คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 00 : เริ่มต้น
บทที่ 00 : เริ่มต้น
เสียงของแม่ดังขึ้นมาจากทางด้านขวา เรียกให้ดวงหน้าขาวใสแบบเด็กหญิงวัยรุ่นทั่วไปต้องเบือนมองหญิงวัยกลางคนข้างๆเล็กน้อยก่อนเบือนกลับมายังถนนปลอดรถเบื้องหน้า “ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม”
น้ำเสียงประชดประชันที่ทำให้อีกฝ่ายต้องถอนหายใจ “โซดา...”
“หนู พร้อม” โซดาพูดขัดขึ้นชัดถ้อยชัดคำยิ่งกว่าเก่า “ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว โรงเรียนอะไรนั่นมันคงไม่ได้เลวร้ายไปกว่าโรงเรียนที่หนูจากมาหรอก”
หญิงสาวจนปัญญาจะชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมลูกสาว ได้แต่หักเลี้ยวเข้าสู่ข้างทางก่อนจะเบรกรถลง ณ เชิงเขาอันน่าจะใช่จุดหมาย บริเวณโดยรอบล้วนเป็นป่ารกทึบเห็นได้ชัดว่ายังไม่เคยถูกบุกรุกโดยผู้ใด แต่กลับมีทางที่ถูกกรุยไว้ยาวขึ้นไปจนถึงยอดเขาแบบนี้ นับว่าแปลกมาก
โซดาขมวดคิ้ว “ไปต่อได้อีกนี่ อย่าบอกนะว่าคุณหญิงมนัสวีพาคุณหนูเมยาวีหลง”
“ที่นี่ถูกแล้วเจ้าค่ะ” ‘คุณหญิง’ ว่าพลางกดปลดล็อกรถ “แกลงไปได้แล้ว อย่าลืมแบกของไปให้หมดล่ะ ที่นี่มันโรงเรียนประจำ น่ากลัวจะตาย ฉันไม่แบกไปให้แกทีหลังหรอก”
“แม่...แต่เขานี่มัน...”
“สูง...ใช่ .แล้วไง ก็รถมันขึ้นไปไม่ได้ หรือแกจะเหาะขึ้นไป” แม่บังเกิดเกล้ายกมือขึ้นกอดอกพร้อมตีหน้ายักษ์ ทำเอาเด็กสาวที่ตอนแรกขุ่นข้องอยู่ในใจถึงกับหลุดขำออกมาชุดหนึ่ง
ชอบทำท่าเหมือนเด็กๆอยู่เรื่อย
คิดพลางก็กลั้นยิ้มไว้ จนสุดท้ายต้องหันหลังให้ ‘คุณหญิงมนัสวี’ ในที่สุด เพื่อซ่อนอารมณ์ซึ่งบัดนี้กำลังแปรเปลี่ยนไป น้ำใสๆเริ่มเอ่อล้นออกมารอบดวงตากลมโตอันเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
ผิดไหม...ถ้าจะบอกแม่ว่าไม่อยากไป
ไม่อยากไปอยู่ที่นั่นคนเดียว ทั้งที่แม่อุตส่าห์ขับรถพามาตั้งไกล
ผิดไหม...ถ้าจะไม่สนเรื่องอนาคต
แต่อยากอยู่กับแม่ต่อไป...อยากอยู่กับคนที่คอยอยู่เคียงข้างกันมาตลอด
คนที่ไม่เคยมีใคร อยู่ที่ไหน...ก็ไม่มี...
ไอแดดจางๆส่องต้องหมู่แมกไม้เขียวชอุ่มเบื้องล่าง...
ลึกลงไปในป่าใหญ่ปรากฏเป็นร่างบางอันสูงสมส่วน หยาดเหงื่อกาฬเลอะทั่วใบหน้าซึ่งมีแววเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด หากแต่สองเท้าก็ยังคงขยับย่างไปตามทางที่ถูกกรุยไว้อย่างมุ่งมั่น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแหงนขึ้นมองท้องฟ้าใสก่อนจะหรี่ลงเมื่อแดดสีส้มอ่อนนั้นเริ่มแรงจัดเสียแล้ว คิดได้ดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน
อะไรที่ทำให้ต้องระเห็จมาถึงนี่
“แค่เรียนให้จบ ให้เก่ง ให้ดี ให้ไม่เลวน่ะคงไม่ยากไปสำหรับแกหรอกนะ”
มาทั้งภาพและเสียง...โซดาส่ายหัวช้าๆเมื่อหวนนึกถึงตอนที่แม่กำลังปลอบตน ก็ดันไปร้องไห้สะอึกสะอื้นซะอย่างนั้น เฮ่อ...แต่คนปลอบใครไม่เป็นก็ยังไม่เป็นอยู่วันยังค่ำ
“ฉันปลอบแกให้แกหยุดร้องนะ ขืนยังร้องอีก แม่จะถีบลงจากรถ”
สะดุ้งสุดตัวเมื่อนึกถึงสีหน้าและน้ำเสียง พร้อมกันนั้นก็รู้สึกราวกับว่ามีกำลังใจที่จะเดินต่อไป หากแต่รู้สึกร่างกายมันจะไม่เอื้ออำนวยเอาซะเลย
ก็ใครใช้ให้ไอ้ภูเขาบ้าๆนี่มันชันซะขนาดนี้!
แล้วใครใช้ให้อากาศมันร้อนซะจนจวนเจียนจะเป็นลม!!
ความหงุดหงิดแปรเปลี่ยนคำก่นด่าต่างๆนานา ยืนฟึดฟัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทิ้งตัวลงพื้นเสียดื้อๆ โชคดีที่สายลมเอื่อยๆยังเมตตาพัดผ่านมาขับความร้อนไปได้บ้าง โซดาหลับตาพริ้มลงช้าๆก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
ว่าแล้วก็คว้าบัตรสีดำใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงพลางบรรจงอ่านตัวอักษรสีทองในบัตรนั่นช้าๆ
...โรงเรียนปีศาจนานาชาติ...
“เฮอะ...” เธอส่งเสียงในลำคอเบาๆ เกือบจะปามันทิ้งหากไม่นึกอะไรขึ้นได้ เสียงยียวนพึมพำกับตนเองเหมือนเตือนสติ “ไอ้โซดาเอ๊ย...แกถ่อสังขารมาถึงบนเขานี่ก็ด้วยความเชื่อว่าโรงเรียนนี้มีจริง” แล้วก็ถอนหายใจ “จะกลับใจตาสว่างขึ้นมาตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วล่ะโว้ย”
ตาสว่าง...เชอะ...
เธอเองก็ไม่ได้นึกอยากตาสว่างสักเท่าไหร่หรอก...ความจริงที่ว่าโรงเรียนนี้ไม่มีทางมีอยู่บนโลกมนุษย์ซึ่งวิวัฒนาการไปถึงไหนต่อไหนก็ไม่รู้ยังคงเชื่อถือได้ในสายตาเธอ แต่จะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อตัวเธอเองก็ไม่ได้มีโรงเรียนให้เลือกเรียนมากนัก แม้แต่โรงเรียนเอกชนแค่เห็นประวัติการโดนไล่ออกห้าโรงเรียนรวดภายในหนึ่งเดือนของเธอ...เขาก็ไล่ตะเพิดแล้ว และที่ถ่อมาถึงนี่ก็ด้วยความหวังเต็มเปี่ยม...
หันสู่ด้านมืดสักครั้งจะเป็นไร
นั่งคิดวนไปเวียนมาก็จบลงที่ชื่อของโรงเรียนนี้อีกครั้ง...โรงเรียนปีศาจ...ชื่ออัปมงคลแต่ก็แฝงด้วยมนตร์เสน่ห์ โรงเรียนบ้าๆแบบนั้นมีที่ไหน ก็ใช่น่ะสิ มันจะมีที่ไหน แต่ลายเซ็นบนบัตรเชิญนี่มันก็เป็นของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่นั่งเก้าอี้อยู่ในสภา...อย่างน้อยแม่เธอก็ยืนยันว่าใช่...และถึงจะไม่ใช่ ใครมันจะใจกล้าบ้าบิ่นมาปลอมลายเซ็นคนใหญ่คนโตอย่างนั้นเล่า
แต่...ถ้าหลอกลวงล่ะ
คิ้วเรียวบางขมวดมุ่นพยายามอย่างยากเย็นที่จะขจัดความสงสัยออกไปจากจิตใจ
ก็ถ้าโรงเรียนนี่ไม่มีจริง บัตรเชิญนี่คือบัตรพิเรนทร์ที่แม่ส่งมาเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์ที่เธอถูกไล่ออกจากโรงเรียนเป็นหนที่ห้าล่ะ...แม่แกชอบเล่นตลกอยู่เรื่อย แต่ครั้งนี้ดูจะแรงไปหน่อยนะ
เนตรสีน้ำตาลเข้มเกือบดำปรือลงน้อยๆคล้ายหมดแรงเต็มที...เหตุผลที่เธอเลือกเสี่ยงมาในสถานที่ที่ไม่มีอยู่บนแผนที่โลกแบบนี้ไม่ใช่เพราะใคร...แต่เป็นเพราะคนพวกนั้น...คนพวกนั้นที่ขับไสไล่ส่งเธอ คนที่บอกว่าเธอเป็น...ปีศาจ...ใช่สิ ปีศาจมันก็ควรอยู่ในโรงเรียนปีศาจ เธอ...จึงมาอยู่ที่นี่
“ทำไม...เรา...เราเป็นอะไรกันแน่นะ...” น้ำเสียงแผ่วเบาเจือไปด้วยความโกรธแค้นและความเศร้า ดวงเนตรที่จะปิดแหล่มิปิดแหล่โชนแสงกล้าก่อนหลุบต่ำลงยามเมื่อสายลมอ่อนๆโชยมาอีกครา
เด็กสาวเสยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนขึ้นช้าๆ ก่อนจะสังเกตอะไรได้...ที่มือขวานั้นมีรอยบางอย่าง...รอยที่แม่เธอบอกว่าเป็นปาน ปานที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิด แต่คราวนี้มันดูชัดกว่าครั้งไหนๆ...ปรกติมันจะเป็นเพียงสีเนื้อจางๆหากไม่เพ่งพินิจก็จะไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่นี่มันกลับมีสีเข้มขึ้นจนแทบจะกลายเป็นสีดำอยู่ที่กลางฝ่ามือของเธอ
“ปานนี่มัน...ฮะๆ” เธอค่อยๆบรรจงใช้นิ้วซ้ายลากตามเส้นรูปของปานบนฝ่ามือขวาไปเรื่อยๆก่อนจะยิ้มขำๆ “เท่ดี เป็นรูปดาวสิบแฉกเสียด้วย ทำไม...ทำไมมันชัดจังนะคราวนี้...”
พลันสายลมก็กระโชกแรงขึ้นคล้ายขานรับพลังบางอย่าง...
โซดายกแขนขึ้นป้องกันดวงตาจากเศษกิ่งไม้ และฝุ่นนานาชนิดที่ปลิวเข้าปะทะ มืออีกข้างหนึ่งรีบคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าสองใบมากอดไว้ และกระชับเสื้อโค้ตตัวเก่งให้แน่นขึ้น ลมหนาวยังคงพัดแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่ทีท่าว่าจะหยุด แสงจากอาทิตย์ค่อยๆจางลง...จนสุดท้ายริบหรี่หายไปเหลือเพียงแสงสลัวราวยามโพล้เพล้
สุริยุปราคารึไง...ส่ายหัวช้าๆแล้วก็แหงนหน้าขึ้นฝืนดวงตาให้รับลมที่โบกพัดมาก่อนจะต้องชะงัก...
อยากกรีดร้องแต่ไม่มีเสียงจะกรีด...เมื่อเห็นเขี้ยววาววับของเด็กหนุ่มเบื้องหน้า...
“ขอบคุณสำหรับศรัทธาแม้ยังกังวลอยู่บ้าง...ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนปีศาจนานาชาติ” เสียงพูดรัวเร็วแต่ชัดเจนดังขึ้นในโทนเสียงแบบเด็กหนุ่มทั่วไป เด็กสาวอ้าปากค้างมองสำรวจคนตรงหน้า
มาอยู่ตรงนี้เมื่อไรกัน
ใบหน้าสีขาวเกือบซีดปรากฏรอยแผลเป็นจางๆรูปกากบาทที่หน้าผากด้านขวา ดวงตาสีอำพันมีแววเจ้าเล่ห์และไร้เดียงสาปะปนกันไป หากแต่ยามเมื่อเจ้าตัวเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์กลับทำให้ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาดูอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด เสื้อผ้าที่สวมใส่คือเสื้อหนังสีดำแนบเนื้อซึ่งคลุมทับด้วยเสื้อโค้ตสีดำตัวยาวอีกชั้นหนึ่ง กางเกงรัดรูปกับรองเท้าบู๊ตสีดำทำให้เขาดูคล้ายคนหลงยุคอย่างไรชอบกล นัยน์เนตรกวาดซอกแซกมองตรงนู้นทีมองตรงนี้ทีก่อนจะเลียริมฝีปาก เพียงครู่เดียวลมที่พัดอยู่ก็จางหายไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
โซดาเลิกรู้สึกอยากกรีดร้อง เปลี่ยนมาเป็นสังเกตเด็กหนุ่มแทน
ท่าที...เหมือน...สุนัขเลย...
ไม่ทันไรเด็กหนุ่มก็ทำจมูกฟุดฟิดคล้ายได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เขานิ่วหน้าก่อนยกมือขึ้นเช็ดจมูกเรียวโด่ง ท่าทีไม่ชอบใจนัก “เธอเป็นมนุษย์รึ”
“แล้วนายไม่ใช่มนุษย์รึไง” ถามไปแบบลอยๆแต่กลับต้องชะงักเอง
เด็กหนุ่มฟังคำถามแล้วยิ้มพราย “ถ้าบอกว่าไม่ใช่ล่ะ” ว่าเสร็จก็แยกเขี้ยวอีกครั้งคราวนี้มีเสียงแปลกประหลาดเปล่งออกมาเสียด้วย เจ้าตัวคำรามครั้งหนึ่งก่อนจะหัวเราะร่า “กรรรรรรรรร...ฮ่าๆๆ”
ไอ้หมอนี่มันใครกันเนี่ย!
“หน้าตาเธอบอกว่ากลัวมาก” เด็กหนุ่มแปลกประหลาดเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือมาและคว้าเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปจากมือของเธอเสียอย่างนั้น
“เฮ้ย!!! นั่นของฉัน!” ว่าพลางกระโดดลุกขึ้นและคว้าหมับเข้าที่แขน
อีกฝ่ายถอนหายใจ “ฉันเป็นคู่หูของเธอ ในฐานะที่เป็นเด็กใหม่กรุณาฟังเด็กเก่า” เขาเอ่ยอย่างรำคาญพลางหยิบป้ายที่แขวนอยู่ที่คอซึ่งมีตัวอักษรหวัดๆคล้ายในบัตรเชิญของเธอเขียนอยู่มาสะบัดใส่หน้าเด็กสาว ก่อนจะกระชากแขนทีเดียวให้หลุดออกจากมือเล็กๆนั่น โซดามุ่ยหน้ายกมือขึ้นเท้าเอวอย่างนึกจะเอาเรื่อง “เอาอะไรมาพูด เด็กใหม่เด็กเก่า”
“ก็ถ้าเธอจะมาเรียนที่โรงเรียนปีศาจนานาชาติ...ฉันเนี่ยแหละว่าที่รุ่นพี่เธอ”
ความคิดเห็น