ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction D.Gray-man] Only one...Only "LOVE" [Y]

    ลำดับตอนที่ #1 : ParT 1 Kanda Yu_ตอนที่ 1 "Remember"

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 51


    เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นฉันยังคงจำได้ดี..................
     
    ความทรงจำและความรู้สึกทั้งหมดฉันไม่เคยลืม................เด็กหนุ่มผมสีส้มประหลาดที่มักจะมาพร้อมกับใบหน้ากวนๆและร้อยยิ้มสดใส
     
    การพบกันครั้งแรกของเราสองคนมันไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไรนัก.......ฉันไม่ชอบคนพูดมากน่ารำคาญแต่เจ้าบ้านี่กลับพูดไม่หยุดแถมยังชอบมาพูดกวนประสาทอยู่ข้างๆหูอีกต่างหาก   แต่ดูเหมือนนิทานหลอกเด็กไร้สาระของหมอนี่จะเป็นที่สนใจของหลายๆคน
     
    ไม่เว้นแม้แต่ฉัน...............เรื่องที่หมอนี่เล่ามาส่วนมากจะเป็นเรื่องแปลกๆสุดแสนจะเวอร์   แต่ทุกครั้งที่ได้ฟังกลับรู้สึกสนุกอย่างประหลาด   ราวี่มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้มเสมอเขาดูสดใสและร่าเริงตลอดเวลาไม่ค่อยจะมีใครรู้หรอกว่าเขาจะมีความทุกข์เหมือนคนอื่นบ้างหรือเปล่า........เพราะรอยยิ้มนั้นปิดบังสิ่งที่อยู่ในใจของว่าที่
    บุ๊คแมนคนนี้ซะเกลี้ยง
     
    เขายิ้ม............ยิ้มอย่างมีความสุขในยามที่เขามีความสุข
     
    เขายิ้ม............แม้ว่าจะทุกข์สักเพียงไหนเขาก็จะยิ้ม
     
    ราวี่มักจะยิ้มให้ฉันทุกครั้งที่เจอกันแต่ฉันน่ะเหรอ..........กลับเมินรอยยิ้มนั่นแล้วเดินผ่านร่างของเขาไป
     
    เคยได้ยินมั้ย....คำพูดที่ว่า ‘คนเราจะรู้ว่าสิ่งนั้นมีค่าก็ต่อเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว’
     
    .
     
    .
     
    .
     
    .
     
     
    โรงอาหารรวมศาสนจักรแห่งความมืด
     
    “ต๊าย! หวัดดีจ๊ะคันดะคุงวันนี้ทานอะไรดีเอ่ย.....” เจรี่พ่อครัว(?)ใหญ่ประจำศาสนจักรพูดด้วยน้ำเสียงแสบแก้วหูเช่นเคย....เสียงดังน่ารำคาญ
     
    “เหมือนเดิม”
     
    “ง่ะอีกแล้วหรอจ๊ะ   ไม่คิดจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นบ้างหรอ
     
    “ทำๆมาเถอะอย่ามัวแต่พูดมากฉันหิว”
     
    ผ่านไม่ไม่นานอาหารที่ฉันสั่งก็มีอยู่ในมือ   วันนี้คนเต็มโรงอาหารเลยแฮะ.....ตรงนั้นว่างนี่แถมยังเป็นมุมสงบอีก   ฉันเดินไปยังโต๊ะที่อยู่มุมในสุด
     
    “นั่งด้วยนะ” ฉันยังไม่ทันจะอนุญาตนายหัวสมตัววุ่นวายก็เดินเข้ามานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม   น่ารำคาญชะมัดให้ตายเถอะคนยิ่งหิวๆยังมากวนประสาทอีกเดี๋ยวพ่อก็สับซะนี่
     
    “นี่ๆยูจังขอมือหน่อยดิ”
     
    “นี่แกคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรห๊ะ!?   แล้วใครใช้ให้แกเรียกว่าฉันว่า ‘ยู’ ” ยูไม่พอยังมี ‘จัง’ เติมมาอีกแบบนี้มันจะมากไปแล้วนะไอบ้านี่!!
     
    “อาร๊าย อาราย...อย่าใจร้ายไปหน่อยเลยน่า   ถ้านายไม่ให้ฉันเรียกนายว่ายูละก็ฉันจะเรียกนายว่า ‘โซบะตี้’ ……….เพราะนายน่ะกินแต่ไอ้เส้นนี่ทุกวันแถมยังทุกมื้อ   แค่ฉันเห็นนายกินแบบนี้ทุกวันฉันก็เบื่อแทนแล้ว   ถ้านายชอบเส้นละก็...นี่ไงสปาเก็ตตี้แสนอาหร่อย~   สนม่ะๆ” ราวี่ยิ้มร่าทั้งยังเลื่อนจานที่อาหารของเขามาทางฉัน
     
    “นี่อย่ามาพูดเหมือนกับว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นนานนะ!!”
     
    “อ๊ะ ว่าไงตกลงจะยอมให้ฉันเรียกว่ายูดีๆหรือว่าจะให้ฉันเรียกว่าโซบะตี้ แต่เจ้าชายโซบะก็น่าสนนะ   อืม....แต่ว่าโซบะตี้ก็น่ารักดีนะ
     
    “นี่!!”
     
    “น่านะ....ให้ฉันเรียกนายว่ายูได้มั้ย” ราวีพูดพร้อมกับชอนต้าขึ้นมองอย่างที่ผู้ชายไม่ควรจะทำ   ดวงตาสีเขียวมรกตนั้นด็เป็นประกายแปลกๆ   มันวิ้งๆวับๆจนน่าขนลุก=”=
     
    “เออ!!” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนเพราะไอ้สายตาบ้าๆนั่นจนได้!!   วุ้ยไม่กงไม่กินมันแล้ว!!!
     
    “เดี๋ยวๆ   นายจะไปไหนน่ะ นั่งก่อนๆ” ราวี่รั้งข้อมือของฉันไว้    ไม่เคยมีใครกล้าแตะตัวฉันแบบนี้มาก่อน......อีกอย่างฉันก็ไม่ชอบ
     
    “นี่!!” พยายามสะบัดมือออกแต่ก็ไม่หลุด
     
    “นี่เน่ออะไรกันง่ะ...ราวี่   ฉันชื่อราวี่ไม่ใช่ชื่อนี่
     
    “นายนี่มัน...!!”
     
    “เอาน่าๆนั่งก่อนๆ   เอามือมาสิ
     
    “ทำไม”
     
    “ฉันจะดูลายมือให้    อย่าดูถูกน้า.....ฉันดูแม่นนะเออ
     
    “ไร้สาระ นายเป็นหมอดูรึไง”
     
    “เป็นว่าที่บุ๊คแมน  
     
    “เฮ้ย!!!” แต่นี่ก็เป็นความสามารถเฉพาะตัว เอามือมานี่ๆ” เป็นครั้งที่สองที่ไอ้บ้าราวี่จับมือฉันโดยไม่ได้อนุญาต   แก่นี่มันไม่รู้จักคำว่ามารยาทรึไงนะ
     
    “อาโหววววววว   ดวงนายทำไมมันอับเฉาแบบนี้นะ
     
    “อย่ามายุ่งน่า”
     
    “ดูนี่สิๆเส้นนี้มันบอกว่านายน่ะเป็นคนเก็บเงินไม่ค่อยอยู่”
    บ้านแกซิเก็บไม่ค่อยอยู่อะไรเล่า   คนที่นี่ทุกคนทำงานฟรีทั้งนั้นจะมีก็แต่เบี้ยเลี้ยงเล็กๆน้อยๆเท่านั้นแหละ ไอ้ที่ว่าเก็บเงินม่อยู่น่ะ....ที่จริงมันไม่มีเงินให้เก็บต่างหากเล่าเจ้าบ้า
     
    “การงาน......ทำงานหนักตลอดไม่ค่อยจะได้มีเวลาพักผ่อน   งานที่ทำก็เป็นงานที่อันตราย.....และอาจถึงชีวิต
     
    ก็ใช่ซิไอ้บ๊องก็ฉันเป็นเอ็กโซซิสท์นี่เฟ้ย!!
     
    “อืมๆต่อไปสุขภาพนะ.......ว้า~   แย่ๆนี่ถ้านายยังไม่ลดความขี้หงุดหงิดของตัวเองลงสักหน่อย   ลดอารมณ์โมโหโกรธาลงอีกสักกะนิดส์มันจะดีกับตัวนายมากเลยนะ   สุขภาพจิตแย่ร่างกายมันก็จะแย่ไปด้วยน้า...แล้วมีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่ได้ดูอีกหว่า   อ๋อๆฟามลัก.....นี่ฉันออกเสียงถูกม่ะ=_=a”
     
    “ความรักต่างหากเล่าเจ้าบ้า”
     
    “นั่นแหละๆ   ความรัก โอ้ๆนายดูนี่!!   นายกำลังจะเจอเนื้อคู่แหละ......แล้วก็ตอนนี้เนื้อคู่ของนายอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลด้วย!   นายลองหันหลังกลับไปมองข้างหลังดูหรือลองหันไปทางซ้ายทางขวาดูซิเพื่อจะเจอไม่แน่นะพอนายหันกลับมามองข้างกหน้าอาจจะเจอเนื้อคู่ก็ได้หุหุ   เขาชอบนายมานานแล้วด้วยละ.....อืม แต่ดูเหมือนนายจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา?”
     
    “จบแล้วใช่มั้ย”
     
    “อ่า   แม่นใช่มะแค่มองหน้าฉันก็รู้แล้วว่าฉันพูดถูกทุกอย่าง
     
    “งี่เง่า” ฉันวางตะเกียบตอนนี้หงุดหงิดสุดๆ   ว้อย!!!   เพิ่งจะกินไปแค่สามคำเอง   โว๊ย!คนยิ่งหิวๆ
     
    “นี่....นายไม่เชื่อฉันเหรอ   ฉัน(เดา)ดูแม่นนะ” ราวี่วิ่งมาขวางหน้าฉันไว้ “ทำไมละ.....ทำไมนายชอบเดินหนีฉันทุกครั้ง   นี่นายคงจะเกลียดฉันมากเลยสินะ.....ฉันขอโทษ   ฉันขอโทษที่มายุ่งกับนายมากเกินไป ขอโทษนะที่วุ่นวาย
     
    น้ำเสียงที่พูดแฝงไปด้วยความเจ็บปวดนัยน์ตาสีเขียวมรกตฉายแววเศร้าแต่เจ้าตัวก็ยังคงยิ้ม....ราวี่เดินผ่านฉันไปด้วยใบหน้าเศร้าๆ
     
    นี่ฉันผิดใช่มั้ย?
     
    ทำไมถึงได้รู้สึกโกรธตัวเองแบบนี้แหละ
     
    เฮ้ย!   แต่ไอ้บ้านนั้นมันมากวนใจเราเองนี่...มันไปแล้วไม่ดีตรงไหน?
     
    เว้ยแล้วความรู้สึกนี่มันอะไรกันฟ่ะ   หงุดหงิดเว้ยยยยย   ใช่!!   นายกล้าดียังไงห๊ะถึงมาเดินหนี้ฉันแบบนี้ฉันยังไม่ได้บอกให้นายไปไหนเลยนะว้อยไอ้บ้า!!
     
    ตั้งใจจะหันกลับไปด่าสักหน่อยแต่ก็...........
     
    “นี่!! ระ.....ชิ!! ไปไหนแล้วฟ่ะ-_-^^”
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×