คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : เมื่อลาเซนตรา Vs ผีเสื้อ (?)
แสงแดดอ่อนๆทอผ่านผ้าม่านสีครีมยามรุ่งเช้า เข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมกว้างใหญ่ แพขนตายาวกะพริบถี่ หญิงสาวเปิดเปลือกตาหนักขึ้นเพื่อรับรู้เรื่องราวของวันใหม่
...ไม่ว่าจะดีเหมือนที่เคยเจอ...
...ร้ายเหมือนที่เคยพบอยู่บ่อยครั้ง...
...สุขเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวัน...
...หรือแม้แต่เศร้าในบางที...
ร่างบางพลิกซ้ายตะแคงขวาอยู่หลายครั้ง ก่อนตัดสินใจค่อยๆยกตัวเบาๆลุกนั่งซึ่งพบว่ามันยากเย็นอยู่โขทีเดียว เสียงผ่อนลมหายใจดังขึ้นกับกาลเวลาที่ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...
ใช่!...ไม่มีใครรู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร นอกเสียจากตัวเราเป็นคนทำมันเอง
...ปูทางให้กับสิ่งต่างๆที่ถาโถมเข้ามาในอนาคต...
...ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องเผชิญกับมันอยู่ดี...
...เราไม่สามารถเลือกมันได้...
...หากแต่เราก็เป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองเช่นกัน!
เรือนผมสีทองสะบัดตามแรงของมือเรียวเล็กน้อย เสียงนกร้องมากมายเรียกความสนใจจากคนรักธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจให้จดจ่ออยู่กับมัน พรายสาวบิดขี้เกียจตามแบบฉบับหญิงที่ไม่ค่อยจะสมหญิงเสียเท่าไหร่
ท่อนขาเรียวสวยก้าวฉับๆด้วยความรวดเร็วไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าบานกระจกสีทองบานใหญ่ที่ประดับไปด้วยลายลูกคลื่นพร้อมแต่งแต้มวิจิตรศิลป์ตระการตาหลายแห่ง ฝ่ามือบางออกแรงผลักเบาๆเพียงให้หน้าต่างเปิดออก
เสียงนกร้องฝูงหนึ่งดังขึ้น พลังการทำลายล้างของเสียงทำให้นิ้วชี้เรียวยาวรีบยกขึ้นอุดหูก่อนที่โสตประสาทของเธอจะฉีกออก
และ...ดูเหมือนพวกมันจะรู้ เสียงนกที่คล้ายจะแย่งกันตะคอกใส่หูเธอเงียบลงทันควัน ก่อนร่างบางจะปล่อยให้ช่องทางรับเสียงทำงานได้ปกติดังเดิม
แต่มันก็ใช่ว่าจะแค่นั้น...ธรรมชาติเหมือนตั้งใจจะกลั่นแกล้งหญิงผู้นี้เสียเหลือเกิน ลมพัดพรูวูบหนึ่งกิ่งไม้ทั้งสองโน้มเข้าเสียดสีกัน แทนที่เสียงของมันจะไพเราะเป็นบทเพลงเมื่อลมพัดถูกส่วนใบ...มันกลับส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดหลอนประสาทแบบที่ว่าหากเลือกระหว่างเจอผีเสื้อที่เธอแสนจะเกลียดหนักหนาตัวหนึ่งกับเสียงบ้าๆนี่ จะยังยอมเลือกเจอผีเสื้อดีกว่าเสียอีก
ไม่ทันที่ความคิดจะล่องลอยหายไปไหน...ผีเสื้อปีกเหลืองสลับดำค่อนข้างใหญ่ตัวหนึ่งบินผ่านบานหน้าต่างเข้ามาในห้องบรรทมของเจ้าหญิงแห่งอิธิริเธล มือบางที่กำลังจะเอื้อมไปปิดหน้าต่างชะงักกึก ก่อนปรายตาไปมองเพื่อความแน่ใจว่าที่ตัวเองเห็นนั้นมันไม่ผิดตัว และ...
อึ้ง! ไม่ต้องพูดพร่ำเพรื่อเพื่อบรรยายอะไรมากกับท่าทางที่ขอแค่บอกก็บอกได้คำเดียว...
ช็อก! อีกหนึ่งคำหากต้องบรรยายอากัปกิริยาของหญิงสาว
...ไม่เป็นไรๆ...
ร่างบางสรรหาคำปลอบตัวเองไม่ให้สติเตลิดเปิดเปิงไปไกล แสงแห่งราตรีถูกเรียกมาอยู่ในมือตามความต้องการของเธอ สตรีคนเดียวในห้องเริ่มขยับตัวลองหยั่งเชิงกับผีเสื้อ(?)
...ทั้งๆที่แค่ปัดมันไปก็จบ...
...ทั้งๆที่ไล่มันให้ออกไปทางหน้าต่างก็หมดเรื่อง...
สิ้นคิด!
เสียงในใจร้องบอกอย่างนั้น
...ทั้งๆที่คนเข้มแข็งอย่างเธอเพียงแค่รวบรวมความกล้าแล้วไม่สนใจมันก็จะได้ไม่ต้องมาถือดาบอย่างนี้...
แต่...ความกลัวดันเอาชนะความเข้มแข็งซะขาดลอย ถ้าเป็นแข่งฟุตบอลผลสรุปคงเป็นสามสิบต่อศูนย์ ไปแล้ว...
เหงื่อเม็ดเป้งๆผุดพรายเต็มใบหน้าสะสวยได้รูป หยาดน้ำใสๆที่เจือกลิ่นเค็มไหลลงอาบลำคองามจนชุ่มฉ่ำ แสงแห่งราตรีในมือทั้งสองข้างถูกกระชับแน่น นัยน์ตาสีทองคนกริบยิ่งกว่ามีดจ้องตามผีเสื้อผู้เคราะห์ร้ายที่เกาะอยู่ตรงหัวเตียงอย่างกินเลือดกินเนื้อ
...คราวนี้แม่จะแก้แค้นให้สาสมกับบรรพบุรุษตัวที่มาแกล้งช้านนน
ลาเซนตราขยับยิ้มหวานกว้าง หากแต่ไม่ว่าใครที่รู้จักเธอดีจะทราบว่ายิ้มอย่างนี้นำมาสู่ลางร้ายบางอย่างที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ร่างระหงเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วไปหยุดอยู่บนเตียงด้วยท่าคุกเข่า ก่อนลงคมดาบอย่างไม่ไยดี
ปึง!
แสงแห่งราตรีผ่าหัวเตียงออกเป็นสองท่อนด้วยเสียงที่ดังพอๆกับกิ่งไม้เสียดสีกันเมื่อครู่ เสียแต่คราวนี้เจ้าหล่อนดันไม่รู้สึกว่ามันทำอันตรายใดๆแก่หูของเธอได้เลย
ด้วยสัญชาติญาณการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต ร่างบางไม่พบซากแมลงตัวที่เกลียดนักเกลียดหนาในกองขี้เลื่อยทั้งสองกอง หลังจากที่หัวเตียงของเธอเละไม่มีชิ้นดี
เยี่ยม!
เยี่ยมมาก!
เยี่ยมที่สุด!
...เยี่ยมกับผีน่ะสิ...
คุ้ม!
คุ้มมาก!
คุ้มที่สุด!
...คุ้มบ้านแกล่ะสิ...
ใบหน้าที่เกือบจะแย้มยิ้มออกมาเป็นอันต้องหุบกลับไปเหมือนเดิม สถานการณ์ที่ปกติไม่มีใครเขาทำกันนอกจากไม่ฮาแล้วยังพาเครียด ทำให้เส้นบางๆที่เรียกว่าความอดทนขาดสะบั้น
แหม่ พ่อผีเสื้อตัวดีแม่ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ มาให้จับอัดดีๆเสียเดี๋ยวนี้ ย๊ากกกกก...
เส้นสมองที่ชักจะเต้นตุบๆออกมารับลมข้างนอกยิ่งเต้นแรงขึ้นอีก เมื่อสายตาเจ้ากรรมไปสะดุดเจอผีเสื้อที่หมายหัวเข้าจนได้
มันเกาะอยู่บนแจกันโบราณใบเล็กที่ดูจากสภาพแล้วคงราคาไม่ใช่หยอกๆ
แต่...เธอไม่สนเรื่องพรรค์นั้นอีกต่อไป
เจ้าหญิงแห่งอิธิริเธลที่อยู่ในชุดกระโปรงยาววิ่งเข้าไปหวังจะฟันมันให้ไปพร้อมๆกับแจกันนั่น หากว่าขาจอมทรยศมันดันสะดุดชายกระโปรงได้เสียนี่
ผีเสื้อน้อยไม่รออยู่เฉยให้โดนจับไปต้มยำทำแกง มันออกบินสวนกับลาเซนตราที่ทำท่าว่าจะล้มลงในเวลาประจวบเหมาะ
ร่างบางที่ใกล้จะล้มหัวปักพื้น ใช้ฝ่ามือทั้งสองยันพื้นตีลังกาด้วยท่วงท่าที่แม้แต่ผู้ชายยังอาย ลงบนพรมหน้าแจกันใบที่ผีเสื้อบินจากมาอย่างนุ่มนวล
แสงแห่งราตรีถูกเรียกขึ้นมาใหม่หลังจากที่เธอเก็บก่อนจะเริ่มตีลังกายิมนาสติกระดับโลก ปลายคมดาบชี้ไปหาสัตว์เจ้าปัญหาที่เปลี่ยนไปเกาะอยู่บนเตียงของเธอ
“หวังว่าคืนนี้คงไม่ต้องนอนในห้องนี้” ผู้ไล่ล่าพึมพำเบาๆ ก่อนสีหน้าเครียดกว่าเก่าจะฉายขึ้นแทนที่ของเดิม เมื่อผู้ถูกล่ามีท่าทีว่าจะวางไข่
ฉับพลัน...คนตีหน้าเคร่งรู้สึกถึงไอร้อนที่พุ่งพล่านไปทั่วร่าง การปะทะกันระหว่างพรายสาวและสัตว์ตัวน้อย ที่ดูยังไงก็ไม่ยุติธรรมเลยสักนิดกำลังจะเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง
คนมีความสามารถไม่รอช้าเคลื่อนที่ไปประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ เมื่อเห็นท่าว่าเป้าหมายของเธอกำลังจะบินจากไปอีกครั้ง แสงแห่งราตรีถูกยกขึ้นแล้วตวัดฉับด้วยความเร็วที่เหนือชั้นกว่า
แต่...อยู่ๆผีเสื้อตัวน้อยๆที่กำลังจะพ่ายแพ้กลับหายวับไปต่อหน้าต่อตา คมดาบที่ไม่สามารถรั้งกลับมาได้เป็นอันต้องฟันเข้ากับเตียงนอนแสนจะนุ่มของเธอ
สภาพที่ไม่ต่างอะไรกับปล่อยหมาเข้ามาฟัดถูกจัดฉากขึ้นทันใดหลังจากสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์จบสิ้นลง ห้องบรรทมในขณะนี้ที่ไม่ว่าจะใช้ส่วนไหนมองก็ต้องปฏิเสธกันเป็นเสียงเดียวว่า ‘นี่ไม่ใช่ห้องบรรทมของเจ้าหญิงอย่างแน่นอน’
แปะๆๆๆๆ
เสียงปรบมือเบาๆดึงความสนใจของลาเซนตราให้ออกห่างจากห้วงความคิดของตัวเอง แล้วหันไปมองทางต้นเสียง
“ทะ ท่านพี่...” เสียงหวานสั่นเครือเล็ดรอดไรฟันออกมาอย่างยากลำบาก ภาพตรงหน้ามันชวนให้เธอรู้สึกโหวงเหวงในกระเพาะอย่างประหลาด ยิ่งเมื่อดูจากสภาพห้องด้วยแล้ว จะทำยังไงวันนี้เธอก็คงไม่มีทางรอดเงื้อมมือปีศาจสาวหลายร้อยปีคนนี้ได้เลย
...นาร์เนีย ลูเฟลล์...
...ชื่อที่เธอคงต้องจดจำไปอีกยาวนาน สตรีหน้าตาหวานงาม หากแต่ข้างในเละเฟะอย่างกับปีศาจ...
...เหมือนกับคนน้องไม่มีผิด หน้าดี ทำเป็นแต่เสแสร้ง ข้างในก็ปีศาจไม่แพ้กัน...
...ลูฟาเอล ลูเฟลล์...
เสียอย่างเดียวลูฟมันไม่มาด้วย ไม่งั้นครบพอดี แพ็กเกจคู่ทัวร์นรก...
“ทำไมเรอะ หน้าข้ามันน่ากลัวขนาดนั้นเชียว ออกจะสวยออกจะงามเพริศพริ้งอย่างนี้” คำพูดประโยคแรกที่ปกติควรจะทักทายหรือยินดี แต่...หญิงสาวผู้นี้กลับทำให้มันกลายเป็นห้องพักคนมีครรภ์ยังไงยังงั้น
...แหวะ! จะอ้วก นี่ท่าไม่ติดว่าเป็นท่านพี่จะตะโกนด่าให้หูชาไปเลย...
กล้าพูดออกมาได้สวย? งาม? เพริศพริ้ง? เหอะๆ ได้มากสุดก็คงแค่นหัวเราะเท่านั้นเองล่ะน่า
จริงอยู่ว่าอาจจะหน้าตาดีอย่างว่า...แต่ จิตใจนี่สิ มองยังไงก็ไม่เคยเห็นว่าดีสักครั้ง
ไหนจะส่งพวกเธอไปหาของที่จะมาจัดการกับเอลดาล ทั้งๆที่ตัวเองก็รู้อยู่ว่ามันอันตรายขนาดไหน
อันนั้นก็ยังพอเข้าใจ...แต่ ไอ้งานประลองติงต๊องนี่สิ ของรางวัลกิตติมศักดิ์เรอะ ฝันไปเถอะ
ดีที่ยูรีเอลชนะหรอกนะ...ถ้าเกิดไม่ชนะล่ะ? เธอจะกลายไปเป็นของใครก็ไม่รู้
...ไม่เคยสนใจหัวอกหัวใจใครบ้างเล้ย...ได้แต่หาความสนุกส่วนตัวเท่านั้น ชิชะ...
...คอยดูมีอะไรมาให้ทำอีก แม่จะปฏิเสธหัวแข็งเลย ฮึ่ม...
อารมณ์คุกรุ่นเหมือนจะเข้ามาแทนที่ความตกใจที่จะโดนว่าเสียสิ้นเชิง ร่างบางที่ยังคงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้นค่อยๆออกแรงยันกายลุกขึ้นเผชิญหน้ากับผู้เฒ่าแห่งอิธิริเธล
“อะไรจ๊ะ จะปฏิเสธทุกอย่างเลยรึ แม้แต่จะเป็นเรื่องที่สะเทือนถึงสามดินแดนก็ตาม เจ้ากล้าปฏิเสธไหมล่ะ”
ลมหายใจที่ร่างบางพยายามบังคับให้สม่ำเสมออย่างเต็มที่ชะงักอีกครั้ง เสียว่าคราวนี้ดูเหมือนจะลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง นัยน์ตาสีทองช้อนขึ้นสบกับนัยน์ตาสีมรกตที่พราวระยับเหมือนสุนัขขี้เล่น ก่อนใบหน้านวลจะค่อยๆซีดเผือดลงทันควัน จนแม้แต่ศพที่ตายไปเพราะสงครามเอลดาลยังขาวสู้ไม่ได้
ลืม!
ลืมไปเสียสนิท...ท่านพี่สามารถอ่านใจได้ง่ายยิ่งกว่านั่งบวกเลข
...ตายกันพอดี แล้วอย่างนี้เธอจะเหลือคอให้วางบนบ่ารึเปล่าเนี่ย? ป้าแกยิ่งมหาโหดอยู่ด้วย...
หญิงสาวผู้มาใหม่กระตุกยิ้มหวานแบบที่ลาเซนตราเข้าใจว่ามันสยองมากว่าสยิว ถ้าเป็นคนอื่นคงเห็นว่าเป็นยิ้มธรรมดา ที่ดูชวนหลงใหล
หากแต่...กับเธอมันทำให้เสียวสันหลังวาบ ลุกลามไปถึงขั้วหัวใจ ตับ ไต ไส้และพุง
ไม่ใช่เพราะกลัว!
แต่เพราะ...รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างเกี่ยวกับถ้อยคำของนาร์เนีย ลางสังหรณ์ที่ทำเอาหนังตาขวากระตุก
โบราณเขาว่ากันว่า...ขวาร้ายซ้ายดี
...แล้วเธอจะรอดมั้ยเนี่ย...
“ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วน้องสาวที่น่ารักของข้า มีแขกรอเจ้าอยู่ในห้องอาหารรอข้าชี้แจงอะไรบางอย่างอยู่”
ร่างบางของผู้เฒ่าแห่งอิธิริเธลทำท่าจะเดินผละจากห้องไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักหันขวับกลับมายิ้มหวานสยิวหนึ่งที แล้วแขวะไปตามภาษาพรายรุ่นเก่าในเรื่องที่เธอเกือบจะลืมไปเสียแล้ว
“ข้าขอปรบมือให้เจ้าจริงๆ เจ้าหญิงแห่งอิธิริเธลใช้ดาบไล่ผีเสื้ออันบอบบางตัวน้อยๆ ถึงกับตีลังกาแถมพอไล่ออกไปห้องยังดูดีขึ้นกว่าเก่าเยอะหนักหนาอีกต่างหาก ข้าขอนับถือไว้ด้วยใจจริงละกัน”
นางปรบมือให้สองสามแปะก่อนจะส่งยิ้มหวานฉ่ำ หยาดเยิ้มยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ถ้าเป็นพวกผู้ชายคงหน้าทิ่มเพราะความหลงใหลไปแล้ว แต่...หาใช่กับเธอไม่ คนถูกเหน็บเริ่มรู้สึกเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนอย่างไม่มีสาเหตุ มันทำให้ไพล่นึกไปถึงทุกครั้งที่สตรีรอยยิ้มปีศาจนั่นพูดเป็นลางอย่างนี้ทีไร ก็ต้องมีเรื่องประหลาดๆให้ทำทุกทีล่ะสิน่า จนคนที่คล้ายเป็นไข้ชักจะชินกับเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตัวเองเสียแล้ว
ข้าขอรับความนับถือนั่นไว้แล้วกัน...
ที่เธอไล่ผีเสื้อบ้านั่นจนหายง่วง...แต่ยัยเจ๊ปีศาจแก่นั่นเฉยๆก็ทำให้มันหายไปโดยที่ไม่ต้องออกแรง
รู้ทั้งรู้ว่าเธอทั้งเกลียดทั้งกลัวผีเสื้อ!
ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะน้อมรับความนับถือนั่น!
...เชอะ ถ้าอยากมาไล่ฟันผีเสื้อเป็นก็ลองทำดูสิ มานับถงนับถือ...
...ความอยากจะรับเจตนาดีนั่นมันก็มีโอกาสเท่ากับโอกาสที่ป้าแกจะตายวันนี้แหละ...
ซึ่งมีสิทธิ์มาก! มากจนเธอคิดว่ามันคงเป็นไปได้หรอก...
เรือนผมสีทองสะบัดพลิ้วกลับเข้าหาหน้าต่าง คนตัวเล็กอยู่ในภาวะพ่นไฟได้อย่างไม่รู้ตัว ความโกรธโมโหปนหมั่นไส้คุกคามไปทั่วจิตใจโดยไม่คิดจะสกัดกั้น ขาเรียวเดินกระแทกเท้าปึงปังเข้าใกล้บานหน้าต่างหวังจะรับลมชมวิวธรรมชาติอีกครั้งเพื่อลดอารมณ์พุ่งพล่านเหล่านี้
เจ้าของห้องอันเละตุ้มเป๊ะยืนพิงขอบไม้บานกระจก นัยน์ตาสีทองปิดลงชั่วขณะ ก้นบึ้งในใจของหญิงสาวเริ่มสงบลง ความเงียบโรยตัวปกคลุมไปทั่วบริเวณ หูงามได้ยินเพียงเสียงบทเพลงไพเราะเบาๆที่เกิดจากลมพัดกระทบใบไม้และเสียงสัตว์เล็กใหญ่พากันร่วมใจร้องเบาๆคล้ายปลอบเธอ
...เพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ทำให้ใจอันว้าวุ่นหยุดคำรามลง...
...เพียงสิ่งนี้ที่ทำให้จิตใจรับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง...
...หากขาดมันไป เธออาจเหมือนสูญเสียทั้งร่างกายทั้งจิตใจไปอย่างละครึ่ง...
...นี่อาจเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งล่ะมั้ง ที่เธอตั้งใจช่วยเหลือในการโค่นล้มเอลดาลขนาดนี้...
...บางทีเหตุผลที่ว่ารักแผ่นดินบ้านเกิด อาจไม่เพียงพอสำหรับการเข้าร่วมสงครามครั้งนั้น...
...ใช่! ปกป้อง! เธออยากจะปกป้องทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของเธอ ท่านพี่ ท่านพ่อหรือธรรมชาติ...
...ทุกอย่างที่เธอรัก เธอจะปกป้องมันด้วยชีวิตของเธอ เธอจะไม่ยอมเสียใครไปอีกแม้แต่คนเดียว...
อาจมีบางครั้งที่เกือบสูญเสีย!
อาจมีบางครั้งที่ทุกข์ทรมาน!
แต่...เธอจะยืนหยัดขึ้นมาด้วยสองมือและสองขาที่มีอยู่ปกป้องทุกคน แม้จะต้องใช้ชีวิตเข้าแลกก็ตาม
...ลูฟ...
คนที่พลันทำให้ลมหายใจแทบสะดุด พอนึกถึงสีหน้ายิ้มแย้มนั่นทีไรเป็นอันเศร้าหมองลงทันที
...คนๆนั้นที่เธอเกือบฆ่าเองกับมือ...
...คนๆนั้นที่เธอเข้าใจผิด...
...ไม่รู้ว่าเกิดปาฏิหาริย์อะไรขึ้น มันถึงรอดมาได้...
...ทั้งๆที่รำคาญมันมาตลอด แต่กลับดีใจที่มันรอดมาได้...
เป็นเพราะอะไรกัน?
...คำถามที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่สามารถตอบได้...
จิตใจที่เคยสับสน ว้าวุ่นและกราดเกรี้ยวสงบลงอย่างแปลกประหลาด ธรรมชาติคงส่งอิทธิพลถึงตัวเธอจริงๆด้วยล่ะมั้ง เมื่อมั่นใจว่าเรียกสติของตนกลับคืนมาได้อย่างแน่นอนแล้ว...
เปลือกตาหนาค่อยๆเปิดขึ้นย่างเชื่องช้า หวังจะซึมซับความสดชื่นจากบรรยากาศเย็นๆยามรุ่งเช้า พรายสาวขยับยิ้มจริงใจดั่งจะขอบคุณเหล่าแมกไม้รวมถึงสิ่งมีชีวิตน่ารักๆที่มาทำให้ชีวิตของเธอหาคำว่า ‘สงบ’ หลังจากเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นบ้านเมืองระลอกใหญ่นี้ลงได้
ภาระหนักอึ้งที่เธอแบกอยู่บนบ่าทั้งสอง เป็นตัวบั่นทอนกำลังใจเต็มร้อยจนสามารถเหลือเพียงสิบได้...ภาระที่เกินกว่าใครๆจะต้องมารับผิดชอบ...ในฐานะเจ้าหญิงแห่งอิธิริเธลผู้ซึ่งนำหนทางเดียวที่มีอยู่ไปสู่ชัยชนะ
เพราะนั่นหมายความว่า...หากเธอทำไม่สำเร็จจะมีกี่คนกันเล่าที่จะต้องมาตายเพราะความผิดพลาดครั้งเดียวของเธอ...ความผิดพลาดที่ให้ตายเธอก็ไม่มีทางลืม...ความผิดพลาดที่รวมถึงชีวิตของคนทุกคน
อยู่ในกำมือเธอเพียงคนเดียว!
นัยน์ตาสีทองหลุบลงต่ำ หยาดน้ำใสๆเริ่มเอ่อล้นออกมาจากขอบตา ชีวิตนี้โอกาสที่คำว่า ‘ร้องไห้’ จะรู้จักกับเธอนั้นแทบนับครั้งได้ มันแสดงถึงความอ่อนแอของส่วนลึกในจิตใจ
ซึ่งตัวเธอเกลียดเป็นที่สุด!
จะไม่มีอีกต่อไป...จะไม่มีใครเห็นเธอเสียน้ำตาอีกต่อไป
เมื่อครั้งอดีตเธอเคยสัญญากับตัวเองไว้เช่นนั้น!
แต่...คำปฏิญาณนั้นมันได้พังทลายลงยับเยินไม่มีชิ้นดี
จนเธอไม่กล้าที่จะสัญญาอะไรกับตัวเองอีก
แค่นี้ก็เสียใจมากพอแล้ว...แค่นี้ก็เจ็บช้ำมากพอแล้ว
เธอไม่ต้องการคำว่าเสียสละ...เธอไม่ต้องการคำว่าเห็นใจจากคนอื่น
ถ้ามันทำให้พวกเขาต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะเธอ!
ถึงเวลา...ถึงเวลาเสียทีที่ตัวเธอเองต้องเสียสละเพื่อคนอื่น
ไม่ใช่เพื่อตัวเอง!
มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาอย่างไม่ไยดี...เธอจะต้องเข้มแข็ง...ไม่ใช่อ่อนแอเหมือนเคย
...ที่ผ่านมาเธอมักเข้าใจอยู่เสมอว่าเธอไม่เคยอ่อนแอ
แต่ตอนนี้เธอประจักษ์แล้วว่าเธอมันก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่งนี่เอง...
...หากมัวมานั่งท้ออย่างนี้...
...หากมัวมานั่งเศร้าอย่างนี้...
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร!
ใบหน้านวลช้อนขึ้นสบกับหมู่มวลพฤกษาข้างหน้า หยดสุดท้ายของน้ำตาได้จากไปแล้ว คงเหลือแต่คราบจางๆเล็กน้อยเท่านั้น ต้นไม้ต่างๆนานาตั้งตระหง่านรอบประสาทอิธิริเธล ใบและต้นประกอบไปด้วยสีเงินวาววับยามเมื่อต้องแสงอาทิตย์มันก็เหมือนกับกระจกดีๆนี่เองมองไปเมื่อไหร่เป็นอันแสบตาทุกที กิ่งก้านสาขาตามแต่ละต้นก็มักมีสัตว์เล็กสัตว์น้อยอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนกมาทำรังหรือกระรอกวิ่งเล่น ลมอ่อนๆพัดปะทะใบหน้าหอบเอากลิ่นหอมดอกไม้โชยเข้าจมูกรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่ากะทันหัน
หญิงสาวเผยยิ้มสง่าให้แก่ทุกสิ่งรอบตัว...ยิ้มที่มองดูเศร้าหมอง...หากแต่เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง ก่อนจะเอื้อมมือปิดหน้าต่าง หมุนตัวขวับเข้าหาห้องน้ำ แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปด้วยอารมณ์หลายๆอย่างปนกัน
...ต่อจากนี้และตลอดไปเธอจะไม่ทำให้ใครต้องเสียใจเพราะเธออีก...
...นี่อาจเป็นสัญญาครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำตามให้ถึงที่สุด...
...ไม่ว่าจะเอาตัวเธอเข้าแลกก็ตาม...
เธอสัญญา!
+++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น