คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น
[บทนำ]
“นี่ซอส ยัยซอส”
เสียงแหลมปี๊ด ของสาวหน้าสวยที่ติดอันดับสาวฮอตอันดับสองของโรงเรียนยัยไผ่หลิว เรียกชื่อฉันอยู่หลายหน ที่กำลังอ่านหนังการ์ตูนภาพญี่ปุ่นอย่างเซ็งๆ ฉันเปิดอ่านข้ามไปข้ามมาอย่างเบื่อๆเพราะการ์ตูนเรื่องนี้มันน้ำเน่าเกินกว่าที่ฉันจะอ่านได้
“อะไร” ฉันตอบห้วนๆแล้วหันหน้าไปหายัยไผ่หลิวแล้วก็ O_oโอ้ว!ม่ายยยยยยย ยัยนี่กำลังควงผู้ชายอวดฉันอยู่ แถมผู้ชายที่มันควงยังเป็นหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของโรงเรียนอีก
“ฮือๆเธอชนะฉันแล้ว” ฉันบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นเรียกคะแนนความสงสาร
“โอ้ๆอย่าร้องไห้ฟูมฟายเลยนะ เธอก็รีบหาแฟนเร็วๆสิย่ะ
ยัยบ้าเอ้ย ฉันไม่ได้อยากมีแฟนจนตัวสั่นซักหน่อย แค่เธอแย่งคนที่ฉันแอบชอบอยู่นะสิยัยบ้า ฉันอุตส่าห์ทำดีกับเขาตั้งสองปีเต็มแน่ะ แต่ทำไมเขาถึงไม่ชอบฉันล่ะ แง้ แงงงงงงงงงงง -.-; แต่กับชอบยัยไผ่หลิวที่ชอบเลี้ยงแรดไว้ในตัว วันๆเอาแต่หาเครื่องสำอาง ทาปาก แต่งหน้าทุกๆสองนาที -.-;*
“แหม!เธอน่าจะหัดสนใจใครบ้างนะ ยัยซอส ทั้งๆที่เธอก็ได้ตำแหน่งสาวหน้าหวานสุดฮอตอันดับหนึ่งของโรงเรียนแท้ๆ ดีไม่ดีเธอฮอตกว่าฉันซะอีก น่าจะใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์นะ”
จริงอย่างที่ยัยปากอุโมงค์พูด ฉันมีหน้าตาที่สุดแสนจะน่ารัก การเรียนก็อยู่ในขั้นดีมาก นิสัยก็สุดแสนจะดี๊ ดี พูดสุภาพอ่อนหวานเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ (แต่ลับหลังไม่แน่ใจ) หึๆเมื่อรู้ว่าตัวเองดีขนาดนี้แล้วก็รีบชิงตัดหน้าหาแฟนที่ดีกว่ายัยไผ่หลิวซะสิยัยซอส
“(-_-)(_ _) ” ฉันพยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบประมาณว่า‘เออ!ขอบใจที่บอกว่ะ’
“ฉันไปก่อนนะย่ะ ยัยซอส”
เชอะ!อวดกันได้แค่นี้แหละ ยัยไผ่หลิว เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอเหวอไปเลย คอยดู หึ!
-_-;;/ -_-;;
[จุดเริ่มต้น]
ฉันชื่อ ซอส ^o^ ใครๆก็ต่างขนานนามฉันว่า เป็นเจ้าหญิงน้อย -_-*; ที่มีใบหน้าคม ผิวขาวจัด ผมก็สับหน้าม้า บางคนก็หาว่าฉันเป็นยัยเฉิ่ม แต่ถึงอย่างไร คนในโรงเรียนก็ยังโหวตลงคะแนนให้ฉันเป็นสาวหน้าหวานสุดฮอตอันดับหนึ่งของโรงเรียนเมโทรเรีย(ชื่อโรงเรียนฉัน) >_<แหม ก็จะให้ทำไง ก็ฉันมันเลี้ยงสัตว์นามแรดไม่เป็นนี่น่า ด้วยเหตุนี้เองฉันจึงยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ก็คนที่มาสารภาพรักกับฉันส่วนใหญ่ก็มีแต่นายเฉิ่มเบอะ เด็กเรียนกันทั้งนั้น จะบอกให้ว่า ผู้ชายในอุดมคติของฉันคือ มาดแมน หล่อเท่ เป็นที่พึ่งพาได้
และวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ของนักเรียนชั้นม.5 เพื่อลบคำสบประมาทว่าฉัน เป็นเจ้าหญิงน้อย ฉันจึงตั้งเป้าหมายว่าจะหาแฟนให้ได้ก่อนขึ้นม.6 เพราะ เมื่อสองสามเดือนก่อนยัยไผ่หลิวคู่กัดตัวแสบของฉันมันเพิ่งควงแฟนมาอวดฉันไปหมาดๆ แถมผู้ชายที่มันควงยังเป็นหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของโรงเรียนเสียอีก
“อ๊าย ตายแล้วO_O นี่มันแปดโมงแล้วนี่ ฉันต้องรีบไปโรงเรียนแล้วล่ะ เปิดเทอมวันแรกก็สายซะแล้ว” ฉันพูดอย่างกระวนกระวายใจก็เพราะวันนี้ต้องรีบเข้าเรียนเป็นพิเศษกว่าวันอื่นๆ
“ยัยซอส เมื่อไหร่จะไปโรงเรียนห่ะ” แม่ฉันถามเสียงเกรี้ยวกราด
“เสร็จแล้วค่ะ แม่!” ฉันพูดพลางหยิบกระเป๋าสะพายสีดำใบโปรด แล้ววิ่งลงบันไดมาถึงห้องครัว หยิบขนมปังมาสองสามแผ่นมาคาบไว้ในปากแล้วเริ่มออกวิ่งเหมือนนักกีฬาโอลิมปิก มาถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัย
กิ่ง ก่อง ~
เสียงกริ่งบอกว่าหมดคาบแล้วเป็นสัญญาณให้นักเรียนทุกคนเตรียมเก็บข้าวของเพื่อลงไปกินข้าว ยัยไผ่หลิว ยัยเกส และฟ้าสาง เพื่อนสนิทของฉันยืนรออยู่หน้าห้อง ไม่นานฉันก็เดินออกไปสมทบด้วย
เราสี่คนเดินฝ่าด่านนักเรียนคนอื่นๆเพื่อแย่งชิงโต๊ะอาหาร ฉันรีบวิ่งไปจองโต๊ะที่ติดกับพัดลมและร้านขายอาหารใกล้ๆ
“ยัยซอสเก่งจริงๆ^ ^” ฟ้าสางพูดพลางฝากกระเป๋าให้ยัยไผ่หลิวเอาไปวางที่ๆฉันจองไว้เพราะมันจะไปซื้ออาหารก่อนใครเพื่อน ซึ่งเป็นนิสัยประจำของมันอยู่แล้ว
“กินแล้วน่า” ทุกคนประสานเสียงพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะเริ่มเปิดลีลาการกินอย่าง เอร็ดอร่อย
“เออ ซอสเมื่อไหร่แกจะหาแฟนได้ซักทีว่ะ” ยัยฟ้าสางถามขึ้นทำให้ฉันต้องชะงัก
“อะไรอีกล่ะพวกแกเนี่ย ย้ำเรื่องนี้กันอยู่ได้ กินๆ”ฉันพูดอย่างไม่ค่อยสนใจ แล้วตักข้าวคำใหญ่รัวเข้าปากอย่างรวดเร็ว
พรวด! O^o...
ข้าวราดแกงที่ฉันพึ่งตักเข้าปากไปเมื่อกี๊ ลอยออกมาจากปากฉันในรัศมีความใกล้เพียง
“เดินมาอวดความหล่อของตัวเองล่ะซิ $#%&” ยัยเกสบ่นอย่างไม่ชอบใจ เนื่องจากว่ามันเคยไปมีเรื่องกับผู้ชายอันตรายสามคนนั่น ในขณะที่ฉันกับยัยไผ่หลิวและฟ้าสางนั่งฟังยัยเกสบ่นอยู่เงียบๆ
ฉันมองนายวายอย่างพิจารณา แต่แล้วหมอนั่นกับฉันก็มาปะทะสายตากันอย่างจัง นายวายเดินมาที่โต๊ะของพวกฉันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหยาบคาย
“จ้องหาพระแสงหรือไงยัยบ้า ฉันรู้ว่าหน้าตาฉันหล่อ เพราะฉะนั้นอย่าจ้องมากเดี๋ยวหน้าฉันสึกหรอหมด”
สะอึก! เมื่อกี๊ตานั่นพูดออกมาได้อย่างไงกัน =_=^
“น..นาย พูดว่าไงนะ” ฉันถามทวนเสียงสั่นพยายามควบคุมอารมณ์
“เธอนี่นอกจากจะชอบจ้องหน้าคนอื่นแล้วยังหูหนวกอีกน่ะ” หมอนั่นลูบคางทำหน้าครุ่นคิด
“นายสิบ้า ฉันยังไม่ได้ทำอะไรนายเลย อยู่ๆก็มายืนด่าฉันป่าวๆอย่างเนี้ย”
“เธอ!ว่าใครบ้าน่ะ ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้” นายนั่นพูดตีหน้ายักษ์
“หูหนวกรึไงก็นายนั่นแหละ ตาบ้า เบอะโคตรเลย ฮ่าๆ”
“ยัย...บ...” ฉันทายว่าหมอนั่นคงอยากจะพูดว่า ‘ยัยบ้า’ แน่ๆ แต่ถ้าทางจะโกรธมากจนเปล่งเสียงไม่ออก ฉันเบะปากใส่เขา พลางส่งสายตาไปบอกว่า ‘ฉันชนะแล้วย่ะ ตาเบอะ’ จากนั้นฉันกับเพื่อนๆก็เดินไปเก็บจานอาหารที่ร้านแล้วเดินออกจากโรงอาหารอย่างปลอดภัย
“หนอย ยัยปากลำโพง ตระกูลเธอมันเลี้ยงลิงรึไงน่ะ” เสียงสบถคำของหมอนั่นดังออกมาจากโรงอาหารไม่หยุดทำให้ฉันสะใจสุดๆ
“ฉันว่าเย็นนี้เราน่าจะไปร้องคาราโอเกะกันน่ะ”ฟ้าสางพูดแบบไม่มองหน้าแต่ตั้งหน้าตั้งตากินผลไม้ต่อ
“ไปทำไม” เกสถามสีหน้างงงวย
“พวกเธอเนี่ยน้า ก็เพื่อนเราอุตส่าห์จัดการนายเพลย์บอยได้ทั้งทีไม่คิดจะฉลองเลยหรอ”
“จริงด้วยสิน่ะ ฉันเห็นด้วย”ไผ่หลิวตบมือสองสามที ส่วนเกสก็พยักหน้าเชิงเห็นด้วย ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบไป
“เอาสิ แต่จะไปที่ไหนละ”
ฟ้าสางยิ้ม “Musical Shopทางหลังเลิกเรียน”
“ โอ้อออออออออออเย้ยยยย!!กรี๊ดดดดดด” ใช่แล้วนี่คือเสียงของพวกเราที่กำลังเต้นเป็นลิงโดดขึ้นโดดลงด้วยความเมามันส์ พร้อมกับส่งเสียงแหลมปี๊ดรบกวนห้องข้างๆอย่างสะใจแม้จะมีพนักงานเข้ามาบอกหลายหนแล้วว่าช่วยเงียบๆลงหน่อย
“เอ้า!สาวๆเอ้ยจงกรี๊ดไปกับเพลงๆนี้กันเลย เย้” และนี่คือเสียงของฟ้าสางที่กำลังเปิดเพลงร็อกแรงๆ ส่วนไผ่หลิวก็หาไม้กวาดมาทำเป็นกีต้าร์ และยัยเกสทำท่าตีกลองบนอากาศ ส่วนฉันก็เล่นเป็นมือเบสกลางอากาศเช่นกัน
“ กรี๊ดกันหน่อยพวกเรา” ไม่ทันที่พวกเราจะได้แผดเสียง ก็มีผู้ชายร่างเตี้ยเดินเขามาในห้อง ใบหน้าเขาเหี้ยมเกรี้ยม เราทุกคนจึงยิ้มจางๆให้เขา
“ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้ เธอทำให้ลูกค้าฉันหาย” ลุงแก่อ้วนเตี้ยพูดเสียงแข็ง ทำให้เพื่อนและฉันถึงกับสะดุ้งโหยง
“ใจร้าย โหดเหี้ยม กล้าไล่ลูกค้าได้ไง” ไผ่หลิวแว๊ดขึ้นเสียงดัง
“ฉันบอกให้ออกไป” เสียงดังของลุงแก่ร่างอ้วนทำให้พวกเรารีบเก็บสัมภาระแล้วโกยออกจากห้องทันที พนักงานและลูกค้าคนอื่นๆมองหน้าพวกเราเหมือนจะตำหนิ ทำให้เราทั้งสี่คนต้องรีบก้มหน้างุดๆออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
“คอยดูน่ะฉันจะไม่ไปร้านนั้นอีกเลย” ไผ่หลิวพูดควันออกหู พลางชูกำปั้นง้างอยู่กลางอากาศ ส่วนเท้าคุณเธอก็เตะกระป๋องโค้กที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นถนน ฉันมองไผ่หลิวแวบนึงแล้วละสายตามามองนาฬิกาข้อมือแทน
“ตายแล้ว 6 โมงเย็นแล้วหรอเนี่ย” ฉันโวยวายแล้วรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นโดยไม่สนใจเพื่อนที่ถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังเลย สายตาฉันจับจ้องไปมองนาฬิกาข้อมืออย่างเคร่งเครียด ริมฝีปากผ่อนลมหายใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบออกแรงวิ่งเข้าตรอกซอยที่มีน้ำขังเฉอะแฉะ บวกกับกลิ่นเหม็นเน่ายังกับหมาตายเป็นอาทิตย์ แต่แล้วฉันก็ต้องอึ่ง แล้วก็อึ่ง แล้วก็อึ่งอีกครั้ง
“ไอ้...บ้าวาย” น้ำเสียงของฉันทุ้มต่ำ เท้าของฉันถอยหลังทีล่ะก้าว ทีละก้าว เพื่อไม่ให้บุคลตรงหน้าที่กำลังขึ้นสวรรค์ต้องตื่นตกใจ
“เฮ้ย ยัยบ้า เธอนี่มันเป็นพวกโรคจิตชอบแอบดูคนอื่นเขาจูบกันหรอ”
เฮื้อก!!หมอนั่นเห็นฉัน
“อะไรเล่า ก็ฉันกำลังจะเดินหนีนี่ไง” ฉันตอบห้วนๆ จ้องหน้าเขาเขม็ง ส่วนเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจูบกับนายวายอย่างดูดดื่มเมื่อกี๊ ก็รีบวิ่งแจ้นหนีไปทางหลังซอย ด้วยสายตาพิฆาตของฉัน
“เธอทำให้เหยื่อฉันหนีไป”
“เหยื่อ!นายพรากผู้เยาว์นะ เขาอยู่แค่ม.ต้นเอง”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอละ ยัย...ยัยเจ้าหญิงน้อย” มีชื่อที่ดีกว่านี้มั้ยนอกจากไอ้คำว่า‘เจ้าหญิงน้อยเนี่ย’ คนชั่วเอ้ย ทำสิ่งที่สุดแสนจะหน้าทุเรศแล้วยังมาทำหน้าตาเสียดายอีก ชั่งเป็นคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวซะจริง
“....”
“รึว่าเธออยากจะจูบกับฉัน” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม คิ้วของเขายกขึ้นข้างนึง ก่อนที่ริมฝีปากบางสวยของเขาจะเปิดขึ้น
ตึกตัก ตึกตัก หัวใจฉันเต้นรัวแทบจะระเบิด เขาผลักฉันไปติดหลังกำแพง มือขวาของเขาดันไหล่ฉันไว้ ส่วนมือข้างซ้ายของเขาโอบเอวฉันไว้แน่น ใบหน้าเนียนสวย บวกกับจมูกที่ได้รูป เส้นผมขลับดำเงาของเขาตกลงมาปรกหน้าเล็กน้อย กำลังเลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นจนแมลงวันแทบผ่านไปไม่ได้ ฉันรีบสะบัดร่างกายเพื่อให้หลุดออกจากมือสกปรกของเขา ก่อนจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดถีบท้องเขากระเด็น
โอ้ย! เขาร้องออกมาอย่างโอดครวญ มือทั้งสองข้างกุมท้องไว้ด้วยความเจ็บปวด
“ฉันยังไม่ได้จูบเธอเลยน่ะ”
“ฉันจะมอบให้แค่คนที่ฉันรักเท่านั้นยะ” เมื่อพูดเสร็จฉันก็รีบวิ่งหนีออกไปทันที ฉันหน้ามืดเล็กน้อย ร่างโซเซเมื่อนึกถึงภาพที่แทบจะหลอมละลาย ใบหน้าของเขาทำให้ฉันเบลอ...
ตึกตัก ตึกตัก ฉันจะไม่มีวันหลงรักนายวายหรอก ผู้ชายที่สุดแสนจะหยาบคายด่าฉันที่โรงอาหารเมื่อตอนกลางวัน และตอนนี้ก็ยังจะทำเป็นพวกโรคจิตอีก คิดแค่นี้ฉันก็ขนลุกซู่แล้ว...
ในขณะที่ฉันกำลังจะก้าวข้ามถนนด้วยสีหน้าขุ่นมัว แต่แล้วฉันก็ต้องโงนเงนล้มลงไปกองอยู่กับพื้นซีเมนต์ ด้วยแรงมือของใครคนนึงที่กระชากฉันจากทางด้านหลัง
“อยากตายรึไง ไม่เห็นหรอไฟเขียว ดูถนนก็น่าจะรู้นะว่ารถมันเยอะขนาดไหน” เสียงทุ้มหนักของชายหนุ่มดังขึ้นที่ด้านหลัง ฉันตวัดหน้าไปมองเขาทั้งที่มือใหญ่หนาของเขานั้นกำลังจับข้อมือฉันไว้แน่น
“ข...ขอบคุณค่ะ พอดีฉันกำลังเหม่อ” ฉันพูดด้วยความเขินอาย เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยนแล้วพยุงตัวฉันให้ลุกขึ้น
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”เขาถาม ฉันพยักหน้าให้เขาสองสามทีเป็นคำตอบ ฉันจ้องหน้าเขาอย่างเหม่อมอง
ใบหน้าของเขาถูกจัดไว้อย่างเพอร์เฟ็กต์ แม้เขาจะไม่หล่อ แต่เขาก็หน้าหวานมากๆ ผมสีน้ำตาลแดงของเขาสับสูง ดูแล้วเหมือนคนเกาหลี เขาสูงผอม ใบหน้าของเขาชั่งดูอ่อนโยนมากสำหรับฉัน
“เอ่อ...”
“เราอยู่โรงเรียนเดียวกันหรอเนี่ย สวัสดีฉันเพิ่งเข้ามาใหม่วันนี้”
ไมน่าล่ะ ฉันถึงไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย เขาดูดียิ่งกว่าพวกหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งอันดับสองเสียอีก ฉันฉีกยิ้มให้เขาเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปว่า
“หรอ ยินดีที่ได้รู้จักน่ะ ฉัน ซอส ม.5/3”
เขาหัวเราะ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงสดใส
“หวัดดี...ฉันชื่อ ริว อยู่ม.5/5”
เฮือก!!~ม.5/5 ห้องอีตาบ้าวายนี่น่า ไม่น่าเชื่อสองคนนี้ได้อยู่ร่วมห้องกันหรอ ฉันว่าโลกต้องแตกแน่เลย ก็เล่นมีหนุ่มหล่อประจำห้องถึงสองคน คนนึงก็เป็นถึงหนุ่มฮอตอันดับสองของโรงเรียนที่มีนิสัยที่สุดแสนจะ (เลว) แตกต่างกับริวเด็กใหม่ผู้มีรอยยิ้มที่น่าจดจำ ใบหน้าที่อ่อนโยนราวเทพบุตรมาเกิด โอ้ม่ายสองคนนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
“ซอสเป็นอะไรรึป่าว”
“อะ อ้อ ไม่เป็นไรหรอก แต่...เอ๋ นายรู้จักวายมั้ย หนุ่มฮอตอันดับสองอ่ะ”
“รู้จักดีเลยล่ะ...ไอ้ลูกหมานั่น”ริวพูดอู้อี้อยู่ในลำคอ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ของฉันแน่นอน...ริวล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
สัปดาห์หนึ่งมันมีอยู่เจ็ดวัน วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคารและวันพุธ ~
(แต้ม)
“ไอ้แต้มมันจะโทรมาทำไม” ริวบ่นพึมพำพลางกดรับสายโทรศัพท์ ก่อนจะเดินห่างฉันไปที่หลังเสา ที่ห่างจากฉันมากพอสมควร ท่าทางเขาจะไม่อยากให้ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับเขา
“แต้ม มีอะไร”
(ริวแกอยู่ไหนว่ะ ตอนนี้ฉันมารอแกอยู่ที่ร้านเกมที่เราเคยมาเล่น รีบมาด้วยน่ะโว้ย! เออใช่พวกรุ่นพี่ชมรม บาสชายก็มาด้วย สาวๆเต็มเลยว่ะ) เสียงขี้เล่นของเพื่อนดังออกมาจากปลายสาย
“เดี๋ยวซัก 10 นาทีก็คงไปถึง”
(รีบมาด้วย อย่าลืมพาสาวๆเอ๊าะๆมาด้วยล่ะ)
“ฉันไม่มีสาวเอ๊าะว่ะ มีแต่สาวหุ่นเพรียวบาง”
(ก็ดีสิว่ะ)
“ไอ้บ้า” สิ้นเสียงการสนทนาเพียงเท่านั้น ริวก็รีบวิ่งกรู่กับมาหาฉันทันที ฉันยิ้มให้เขาน้อยๆ
“ฉันต้องรีบไปแล้ว ขอโทษน่ะ” ริวพูดรัวเร็ว
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ต้องรีบกลับบ้านเหมือนกัน”ฉันพูดอย่างเสียดาย ก็แหม!อุตส่าห์คิดอยากให้เขาไปส่งที่บ้านซักหน่อย
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
“จ้า” ฉันตอบห้วนสั้น ฉันโบกให้ริวสองสามทีพลางมองไล่หลังของจนลับสายตาไป
ความคิดเห็น