ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานกรีก-โรมัน

    ลำดับตอนที่ #1 : กำเนิดเทพเจ้ากรีกโรมัน100%

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 50


                                       กำเนิดเทพเจ้า 
                                         กรีก-โรมัน
            
            
                ชาวกรีกนับถือเทพเจ้ามากมายหลายพระองศ์ ทั้งเทพเจ้าบนสวรรค์และเทพเจ้าที่อาศัยอยู่บนผืนดิน  ภายหลังเมื่อชาวกรีกเสื่อมอำนาจลง  และชาวโรมันเรืองอำนาจขึ้นแทนที่และรับเอาความเชื่อเรื่องเทพเจ้ากรีกสืบไปด้วย
            แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงแต่ก็มีเพียงเทพแต่เจ้าแต่ละองศ์ได้เปลี่ยนชื่อจากภาษากรีกเป็นภาษาโรมันหรือภาษาละตินซึ่งบางชื่อก็ได้กลายเป็นรากศัพท์ของคำภาษาอังกฤษที่ใช้มาถึงจนปัจจุบันนี้
           ตามบทกวีของฮีสิออด(Hesiod)  กล่าวว่า...
           ในอดีตกาล สรรพสิ่งทั้งหลายยังรวมตัวกันเป็นกำพืดเดียว ที่ที่เป็นความว่างเปล่าปราศจากรูปเวิ้งว้างเรียกว่า เคออส(Chaos)
           ต่อมาโลกพิภพ(ผืนแผ่นดิน)จึงผุดขึ้นมาในความเวิ้งว้างนั้น  เป็นดั่งฐานอันกว้างใหญ่ไพศาล  เพื่อเป็นจอมมารดาของสรรพสิ่งทั้งปวงเรียกว่า  กาอียา
           มีสวรรค์ดารดาษด้วยดวงดาวล้อมลอบเรียกว่ายูเรนัส  และนับถือยูเรนัสเป็นจอมบิดาแห่งสรรพสิ่ง
           แต่กวีชั้นหลัง เช่น กวัโรมันชื่อโอวิด(Ovid) เล่าถึงการกำเนิดทวยเทพและโลกพิสดารกว่าของฮีริออดมาก
          โอวิดว่า...
           เทพเจ้าองค์แรกสุดชื่อ  เคออส มีชายาชื่อ น็อกซ์ ซึ่งเป็นเทวีแห่งราตรี  ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน คือ  เอรีบัส เทพแห่งความมืด
           เอรีบัสขับไล่เคออสผู้เป็นบิดาไปและให้มารดาเป็นชายา ไม่นานนอกซืให้กำเนิดบุตรธิดา 2องค์
    คือ อีเธอร์ แสงสว่าง และ เฮเมอร่า กลางวัน
         แต่แล้วประวัติศาสตร์ก็ซำรอย ทั้งสองขับไล่บิดามารดาไป และขึ้นครองอำนาจแทนที่ และแสงสว่างกับกลางวันก็แต่งงานกัน
        เมื่อความมืดถูกขับไล่ไปและมีแสงสว่างของกลางวันปรากฎภาพอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่มิมีที่สิ้นสุดเป็นครั้งแรก   อีเธอร์และเฮเมอร่าพิจารณาดู เห็นว่าสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่งดงามขึ้นได้มากมายท่ามกลางความสับสนอลม่านนี้
        จึงเรียกกามเทพอีรอสหรือ คิวปิดมาช่วยงาน
      (การกำเนิดของคิวปิดมีด้วยกันหลายตำนาน บ้างก็ว่าป็นโอรสของวีนัสกับจูปิเตอร์แต่ในตำนานตอนนี้เป็นโอรสของเอรีบัสกับนอกซ์ ซึ่งถ้ากล่าวตามนี้ เอรีบัสกับนอกซ์ก็มีโอรสธิดารวมกัน 3องค์)
        เทพเจ้าทั้งสามจึงร่วมแรงช่วยกันเนรมิตโลกและทะเลขึ้นมาก่อน ซึ่งในตอนแรกพื้นพิภพยังไม่มีพืชหรือสัตว์เกิดขึ้น ทุกแห่งล้วนเงียบเหงา  คิวปิดเห็นข้อบกพร่องนี้ จึงเอาลูกธนูประสิทธิ์ประสาทชีวิตยิงลงพื้นพิภพ บันดาลให้เกิดต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีขึ้น  มีสัตว์ต่างๆเกิดตามมา  ทำให้สรรพสิ่งมีชีวิตชีวา
         เรียกว่า มีทั้งพืชทั้งสัตว์พร้อมแต่ยังขาดเพียงมนุษย์เท่านั้น
        ขณะนั้นทั่วทั้งจักรวาลมีความมืดมด  ว่างเปล่า และเงียบสงัด
        เวลาผ่านไปช้านาน... ความเปลี่ยนแปลงอย่างแรกที่เกิดขึ้นมาในความมืดมิดนั้น                          ก็คือความรัก(Eros)
        ความรักปรากฎขึ้นจากความมืด  และสร้างสรรค์แสงสว่างสีทองอันเลื่อมพรายขึ้น
          แสงสว่างสีทองนี้คือดวงอาทิตย์!
          พอมีแสงสว่าง ก็มีทิวา(Hemera)
         เมื่อมีทิวา มีแสงสว่าง ก็สามารถแลเห็นสิ่งที่เคยอยู่ในความมืดอันสับสนนั้น
          สิ่งนั้นคือโลก
              เมื่อพิภพกาอียากับสวรรค์ยูเรนัสเกิดขึ้น  ในไม่ช้าก็ยึดอำนาจจากอีเธอร์กับเฮเมอร่า  ผู้ให้กำเนิดบ้าง   และพิภพกับสวรรค์ก็แต่งงานก้น
          มาถึงยุคเจ้าแม่กาอียา กับเจ้าพ่อยูเรนัสครองอำนาจ เทพเจ้าก็เปลี่ยนจากนามธรรม มาเป็น
    บุคลาธิษฐาน คือเปลี่ยนจากธรรมชาติมาเป็นบุคคลมีตัวตน
          กาอียาและยูเรนัสมีรูปร่างใหญ่และเถลิงอำนาจอยู่ที่ยอดเขาโอลิมบัส    และมีโอรสและธิดาร่างใหญ่มหึมารวมกัน12  องค์
          เป็นเทพบุตร  6 องค์คือ โอเชียนัส   ซีอัส  ครีอัส  ไฮเพอเรียน  ไอแอพิทัส และโครนัส
          เป็นเทพธิดา  6 องค์คือ  อิเลีย  รีอา  ธีมิส  ธีทิส  เนโมโซนี  และฟีบี
      เทพและเทวีร่างยัษ์ทั้ง 12องค์นี้เรียกรวมกันเป็นคณะว่า คณะเทพไตตัน(Titan)
          ซึ่งต่อมาเป็นที่มาของคำว่า ไตตานิค  ที่แปลว่าใหญ่มหึมา
             ยูเรนัส กลัวความใหญ่โตทรงพลังของลูกๆจึงจับทั้งหมดขังไว้ในเหวลึกใต้บาดาลมืดสนิทที่เรียกว่า  ทาร์ทะรัส  เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกคนใดตั้งตัวเป็นศัตรูกับตนได้
           หลังจากขังลูกๆของตนเรียร้อยแล้ว ยูเรนัสก็สบายใจว่าไม่มีใครมายึดอำนาจจากตนได้แล้ว
          แต่ก็สบายใจได้ไม่นาน!
           เพราะโอรสชุดต่อมาของกาอียาและยูเรนัสเป็นยักษ์ 50 หัว 100 แขน มีด้วยกัน 3 พี่น้อง ชื่อ
    คอตทัส  เบรียรูส  และไกจีส
            ยูเรนัสก็จับลูกๆชุดนี้โยนลงไปขังในทาร์ทะรัสตามเคย
            แต่เดี่ยวก่อนเรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้
            กาอียาตั้งครรถ์อีก
         คราวนี้คลอดโอรสเป็นยักษ์ไซคลอปส์ เป็นยักษ์ตาเดียว มีลูกนัยตาไฟอยู่ตรงกลางหน้าผาก 
     อีก 3 ตนพี่น้องคือ ฟ้าลั่นบรอนทีส  ฟ้าแลบสเทอโรพีส และแสงสว่างวาบอาร์จีส
           แล้วเสด็จป๋าก็จับเอาลูกๆผู้น่าร้ากชุดล่าสุดโยนลงในทาร์ทะรัสตามเคย
        เมื่อยักษ์ไซคลอปส์ทั้ง 3 ตนลงไปถึงคุกใต้ดินบาดาลก็ทำให้คุกสว่างไสวไปทั่ว
           แสงสว่างขับไล่ความมืดมิด  สิ่งไท่ม่เคยเห็นก็ทำให้เห็นได้ ช่วยให้คณะเทพไตตันเกิดความกล้า
    และคิดอยากเป็นอิสระจากที่คุมขัง
         ฝ่ายพระนางกาอียาไม่พอใจที่ยูเรนัสทำกับลูกๆเช่นนี้   จึงตัดสินใจลงไปใต้บาดาลยุยงให้บรรดาลูกๆทำการยึดอำนาจจากยูเรนัส
        ซึ่งโครซัส โอรสองค์เล็กตอบรับ
        พระนางกาอียาจึงปล่อยให้โครนัสหลุดจากพันธณาการ มอบเคียวให้เป็นอาวุธ แล้วส่งโอรสขึ้นมาจากทาร์ทะรัส 
           โครนัสถืออาวุธเข้าโจมตีพระบิดาโดยที่ยูเรนัสยังไม่ทันรู้ตัว จึงสามารถรับชนะมหาเทพ
           ยูเรนัสได้สาปแช่งโครนัสว่า  ให้ลูกๆของโครนัสแย่งอำนาจมาจากโครนัสเช่นเดียวกัน
        หลังจากยึดอำนาจจากผู้เป็นบิดาแล้วก็ปล่อยพี่น้องทั้งหมดให้เป็นอิสระ
           ทุกคนต่างปิติยินดีและยกให้โครนัสเป็นใหญ่  
         เมื่อโครนัสขึ้นครองเทพบัลลังก์ ณ เขาโอลิมบัส  และเลือกพระน้องนางรีอา เป็นมเหสี
    จึงแบ่งสัตส่วนของพิภพให้บรรดาพี่น้องปกครองเช่น
         โอเชียนัส กับ ธีทิส ปกครองมหาสมุทรและแม่นำทั้งปวง
         ธีมิส  เป็น เทวีครองความยุติธรรม
         เนโมซินี เป็นเทวีครองความจำ
         เป็นต้น
         และโครนัสก็ปกครองพิภพและสวรรค์สงบสุขสืบมา
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      หวัดดีค่ะนี่เป็นเพียงบทเริ่มต้นเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของเหล่าเทพเจ้าเท่านั้น
    ขอบคุณสำหรับผู้อ่านทุกท่านค่ะ
        

               
              
            
          
     

     


          

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×