ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Shot Fic : Yaoi ,Bigbang...Other

    ลำดับตอนที่ #1 : ТЕΜ♂Ġ...รักเขาจังครับ(ยังไม่จบ)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 52


    ТЕΜĠ...รักเขาจังครับ

    คำเตือน : เนื้อหา บทสนทนา มีคำไม่สุภาพไม่เหมาะในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน(หรือเปล่า)
    นิยายเรื่องนี้เป็นแนว ชายรักชาย หากคุณไม่นิยมแนวนี้กรุณาปิดหน้านี้ไปด้วยนะคะ
     และสำหรับ FC ของบุคคลที่อยู่ในเนื้อเรื่อง อย่าเพิ่งโกรธ เกลียด ผู้เขียนที่นำเอาบุคลิก และชื่อของท่านผู้นั้นมาปู้ยี่ปู้ยำ อิอิ เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งทั้งสิ้น(ยกเว้นชื่อ) กรุณาอ่านเพื่อความบันเทิง ผู้เขียนไม่มีเจตนา ดูหมิ่น สบประมาทใดๆ

    ส่วนเรื่องนี้จะมี NC หรือไม่บอกไม่ได้ เพราะยังคิดไม่ออกรอ มาแว๊บเข้ามาเมื่อไหร่คงได้เจอกันอีกค่ะ

    กราบงามๆ 

    ชอบก็เม้น

    ติ

    แนะนำ

    หรือไม่รู้สึกอะไรเลยไม่เม้น

    อันนี้ไม่ว่ากัน

    ขอบคุณที่แวะเข้ามา 

    ขอโทษที่มำให้เสียเวลา

    เชิญอ่านค่ะ























     
    ผมว่าเพราะแสงแดดจ้าตอนบ่ายนั้นแน่ๆ...ที่ทำให้ผมต้องก้มลงเล็กน้อยเพื่อหลบให้พ้น และเข้าสู่ระยะการมองเห็น เสี้ยวหน้าใสของเขา...ริมฝีปากแดงระเรื่อที่กำลังกัดเบาๆที่ปลายปากกา คิ้วเรียวขมวดแน่นเป็นปมเพราะเขากำลังใช้ความคิดกับเรื่องที่พวกเรานักศึกษาเลคเชอร์กันอยู่...
     
     
                ดิ๊งด่องๆ เสียงออดหมดคาบเรียนดังสะท้านไปทั้งมหาวิทยาลัย อาจารย์สาวสวยกำลังพูดคุยและแย้มยิ้มกับนักศึกษาที่ยกมือถามข้อสงสัย...แต่ผมอ่ะโคตรรำคาญ ลุกพรวดขึ้นแบบไม่แยแสสายตาเกือบยี่สิบสามสิบคู่หันมาทิศทางเดียวกัน และสายตาพวกนั้นกำลังถามผมว่า...มึงมีปัญหาอะไรวะสาดดด
     
     
                อย่าคิดว่าผมจะมีสำนึกครับ สายตาแค่นี้ไม่เป็นปัญหาต่อการดำรงชีวิต ผมก้มหัวให้อาจารย์เห็นนิดหน่อยแล้วก็เก็บของเดินออกมาอย่างว่องไว ผมเป็นเด็กเรียนนะครับอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมเรียนเต็มคาบในเมื่อมันหมดเวลาผมก็แค่ออกตรงเวลาเท่านั้นหรือไม่จริง!! ผมเหลือบสายไปทิศทางก่อนหน้านี้เล็กน้อย ใช้หางตาสำรวจคนๆนั้นที่ผมเอาแต่นั่งมองเขาทั้งคาบ ดวงตาเรียวมองตามผมอยู่เช่นกัน ปากจิ้มลิ้มน่าจูบนั้นเผยอแยกจากกันเล็กน้อย...เห็นแล้วของจะขึ้นครับเหอๆ
     
     
                ผมเดินออกถึงระเบียงที่มีล็อกเกอร์เรียงรายผมยัดของที่คิดว่าไม่จำเป็นแล้วสำหรับวันนี้เข้าไป จัดการปิดล็อกแล้วก็เดินไปที่ด้านหนึ่งของตึกที่ผมจอดรถไว้เมื่อเช้า
     
     
                เฮ้!!ซึงฮยอนนนน ผู้ชายคนหนึ่งแหกปากเรียกชื่อผมซะสนิท ผมละงงว่าไปรู้จักมันตอนไหน เลยหันไปมองแม่มตาขวาง เม้มปากแน่นเดี๋ยวเผลอหลุดด่าบิดามารดรมันออกไปเสียภาพพจน์ครับ ไอ้หนุ่มตาตี่กึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงมาที่ผม พอหยุดลงตรงหน้าก็หอบแฮ่กๆ เหมือนแมวหอบแดดท่าทางจะเหนื่อยผมเลยกะจะให้นายคนนี้พักซะหน่อย หันหลังกดปลดล็อกรถแล้วประจำที่คนขับเตรียมสตาร์ท ไม่สนครับปล่อยให้มันพักเหนื่อยไปสิ หึหึ
     
     
                เฮ้ยยย เดี๋ยว!” ไอ้ตาตี่นั่นทุบกระจกด้านผมไม่ลดละ ชักหงุดหงิดครับมันจะอะไรกับผมนักหนาเนี่ย...ลดกระจกลงเพิ่มอาการขวางของดวงตา เหล่มองมันนิดๆ ประมาณว่ามึงมีไรรีบว่ามา!
     
     
                ซึงฮยอนนายอย่าเพิ่งไป เรามีไรจะคุยด้วย... ไอ้ตาตี่พูดไปหอบไปเห็นแล้วเหนื่อยแทนกรูขอไปพักเหนื่อยที่บ้านรอละกัน ผมเตรียมสตาร์ทรถอีกรอบ
     
     
                ให้ไวได้ป่าววะรีบ ผมทำเสียงเครียดใส่มัน ซึ่งดูเหมือจจะได้ผลด้วยแฮะ แม่มไอ้ตาตี่หงอไปเลย
     
     
                ...งานกลุ่มง่ะ... หมอนั่นมันอ้ำอึ้งจนผมอยากออกไปเตะตูดมันซักป้าบ บอกอยู่ว่ารีบ
     
     
                ก็ ก็...นายอยู่กลุ่มเดียวกะเราลืมแล้วเหรอ เออเหรอ...ตั้งแต่เมื่อไหร่วะผมพยายามนึก...รางๆ ว่าจะเป็นอย่างนั้นว่ะ พอมองหน้ามันดีๆ ก็คุ้นๆแบบประหลาดเหมือนกันแฮะ
     
     
                อ้าววเหรอ แล้วไม่รีบบอกวะ ผมทำเสียงเข้มใส่ แล้วนายมีอะไรป่าวล่ะ ผมถามกลับเหมือนจะหาเรื่องมันมากกว่านะนั่น
     
     
                คืองานที่ จารย์ สั่งตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วอ่ะใกล้จะส่งแล้วเพื่อนเราเลยให้มาถามว่านายจะเอาไงจะยังเข้ากลุ่มอยู่มั้ย ไม่งั้นจะเอาชื่อออกนะ ไอ้ตาตี่ร่ายยาวเชียว เดี๋ยวงานกลุ่มตายห่..ผมเพิ่งนึกขึ้นได้มันมีงานนี้จริงๆนี่หว่า
     
     
                อ๋อเหรอ...ไม่ต้องคัดชื่อออกนะ ผมบอกมันเสียงดัง
     
     
                ถ้างั้นต้องไปช่วยงานกลุ่มด้วยดิ เนี่ยเพื่อนให้เรามาตาม ไอ้ตาตี่มันบอกผม เสียงเหมือนมันออกมาได้แค่ลำคอ มันกลัวอะไรนักหนา แค่ขมวดคิ้วใส่หน่อยเดียว อะไรของมันวะ
     
     
                ว่าแต่ให้ไปช่วยกี่โมงอ่า ตอนนี้เราไม่ว่าง ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
     
     
                ตอนนี้เลย ไอ้ตาตี่ทำหน้าเหี่ยวบอกผม เฮ้อ...ถอนใจเฮือกเลยสิคนยิ่งรีบๆ ที่ว่ารีบนี่ไม่ใช่อะไรหรอกครับมีนัดกะสาวอ่ะ เอาวะไหนๆก็ไหนๆเรียนมาจนนี้แล้วจะจบมันอยู่แล้วเนี่ย เอาก็เอา!!
     
     
            “ก็ได้...ขอเวลาแป๊บ ผมล้วงโทรศัพท์กดหาบางคนที่กำลังรออยู่
     
     
                อืม...วันนี้ไปไม่ได้นะ...ต้องทำรายงาน ผมกรอกคำพูดที่จะบอกในสายทันทีแบบไม่มีที่มาที่ไป เสียงง๊อแง๊งน่ารำคาญอยู่ที่ปลายทำเอาผมชักอยากสลัดเธอทิ้งซะตอนนี้ สงสัยจะได้เวลาแล้วมั้ง ผมถอนใจ...
     
     
                ไปกันยัง ผมหันไปถามไอ้ตาตี่ที่ยืนบื้อรอผมอยู่ หมอนั่นมันพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินนำผมกลับไปที่ตึกเรียนที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อกี้นั่นแหละ แม่ม....ผมกดล็อคแล้วเดินตามไอ้ตาตี่เข้าไปข้างในห้องเดิมที่เพิ่งลุกอกมา ส่วนใหญ่แล้วนักศึกษาคนอื่นๆ ยังอยู่ครบคงมีแต่ผมคนเดียวมั้งที่ลุกพรวดออกไปแบบนั้น ไม่สนอยู่แล้วนิ...
     
     
                มาแล้วๆ ไอ้ตาตี่บอกเพื่อนๆที่ทำงานกลุ่มด้วยกันอย่างดีใจ ว่าแต่มันจะดีใจอะไรนักหนา หรือดีใจที่มีเบ๊มาช่วยงานเพิ่มอีกคนวะ ผมกราดสายตาไปรอบๆ โต๊ะ คนที่แรกผมสบตาด้วยเป็นสาวสวยเซ็กซี่ทีเดียวแฮะ
     
     
                ชเว ซึงฮยอน!!” เธออุทานชื่อผม อืมแล้วไงครับ...ผมละงงๆ เธอตกใจมากๆ ผมเลยงง คนอื่นๆก็ทำท่าแบบเดียวกัน คือกลุ่มผมเนี่ยมีประมาณห้าหกคนได้ถ้ารวมผมก็เป็นเจ็ดอ่ะนะ นับจากผมเองแล้ว แล้วก็ไอ้ตาตี่ แล้วก็เตี้ยหัวตั้ง ไอ้หมีแพนด้า แล้วก็สาวเซ็กซี่ แล้วก็สาวแว่นร่างอวบ อ้าวหกคนเองนี่หว่า
     
     
                อ้าวมาแล้วเหรอ... ครบแล้วครับเขานั่นเอง คนที่ผมมองอยู่ทุกคาบ เพิ่งเดินมาถึงที่โต๊ะเหล่มองมาทางผมนิดเดียวแล้วก็วางหนังสือเล่มหนาหลายเล่มลงบนโต๊ะ เสียงดังสงัสยจะหนักใช่เล่น
     
     
                เริ่มเลยละกัน... เสียงแหลมใสไม่เหมาะกับเพศแต่เหมาะกับใบหน้าผมขอคอนเฟิร์ม สายตาผมไล่ตามใบหน้านั่นไปทุกอิริยาบทก็ว่าได้เพื่อนคนอื่นๆเริ่มทำหน้าเครียดฟังที่เขาพูดอธิบายการแบ่งงานกัน...
     
     
                ส่วนนาย...เอานี่ไป เขายื่นหนังสือเล่มที่หนาที่สุดมาทางผม ซึ่งก็รับมาแบบงงๆ อ่ะไม่ได้ฟังนี่หว่ามัวแต่มองหน้านิ
     
     
                แล้วให้เอาไปทำอะไรอ่ะ...ครับนิสัยเดิมโผล่ครับเวลาเจอคนน่ารักๆ ผมจะสุภาพเสมอแบบไม่รู้ตัว อิอิ
     
     
                นายฟังเรามั้งป่าววะ คนน่ารักโมโหใส่ผม แต่ใบหน้าผมนี่มันคงระรื่นเกินหน้าเกินตาเขาเลยเบะปากให้แบบหมั่นใส้ ผมหุบยิ้มเอาไว้แบบกลั้นสุดๆ หึหึ ก็คนมันชอบอ่ะทำไงได้วะกรู
     
     
                โทษทีๆครับอีกทีได้ป่าว ผมยิ้มให้เขาที่เริ่มขมวด ไอ้ตาตี่มองผม งงๆ ประมาณว่าอารายว้า เพื่อนคนอื่นในกลุ่มก็ทำหน้าเหวอ ไม่เข้าใจจะเหวอกันทำไมก็แค่ยิ้ม...หรือผมไม่เคยยิ้ม สงสัยจะใช่!
     
     
                ให้นายไปสรุปแนวคิดของผูเขียนมาทั้งเล่มอ่ะ แล้วเรียบเรียงใหม่ทั้งหมดได้มั้ย เสียงเล็กนั่นบอกผมกึ่งรำคาญ อิอิก็ยังน่ารักครับ
     
     
                อืม...แล้วต้องเอางานมาส่งที่ใครอ่ะ ผมถามทั้งที่ยังไม่คิดจะเริ่มทำงานด้วยซ้ำอ่ะ
     
     
                ที่เราเอง... คนน่ารักเป็นคนตอบ ผมนี่ระรื่นเชียว
     
     
                เหรอ... พอผมเงียบคนอื่นในกลุ่มก็เริ่มถามเขาอีกมากมายคำถามอ่ะ จนไม่มีช่องให้ผมแทรกจึงแต่นั่งมองหน้าใสๆนั่นเงียบๆ และดูเหมือนไอ้แพนด้าจะมีปัญหามากที่สุด ยิ่งแขนนั่นอีกจะโอบทำไมวะ เห็นแล้วไม่สบอารมณ์อย่างแรงอ่ะ ผมก็อยากทำบ้างนี่หว่า...
     
     
                แยกย้ายกันได้อาทิตย์หน้าเลิกเรียนก็เอางานที่ทำมารวมกันนะ เสียงใสๆ บอกเพื่อนๆในกลุ่มแต่ผมเหมาว่าเขาพูดกับผมคนเดียวนะ
     
     
                ป่ะๆ ไอ้เตี้ยหัวตั้งล็อกคอไอ้แพนด้าออกทางประตูไป ตอนแรกเหมือนว่าไอ้แพนด้าจะขัดขืนแต่ด้วยแรงกล้ามหรือยังไงนี่แหละที่พาไอ้แพนด้าออกไปจนได้ อีกสองสาวทำท่าไม่ยอมลุกส่วนไอ้ตาตี่โบกมือบายตามไปไอ้เตี้ยกะไอ้แพนด้าไปแล้ว เหลือคนน่ารักขอผมกะสองสาว แล้วก็ผม
     
     
                เราไปก่อนนะ พอเก็บของเสร็จเขาก็เตรียมจะเดินออกไปเลย
     
     
                หมับ!! ผมมองมือตัวเองที่จับแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้ เขาเองก็ดูเหมือนจะงงกะผมเหมือนกัน อย่าว่าคน่ารักงงเล้ยผมยังงงตัวเองอยู่เนี่ย แล้วกรูจะจับเขาเอาไว้ทำไมวะเนี่ย แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ไปไหนแค่นั้นอ่ะ...
     
     
                ไปด้วยกันป่าวเดี๋ยวแวะไปส่ง ผมถามคนน่ารักที่มองด้วยสายตาเปี่ยมคำถาม
     
     
                ก็เดี๋ยวไปชองดำดงน่ะ นายจะผ่านไปทางนั้นป๊ะล่ะ คนน่ารักตอบผมแล้ววกมาถามผมอีก ผมพยักหน้าไว้ก่อนแหละที่แน่ๆวันนี้ไม่มีแพลนว่าจะไปแถวนั้นเหอๆ
     
     
                นี่ๆ ไปด้วยคนนะพอดีวันนี้เราก็ต้องไปแถวนั้นเหมือนกันอ่ะ สาวสวยเซ็กซี่ทะลุกลางปล้องระหว่างผมกับคนน่ารักที่ยื้อยุดกันอยู่(ได้ข่าวว่าไปยื้อเขาไม่ใช่เหรอ) ผมจ้องหน้าเขาเขม็งพยายามส่งกระแสจิตให้คนน่ารักปฏิเสธ
     
     
                งั้นชุงมีล่ะไปด้วยกันป่าว ได้ข่าวผมเป็นเจ้าของรถนะเฮ้ย ชวนคนเดียวไหงมาเป็นพรวนวะเนี่ยเซ็งว่ะ
     
     
                งะงั้นเหรอ จะดีเหรอพะพอดีเราเองก็ต้องไปชองดำดงเหมือนกันล่ะ ว่าแล้วสาวร่างอวบก็ก้มหน้าก้มตาแก้มแดงแปร๊ดอ่ะเหอๆ
     
     
                งั้นไปด้วยกันนี่แหละ ไม่ใช่ผมครับแต่เป็นเขาที่สรุป ได้ข่าวว่าผมยังเป็นเจ้าของรถอยู่ใช่มั้ยเนี่ย
     
     
                นายโอเคมะ ซึงฮยอน คนน่ารักหันมาถามผมอีกทอด ยังดีที่ถามนะ
     
     
                อืมไม่มีปัญหา มาดิ ผมลุกขึ้นแล้วเก็บหนังสือเดินนำออกไป
     
     
                เฮ้อ...ใครจะกล้ามีปัญหากะคนน่ารักวะ
     
     
               
     
     
    ผมขับรถมาถึงย่านชองดำดงด้วยเวลาไม่นานเพราะการจราจรไม่คับคั่งนักเพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงานนี่นะ
     
     
                ลงตรงไหน ผมเหลือบมองกระจกหลังเป็นเชิงถามสองสาวที่นั่งหลัง ทั้งคู่เงียบกริบ หึหึ ไม่มีคำตอบแบบนี้แปลว่าไม่ได้ตั้งใจมาตั้งแต่ทีแรกแล้วครับ
     
     
                นายอ่ะจะให้ส่งตรงไหนครับ ผมหันไปถามคนข้างๆ ที่มองนู่นมองนี่ข้างทาง
     
     
                อ๋อเราเหรอข้างหน้าเลยเดี๋ยวเดินไปต่อเอง คนน่ารักตอบผมพลางเก็บหนังสือมาเตรียมพร้อมจะลง
     
     
                ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราไปส่งถึงที่จะไปไหนอ่ะ ผมยังตื๊อถาม
     
     
                ก็ไปร้าน สปาร์ค อ่ะ นัดเพื่อนเอาไว้ คนน่ารักตอบ
     
     
                เหรอ... ผมครางรับคำ สงสัยวันนี้ไปเมาแน่ๆเลย ก็ไอ้ร้านนั่นน่ะมันร้านเหล้านี่หว่าที่สำคัญ สาวๆเยอะครับเข้าใจเจตนาเลย
     
     
                ไปด้วยได้มะ ผมหันไปถามคนน่ารักที่ทำหน้าเอ๋อ
     
     
                ไปดื่มรึเปล่าไปด้วยดิ ผมถามย้ำ
     
     
                งะงั้นเหรอ ก็เอาดิ คนน่ารักหันมาตอบผมแบบงงๆ
     
     
                ...แล้วพวกคุณจะลงตรงไหน ผมเหลือบมองกระจกมอหลังอีกเมื่อสองสาวเอาแต่เงียบไม่ยอมบอกซะที อยากสลัดทิ้งจะแย่แล้วนี่
     
     
                ขอไปด้วยคนนะคะ สาวเซ็กซี่โน้มไปเกาะบ่าเขาเขย่าๆ เหมือนขวดยา ส่วนสาวร่างอวบได้แต่แอบมองเพื่อนอย่างมีความหวัง จะอะไรกันนักหนาวะผมเซ็ง
     
     
                อะเอางั้นเหรอ ก็ตามใจสิ เขาตอบแบบ งงงวยคูณสอง เออ...สงสัยจะสลัดไม่หลุดครับผมจำใจต้องรีเทิร์นรถกลับไปร้าน สปาร์ค ที่อยู่มุมถนนที่ขับผ่านมาแล้วเพราะมัวแต่คุยตกลงกันนั่นแหละ...(ว่างๆจะมาต่ออ่ะไม่รู้จะได้กี่เปอร์ หึหึ)


    ปล.หลังไม


    บุ๋มบิ๋มเขียนเรื่องนี้ไม่ใช่แรงบันดาลใจยิ่งใหญ่อะไรนะคะ พอดีได้อ่านงานเขียนจากเวบอื่นแล้ว บทสนทนาเค้าเป็นธรรมชาติ เหมือนพวกเพื่อนผู้ชายคุยกัน เลยอยากแต่งแนวนี้บ้างอ่ะค่ะ...และเรื่องนี้ยังไม่จบ เมื่อไหร่จะจบ ยังไม่รู้เหมือนกัน ถ้าไม่อยากรอให้ดูที่ชื่อเรื่องนะคะ จะมีคำว่าจบแล้วต่อท้ายตอนนั้นค่อยเข้ามาอ่านก็ได้ค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×