ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sad memory ความทรงจำที่แสนเศร้า

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นความทรงจำ

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 51


          วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะต้องใส่ชุดนักเรียน  ภายในห้องทุกๆต่างก็หยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายรูปกันไว้เป็นภาพแห่งความทรงจำ เสื้อนักเรียนสีขาวตอนนี้กลับต้องเปื้อนไปด้วยข้อความเป็นสีต่างๆที่บอกความรู้สึกดีๆ ก่อนที่จะต้องจากกัน พอถึงเย็นขณะที่ผมนั่งรถโดยสารประจำทางกลับบ้าน  ผมได้หยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดไปที่ชื่อเจ้าของเบอร์ที่ผมกำลังจะติดต่อนั้นทันที
      "ฮัลโหล"
     "ตั๊กวันนี้ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้ววันนี้ต้องไปเรียนพิเศษรึเปล่า"
     "อือ ไปสิว่า แต่วันนี้เราไปกินข้าวด้วยกันไหม"
     "ไปๆแต่ว่าไปกินที่ไหนกันดีล่ะ"
     "ไม่รู้เหมือนกัน งั้นเดี๋ยวหลังเลิกเรียนพิเศษจะไปรับนะ แล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน โอเคมั๊ย"
     "โอเค งั้นเดียวเจอกันนะ"
                   ผมนั่งอ่านหนังสือรอตั๊กอยู่ที่ระเบียงบ้าน ผมกับตั๊กเราคบกันมา 2ปีกว่าๆแล้ว ผมรู้จักตั๊ก เพราะว่า ตั๊กเป็นเพื่อนของผมที่โรงเรียน ผมกับตั๊กเราเรียนกันคนล่ะโรงเรียนครับ ผมรู้สึกว่าตอนนั้น ผมแอบชอบตั๊กเข้าแล้ว หลังจากนั้นผมก็เจอตั๊กบ่อยๆ ในเวลาที่เราไปเที่ยวด้วยกันกับกลุ่มเพื่อนๆ  และ เวลาที่เราเจอกันทางเอ็ม จนในที่สุดผมก็ได้บอกรักกับเค้า ตั๊กเป็นคนรักคนแรกของผม และ เป็นคนที่ผมบอกรักคนแรกด้วยเช่นกัน ผมได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของตั๊กมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว แม่ผมตะโกนบอกตั๊กว่าอย่าพากันกลับดึก พ่อกับแม่ผมรู้ว่าผมกับตั๊กเราคบกัน ตอนแรกพ่อกับแม่ขัดใจนิดหน่อย แต่พอนานๆไปพ่อกับแม่ก็เข้าใจตัวผม ผมกับตั๊กเราไปกินข้าวกันที่ย่านซาวกั๊ด อร่อย และ อิ่มด้วย หลังจากนั้นตั๊ก ก็พาผมมายังที่ที่เราสองคนนั้นรู้กัน นั่นก็คือริมแม่น้ำปิงที่ที่ผมชอบมานั่งอ่านหนังสือ และที่นี้เป็นที่ที่ผมบอกรักตั๊ก
      "เบสท์ จำที่ตรงนีได้ไหม" 
     "จำได้สิเรามาอ่านหนังสือบ่อยๆไง"
      "ไม่ใช่ซ๊ะหน่อย เบสท์บอกรักเราตรงนี้ไง"
      "ตั๊กจำได้ด้วยเหรอ"
      "จำได้ซิ สองปีแล้วสินะ"
      "ดีใจจังที่ตั๊กจำได้ขอบคุณนะที่ตั๊กดูแลเราตลอดเวลาเลย"
    พอผมพูดจบ ตั๊กโอบผมเข้าหาเค้า ผมจ้องดูแสงจากไฟประดับจากสะพานที่กระทบลงบนผิวน้ำ ที่ตรงนี้มีเพียงผมกับตั๊กเท่านั้น ผมรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่กับตั๊ก
                   จนกระทั้งถึงเวลาที่ผมกับตั๊กเราต้องอยู่หางกันไกล ตั๊กได้สอบติดที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ส่วนผมสอบติดที่มหาวิทยาลัยในเชียงใหม่ ผมกับตั๊กทะเลาะกันเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการเรียนต่อ แต่สุดท้ายเราก็ต้องเคารพถึงการตัดสินใจของกันและกัน ผมกลัวความห่างไกล กลัวว่าตั๊กจะมีคนอื่น กลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง มันเกิดขึ้นในหัวผอยู่ตลอดเวลา วันนี้เราไปเลี้ยงฉลองการสอบติดมหาวิทยาลัยกันที่ร้านนมสด 
      "ดีใจด้วยนะเบส"
      "เหมือนกันนนะตั๊ก เราดีใจที่ตั๊กได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ตั๊กฝันไว้ แต่ว่า..."
      "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า  ยังไงเราก็ต้องกลับบ้านมาหา แม่ กับ น้องสาว แล้วก็เบสท์อยู่แล้ว"
      "เรารู้สึกว่ามันอาจจะนานไปรึเปล่า"
      "ไม่เป็นไรหรอกน่า  กรุงเทพ กับ เชียงใหม่ อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง" 
    ตั๊กจับมือผม เหมือนเป็นการให้สัญญากับผมไว้ 
    ผมฝืนยิ้มให้กับตั๊กเพื่อทำให้ตั๊กสบายใจ ทั้งๆที่ผมยังคงกังวลใจอยู่ หลังจากที่เราฉลองกันที่ร้านนมสด วันนี้ตั๊กมานอนที่บ้านผม ระหว่างทางที่กลับบ้านนั้น น้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้นั่งก็ไหลออกมา ผมซบหน้าลงบนหลังของตั๊ก ตั๊กยื่นมือข้างหนึ่งมาข้างหลังแล้วกุมมือของผมเอาไว้ตลอดทางกลับบ้าน  ผมนอนไม่หลับ
    ตั๊กเรานอนไม่หลับ  เราอยากอยู่ใกล้ๆตั๊ก ต่อไปนี้เราต้องเหงาแน่ๆเลย
    เหงาเหรอ งั้นคืนนี้จะนอนกอดให้หายเหงาเลย

    ตั๊กโอบกอดผม และจูบหน้าฝากผมก่อนนอน ผมรู้สึกอบอุ่น ผมมองหน้าตั๊กแล้วผมก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

                   หลังจากนั้นอีกไม่นานตั๊กก็ต้องไปกรุงเทพ ก่อนหน้าวันนั้นตั๊กมาหาผมที่บ้านและพาผมไปที่ที่เราคุ้นเคยกันดี แสงแดดยามเย็นกับท้องฟ้าที่มีสีส้มนั้นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง นกต่างก็ส่งเสียงร้องพากันกลับรัง ผมกับตั๊กนั่งลงตรงที่ม้านั่งที่เรามานั่งคุยกันเสมอ วันนี้ตั๊กดูเงียบกว่าทุกครั้ง
    เบสท์  พรุ่งนี้เราต้องไปแล้วนะ
     
     ทำไม่เวลามันเร็วจังเลยนะ
    พรุ่งนนี้เบสท์ไปส่งเราที่สถานีรถไฟตอน หนึ่งทุ่มด้วยนะ
     อืมได้เลย  ว่าแต่ว่าเก็บของรึยังล่ะ
    ยังเลย  เอาไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้เราอยากใช้เวลาอยู่กับเบสท์มากกว่า
     
    แล้วจะไปส่งนะ
     ดีใจจังเลย

    อยู่ดีๆในตอนนั้นน้ำตาผมมันก็ไหลออกมาอีกแล้ว ผมนี่ไม่ไหวจริงๆเลย ทำให้ตั๊กต้องเป็นห่วงอีกแล้ว ตั๊กยื่นมือมาเช็ดน้ำตาผม 
    อย่าร้องไห้สิ เราเป็นห่วงนะ
    ก็ได้เราจะไม่ร้องแล้ว

    ความเงียบก็เข้ามา ผมมองดูหลายๆสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในตอนนี้ ท้องฟ้าสีส้มนั้นได้มืดสนิท มีเพียงแต่แสงไฟประดับที่ระยิบระยับอยู่บนผิวน้ำ เสียงนกร้องเพื่อกลับรังได้หายไปแล้วตอนนี้มีแต่เพียงเสียงดนตรีจากร้านอาหารระแวกริมแม่น้ำนั้นเหมือนกับว่าจะทำให้ผมกับตั๊กเก็บสิ่งดีๆของสองเราไว้ก่อนวันพรุ่งนี้วันที่เราต้องห่างกัน

              วันนี้เป็นวันที่ตั๊กต้องไปแล้ว พ่อกับแม่ของผมก็จะไปส่งตั๊กด้วย เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินผมนั่งดูเวลาตอนนี้เป็นเวลา หนึ่งทุ่มกว่าๆแล้ว  ผมนั่งเงียบอยู่ข้างหลังรถ 
     เบสท์เป็นอะไรไปลูก
    ไม่มีอะไรครับ
    ไม่เป็นไรหรอก ตั๊กเค้าแค่ไปเรียนที่กรุงเทพเอง อีกอย่าง เดี๋ยวนี้ กรุงเทพ กับเชียงใหม่ใกล้กันจะตายลูก คิดถึงก็โทรหาเค้าสิ
     ครับ.....
    ตอนนี้ถึงสถานีรถไฟแล้ว ผมได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกผม 
    เบสท์ทางนี้ลูก
    แม่ตั๊กเรียกผม ตั๊กกำลังคุยอยู่กับเพื่อนๆที่มาส่งเค้า ผมรีบวิ่งไปทางแม่ตั๊กพร้อมกับทักทาย ตั๊กทักทายพ่อกับแม่ของผม ตั้กเดินเข้ามาหาผม ตั๊กยิ้มให้ผม ผมยิ้มตอบให้กับตั๊กเพื่อไม่ให้ตั๊กเป็นห่วง ในตอนนั้นผมพูดอะไรไม่ออก ตั๊กต้องขึ้นไปนั่งบนรถไปแล้ว ทุกคนบอกลาตั๊ก ตั๊กเข้ามากอดแม่ น้องสาวของตั๊ก และผม ผมสังเกตเห็นหน้าของตั๊กเริ่มแดง ตั๊กรีบขึ้นไปนั่งบนรถไฟ ตั๊กนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ผมวิ่งไปทางนั้นเห็นตั๊กกำลังร้องไห้อยู่ ผมเคาะที่กระจก แล้วยิ้มให้กับตั๊ก ผมอยากเข้าไปเช็ดน้ำตา แล้วกอดตั๊กเหมือนตอนที่ตั๊กทำกับผมตอนที่ผมร้องไห้ ผมโบกมือลาตั๊ก ผมยืนนิ่งมองดูรถไฟที่วิ่งออกจากสถานีจนลับตาของผมไป 

                   การจากลาทำให้ผมกลัว กลัวหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังมาไม่ถึง กลัวสิ่งที่เรียกว่า รักแท้แพ้ใกล้ชิด ผมมองดูรูปผมกับตั๊กที่ถ่ายรูปคู่กัน ตั๊กเป็นที่คอยดูแลผมทั้งคอยไปรับไปส่งผม ไปกินขาวเป็นเพื่อนผม อ่านหนังสือเป็นเพื่อนผม คุยกับผมเวลาผมไม่สบายใจ จากนี้ต่อไปจะเป็นยังไงบ้างนะ ผมจะรอตั๊กกลับมานะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×