คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : หายนะ?
ช่วงเวลาบ่ายที่อากาศแสนร้อนของวันหนึ่ง ทีมขุดซากโบราณสถานของมหาวิทยาลัยสว่างจิต ได้พากันเดินทางไปจังหวัดหนึ่ง ซึ่งชื่อว่าลพบุรี(แล้วจะเรียกว่าจังหวัดหนึ่งทำไม-*-) หลังจากที่มีผู้ประสงค์ดีแจ้งมาว่ามียอดปราสาทโผล่ขึ้นมาจากดินหลังจากที่เขาจะขุดบ่อบาดาลสร้างหมู่บ้าน หลังจากการตรวจสอบของทางมหาลัยน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งที่หายสาปสูญไปในช่วง2300ปีก่อน พอตรวจสอบได้เรื่องกันแล้วจึงส่งทีมสำรวจมาตรวจสอบอย่างละเอียดในครั้งนี้ ทุกคนถึงจุดหมายปลายทางต่างก็แยกย้ายกันตั้งเต้นท์และสำรวจพื้นที่
บริเวณที่จะมาทำงานในครั้งนี้เป็นบริเวณทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ห่างออกไปไม่ถึง5กิโลเมตรเป็นภูเขาสูง บรรยากาศดี โชคดีเหลือเกินที่เจ้าของที่ดินเกิดเสียดายของที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่งั้นคงทำลายทิ้งตอนที่คิดจะสร้างหมู่บ้านแล้ว
ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับงานของตัวเองกันนั้น ก็มีลุงแก่ๆคนหนึ่งคนหนึ่งเดินกระย่องกระแย่งเข้ามาทักทายท๊อป
"สวัดดีพ่อหนุ่ม" คุณลุงเปิดบทสนทนากับท๊อปซึงกำลังกางเต้นท์อยู่
"มีอะไรครับคุณลุง" ท๊อปหันกลับไปตอบคุณลุงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"มาทำอะไรกันหล่ะพ่อหนุ่ม"
"เราเป็นทีมสำรวจซากโบราณสถานของมหาลัยจงจิตครับ"
"คิดจะมาขุดสิ่งนั้นใช่มั้ย" คุณลุงหันหน้าไปมองปราสาทที่โผล่มาเพียงยอด แล้วเริ่มชักสีหน้าวิตกขึ้นมา
"ครับผม"
"บางสิ่งบางอย่างนะพ่อหนุ่ม มันอยู่ของมันดีๆอยู่แล้ว จะต้องไปเอามันขึ้นมาทำไม"
ชายแก่พูดเสียงสั่นๆเหมือนหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง
"คือว่านะครับ ผมจะอธิบายให้ฟัง..." ยังไม่ทันที่ท๊อปจะพูดจบ คุณลุงก็แทรกขึ้นมาก่อน
"ไม่ต้องหรอกพ่อหนุ่ม ถ้าจะบอกว่าเพื่อศึกษาเรื่องราวของบรรพบุรุษเราในอดีต"
"ครับ นั่นแหละคืองานของพวกผม"
"แต่พ่อหนุมคงไม่รู้หรอกว่านครยังกาหลา เป็นนครต้องสาป" เมื่อเอ่ยชื่อนครกาหลาขึ้นมา คุณลุงก็เหมือนกล้วอะไรบางสิ่งอีกครั้ง
"เรื่องนั้นผมคิดว่าผมศึกษามาพอสมควรแล้วครับ ถ้ามันมีจริงนะครับ ป่านนี้คงของเสื่อมไปหมดแล้วครับ" ข้อมูลที่ท๊อปได้รู้คือ นครยังกาหลาเป็นเมืองต้องสาป ที่หายสาปสูญจากหน้าจารึกประวัติศาสตร์ไปแล้ว
"ตามใจนะพ่อหนุม ลุงถือว่ามาเตือนแล้ว" เมื่อพูดจบคุณลุงก็ทำท่าว่าจะเดินกลับ
" เดี๋ยวก่อนครับ ว่าแต่คุณลุงชื่ออะไรครับ คุยมาตั้งนานยังไม่รู้จักกันเลย"
"ลุงชื่อมั่น เป็นผู้ใหญ่บ้านของที่นี่"
"ส่วนผมชื่อทอปนะครับ ยินดีที่รู้จักครับ"
"ลุงกลับบ้านแล้วนะพ่อหนุ่ม ยังไงก็ขอให้ระวังตัวด้วย"
"ขอบคุณในความหวังดีนะครับ ลุงมั่น"
เมื่อลุงมั่นกลับไปได้เพียงอึดใจ ต้นก็รีบตรงเข้ามาถามท๊อปด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
"พี่ทอปๆ ลุงคนนั้นมาคุยอะไรกับพี่"
"ลุงมั่นแกมาเตือนเรื่องคำสาปของนครยังกาหลา"
"แล้วพี่ทอปคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไหมครับ"
"ไม่มีหรอกคำสาปอะไรนั่นอ่ะ เราทำงานแบบนี้มาหลายปีแล้วนะ ยังจะกลัวอีกเหรอไอ้ของแบบนี้ แล้วเราก็แค่ยืนยันการมีตัวตนของพวกเขา และก็แค่ดูว่าคนสมัยก่อนเขาใช้ชีวิตกันยังไง ไม่ได้มาขุดสมบัติไปขายสักหน่อย"
"แต่เท่าที่เห็นนะ พี่ก็น่าจะรู้นี่นาว่าไม่น่าจะมีนครจมลงมาได้ทั้งนครแบบนี้ และเท่าที่ศึกษามา ช่วงเวลานั้นนครยังกาหลาขาดการติดต่อไปเฉยๆ"
"มันก็ใช่ แต่มันจะมีเหรอไอ้ศาสตร์ที่เรียกว่าแมก (mag.มาจากmagic) แล้วจะยังมีเรื่องคำสาปโรลมาร์ค ที่กล่าวเหตุของการล่มสลายแบบแปลกๆ และยังพาดพิงถึงผู้ที่มาเรียกพาราโบล่าขึ้นมาจากหลุม ซึ่งมันก็คงหมายถึงพวกเรานี่ล่ะ บอกตรงๆพี่ไม่เชื่อหรอก"
เมื่อฝังทฤษฎีของรุ่นน้องลงกรุไปแล้วทอปก็เดินหนีไปสำรวจพื้นที่โดยรอบของสิ่งที่ลุงมั่นหวาดกลัวต่อ
3อาทิตย์ต่อมา... ( ไวเหมือนโกหก^^ )
งานขุดคืบหน้าไปเกือบ90เปอเซนต์แล้ว ทอปเดินเข้ามาหาต้น ที่กำลังทำท่าเหมือนจะอู้มานั่งเล่นเกมโทรศัพท์อยู่
"ต้นๆ พี่มีอะไรจะให้ดู เห็นว่างจัดเลยนะ มานั่งเล่นเกมโทรศัพท์เนี่ย"
หายไปได้สัก15นาที ทอปก็กลับออกมาพร้อมแผ่นหินขนาดพอๆกับสมุดหนึ่ง บนแผ่นหินมีอักขระโบราณที่ต้นเองก็พอเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง เมื่อเห็นต้นจึงตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ ท๊อปเห็นท่าทางของรุ่นน้องจึงอดที่จะขำไม่ได้
"นี่ไงต้น พี่มีงานดีๆมาให้เราทำ พี่รู้ว่าแกถนัด มันเป็นตัวอักขระโบราณ มันเลือนรางมากๆ อาจเป็นมุขเสี่ยวๆของชาวยังกาหลาก็ได้ พี่ไม่ถนัดงานแบบนี้ ยังไงก็ฝากด้วยนะ มีอะไรเด็ดๆบอกพี่บ้างนะ"
"โห! ไม่ค่อยเอาเปรียบเลยนะ ยังไม่รู้เลยด้วยว่ามันคืออะไร บางทีอาจเป็นนวลนางเวอร์ชั่นยังกาหลาก็ได้นะ ฮ่าๆๆ " ถึงปากจะพูดอย่างนั้น แต่้ต้นก็รับแผ่นหินมาแล้วเรียบร้อย
"จะเป็นอะไรก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ท้องชักเริ่มร้องแล้ว เราไปหาข้าวกินกันนะ" ทอปชวนต้นไปกินข้าว เพราะเห็นว่าตอนนี้หลังเที่ยงมานานพอสมควรแล้ว
"ก็ดี ผมก็ชักหิวๆแล้วเหมือนกัน ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้วล่ะ" ต้นยกนาฬิกาของตนขึ้นมาดู
"โห!! นี่ตั่งบ่าย2ครึ่งแล้ว ทำงานกันจนลืมเวลาเลย แต่ที่นี่เป็นสถานที่ๆน่าค้นหามากๆอีกที่หนึ่งเลยนะพี่ทอป"
"เออ มีของแปลกๆเพียบเลยว่ะ เสียดายของที่อยู่ข้างล่าง น่าจะออกมาอวดโฉมให้พวกเราเห็นไวกว่านี้"
"ผมก็ว่างั้นแหละคับ" ต้นตอบ
"วันนี้ผมไม่ลงมาแล้วนะ ขี้เกียจอ่า ผมเอาไอ้แผ่นเมื่อตะกี้ไปทำข้างบนนะ คงไม่ว่ากันนะพี่ท๊อป"
"ว่า" ทอปสวนต้นทันควัน
"ถึงว่าผมก็จะทำ" ต้นเถียงพร้อมทำหน้าทะเล่นใส่ท๊อป
"แล้วจะมาถามทำไมวะเนี่ย"
"อิอิ" >< ทอปขี้เกียจสาวความยาวต่อจึงไม่พูดอะไรอีก
หลังจากกินข้าวเสร็จ ต้นก็ไปขลุกอยู่กับแผ่นหินที่เอาขึ้นมาด้วยกว่า3ชั่วโมง แล้วต้นก็ออกมาจากเต้นท์ด้วยสีหน้าที่แสนจะตื่นเต้น
"ทุกคน!!! ศาสตร์แห่งแมกมันมีจริงๆนะ เชื่อผมเถอะ"
"เลอะเทอะว่ะ!" ท๊อปเถียงรุ่นน้อง ซึ่งทุกคนในทีมก็มีความเห็นที่ตรงกับท๊อป จะมีบางคนที่หันมาสนใจบ้าง แต่พอเห็นหน้าของคนที่มาพูดเป็นเพียงรุ่นน้องจึงไม่ได้สนใจนัก
"ถ้ามันมีจริงๆก็แสดงให้ดูเลย" ทอปท้าทายรุ่นน้อง
"ได้เลย คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ ขอเอ่ยนามเทพผู้คุ้มครองนครยังกาหลา" ถึงมันจะแปลกๆไปบ้าง แต่นี่คือคาถาที่ออกมาจากปากของต้น
ทันใดนั้นก็มีสัตว์อสูรสีเขียวรูปร่างคล้ายกบสูงประมาณ3เมตร โผล่ออกมาจากรอยแยกแห่งมิติ ที่พึ่งจะมีหลังจากต้นร่ายคาถาเสร็จ
"หงึ่ม มม วาส์ หงึ่ม มมม" สัตว์อสูรคำราม
"หนีเร็ว พวกเรา" ต้นตะโกนบอกเพื่อนๆให้วิ่งหนีสุดชีวิต เมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่ออกมา ไม่ประสงค์ดีกับพวกตนอย่างแน่นอน
เหวอ! กร๊อบ บบบ! มันเอาแขนอันสกปรกกระชากคนที่อยู่ไกล้ที่สุดลอยละลิ่วเข้าสู้ปากตนเอง ด้วยความเร็วอันน่าตกใจ จนผู้ถูกคร่าชีวิตไปเมื่อครู่ไม่ทันได้เจ็บมากนัก
"โอ้ย ยย!! ช่วยด้วย ยยย!!" การขอความช่วยเหลือไร้การตอบรับ จังหวะนี้ทุกคนเอาแต่วิ่งหนีสุดชีวิต ไม่มีแม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองผู้โชคร้าย
"กรี๊ด ดดดด!!" สาวบางคนเมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมโดนกินเข้าไปถึงกับร้องออกมาอย่างหวาดกลัว บางคนถึงกับสลบ ซึ่งหมายถึงว่าจะไม่ได้ตื่นมาอีกครั้งแน่นอน
"หงึ่ม มมส์" มันไม่หยุดแค่นั้น มันวิ่งไล่ฆ่าผู้คนต่ออย่างสนุกสนาน เหมือนกับว่า เป็นการปลดปล่อยจากความน่าเบื่อที่ต้องถูกผนึกมาอย่างยาวนาน
" ตุ๊บ! ฉึก กก! กร๊อบ บบ!" มันวิ่งชน และเขมือบคนเข้าไปทีละคนๆ
ต้น ซึ่งอยู่ด้านหลังของสัตว์อสูร ยืนมองเพื่อนๆโดยที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่สิ ไม่กล้ามากกว่า
แน่นอนคนหัดใช้แมกอย่างต้นไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรได้อย่างแน่นอน ดังนั้นคนในทีมสำรวจทั้งหมดยกเว้นต้นจึงตกเป็นอาหารเย็นของมันในวันนั้น
เสียงร้องโหยหวลของบรรดาทีมขุดสำรวจดังไปถึงในหมู่บ้าน ลุงมั่นยืนรับลม ดวงตาเหม่อมองดวงจันทร์เหมือนกำลังนึกถึงอดีตบางอย่าง
"ข้าเตือนพวกเอ็งแล้วนะ" ลุงมั่นพูดเบาๆกับตัวเอง
ความคิดเห็น