ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Diary กระดาษ ปากกา เวลา ความรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : .. เปิดปกไดอารี่ ..

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 49


           ริมขอบหน้าต่าง  หิมะตกลงมาไม่ขาดสาย  ....  ฉันอยู่อังกฤษ  ฉันกำลังหนีตัวเอง ...........



          วันพรุ่งนี้แล้วสินะ  ที่ฉันกำลังจะเดินทางกลับเมืองไทย  เพื่อกลับไปสู่ภาพลวงตาที่ครอบคลุมชีวิตฉันไว้ทุกด้าน  แม้แต่น้ำตา  ก็ไม่สามารถระบายความอัดอั้นทั้งหมดได้  - -  ข่าวที่ฉันจะเดินทางกลับ  กระจายไปสู่หูเพื่อนๆทุกคนที่รอคอยฉัน หรือรอคอยแค่ของฝากจากฉัน ??  ทุกคนจะมาพร้อมกันที่เมืองไทยในวันมะรืนนี้....



    ....  ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว  ฉันเคยเดินลงไปในห้วงๆหนึ่ง  ที่เขาเรียกกันว่า  " ความรัก "



    "ริค  ฉันจะไม่รอแล้วนะ"  ฉันกอดอกพิงผนัง  ตะโกนบอกคนๆหนึ่ง  ที่มัวแต่งุ่นง่านทำอะไรซักอย่างกับโต๊ะ

    "จะไปเดี๋ยวนี้แหละ" 

    "นี่มันเลยพักมาสิบห้านาทีแล้วนะ  มีเวลาพักแค่ยี่สิบนาที  กินข้าวไม่ทันแล้วเห็นมั๊ย"  

    "อ้วนขนาดนี้!  ยังจะเรียกหาของกินนะ!" 

    "อ้วนแล้วฉันขึ้นไปนั่งบนหัวนายรึไง  หุบปากแล้วลงไปเดี๋ยวนี้เลย"  ฉันตะโกนใส่เค้า  หลังจากนั้น  เราสองคนก็เดินลงบันไดมาถึงข้างล่าง

    ปกติ  ตามทฤษฎีของมนุษย์  หากผู้หญิงกะผู้ชายเดินมาด้วยกัน  ความคิดแรกคือ....  คู่นี้ต้องมีไรแน่เลย...



              แต่กับฉันมันไม่ใช่  ฉันกับริค  เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนยังเด็ก  เพราะเมื่อก่อนบ้านเราใกล้กันมาก  แต่หลังจากที่เค้าย้ายบ้านไปอยู่คฤหาสน์ใหญ่โตหรูหรา  ฉันกับเค้าก็ถูกแยกออกกันโดยปริยาย  ถึงแม้พี่น้องของเค้าจะมากมายจนล้นเหลือ  แต่ไม่มีใครทึ่ทำให้เค้ามีความสุขได้เลย  ริคเป็นเด็กมีปัญหา  ถึงจะมีทุกอย่างพร้อม  แต่สภาพจิตใจยังบกพร่องอีกหลายอย่าง  --   ฉัน  ในฐานะเพื่อนของเค้า  ฉันไม่เคยรู้สึกถึงความผิดปกตินี้  ริคเป็นเพื่อนที่ดี  ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา  ฉันขอบคุณพระเจ้าวันละหลายหน  ที่วันนั้น  คนที่ฉันวิ่งชนในสมัยเด็ก  จะกลายเป็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆฉันวันนี้  ทำให้ฉันได้มาอยู่ตรงนี้  เรียนพิเศษที่นี่  และมีเค้าเป็นเพื่อนรัก    --  ทุกคนที่นี่รู้จักฉันกับริค  และรู้จักมิตรภาพระหว่างเราสองคน  การที่ฉันกับเค้าจะเดินลงมาพร้อมกัน  กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ไม่มีใครสนใจ  เมื่อก่อน  ฉันคิดว่าเค้าก็เป็นผู้ชายอารมณ์ดีคนหนึ่ง  ที่เพียงพอกับมิตรภาพที่ฉันใฝ่หา  แต่พอมาวันนี้  ฉันเริ่มรู้สึกเปลี่ยนไป...  ฉันเริ่มรู้สึกว่า  ฉันชอบเค้าแล้ว..  แต่ฉันก็ยังคงเก็บความรู้สึกนั้นไว้ได้อย่างดีเยี่ยม



             วันนี้เป็นวันเปิดคอร์ส  แน่นอนว่าจะมีทั้งเด็กใหม่และเด็กเก่าปะปนกันไป  เด็กใหม่คนหนึ่ง  อายุไล่เลี่ยกับฉัน  เธอก้าวเข้ามาในห้องเรียนของฉันด้วยชุดกระโปรงสีขาว  ทุกคนหันไปมอง  ผู้หญิงผมดำ  ตาสีน้ำตาล  ผิวสองสี  ถอดแบบคุณหนูในละครออกมา....ว่าแต่  ตาสีน้ำตาล ......  เหมือนใครนะ?  นักเรียนยี่สิบกว่าชีวิต  ฉันสามารถบอกได้ว่าไม่มีใครเลยซักคนที่ไม่มองเธอ  ฉันหันไปมองที่ริคอย่างทำใจไว้แล้ว  เค้าไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มองเธอ  แต่ยังเป็นคนที่มองนานที่สุดด้วย  เธอนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าริค  และเห็นสายตาริคที่มองเธออยู่เงียบๆ  ฉันหันกลับและถอนหายใจ  ท่ามกลางเสียงกระซิบของกลุ่มผู้ชายด้านหลังฉันว่า  เธอน่ารักจริงๆ


             ในความคิดของริคมันก็คงเป็นแบบนี้

             นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันและริคพักช้าในวันนี้  ริคตัดสินใจจะเขียนอะไรให้เธอเล็กๆน้อยๆ  เป็นการเริ่มต้นการทักทายที่ดูมีเลศนัย

             ตอนนี้ริคยืนอยู่ข้างๆฉัน  กำลังตื่นเต้นอย่างสุดขีด  ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องเสียเวลากินข้าวของฉันไปกับเรื่องไร้สาระของเค้าด้วย 

    "จะทำอะไรก็ทำ  ...  จะหมดเวลาแล้ว"   ฉันพูดขึ้นเสียงเรียบด้วยความเบื่อหน่าย  พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆข้างในบอกให้ฉันดึงกระดาษในมือริคมาและฉีกมันทิ้งซะ

    "โธ่  ไม่ช่วยก็อย่าบ่นได้มั๊ย  น่ารำคาญ"

    "หนอย  รำคาญ  ไม่บอกให้มันเร็วๆล่ะ  ฉันจะได้ไม่ต้องอยู่รอ"  ฉันทำท่าจะเดินหนี  ริคดึงแขนฉันไว้

    "เค้ามาแล้ว"  เสียงริคตื่นเต้น 

    "ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น  กับคนอื่นไม่เห็นนายเป็นขนาดนี้เลย"  ฉันถามอย่างสงสัย

    "อย่าพูดมากนะตัง  คนนี้ฉันจริงจังจริงๆด้วย"  ริคพูดด้วยสีหน้าเด็ดขาด  ฉันอึ้งไปพักใหญ่

    "เธอ...."  ริคก้าวออกไปยืนขวางหน้าเธอคนนั้นเอาไว้  เธอมองริคอย่างตกใจ  (ซึ่งตอนนั้นฉันคิดว่าเธอกำลังเสแสร้ง)  ฉันหันไปทางอื่น  รอจนเห็นเธอคนนั้นเดินขึ้นชั้นบนไป  ริคเขย่าแขนฉันอย่างมีความสุข

    "เค้าชื่ออันล่ะ  เสียงเค้าน่ารักชะมัดเลย  ตัง....ตัง!!!  ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย  เค้าชื่ออันนะ..."

    "บอกฉันทำไม"  ฉันพูดสั้นๆแล้วเดินขึ้นชั้นบนบ้าง  ริคมองฉันอย่างไม่เข้าใจแล้วเดินตามขึ้นมา

    "ริค"  ฉันเรียกเค้า  ขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม

    "อะไร"

    "นาย....เป็นยังไงบ้าง"

    "อะไรเป็นไง"  เค้าทำหน้างง

    "ก็  ตั้งแต่ที่นายย้ายบ้านไปนั่นไงล่ะ"

    "อ๋อ  ก็ดีนะ  แต่ไม่มีเพื่อน"

    "นายมีพี่น้องตั้งเยอะนี่นา  ทำไมเหงาหล่ะ"  ปกติริคจะไม่เล่าเรื่องครอบครัวของเค้าให้ใครฟัง  นอกจากจะมีใครได้ยินนามสกุลของเค้าแล้วเข้ามาถาม

    "พี่ใหญ่กะพี่รองต้องเรียนธุรกิจกับพ่อ  ที่เหลือก็เรียนต่ออยู่อเมริกา"

    "แล้ว...เรนกับริงล่ะ  พี่สาวเธอไง"

    "เออ  ยัยพิเรนทรนั่นวันๆเอาแต่แต่งตัว  ส่วนริงก็เอาแต่เล่นคอม  วันๆไม่พูดอะไรแทบจะไม่กินข้าวด้วยซ้ำ"

           ริคเป็นลูกชายคนสุดท้องที่หลงมาของเพื่อนบ้านฉันเมื่อตอนหกปีที่แล้ว  เค้ามีพี่ชายห้าคน  พี่สาวสองคน  ทุกคนห่างกันปีนึงหรือไม่ก็สองปี  ไม่เหมือนเค้าที่ห่างจากพี่ๆถึงเจ็ดปี  ทำให้เค้าดูเหมือนเป็นส่วนเกินของครอบครัว  ด้วยพ่อแม่ที่ไม่ค่อยสนใจ  จ้างพี่เลี้ยงประจำตัวแล้วก็ปล่อยให้ใช้ชีวิตไปวันๆ  ตามลิขิตที่พ่อแม่ขีดเอาไว้


    "ฉันพอใจด้วยซ้ำที่พ่อแม่ไม่ต้องสนใจฉัน  ฉันกลัวต้องกลายเป็นตาแก่ทึนทึกเหมือนพี่ใหญ่"  พี่ใหญ่ของริคคือลูกชายคนแรก  ถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงาน  และพี่รองก็กำลังจะดำเนินชะตากรรมตามพี่ชายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   ฉันไม่เคยเห็นริคร้องไห้  และไม่เคยเห็นริคน้อยใจใครเท่ากับช่วงที่เค้าย้ายบ้าน  ฉันและริคไม่เจอกันอีกเลยถึงห้าปี  จนกระทั่งพ่อของริคติดต่อมา  ถามพ่อฉันว่าจะส่งริคไปเรียนต่อเมืองนอก  พ่อฉันยินดีให้ฉันไปเป็นเพื่อนเค้ามั๊ย  พ่อฉันอยากปฏิเสธ  แต่ก็เกรงใจพ่อริค  เพราะเค้าเป็นเพื่อนกันมานาน  ริคลุกขึ้นเถียงแม่เป็นครั้งแรก  และต่อต้านอำนาจเผด็จการของแม่  พ่อริคจึงยอมยุติเรื่องทั้งหมด  ดูเหมือนริคเพิ่งจะนึกถึงฉันได้  เค้าโทรหาฉันและเราคุยกันหลายๆเรื่อง  จนในที่สุดก็ได้มาเรียนพิเศษด้วยกัน  



    เรื่องทุกอย่างแล่นผ่านเข้าสมองฉันราวกับฟิล์มเคลื่อนผ่านทีละฉาก  ริคแปลกใจที่ฉันเงียบไป

    "ข้าวตัง...เธอเป็นอะไรไปหน่ะ"

    "เปล่าหนิ  เข้าห้องเถอะ"  ฉันเปิดประตูเข้าไป  แล้วฉันกับริคก็แยกย้ายกันไปนั่งที่ของตัวเอง



             ฉันเป็นลูกสาวคนเดียว  ของบุคคลชั้นกลาง  พ่อของฉันทำงานอยู่ในบริษัทของพ่อริค  แต่พ่อริคและพ่อฉันเป็นเพื่อนกันมาก่อน  พ่อฉันจึงได้รับการเชื่อถือและการให้เกียรติเกินตำแหน่งหน้าที่

              ริคมักจะแนะนำผู้ชายหน้าตาดีๆมากมายให้ฉัน  และมักจะบอกให้ฉันเลิกพูดจาดุเดือดกับผู้ชายพวกนั้นซักที

    "แล้วเธอชอบแบบไหนล่ะ  ฉันจะได้เลือกมาให้ก่อน"  ริคพูดยิ้มๆ

    "ฉัน..."  บุคลิกแบบเค้ายังไงล่ะที่ฉันชอบ  แต่ฉันก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดประโยคที่จะแยกฉันกับเค้าออกจากกันถ้าเค้าได้ยิน

    "แกทำไม ..."

    "ฉัน...ฉันรำคาญนายไงริค  เลิกยุ่งกับชีวิตฉันซะทีได้มั๊ย  ถ้าฉันอยากมี  ไว้เดี๋ยวจะหาเอง"  ฉันหันไปเก็บของและเดินลงจากตึกเรียนเพื่อกลับบ้าน  ริคมองตามฉันงงๆ  เค้าเป็นคนมีความสามารถ  ที่เดาใจคนออกได้ในทุกมุมมอง  แต่ไม่เคยเดาใจฉันได้เลยซักครั้ง  เค้าไม่เคยรู้ว่าฉันคิดยังไงกับเค้า  แม้ฉันจะพยายามทำพิรุจให้เค้าจับผิดได้ง่ายๆก็ตาม

    "เออใช่  อาทิตย์นี้ฉันต้องไปบ้านนายล่ะ  เมื่อคืนพ่อนายโทรมาชวนพ่อฉันไปงานกินเลี้ยงวันเกิดนาย เพราะต้องการจะคุยเรื่องธุรกิจที่พ่อนายกำลังจะเริ่มทำเพิ่ม"

    "วันเกิดเหรอ  จริงด้วยแฮะ  ลืมไปซะสนิท"

    "ริค  ตัง"  ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเราสองคน  เธอชื่อมีน  เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันและริค

    "มีไร"  ริคถาม 

    "พูดดีๆกับฉันบ้างไม่ได้รึไงล่ะ"  มีนพูดโกรธๆ  "เย็นนี้พวกเราจะไปกินไอศครีมฉลองเปิดคอร์ส  พวกเธอสองคนจะไปด้วยมั๊ย"

    "ไปสิ  ฉันอยากกินสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กล่ะ"  ฉันรีบเสนอตัวทันที  ระหว่างที่ฉันกำลังคุยกับมีนเรื่องไอศครีมโปรโมชั่น  ริคก็ทักอันที่กำลังเดินผ่านไป

    "อัน  เย็นนี้ว่างมั๊ย  ไปกินไอติมกัน  ฉลองเปิดคอร์ส"  ริควิ่งเข้าไปถามอัน  ฉันหันไปมอง  แล้วราวกับมีดกำลังกรีดอวัยวะภายในของฉันอยู่  ในขณะที่อันตอบว่า

    "ไปได้เหรอคะ"

    "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"  ริคทำหน้าไม่อยากเชื่อ  "จริงมั๊ยตัง"

    ฉันสะดุ้งเมื่อริคโยนให้ฉันหน้าตาเฉย  ฉันพยักหน้ายิ้มๆกลับไป

    "เห็นมั๊ย  ไปด้วยกันเถอะ"  อันก้มหน้าลงมองมือถือ  แล้วเงยหน้าขึ้นมองริคซึ่งสูงกว่าเธอเป็นสิบเซ็น

    "ค่ะ"  ฉันเห็นรอยยิ้มของริคที่ค่อยๆออกมาเด่นชัดบนใบหน้า  ริคคงมีความสุขจริงๆ  ฉันคิดในใจ

    "ฉันว่าฉันไม่ไปดีกว่า"  ฉันบอกมีน  แล้วเดินจ้ำพรวดขึ้นไปชั้นบน  และหลบอยู่ในห้องน้ำ
             ฉันหลบอยู่ในห้องน้ำชั้นบนสุด  เพราะปกติจะไม่ค่อยมีใครใช้  เพราะขี้เกียจเดินขึ้นมา  ........ฉันเริ่มน้ำตาคลอเบ้า  เมื่อนึกถึงท่าทีของริค  เพราะความเป็นเพื่อนงั้นเหรอ  เพราะฉันเป็นเพื่อนนายใช่มั๊ย  การอยู่ใกล้ๆฉันมันถึงไม่เคยมีความหมายเลย  ทำไมนายไม่เคยยิ้มแบบนั้นให้ฉันบ้าง  ทำไมนายไม่คิดบ้างว่าฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับอัน  ทำไมนายไม่คิดบ้างว่า....  วันที่นายมีความสุขกับคนที่นายชอบ  คนที่นายรัก  ฉันต้องยืนอยู่ตรงนี้  ยืนอยู่ข้างๆนายอย่างไม่เต็มใจ  และร้องไห้ให้กับความรู้สึกที่นายไม่เคยรู้  นายมันโง่  หรือฉันมันบ้ากันแน่.......

             หลายนาทีผ่านไป    ฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าของปิ๊งที่กำลังมีความสุขกับผู้หญิงคนนั้น  ยังคงสะท้อนเป็นเงาจางๆอยู่ในหัว 



    ปรากฏว่า...  ที่หน้าห้องน้ำนั่นมีคนบางคนยืนกอดอกพิงราวบันไดมองหน้าฉันอยู่...!!!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×