ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Love Card
Title :: Love Card [WonHyuk’s Birthday Project]
Pairing :: WonHyuk
Author :: kobamura
Rating :: PG-13
Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างก็เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ
ปล.ฟิคฉลองวันเกิดลูกไก่ มาช่วยฮยอกแจถอดรหัสลับกันเถอะคะ
พระเจ้ามักจะสร้างสิ่งแปลกประหลาดให้เราได้ตกใจอยู่เสมอ
แล้วตอนนี้พระเจ้าก็กำลังเล่นตลกกับชีวิตของเขา
เพื่ออะไร?
“ฮยอกแจ ” เจ้าของชื่อชะงักมือที่กำลังจะกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ก่อนจะหันมาทางเพื่อนสนิทที่เดินงัวเงียมาหา
“อะไรซองมิน?” การ์ดใบเล็กถูกยื่นให้ส่งๆก่อนที่สิ่งมีชีวิตสีชมพูจะเดินล่องลอยกลับเข้าไปในครัวโดยไม่พูดอะไรอีก นั่น ยังตื่นไม่เต็มตาใช่มั้ย?
“อะไรของเขาเนี่ย” หัวเราะขึ้นจมูกก่อนจะหยิบการ์ดขึ้นมาดู เรียกหรูๆให้ดูดีไปอย่างนั้นแหละ ความจริงมันก็แค่กระดาษแข็งสีขาวที่พิมพ์ข้อความภาษาอังกฤษสั้นๆ แต่ไม่ได้ใจความเอาเสียเลย
ไม่ได้แก้ตัวอะไรซักหน่อย
นี่มันเป็นภาษาอังกฤษที่เกินบรรยายจริงๆนะ
ให้เด็กนอกอย่างคิบอมช่วยแปลยังแป้กเลย
“ได้กระดาษศัพท์ชวนคิดมาอีกแล้วหรอ?” หัวหน้าวงคนเก่งเดินมานั่งข้างๆพลางเช็ดผมที่เพิ่งสระมาให้หมาด คนถูกถามทำปากยู่ก่อนจะทิ้งตัวเอาหลังกระแทกโซฟาอย่างไม่กลัวเจ็บแขนที่เข้าเฝือกอยู่แม้แต่น้อย
“ประโยคเดิมแหละพี่ ส่งมาจะครบเดือนอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันจะแปลว่าอะไร” ถอนใจอย่างเซ็งๆพลางมองข้อความในกระดาษราวกับว่ามันเป็นรหัสลับกู้โลกก็ไม่ปาน
C plead love pain closely
มันแปลว่าอะไรนะ?
“ร้องขอรักความเจ็บปวดอย่างใกล้ชิด” คิ้วเรียวยิ่งขมวดมุ่นเมื่อพี่ชายเอ่ยคำแปลชวนปวดหัวออกมา
“มันน่ากลัวมากเลยนะพี่ทึก” แต่ถ้าลองเอาศัพท์พวกนี้ไปเปิดดิกมันก็ได้ความหมายแบบนี้อยู่ดีแหละ แต่มันก็นะ คนเขียนต้องการจะสื่ออะไรกันแน่? พวกโรคจิตหรือไงนะ
“นั่นสิ เหมือนแอนตี้แฟนยังไงก็ไม่รู้” หัวเราะแห้งๆก่อนจะหันไปรับนมอุ่นแก้วโตที่ซองมินทำมาเผื่อทั้งสองคน กระต่ายอวบหย่อนตัวลงนั่งอีกฟากหนึ่งของฮยอกแจพลางยื่นหน้าเข้ามาดูด้วย
“ประโยคเดิมอีกแล้ว? เบื่อแล้วอ่ะ”
“บางทีถ้าเราแปลประโยคนี้ออกได้ คราวหน้าอาจจะมีประโยคใหม่มาก็ได้นะ” อีทึกหัวเราะเอ็นดูในความคิดของน้องชายที่แสนจะมองโลกในแง่ดีคนนี้ แต่ไม่ว่านี่จะเป็นเรื่องเล่นๆยังไง เขาคงต้องคอยสอดส่องเสียหน่อยแล้ว
“มันคืออะไรกันนะ” เอ่ยอย่างจนปัญญากับกระดาษหลายสิบใบที่ถูกนำมาวางเรียงตรงหน้า เขาไม่เข้าใจเจตนาของคนทำจริงๆนะเนี่ย กระดาษพวกนี้ถูกนำมาวางที่หน้าประตูห้องของพวกเขาวันละใบทุกวัน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมจนตอนนี้ก็ปลายเดือนแล้ว เขาก็ยังไม่เข้าใจประโยคภาษาอังกฤษนี่ซักที เขียนบ้าอะไรมาก็ไม่รู้
“อ๊ะ!” ฮยอกแจรีบกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปค้นกระเป๋าคว้าเจ้ามือถือเครื่องจิ๋วมากดรับทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้สำหรับคนๆเดียว
เพื่อนคนพิเศษของฮยอกแจ
[นอนหรือยังเนี่ย] เสียงทุ้มที่เอ่ยมาตามสายเรียกรอยยิ้มกว้างได้เป็นอย่างดี
“ถ้านอนไปแล้วจะได้ยินเสียงโทรศัพท์มั้ยหล่ะ นายก็น่าจะรู้ว่าฉันนอนขี้เซาจะตาย” ร่างบางเดินมากลับมานั่งที่เตียงอีกครั้งพลางเหลือบมองรูปพวกเขาที่ถ่ายพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งวงที่หัวเตียง ใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเขา ผู้ชายตัวสูงที่ทุกคนในวงต่างยกให้เป็นคนที่หน้าตาดีที่สุด เจนเทิลแมนที่สุด
ชเว ซีวอน
[วันนี้เจ็บข้อมือหรือเปล่า?] ถามไถ่เป็นประโยคเริ่มต้นทุกครั้งที่โทรมาหา ซีวอนแปลงร่างเป็นหมอประจำตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
“ไม่เจ็บเลย วันนี้ฉันเป็นเด็กดีนะ” ทิ้งตัวลงนอนก่อนจะยกแขนเจ้าปัญหาขึ้นมาดู ไม่น่าซนเลยเรา ซ้อมเต้นลำบากชะมัดเลย
[ไม่เชื่อ]
“ทำไมหล่ะ?”
[เมื่อคืนตอนจัดคิสมือนายกระแทกกับโต๊ะ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ด้วยซ้ำไป] ขนาดคนเจ็บยังลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามือกระแทกกับโต๊ะ นี่ไปทำงานถึงจีนยังจะมาจับผิดเขาอีกนะ
“ซีวอน เฝือกมันหนาจะตายไป”
[แล้วมันเจ็บมั้ยหล่ะ?]
“เจ็บ” ตอบกลับเสียงอ่อยเมื่อถูกย้อนมาแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้เจ็บมากมายนะ แค่ปวดแปลบๆเอง
[งั้นก็ทานยาด้วยนะ แล้วนี่ทานยาหลังอาหารเช้าหรือยัง อย่าดื้อเรื่องทานยานะรู้มั้ย] คนเจ็บหัวเราะคิกคักเมื่ออีกฝ่ายเก็กเสียงดุราวกับกำลังสอนเด็กตัวน้อย
“พี่ทึกคอยบังคับให้กินอยู่เรื่อยแหละ สบายใจได้”
[ฮยอกแจ ]
“หืม?”
[คิดถึงนะ] ใบหน้าขาวร้อนวูบขึ้นมาทันที มาล้อเล่นอะไรกันเนี่ย ไม่ตลกเลยนะ เดี๋ยววางสายจากเขาก็คงโทรไปอ้อนพี่ทึกหรือไม่ก็พี่ซินอีกนั่นแหละ ทำไมนายชอบทำให้ฉันหลงดีใจไปกับคำพูดของนายเรื่อยเลยนะซีวอน
“ฉันก็คิดถึง ทั้งนาย ทงเฮ พี่ฮันคยอง คยูฮยอน แล้วก็เรียวอุค คิดถึงทุกคนเลย กลับมาเมื่อไหร่จะเลี้ยงต้อนรับนะ” หัวเราะเสียงใสกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจของตัวเอง ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมารับรู้ความรู้สึกของเขา บอกตามตรง เขากลัวจะเสียเพื่อนที่ดีๆไป
ถึงจะรักกันไม่ได้ ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆก็พอ
[อ้อ! ได้ข่าวว่ามีคนส่งการ์ดมาให้หรอ?] หัวข้อสนทนาที่เปลี่ยนไปทำเอาฮยอกแจปรับอารมณ์ไม่ทัน มือข้างที่ใส่เฝือกเขี่ยกระดาษเหล่านั้นไปมาก่อนจะตอบ
“อือ ส่งมาเกือบเดือนแล้ว ประโยคเดิมๆ C plead love pain closely จะบอกอะไรก็ไม่รู้”
“คนเก่งภาษาอังกฤษอย่างนายเดี๋ยวก็แปลออก” ริมฝีปากบางเบ้งอนเมื่อได้ยินเหมือนกับว่าอีกฝ่ายพยายามจะกลั้นเสียงหัวเราะมากแค่ไหน ฉันไม่ได้เก่งเหมือนนายนะเว้ย! อย่ามาทับถมกันแบบนี้ มันฉุน!
“เออ! ฉันเก่ง! ต่อให้พายุเข้าเกาหลีฉันก็พูดได้แค่ nice weather เท่านั้นแหละ!” กดตัดสายอย่างโมโหก่อนจะชิงปิดเครื่องกันคนโทรมายั่วให้โมโหเข้าไปอีก ร่างบางพลิกตัวนอนตะแคงมองกระดาษเจ้าปัญหาด้วยสายตาโกรธเคือง
“เพราะพวกแกฉันถึงได้ถูกซีวอนแซวเรื่องภาษาอังกฤษ! ถ้าไม่ติดว่ายังแก้ปัญหาไม่ออก ฉันจะเอาพวกแกไปเผาเดี๋ยวนี้เลย ฮึ่ย!~” โยนความผิดให้กระดาษชะตาขาดเสร็จก็เดินดุ่มๆว่าจะออกมานั่งดูโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่น แต่ยังไม่ทันจะหย่อนก้นนั่งอีทึกก็เดินเอามือถือมายื่นให้
“ครับ?”
“ซีวอน” บอกแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปหาอะไรทานเล่นในครัว ปล่อยให้น้องชายได้คุยกับคนที่อยู่ปลายสายตามลำพัง แต่มันไม่เป็นอย่างที่พี่ชายที่ดีคิด ฮยอกแจเพียงมือโทรศัพท์ในมือเพียงครู่เดียวก่อนจะกดตัดสายโดยไม่พูดอะไรซักคำ
“พี่ทึก ผมวางมือถือไว้ที่โซฟานะครับ” บอกกับพี่ชายเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องแล้วล้มตัวลงนอน นายทำอะไรอยู่เนี่ยฮยอกแจ นายทำเหมือนงอนหมอนั่นทำไมกันนะ? ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าทำอีก
“ฮยอกแจ ” กระดาษแผ่นเดิมถูกส่งมาให้เป็นประจำทุกเช้าโดยฝีมือซองมินที่มักจะชอบเดินไปสอดส่องหน้าประตูเป็นประจำทุกเช้าเผื่อมีแฟนคลับเอาของขวัญมาวางไว้สำหรับสมาชิกภายในวง
“มาแล้ว” จากที่ประหลาดใจ กังวลใจ จนตอนนี้เริ่มกลายเป็นติดใจ เขาเริ่มรอคอยกระดาษแผ่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ถึงจะรู้ว่ามันเป็นประโยคเดิมๆ แต่เขาก็รอคอยมันอย่างใจจดจ่อ ราวกับว่าซักวันหนึ่งมันคงมีคำใบ้โผล่มาบ้างแหละ แล้วมันก็จริงๆด้วย!
“พี่ทึก! ซองมิน! มันมีคำใบ้มาแล้วหล่ะ” เอ่ยออกมาอย่างดีใจจนสมาชิกที่วันนี้ส่วนใหญ่พักกันอยู่ที่บ้านต่างพาตัวเองย้ายกันมาที่ห้องนั่งเล่นอย่างพร้อมเพรียงกัน นี่เหมือนรวมกลุ่มเล่นเกมส์กันเลยนะเนี่ย
“ล่าม ภาษาเมืองยิ้มสวย” อะไรกันเนี่ย! คำใบ้นี่มันคืออะไรกัน? มองหน้าสมาชิกแต่ละคนก็ดูจะมึนไม่แพ้กัน มันเป็นเกมส์ถอดรหัสที่ยากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาเลยนะเนี่ย
“เดี๋ยว! หลังกระดาษเขียนว่าอะไรหน่ะ” ฮยอกแจรีบพลิกดูตามที่ฮีซอลบอก คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะอ่านออกเสียงให้เพื่อนๆพี่ๆได้ฟังด้วย
“วันสุดท้าย 4 เมษายน”
“วันเกิดนายนี่” ซองมินเอ่ยบอกกับเจ้าตัวที่ดูเหมือนจะกำลังอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“พี่ว่าวันนั้นเราคงต้องระวังตัวกันเป็นพิเศษแล้วหล่ะ มันชักไม่น่าไว้ใจแล้วสิ” อีทึกเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียด จู่ๆก็มีการขีดเส้นตายขึ้นมาเสียอย่างนั้น มันไม่ผิดถ้าพวกเขาจะต้องระวังตัวเอาไว้ก่อนทั้งที่ความจริงแฟนคลับอาจจะแค่ต้องการเซอร์ไพร์สฮยอกแจเฉยๆก็ได้ แต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้หล่ะนะ
“ตกลงมันแปลว่าเนี่ย” กำหนดเวลาดูจะเลื่อนเข้ามาใกล้ทุกที อีกสี่วัน สี่วันเท่านั้นเอง
ซีวอน ถ้าเป็นนาย นายจะปวดหัวเหมือนที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้มั้ยนะ?
End of part love card.
Pairing :: WonHyuk
Author :: kobamura
Rating :: PG-13
Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างก็เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ
ปล.ฟิคฉลองวันเกิดลูกไก่ มาช่วยฮยอกแจถอดรหัสลับกันเถอะคะ
พระเจ้ามักจะสร้างสิ่งแปลกประหลาดให้เราได้ตกใจอยู่เสมอ
แล้วตอนนี้พระเจ้าก็กำลังเล่นตลกกับชีวิตของเขา
เพื่ออะไร?
“ฮยอกแจ ” เจ้าของชื่อชะงักมือที่กำลังจะกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ก่อนจะหันมาทางเพื่อนสนิทที่เดินงัวเงียมาหา
“อะไรซองมิน?” การ์ดใบเล็กถูกยื่นให้ส่งๆก่อนที่สิ่งมีชีวิตสีชมพูจะเดินล่องลอยกลับเข้าไปในครัวโดยไม่พูดอะไรอีก นั่น ยังตื่นไม่เต็มตาใช่มั้ย?
“อะไรของเขาเนี่ย” หัวเราะขึ้นจมูกก่อนจะหยิบการ์ดขึ้นมาดู เรียกหรูๆให้ดูดีไปอย่างนั้นแหละ ความจริงมันก็แค่กระดาษแข็งสีขาวที่พิมพ์ข้อความภาษาอังกฤษสั้นๆ แต่ไม่ได้ใจความเอาเสียเลย
ไม่ได้แก้ตัวอะไรซักหน่อย
นี่มันเป็นภาษาอังกฤษที่เกินบรรยายจริงๆนะ
ให้เด็กนอกอย่างคิบอมช่วยแปลยังแป้กเลย
“ได้กระดาษศัพท์ชวนคิดมาอีกแล้วหรอ?” หัวหน้าวงคนเก่งเดินมานั่งข้างๆพลางเช็ดผมที่เพิ่งสระมาให้หมาด คนถูกถามทำปากยู่ก่อนจะทิ้งตัวเอาหลังกระแทกโซฟาอย่างไม่กลัวเจ็บแขนที่เข้าเฝือกอยู่แม้แต่น้อย
“ประโยคเดิมแหละพี่ ส่งมาจะครบเดือนอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันจะแปลว่าอะไร” ถอนใจอย่างเซ็งๆพลางมองข้อความในกระดาษราวกับว่ามันเป็นรหัสลับกู้โลกก็ไม่ปาน
C plead love pain closely
มันแปลว่าอะไรนะ?
“ร้องขอรักความเจ็บปวดอย่างใกล้ชิด” คิ้วเรียวยิ่งขมวดมุ่นเมื่อพี่ชายเอ่ยคำแปลชวนปวดหัวออกมา
“มันน่ากลัวมากเลยนะพี่ทึก” แต่ถ้าลองเอาศัพท์พวกนี้ไปเปิดดิกมันก็ได้ความหมายแบบนี้อยู่ดีแหละ แต่มันก็นะ คนเขียนต้องการจะสื่ออะไรกันแน่? พวกโรคจิตหรือไงนะ
“นั่นสิ เหมือนแอนตี้แฟนยังไงก็ไม่รู้” หัวเราะแห้งๆก่อนจะหันไปรับนมอุ่นแก้วโตที่ซองมินทำมาเผื่อทั้งสองคน กระต่ายอวบหย่อนตัวลงนั่งอีกฟากหนึ่งของฮยอกแจพลางยื่นหน้าเข้ามาดูด้วย
“ประโยคเดิมอีกแล้ว? เบื่อแล้วอ่ะ”
“บางทีถ้าเราแปลประโยคนี้ออกได้ คราวหน้าอาจจะมีประโยคใหม่มาก็ได้นะ” อีทึกหัวเราะเอ็นดูในความคิดของน้องชายที่แสนจะมองโลกในแง่ดีคนนี้ แต่ไม่ว่านี่จะเป็นเรื่องเล่นๆยังไง เขาคงต้องคอยสอดส่องเสียหน่อยแล้ว
“มันคืออะไรกันนะ” เอ่ยอย่างจนปัญญากับกระดาษหลายสิบใบที่ถูกนำมาวางเรียงตรงหน้า เขาไม่เข้าใจเจตนาของคนทำจริงๆนะเนี่ย กระดาษพวกนี้ถูกนำมาวางที่หน้าประตูห้องของพวกเขาวันละใบทุกวัน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมจนตอนนี้ก็ปลายเดือนแล้ว เขาก็ยังไม่เข้าใจประโยคภาษาอังกฤษนี่ซักที เขียนบ้าอะไรมาก็ไม่รู้
“อ๊ะ!” ฮยอกแจรีบกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปค้นกระเป๋าคว้าเจ้ามือถือเครื่องจิ๋วมากดรับทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้สำหรับคนๆเดียว
เพื่อนคนพิเศษของฮยอกแจ
[นอนหรือยังเนี่ย] เสียงทุ้มที่เอ่ยมาตามสายเรียกรอยยิ้มกว้างได้เป็นอย่างดี
“ถ้านอนไปแล้วจะได้ยินเสียงโทรศัพท์มั้ยหล่ะ นายก็น่าจะรู้ว่าฉันนอนขี้เซาจะตาย” ร่างบางเดินมากลับมานั่งที่เตียงอีกครั้งพลางเหลือบมองรูปพวกเขาที่ถ่ายพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งวงที่หัวเตียง ใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเขา ผู้ชายตัวสูงที่ทุกคนในวงต่างยกให้เป็นคนที่หน้าตาดีที่สุด เจนเทิลแมนที่สุด
ชเว ซีวอน
[วันนี้เจ็บข้อมือหรือเปล่า?] ถามไถ่เป็นประโยคเริ่มต้นทุกครั้งที่โทรมาหา ซีวอนแปลงร่างเป็นหมอประจำตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
“ไม่เจ็บเลย วันนี้ฉันเป็นเด็กดีนะ” ทิ้งตัวลงนอนก่อนจะยกแขนเจ้าปัญหาขึ้นมาดู ไม่น่าซนเลยเรา ซ้อมเต้นลำบากชะมัดเลย
[ไม่เชื่อ]
“ทำไมหล่ะ?”
[เมื่อคืนตอนจัดคิสมือนายกระแทกกับโต๊ะ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ด้วยซ้ำไป] ขนาดคนเจ็บยังลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามือกระแทกกับโต๊ะ นี่ไปทำงานถึงจีนยังจะมาจับผิดเขาอีกนะ
“ซีวอน เฝือกมันหนาจะตายไป”
[แล้วมันเจ็บมั้ยหล่ะ?]
“เจ็บ” ตอบกลับเสียงอ่อยเมื่อถูกย้อนมาแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้เจ็บมากมายนะ แค่ปวดแปลบๆเอง
[งั้นก็ทานยาด้วยนะ แล้วนี่ทานยาหลังอาหารเช้าหรือยัง อย่าดื้อเรื่องทานยานะรู้มั้ย] คนเจ็บหัวเราะคิกคักเมื่ออีกฝ่ายเก็กเสียงดุราวกับกำลังสอนเด็กตัวน้อย
“พี่ทึกคอยบังคับให้กินอยู่เรื่อยแหละ สบายใจได้”
[ฮยอกแจ ]
“หืม?”
[คิดถึงนะ] ใบหน้าขาวร้อนวูบขึ้นมาทันที มาล้อเล่นอะไรกันเนี่ย ไม่ตลกเลยนะ เดี๋ยววางสายจากเขาก็คงโทรไปอ้อนพี่ทึกหรือไม่ก็พี่ซินอีกนั่นแหละ ทำไมนายชอบทำให้ฉันหลงดีใจไปกับคำพูดของนายเรื่อยเลยนะซีวอน
“ฉันก็คิดถึง ทั้งนาย ทงเฮ พี่ฮันคยอง คยูฮยอน แล้วก็เรียวอุค คิดถึงทุกคนเลย กลับมาเมื่อไหร่จะเลี้ยงต้อนรับนะ” หัวเราะเสียงใสกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจของตัวเอง ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมารับรู้ความรู้สึกของเขา บอกตามตรง เขากลัวจะเสียเพื่อนที่ดีๆไป
ถึงจะรักกันไม่ได้ ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆก็พอ
[อ้อ! ได้ข่าวว่ามีคนส่งการ์ดมาให้หรอ?] หัวข้อสนทนาที่เปลี่ยนไปทำเอาฮยอกแจปรับอารมณ์ไม่ทัน มือข้างที่ใส่เฝือกเขี่ยกระดาษเหล่านั้นไปมาก่อนจะตอบ
“อือ ส่งมาเกือบเดือนแล้ว ประโยคเดิมๆ C plead love pain closely จะบอกอะไรก็ไม่รู้”
“คนเก่งภาษาอังกฤษอย่างนายเดี๋ยวก็แปลออก” ริมฝีปากบางเบ้งอนเมื่อได้ยินเหมือนกับว่าอีกฝ่ายพยายามจะกลั้นเสียงหัวเราะมากแค่ไหน ฉันไม่ได้เก่งเหมือนนายนะเว้ย! อย่ามาทับถมกันแบบนี้ มันฉุน!
“เออ! ฉันเก่ง! ต่อให้พายุเข้าเกาหลีฉันก็พูดได้แค่ nice weather เท่านั้นแหละ!” กดตัดสายอย่างโมโหก่อนจะชิงปิดเครื่องกันคนโทรมายั่วให้โมโหเข้าไปอีก ร่างบางพลิกตัวนอนตะแคงมองกระดาษเจ้าปัญหาด้วยสายตาโกรธเคือง
“เพราะพวกแกฉันถึงได้ถูกซีวอนแซวเรื่องภาษาอังกฤษ! ถ้าไม่ติดว่ายังแก้ปัญหาไม่ออก ฉันจะเอาพวกแกไปเผาเดี๋ยวนี้เลย ฮึ่ย!~” โยนความผิดให้กระดาษชะตาขาดเสร็จก็เดินดุ่มๆว่าจะออกมานั่งดูโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่น แต่ยังไม่ทันจะหย่อนก้นนั่งอีทึกก็เดินเอามือถือมายื่นให้
“ครับ?”
“ซีวอน” บอกแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปหาอะไรทานเล่นในครัว ปล่อยให้น้องชายได้คุยกับคนที่อยู่ปลายสายตามลำพัง แต่มันไม่เป็นอย่างที่พี่ชายที่ดีคิด ฮยอกแจเพียงมือโทรศัพท์ในมือเพียงครู่เดียวก่อนจะกดตัดสายโดยไม่พูดอะไรซักคำ
“พี่ทึก ผมวางมือถือไว้ที่โซฟานะครับ” บอกกับพี่ชายเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องแล้วล้มตัวลงนอน นายทำอะไรอยู่เนี่ยฮยอกแจ นายทำเหมือนงอนหมอนั่นทำไมกันนะ? ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าทำอีก
“ฮยอกแจ ” กระดาษแผ่นเดิมถูกส่งมาให้เป็นประจำทุกเช้าโดยฝีมือซองมินที่มักจะชอบเดินไปสอดส่องหน้าประตูเป็นประจำทุกเช้าเผื่อมีแฟนคลับเอาของขวัญมาวางไว้สำหรับสมาชิกภายในวง
“มาแล้ว” จากที่ประหลาดใจ กังวลใจ จนตอนนี้เริ่มกลายเป็นติดใจ เขาเริ่มรอคอยกระดาษแผ่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ถึงจะรู้ว่ามันเป็นประโยคเดิมๆ แต่เขาก็รอคอยมันอย่างใจจดจ่อ ราวกับว่าซักวันหนึ่งมันคงมีคำใบ้โผล่มาบ้างแหละ แล้วมันก็จริงๆด้วย!
“พี่ทึก! ซองมิน! มันมีคำใบ้มาแล้วหล่ะ” เอ่ยออกมาอย่างดีใจจนสมาชิกที่วันนี้ส่วนใหญ่พักกันอยู่ที่บ้านต่างพาตัวเองย้ายกันมาที่ห้องนั่งเล่นอย่างพร้อมเพรียงกัน นี่เหมือนรวมกลุ่มเล่นเกมส์กันเลยนะเนี่ย
“ล่าม ภาษาเมืองยิ้มสวย” อะไรกันเนี่ย! คำใบ้นี่มันคืออะไรกัน? มองหน้าสมาชิกแต่ละคนก็ดูจะมึนไม่แพ้กัน มันเป็นเกมส์ถอดรหัสที่ยากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาเลยนะเนี่ย
“เดี๋ยว! หลังกระดาษเขียนว่าอะไรหน่ะ” ฮยอกแจรีบพลิกดูตามที่ฮีซอลบอก คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะอ่านออกเสียงให้เพื่อนๆพี่ๆได้ฟังด้วย
“วันสุดท้าย 4 เมษายน”
“วันเกิดนายนี่” ซองมินเอ่ยบอกกับเจ้าตัวที่ดูเหมือนจะกำลังอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“พี่ว่าวันนั้นเราคงต้องระวังตัวกันเป็นพิเศษแล้วหล่ะ มันชักไม่น่าไว้ใจแล้วสิ” อีทึกเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียด จู่ๆก็มีการขีดเส้นตายขึ้นมาเสียอย่างนั้น มันไม่ผิดถ้าพวกเขาจะต้องระวังตัวเอาไว้ก่อนทั้งที่ความจริงแฟนคลับอาจจะแค่ต้องการเซอร์ไพร์สฮยอกแจเฉยๆก็ได้ แต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้หล่ะนะ
“ตกลงมันแปลว่าเนี่ย” กำหนดเวลาดูจะเลื่อนเข้ามาใกล้ทุกที อีกสี่วัน สี่วันเท่านั้นเอง
ซีวอน ถ้าเป็นนาย นายจะปวดหัวเหมือนที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้มั้ยนะ?
End of part love card.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น