิบอม
�
เสียงฝีเท้าของเขาที่อยู่บริเวณนี้หายไปแล้ว ผมเดาว่าเขากำลังเดินหารอบบ้านไม่ก็ส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่บนหัวผม
�
ไม่ว่าจะกลัวยังไง ผมจำเป็นต้องมีสติเสมอ ก้าวพลาดแค่ก้าวเดียว ก็ไม่มีทางถอยกลับได้ ผ่านไปพักใหญ่แล้วที่เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยากจะออกไปดู แต่ไม่มีอะไรประกันความปลอดภัยเพราะฉะนั้นผมจึงทำได้แค่คิดแล้วแอบอยู่ที่เดิม
�
ปึง
�
“ลีฮยอคแจ!! ออกมา! ผมรู้ว่าคุณยู่ในบ้าน ออกมา!!!” น้ำเสียงแข็งกร้าวคำรามขึ้นอีกครั้งผมจนแทบทรุด แม้ไม่ได้เผชิญหน้า
�
ปึง
�
เสียงวัตถุหนักๆกระแทกกับบางอย่างที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นข้าวของในบ้านซักอย่างทำให้ผมรู้ว่าวันนี้ เขาถือค้อน
�
มันไม่สนุกเลยกับการต้องหนีใครซักคนที่เที่ยวแกว่งค้อนตามล่าตัวเอง
�
ผมได้ยิน เสียงฝีเท้า บางทีเขาอาจจะกำลังยืนอยู่บนหัวผม ผมรีบยกนาฬิกาขึ้นดู 1.00 ตีหนึ่ง ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง
�
ได้แต่ภาวนาอย่าให้เขาหาที่นี่เจอ เพราะนั่นหมายความว่าผมจะไม่มีที่ปลอดภัยสำหรับซ่อนอีกต่อไป
�
ครืด
�
ครืด
�
เสียงค้อนลากไปตามพื้น
�
ผมลุ้นจนตัวโก่ง ขออย่าให้ค้อนบ้านั่นมันมากระแทกถูกที่เปิดประตูลงมาสู่ที่นี่เลย
�
เสียงลากค้อนไกลออกไปเรื่อย ผมโล่งออกไปอีกนิด นึกขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้ผมมีสถานที่ปลอดภัยอยู่ต่ไป เว้นแต่
�
ถ้าเขาไม่เดินย้อนกลับมาแล้วบังเอิญเตะถูกกลอน
�
กึง
�
จนได้ ผมเชื่อว่าเค้าฉลาดพอจะรู้ว่าผมอยู่ในนี้นี่ ทางเข้าจากในบ้านเป็นกลอนลอคจากด้านนอก แต่ที่ที่เชื่อมไปยังสนามเป็นกลอนล็อคด้านใน ผมรีบปลดกลอนประตูแล้วปีนออกสู่สนาม ในขณะที่เขาก็กำลังพยายามปลดกลอนประตูอีกฝั่ง
�
“แหม ซ่อนซะมิดเชียว ผมหาเจอแล้วนะ ฮยอคแจ”
�
กึก
�
เมื่อเปิดได้ผมก็รีบออกมาจากห้องใต้ดินแล้วแอบมองจากสนามหลังบ้าน เขากำลังลงไปในห้องใต้ดินของผมแล้ว แน่นอนผมต้องรีบไปล็อคกลอนห้องใต้ดินในบ้าน
�
ผมพยายามเดินให้เบาที่สุด
�
ไม่ให้เขารู้ว่าผมอยู่ที่ส่วนไหนของบ้าน
�
กึก
�
ผมล็อคกลอนจากภายนอกเสร็จเรียบร้อย และเมื่อเขาออกมาทางเดิมไม่ได้ ผมรู้เขาหาทางออกจากห้องใต้ดินที่สนามได้แน่
�
ตอนนี้ผมมีเวลาอีกนิดหน่อยที่จะหาที่ซ่อนต่อไป ผมรีบเดินเข้าไปในครัว มีตู้ใส่อาหารใบใหญ่เรียงกับตามด้านกำแพง ตู้ในสุดผมเคลียร์ให้ว่างไว้ เผื่อเข้าไปซ่อนตัว
�
แล้วผมก็ได้ใช้สถานที่นี้อีกครั้งนึง ภายในตู้เก็บอาหารแห้งอันคับแคบนี้ ทั้งมืดทั้งแคบทั้งหนาวแค่คิดน้ำตาก็ไหล ผมควรจะกำลังหลับอยู่บนเตียงกว้างในอ้อมกอดอุ่นๆไม่ใช่หรอ แล้วนี่มันอะไร
�
นานแล้วที่ผมไม่ได้ยินเสียงอะไร บางทีอาจเป็นเพราะความมืดในห้องใต้ดิน หากไม่ใช่คนที่คุ้นเคยการจะหาทางออกท่ามกลางความมืดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
�
ปัง
�
ปัง
�
แคร๊ง
�
เสียงเหล็กตัวล็อคห้องใต้ดิน และเสียงค้อนดังสนั่นจนผมสะดุ้ง เขาออกมาแล้ว
�
“ลีฮยอคแจ ออกมาเถอะน่า เลิกเล่นซ่อนแอบซะที!!”
�
ปึง
�
เขาเริ่มเหวี่ยงค้อนใส่กำแพงอีกแล้ว เสียงดังขนาดนี้ ลองคิดดูสิว่าถ้ามันถูกเหวี่ยงใส่คน จะเจ็บขนาดไหนกัน
�
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ผมสั่นพล่านไปทั้งตัว บังคับตัวเองแทบไม่ได้ ต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากป้องกันไม่ให้เผลอส่งเสียงสะอื้นออกไป
�
ครืด ครืด
�
ผมได้ยินเสียงค้อนลากผ่านดังในระดับนึง ไม่ใกล้ไม่ไกล เขาอาจจะกำลังเดินผ่านห้องครัว แค่เดินผ่าน
ใช่มั้ย
�
เงียบ มืด วังเวง ทั้งๆที่มีอีกคนอยู่ด้วยแต่บรรยากาศกลับย้ำแย่กว่าเก่า
�
“โอ๊ะโอ ในนั่งเล่นก็ไม่อยู่ ห้องนอนก็ไม่มี ห้องน้ำก็ไม่ใช่ ห้องครัวรึเปล่าน้า” คนคนนั้นพร่ามไปเรื่อยด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่อยากได้ยิน
�
ครืด ครืด
�
เสียงค้อนลากไปกับพื้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมรีบยกนาฬิกาขึ้นดู
�
เวลาผ่านไปนานเพราะเขาใช้เวลาพอสมควรในการหาทางออกจากห้องใต้ดินอันมืดสนิท
�
1.55
�
อีกห้านาทีกับการหลบเป็นเป้านิ่งในห้องครัว แบบนี้ผมจะมีทางรอดหรอ
�
เสียงฝีเท้าเดินไปมารอบๆห้องหยิบนู่นจับนี่ ผมลุ้นจนตัวโก่งหวังให้เขาเสียเวลาไปกับการค้นหาโดยไม่เปิดตู้ใส่ของพวกนี้
�
1.57
�
สามนาที ผมให้ความหวังกับตัวเองอีกครั้ง แค่สามนาทีเอง รอดอยู่แล้ว
�
ครืด
�
เขาเริ่มเปิดตู้ใส่อาหารพวกนี้แล้ว แล้วสามนาทีนี้ ผมจะทำยังไง??
�
ครืด
�
ตู้ถูกเปิดออกอีกใบ เหลืออีกห้า
�
ครืด กึก
�
คราวนี้มีเสียงติดขัดในการเลื่อนบานประตู
�
กึก กึก
�
เขาคงกำลังพยายามงัดต่อไปก่อนจะใช้ค้อนทุบฝาตู้อย่างแรง
�
ปัง
�
“บอกว่าให้ออกมาไง!! ลี ฮยอค แจ! ออกมาเดี๋ยวนี้!” คำรามเรียกหาผมเป็นรอบที่ไม่รู้เท่าไหร่ในรอบสองชั่วโมง เขาไม่รู้ใช่มั้ยว่าผมทั้งกลัวทั้งรำคาญ
�
1.58
�
ปัง ครืด
�
เขาเริ่มทุบฝาตู้อีกอันแล้วเลื่อนออกดูอีกครั้ง
�
สองนาที หนึ่งร้อยยี่สิบวินาที กับตู้อีกสองตู้
�
ผมควรจะเค้าท์ดาวน์ไปเงียบๆรึเปล่า
�
ปัง
�
ผมคิดว่าหลังทุบตู้เสร็จจะเปิดมันออก แต่น่าแปลกเขาเพียงเดินผ่านมันไป และมายังตู้ใบถัดไป ผมพยายามเลื่อนของในตู้ให้เลื่อนออกไปอย่างเงียบที่สุดเพื่อจะได้คลานหลบไปยังตู้ใบที่เขาเดินผ่านมา
�
ครืด
�
เขาเปิดประตูตู้บานสุดท้ายที่ผมเพิ่งขยับห่างออกมา โล่งใจจนอยากจะร้องไห้
�
ปัง
�
แต่ทำไมเสียงค้อนกลับมาทุบบนประตูตู้ที่ผมซ่อนอยู่อีกทีล่ะล่ะ ผมพอเดาออกเลยว่าตอนนี้หน้าผมขาวซีดขนาดไหน
�
ครืด
�
วินาทีนั้นผมนึกอยากแปลงร่างเป็นมดแล้วคลานหนีออกไปให้ได้แต่ก็ทำได้แค่คิด
�
เมื่อฝาตู้ถูกเลื่อนใบหน้าของเขาก็ปรากฏแก่สายตา ผมเริ่มบังคับตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างดูช้าลงคนๆนั้นคว้าขาของผมแล้วลากผมออกมาจากตู้
�
“ทงแฮ!! ฮึก คิบอม! โอ๊ย” ผมเริ่มตะโกนเรียกชื่อคิบอม ผมแค่ต้องการใครซักคนที่จะมาช่วยผม แล้วหัวผมก็กระแทกเข้ากับขอบตู้อย่างแรงเมื่อเขาดึงขาผมไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
�
“ซ่อนเก่งนักนะ ลีฮยอคแจ” เขาพูดขณะโยนผมขึ้นไปบนโต๊ะเตรียมอาหาร
�
“หึ ร้องไห้ทำไม ตอนเรียกทำไมไม่ออกมาดีๆ เห็นมั้ย ไม่ออกมาพอฉันโมโหก็มาทำเป็นร้องไห้” เขาแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว
�
“ทงแฮ” ผมแค่พยายามพูดชื่อทงแฮเบาๆด้วยเสียงสั่นๆ
“เรียกอีกนานมั้ยฮะ!!”
�
เปียกไปหมด ตอนหน้าหน้าผมเปียกไปด้วยน้ำตา กลัว และเสียใจ ความรู้สึกที่ผมมีขณะนี้มีเพียงสองอย่าง
�
“หนีเก่งนักใช่มั้ย เอางี้แล้วกัน”
�
ปัง กึก
�
หนักอึ้งความเจ็บร้าวแล่นไปทั้งตัว เมื่อค้อนหนักๆทุบลงบนเท้าของผม เสียงกระดูกดังขึ้นพร้อมกับเสียงค้อนกระแทกลงบนโต๊ะ เสียงที่ฟังแล้วลมหายใจหยุดชะงัก ไม่สามารถแม้จะเอ่ยเสียงร้องใดๆ
�
ผมกำลังจะเดินไม่ได้ ไม่สิผมพิการแล้ว
�
“ทะ ทงแฮ อึก คิบอม” ผมพยายามออกเสียงอีกครั้ง ทั้งที่เจ็บจนไม่มีแรงจะหายใจ
�
ดวงตาพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาบดบังแต่ก็สามารถเห็นได้ว่า หนังที่เท้าถูกกระดูกที่หักผิดรูปผิดร่างทิ่มทะลุออกมา เลือดไหลออกมาไม่หยุด เป็นภาพที่สยดสยองที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
�
ผมไม่มีแรงแล้ว เหนื่อย เจ็บเกินกว่าจะออกแรงหายใจต่อไป สติค่อยๆพร่าเลือน
�
กึง
�
เขาวางค้อนลงกับโต๊ะแล้วเดินจากไปนี่คือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยิน
�
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
�
แสงสว่างลอดเปลือกตารบกวนการนอนของผม ผมรู้สึกชาไปทั้งตัวเว้นแต่มือซึ่งรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
�
“ทงแฮ”
�
�
FIN
�
To b con ‘[SF]Paranoid SPE.’
อิอิ
ลุ้นมั้ย ก้น่าจะนิดๆล่ะน่า(หรอ)
จิตเนอะ
ไรเตอร์สงสัยตัวเองอยู่ว่าบ้าเปล่า
เขียนแต่ละเรื่องต้องมีคนเป็นโรคจิต - [] -
แล้วนี่พอรู้กันรึยังว่าใครเป็นคนใจร้ายทำฮยอคจี้ของพวกเรา??
ตัวละครสี่ตัว ตักฮยอคจี้ออกเหลือสาม�ใครกันน้าเป็นคนทำ
พาร์ทสเปจะมาเฉลยต่อเมื่อเม้นมีมากพอ อิอิ
อิอิ
ลุ้นมั้ย ก้น่าจะนิดๆล่ะน่า(หรอ)
จิตเนอะ
ไรเตอร์สงสัยตัวเองอยู่ว่าบ้าเปล่า
เขียนแต่ละเรื่องต้องมีคนเป็นโรคจิต - [] -
แล้วนี่พอรู้กันรึยังว่าใครเป็นคนใจร้ายทำฮยอคจี้ของพวกเรา??
ตัวละครสี่ตัว ตักฮยอคจี้ออกเหลือสาม�ใครกันน้าเป็นคนทำ
พาร์ทสเปจะมาเฉลยต่อเมื่อเม้นมีมากพอ อิอิ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น