คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คุลิกา นราธร
เอามาลงเพื่อทดสอบนะ ขอความคิดเห็นด้วยนะ เวิร์กก็แต่งต่อ ถ้าไม่ก็ลบทิ้ง คนที่ตัดสินใจคือผู้อ่านนะจ๊ะ ช่วยหน่อยนะ
.............................................................................................................................................................
“อ้าว อาร์ม ฉันว่าแล้วว่าทำไมนามสกุลผู้ป่วยคุ้นๆจังเลย มะนายใช่ป่ะ” คุลิกา ที่ตอนนี้เป็นแพทย์หญิงคุลิกาไปแล้ว เธอเอ่ยทักทายชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาคมเข้ม สายตาที่อยู่หลังกรอบแว่นของชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างงงๆ ขณะที่หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้มารดาของเขา
ชายหนุ่มนามนราธรประคองมารดาของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับแพทย์หญิงก่อน “เราเคยรู้จักกันเหรอครับ ทำไมผมจำคุณไม่ได้” คำพูดเรียบๆของนราธรทำให้คุลิกาถึงกับหน้าเจื่อน
“นายจำฉันไม่ได้จริงๆด้วย จิ๊บไง คุลิกา ม.6/5 ห้องเดียวกับนายไง แก้มป่องๆ ตัวพองๆ เราอยู่กลุ่มเดียวกันวิชาเกษตรไง เราเคยทำแปลงผักกาดขาวด้วยกัน แล้วเราก็ชอบนั่งถอนหญ้าสุมหัวกันนินทาคนอื่นในกลุ่ม เพราะเราโดนทิ้งให้ดูแลแปลงปลูกสองคนประจำเลย นายจำได้มั้ย” คุลิกาพยายามทำแก้มป่องๆ
นราธรยิ้มอย่างขอโทษ เขาจำไม่ได้จริงๆ “เห้อ ไม่เป็นไร นายค่อยๆนึกดูแล้วกันนะ ฉันตรวจมะนายก่อนแล้วกันนะ” คุลิกาทำหน้าที่ของเธอโดยที่ยังอยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่กำลังครุ่นคิดถึงเพื่อนๆสมัยมัธยมปลาย
“มะก็ทานยาตามที่หนูสั่งให้ไปนะคะ ห้ามขาดยาเด็ดขาดเลยนะคะ มื้อเดียวก็ไม่ได้ อย่าเครียดด้วยนะ เดี๋ยวน้ำตาลจะขึ้น แล้วก็เรื่องอาหาร อาร์มช่วยดูด้วยนะ หนูเข้าใจนะคะมะ หนูก็เป็นเบาหวานเหมือนกัน บางอย่างเราก็อยากทานจริงๆ แต่ทานไม่ได้ ก็ต้องใจแข็ง อย่าเผลอตามใจตัวเองนะคะ ออกกำลังกายด้วยนะคะ แล้วหนูจะนัดให้มาเจาะเลือดตรวจระดับน้ำตาลวันจันทร์หน้า จะได้ดูว่าจะต้องปรับเปลี่ยนยาตัวไหนอีกรึเปล่า” คุลิกาประนมมือไหว้มารดาของนราธร
นราธรเดินออกไปจากห้องตรวจพร้อมมารดาของเขาโดยที่ไม่พูดอะไรกับคุลิกาเลย หญิงสาวนั่งส่ายหน้าอยู่คนเดียว “สงสัยจะจำไม่ได้จริงๆ คิดว่าจะได้เจอเพื่อนที่นี่แล้วซะอีก ดันจำเราไม่ได้ ซะงั้นเลยนะไอ้แว่น” คุลิกาบ่นกับตัวเองเล็กน้อยก่อนที่ผู้ป่วยรายต่อไปจะเข้ามา
คุลิกาเป็นคนนครศรีธรรมราชและจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ แต่ตลอด6ปีที่เรียนแพทย์นั้น เธอไม่เคยมาเหยียบแผ่นดินนราธิวาสเลยสักครั้ง เพราะทางมหาวิทยาลัยได้ฝากนักศึกษาแพทย์ทั้งหมดให้เรียนรวมกับนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสงขลา แต่หลังจากเรียนจบ เธอและเพื่อนๆก็จะต้องมาทำงานใช้ทุนที่นี่.....นราธิวาส
“อาร์ม คุณหมอคนเมื่อกี้เป็นเพื่อนลูกเหรอ” ปรานีถามลูกชายระหว่างที่เดินไปยังรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถภายในโรงพยาบาล
“น่าจะใช่นะมะ อาร์มก็จำไม่ค่อยได้ สงสัยต้องกลับไปดูหนังสือรุ่นซะแล้ว” ชายหนุ่มบอกแม่ของเขา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลืมเพื่อนไปได้ไง แย่แล้ว อาร์มทำเพื่อนหาย......ไปจากสมอง
“มะว่าอาร์มชักเพี้ยนเข้าไปทุกวันแล้ว เพื่อนของตัวเองก็ยังจำไม่ได้” ปรานีหัวเราะลูกชายที่ออกจะติ๊งต๊องนิดๆ เพราะนราธรเป็นคนที่ขี้เล่น เฮฮา มีแต่รอยยิ้มอยู่ตลอด
และด้วยความข้องใจนราธรจึงไปขุดเอาหนังสือรุ่นขึ้นมาดูอีกครั้ง และเขาก็เจอจริงๆด้วย คุลิกาตอนนั้นกับคุลิกาตอนนี้ต่างกันเหลือเกิน เขาทบทวนความทรงจำเก่าๆสมัยมัธยมปลายอีกครั้ง คิดถึงเรื่องราวต่างๆ “เธอเปลี่ยนไปเยอะเลยนะเนี่ย จำไม่ได้เลย ไปทำอะไรมาเนี่ย” เขาบ่นๆกับตัวเอง
ชายหนุ่มก็หยิบกุญแจรถและหนังสือรุ่นเดินออกมาจากห้องของตัวเอง “มะ เดี๋ยวอาร์มออกไปธุระแป๊บนึงนะ มะทำกับข้าวเผื่อเพื่อนอาร์มด้วยนะ แล้วก็มะให้เด็กมันเปิดห้องของลูกสาวมะได้เลย อาร์มจะพาลูกสาวมาให้มะ” นราธรเดินเข้าไปหอมแก้มมารดาแล้วก็รีบออกไป
“จริงๆเลยลูกคนนี้ ไวอย่างกะลิง จะถามจะห้ามอะไรก็ไม่เคยทันเลย” ปรานีได้แต่บ่นอย่างยิ้มๆกับตัวเอง
“บูยอห์อยู่ไหนนะ เปิดห้องนอนลูกสาวฉันแล้วก็ทำความสะอาดด้วยนะ” ปรานีส่งเสียงบอกเด็กในบ้านซึ่งรับหน้าที่เป็นแม่บ้านให้ไปทำความสะอาดห้องที่เธอเรียกว่าห้องนอนลูกสาว เพราะเป็นห้องที่เธอและสามีเตรียมไว้สำหรับน้องสาวของนราธร แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ ทั้งคู่ตัดสินใจไม่มีลูกอีก เนื่องจากปรานีเป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสแท้งสูง ทั้งคู่จึงไม่อยากเสี่ยง นราธรก็เลยเป็นลูกคนเดียวของทั้งคู่
นราธรเดินเข้ามาในโรงพยาบาลที่ไม่ค่อยจะมีผู้คนแล้ว เนื่องจากเป็นเวลาใกล้เลิกงานแล้ว เขาถามหาคุลิกากับพยาบาลหน้าห้อง เขาแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้ทำงานอยู่จึงเดินเข้าไปในห้องตรวจพร้อมหนังสือรุ่น นราธรยืนอยู่หน้าโต๊ะของคุลิกานานแล้ว แต่หญิงสาวกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด เขาเลยส่งเสียงกระแอมขึ้นมา
“อ้าวอาร์ม มีอะไรเหรอ นายจำฉันได้แล้วใช่มั้ย” คุลิกาเริ่มตาลุกวาว
นราธรส่ายหน้า แล้วก็นั่งลง “เปล่าครับ ผมแค่มาบอกว่าผมโดนผีหลอกตอนกลางวันแสกๆเลยครับ” แล้วก็ยิ้ม แววตาเปี่ยมสุขที่ปิดไม่มิดของเขาจ้องมองเธอตลอด
“โดนผีหลอก ได้ไง มาไม้ไหนเนี่ย ฉันงงนะอาร์ม” คุลิกาเริ่มจะตามเขาไม่ทันแล้ว
นราธรวางหนังสือรุ่นลงบนโต๊ะ “ก็ตอนเค้าเรียนปีหนึ่งอ่ะนะ เพื่อนๆรุ่นเราพูดๆกันว่าจิ๊บจ๋าของเค้าช็อกตายไปแล้ว เค้าเศร้ามากเลยรู้มั้ย แล้วที่เขาพูดกันจริงมั้ย” นราธรเริ่มออกอาการทันที เล่นขี้ เอ๊ย ไม่ใช่ ขี้เล่น
“เย้ย จะบ้าเหรอ ฉันยังไม่ตาย นี่แหละคุลิกาตัวจริง ที่นายได้ยินมาถูกแค่ครึ่งเดียว ฉันช็อกจริง แต่ยังไม่ตาย หมอช่วยไว้ทัน หลังจากนั้นฉันก็เชื่อฟังหมอทุกอย่าง ฉันก็เลยออกมาเช้งและน้ำตาลไม่ขึ้นแบบนี้ไงล่ะ” คุลิกายิ้มอย่างใจชื้น ก็เขาจำเธอได้แล้วนี่
“แล้วนี่ไม่กลับไปพักผ่อนเหรอ ไม่มีใครให้ตรวจแล้วนี่” นราธรยิ้มทะเล้นอีกแล้ว
“ยังหรอก มันยังไม่หมดเวลางาน เหลืออีกสิบนาที รีบกลับไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี” คุลิกาตอบเซ็งๆ เพื่อนก็ไม่มี จะกลับไปก็ต้องอยู่คนเดียวอีก
“จรรยาบรรณสูงจริงๆ” นราธรยื่นปากอย่างล้อเลียน
“ไอ้แว่น” คุลิกาชักเดือด
“คร้าบ เรียกเค้าทำไมอ่ะ คิดถึงเหรอ” กวนอีกแล้ว เหมือนตอนเด็กๆเลย
“กวนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” คุลิกาเริ่มกัดฟันพูด
“อะไร เค้าไม่ใช่ทุเรียนนะจะได้กวนหนะ” เรื่องแบบนี้นราธรไม่เคยยอมแพ้
“โอเค นาย
“เปล่าหรอก เค้าจะมาชวนจิ๊บจ๋าไปนอนด้วย” นราธรถึงกับสะดุ้งเมื่อเจอเข้ากับสายตาของคุลิกา “เค้าล้อเล่นหนะ มะให้มารับจิ๊บไปทานข้าวที่บ้านหนะ แล้วมะกลัวว่ากลับดึกแล้วจะอันตราย ก็เลยจะให้จิ๊บค้างที่บ้านเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเค้ามาส่งเอง” นราธรโกหกใส่แม่ของเขาอีกแล้ว เพราะเขาทำแบบนี้ประจำตั้งแต่สมัยเรียนมาแล้ว
คุลิกายิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่า “ทำไมจิ๊บต้องไปกับอาร์มด้วยล่ะ”
“นะๆ ไปนะ เราไม่เจอกันนานแล้ว มีอะไรจะเล่าจิ๊บเยอะเลย แล้วมะกับป๊ะก็ยังไม่เคยเจอเพื่อนม.ปลายของเค้าเลย มะอยากมีลูกสาวจะตายไป จิ๊บก็ไปอยู่ให้คนแก่ชื่นใจหน่อยดิ นะๆ ไปนะ” นราธรออดอ้อนซะ อย่าใจอ่อนเชียวล่ะคุลิกา
“เห้อ จริงๆเลย ไปก็ได้ เห็นแก่มะกับป๊ะนะ เดี๋ยวไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะ” คุลิกาเก็บของบนโต๊ะ หลังจากเหลือบมองนาฬิกาแล้ว ได้เวลาเลิกงานแล้ว คุลิกาเดินนำนราธรไปยังบ้านพักแพทย์ที่อยู่ใกล้ๆ ด้านหลังของโรงพยาบาลนี่เอง แต่นราธรก็ดึงเธอขึ้นรถเสียก่อน
“เค้ารอในรถแล้วกันนะ” นราธรกล่าวหลังจากรถมาจอดที่หน้าบ้านพักของคุลิกา
หญิงสาวลงจากรถและเข้าไปจัดของอย่างรวดเร็ว คุลิกาวิ่งออกมาด้วยความเร็วสูง “เรียบร้อยแล้ว รีบไปเหอะ เดี๋ยวช้ากว่านี้จะเกินเคอร์ฟิวนะ” คุลิกาหอบหายใจเล็กน้อย
นราธรออกรถและก็ขับอย่างระมัดระวังที่สุด “เค้าบอกจิ๊บรึยัง เค้าย้ายบ้านแล้วแหละ เค้าซื้อบ้านให้ป๊ะกับมะ อยู่ในเมืองเลย แต่ก็มีพื้นที่บริเวณบ้านด้วย เพื่อนบ้านก็ดี แล้วรถคันนี้เค้าก็ซื้อเองแหละ” นราธรคุยอวดเหมือนเด็กๆ
“เหรอ ดีแล้วแหละ ใช้เงินทำให้พ่อแม่อยู่สบายขึ้นหนะ ว่าแต่ตกลงจบไรมาล่ะ ทำงานนานแล้วอ่ะดิ” คุลิกาไม่ได้ติดตามข่าวว่าเพื่อนๆเรียนต่อกันที่ไหนบ้าง เพราะเธอมัวแต่นอนอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงที่เพื่อนๆเอนทรานซ์กัน
“วิศวกรรมปิโตเลียม เค้าทำงานกับปตท. เงินเดือนก็ดีนะ เค้าทำงานแค่สองปีก็ซื้อบ้านซื้อรถได้แล้ว ทำงานหกเดือนต่อหนึ่งปี แต่รับเงินเดือนครบสิบสองเดือน แต่เสียอยู่อย่าง เค้าไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ต้องไปอยู่ที่แท่นเอราวัณกลางอ่าวไทยอ่ะ ครั้งละสามเดือน ปีละสองครั้ง อีกครึ่งปีที่เหลือก็ทำงานอยู่บนฝั่งหรือไม่ก็ว่างๆไปเลย” นราธรเล่าเสียสนุกเลย
“งานของอาร์มน่าสนุกดีนะ ชักจะอิจฉาแล้ว” คุลิกาพูดจริงๆนะ เธออยากทำงานแบบนราธรบ้าง เธอชอบทะเล ชอบงานท้าทาย แต่เป็นผู้หญิงนี่ จะไปอยู่แท่นขุดเจาะน้ำมันได้ไง
“แล้วคิดไงถึงเป็นหมอแล้วยังเลือกมาอยู่ที่นี่อีก ไม่กลัวเหรอ” นราธรเองก็ยังแปลกใจที่เจอคุลิกาที่นี่ เขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้าบ้าบิ่นเลือกที่จะมาอยู่ที่นราธิวาสหรอก โดยเฉพาะแพทย์จบใหม่แบบนี้
คุลิกายิ้มๆ “ก็พ่อกับแม่อยากให้ดูแลรักษาตัวเองได้ เพราะพ่อกับแม่ไม่ได้อยู่รักษาเราตลอดหรอก จะพึ่งพาคนอื่นมันก็ยังไงอยู่ จะหาสามีมาดูแลก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจเลือกเรียนมันเองเสียเลย แล้วสมองแบบนี้เหรอจะเอ็นท์ติด จิ๊บก็เลือกของมหาลัยนราธิวาส ไปเรียนที่มอ.แล้วก็กลับมาใช้ทุนที่นี่สองปี แล้วก็จะไปไหนก็ไป เรื่องกลัวหนะไม่กลัวหรอก พ่อกับแม่บอกว่าถ้าตายอย่างน้อยก็ตายในหน้าที่ล่ะ จิ๊บก็ไม่กลัว ก็คิดซะว่าถ้าคนมันจะตาย อยู่ที่ไหนก็ตายทั้งนั้นแหละ ถ้าคนมันจะรอด ต่อให้อยู่ในสยามรบมันก็รอดแหละ จริงมั้ยล่ะ”
“ก็จริงนะ คิดแบบนี้ก็ดีแล้ว เค้าก็ไม่ย้ายไปไหนเหมือนกัน ที่นี่เป็นบ้าน ใครจะย้ายก็เชิญ แต่เค้าไม่ไปด้วยคนหนึ่งแน่ เกิดที่นี่ก็ตายที่นี่แหละ” นราธรจริงจังมากกับเรื่องนี้ นราธิวาสจะอันตรายแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นบ้านของเขาเหมือนเดิม
“แล้วทำไมมาพูดเรื่องตายๆกันเนี่ย เปลี่ยนเรื่องดีกว่า นี่อาร์มจำตอนที่เราหนีเรียนกันทั้งห้องได้มั้ย ตอนม.5ไง แล้วก็เหมารถตู้ไปงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ที่มอ.หาดใหญ่กันหนะ สุดยอดเลยนะ ไม่รู้ตอนนั้นคิดไง กลับมาโดนเช็คขาดทั้งห้อง โดนผู้ช่วยเรียกเข้าไปพบกันทั้งห้องด้วย” คุลิกาคิดถึงความทรงจำเมื่อตอนมัธยมปลายซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอแหกกฎ
นราธรหัวเราะเบาๆ “ใช่ ไม่รู้คิดไงเหมือนกัน มันไม่อยากเรียนนะ แล้วก็เคืองอาจารย์หน่อยๆด้วย พวกเราขออนุญาตดีๆก็ไม่ให้พวกเราไปใช่มั้ย ก็ได้รู้กันไปเลย ไปเองก็ได้ พิสูจน์ว่าพวกเราดูแลตัวเองได้ด้วยนะ”
“ใช่ๆ อันนั้นเห็นด้วย แล้วนี่ใกล้จะถึงรึยังล่ะ” คุลิกาถามขึ้นเพราะดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว เป็นสัญญาณว่าทุกคนควรจะอยู่ที่บ้านของตัวเองได้แล้ว
“นี่ไงถึงแล้ว” นราธรเลี้ยวรถเข้ามาในบริเวณบ้าน ซึ่งตัวบ้านก็ดูสบายๆ ตกแต่งแบบธรรมชาติดี เป็นบ้านไม้ทรงไทยแบบปัตตานี รอบๆตัวบ้านมีสนามหญ้าสีเขียว สวนสวย และบ่อปลา นราธรชอบเลี่ยงปลามากๆ เขาแทบจะขาดใจเลยล่ะที่ต้องจากปลาของเขาไปทำงานกลางทะเลครั้งละสามเดือน
คุลิกามองสำรวจบ้านเล็กน้อย “บ้านน่าอยู่จังเลยนะ เป็นธรรมชาติ ร่มรื่นดี แล้วก็ดีสำหรับป๊ะกับมะด้วย” คุลิกาต้องเอ่ยชมการออกแบบและตกแต่งบ้านหลังนี้เลยเชียวล่ะ
“เดี๋ยวเค้าถือให้” นราธรแย่งกระเป๋าเสื้อผ้าของหญิงสาวไปถือแทน “เข้าไปกันเถอะ มะกับป๊ะคงรออยู่แล้ว” ชายหนุ่มจูงมือเธอเข้าบ้านไป เล่นเอาคุลิกาเหวอไปเลย
ความคิดเห็น