คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : act.1 ยัยนางฟ้า..เพื่อนสมัยเด็กของผม
“ปลาดาวงี่เง่าตื่น!! ไปโรงเรียนได้แล้ว!! ตื่น!!!!!” เสียงเล็กๆที่ฟังดูน่ารักตะโกนอยู่ข้างหูผม...แต่ผมรึจะสน?! ไม่มีทางซะหรอก..ผมพลิกตัวหนีพร้อมเอาหมอนอุดหู
“อีตาบ้าจะนอนไปถึงไหน!! วันนี้วันสอบนะยะ โอ๊ย!! อยากจะบ้าตายขนาดวันสอบชั้นยังต้องขุดแกไปสอบ จะตื่นมั้ย?! ตื่น!!!!” มือเล็กๆกระชากหมอนสีฟ้าที่อยู่บนหัวผมออก เสียงของเธอยังดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เธอมีหน้าที่มาปลุกผม แต่ทุกวันผมก็ไม่เคยตื่นดีๆ... แต่เมื่อกี้...เธอว่าไงนะ?? สอบงั้นเหรอ??
“เฮ้ย!! จริงดิ วันนี้สอบ!!” ผมลุกพรวดขึ้นมาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ ผมลืมจริงๆนะนี่!! ผมหันมองเพื่อนสมัยเด็กที่นั่งอยู่ข้างเตียง ด้วยสีหน้าเอ๋อๆ
“ใช่สิยะ..สอบมาตั้งสองวันแล้วแกยังจะงงอีกเหรอ!! เร็ว.. 5 นาที พี่เทวารออยู่ข้างล่าง” เมื่อเธอเห็นว่าผมตื่นเต็มตาแล้วเธอก็เดินออกจากห้องทิ้งผมที่กำลังงงไปซะเฉยๆ ผมลุกขึ้นจากเตียง...มีเวลา 5 นาทีสำหรับการอาบน้ำแต่งตัว ตามคำขาดของเธอ และผมก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดไม่เช่นนั้นผมจะต้องไปโรงเรียนเอง ผมเหลือบตาไปมองนาฬิกาที่วางอยู่หัวเตียงเพื่อคาดคะเนเวลา แต่ผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง.... ‘6.00’ ....
“ไอ้ฟ้าโรคจิต!! ปลุกข้าให้แหกขี้ตาตื่นทำไมแต่เช้าฟะ” ผมตะโกนด่าสุดเสียงพร้อมๆกับคว้างนาฬิกาที่อยู่ใกล้มือใส่ประตูห้อง เสียงนาฬิกากระทบประตูยังไม่ทันจางหายผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างกระแทกประตูจากอีกฟาก เธอคงขว้างสิ่งที่ใกล้มือที่สุดก่อนเธอจะตะโกนตอบ
“อีก 4 นาที”
.......................................
สุดหล่อที่กำลังอาบน้ำอยู่ตอนนี้มีชื่อว่า ปลาดาว ก็ผมเองนั่นแหละ ผมอายุ 16 ตอนนี้เรียนอยู่ ม.5 เพราะตอนเด็กๆตั้งใจเรียนโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ตอนนี้เลยค่อนข้างมีชื่อ นั่นเป็นเรื่องของสมัยก่อน แต่ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองมันโง่ซะจนขุดไม่ขึ้นแล้ว แถมผมยังสิ้นคิดเลือกเรียนสายวิทย์อีกต่างหาก ตอนนี้เลยต้องเผชิญกับความเครียดพยายามเอาตัวให้รอด อย่าว่าแต่เกรดดีๆเลย แค่ลากชีวิตของแต่ละเทอมไม่ให้ติดศูนย์ก็แทบตายแล้ว เพราะผมเครียดเรื่องการเรียนมากเกินไป มันจึงส่งผลถึงร่างกายโดยตรง ส่วนสูงของผมไม่กระดิกมาเป็นปีแล้ว มันหยุดอยู่แค่ 167 เซนติเมตร สำหรับผู้ชายมันเป็นปัญหาใหญ่มากกกก!! แต่ผมก็ไม่รู้จะจัดการยังไงกับมัน ขนาดผมเล่นกีฬาทุกชนิดแล้ว มันก็ยังไม่สูงขึ้น แต่ก็ยังดีที่ผมหน้าตาดี?! เรื่องสาวๆเลยไม่มีปัญหา แต่มันก็ยังเป็นปมด้อยของผมอยู่ดีนั่นแหละ
ผมเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างครอบครัวของผมจึงต้องย้ายไปอยู่ประเทศอังกฤษ ปัญหามันเกิดตรงนี้แหละ... เพราะความสามารถทางภาษาของผมมันเป็นศูนย์ ประมาณว่าภาษาไทยไม่กระดิกภาษาอังกฤษนอนตายอะไรทำนองนั้น ขนาดเรียนที่นี่ใช้ภาษาบ้านเกิดแท้ๆผมยังแทบเอาตัวไม่รอด ถ้าให้ไปอยู่อังกฤษ ผมคงกลุ้มใจตายตั้งแต่อยู่บนเครื่อง และด้วยเหตุผลนี้พ่อแม่ของผมจึงทิ้งลูกชายสุดที่รักไว้กับเพื่อนบ้าน แต่ด้วยความเกรงใจ ตอนนี้ผมจึงอาศัยอยู่คนเดียวบนชั้น 3 ของอาพาธเม้นใกล้ๆกับบ้านของเพื่อนคนนั้น
ว่าไปก็เหมือนจะนาน แต่จริงๆแล้วผมเพิ่งเริ่มอยู่คนเดียวแค่ประมาณ 3 เดือนเอง ผมออกจากห้องน้ำพร้อมก้มดูนาฬิกาที่กลิ้งอยู่กับพื้นเมื่อเดินผ่าน เหลือเวลาอีก 2 นาที
“ปลาดาวเสร็จยัง” เสียงใสๆของเธอที่อยู่หน้าห้องถามขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร
พอหมดเวลาที่เธอกำหนดผมก็เดินออกจากห้องนอน เธอที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นลุกขึ้นพยักหน้าเร่งผม ทั้งๆที่ยังเช้าแต่เธอก็ดูรีบ
“เร็วปลาดาว จะรีบไปเมาส์ เมื่อวานยังคุยกับยัยวาไม่ซะใจ โทรศัพท์ดันตังส์หมด โอ๊ย!! มีเรื่องอยากจะเมาส์ตั้งสิบล้านเรื่อง”
“อื้ม..เอ็งก็เลยปลุกข้ามาแต่เช้า” เฮ้อ!! ผมละพูดไม่ออกจริงๆกับเหตุผลของเธอแต่ละอย่าง แต่ก็ชินซะแล้วล่ะ
“ทำไงได้ล่ะยะ ก็คุณแม่สั่งให้ชั้นมารับแกทุกวันนี่ เอ่อใช่!! แกอ่านหนังสือยังปลาดาว มีอะไรในหัวบ้าง ตอนนี้ในหัวชั้นไม่มีอะไรที่พอจะใช้ทำข้อสอบได้เลยอ่ะ” เสียงน่ารักๆของเธอบ่นออดๆแอดๆ เธอก็เป็นกรณีเดียวกับผม เมื่อก่อนเคยฉลาดแต่ตอนนี้....ไม่รู้เอาสมองไปลืมไว้ไหน แถมผมกับเธอยังทำตัวสมกับเป็นเพื่อนกันอีก...เป็นโรคขี้เกียจเตรียมตัวสอบ ตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้วไม่เคยอ่านหนังสือสอบ พอคิดจะเปิดอ่านก็หลับซะทุกที
“รู้จักข้ามาตั้งแต่เกิดยังจะถามข้าเรื่องนี้อีกเหรอวะ” ผมตอบไปขำๆ พอนึกถึงเรื่องสมัยเด็กที่กางหนังสือแล้วหลับกับทั้งคู่มันก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่เธอกลับไม่ขำกับผม เธอส่งสายตาค้อนขวับ!! มันทำให้ผมรู้ว่าเธอเครียดเรื่องนี้จริงๆ ปกติก็น่าเครียดอยู่เหมือนกันแต่เผอิญผลมีหนทางรอดสำหรับสอบวันนี้แล้วผมก็เลยเฉยๆ
“อ๊ะ!! ใช่สิ..ลืมไปแกมันก็สมองระดับเดียวกับชั้น แกนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆเลย” เมื่อเธอเห็นว่าผมไม่รู้สึกรู้สาอะไร เธอก็แขวะผม... หน้าตาออกจะน่ารักแท้ๆเพื่อนผมคนนี้ แต่นิสัยแบบนี้แหละ... ใครได้ไปเป็นเจ้าสาวมีหวังบ้าตายแน่
เธอคนนี้เป็นลูกสาวของเพื่อนสมัยเรียนของพ่อแม่ผม และก็คือคนข้างบ้านที่พ่อแม่ผมฝากผมไว้นั่นแหละ ไอ้ฟ้ากับผมรู้จักกันมาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ผมกับเธอเกิดวันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลเดียวกัน เพราะพ่อแม่เป็นเพื่อนกัน ผมกับเธอเลยไม่เคยแยกจากกัน ผมเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล อันที่จริงผมก็เล่นอยู่กับเธอมาตั้งแต่เกิด จนตอนนี้อยู่ม.ปลายแล้ว ผมกับเธอก็ยังอยู่โรงเรียนเดียวกันอยู่ ถึงจะอยู่คนละห้องก็เถอะ แต่เราก็ยังเจอหน้ากันทุกวันเหมือนเดิม และยิ่งต้องเจอกันมากขึ้นเมื่อผมมาอยู่คนเดียว ตั้งแต่พ่อแม่ผมฝากกุญแจห้องของผมไว้ที่เธอ ชีวิตช่วงเช้าของผมไม่เคยสงบสุขเลยซักวัน...ยกเว้นวันหยุดที่เธอจะปล่อยผมเป็นอิสระ แต่ผมก็ยังไปกินข้าวบ้านเธออยู่ดีนั่นแหละ
เธอคนนี้ชื่อ นางฟ้า แต่ก็ไม่ได้เป็นนางฟ้าอย่างชื่อเลย...ภายนอกก็ดูน่ารักดีหรอก ตัวเล็กๆ ตาโตๆ ดูไปดูมาก็เหมือนตุ๊กตา แถมเธอยังมีงานอดิเรกคือการแต่คอสเพลย์ มันยิ่งทำให้เธอดูเป็นตุ๊กตาเข้าไปใหญ่ แต่ใครจะไปรู้...จริงๆแล้วสาวน้อยผู้น่ารักที่ทุกคนอยากได้มาปกป้องกลับนิสัยเอาแต่ใจสุดๆ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นเจ้าหญิงจากเมืองไหน บทเธอจะต้องการอะไรก็จะเอาให้ได้ ใครทำอะไรขัดใจเธอมีอันเป็นไป(?!)ทุกราย คำพูดของเธอแต่ละคำที่พูด ก็เหมือนไม่เคยได้ผ่านสิ่งที่เรียกว่า ‘สามัญสำนึก’ ไม่เคยคิดถึงจิตใจใคร แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ก็มีหนุ่มๆหลายคนที่โดนภาพลักษณ์ที่เหมือนตุ๊กตาหลอก เธอไม่เคยมีแฟน...เพราะเธอไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหน สิ่งที่ทำให้เธอหลงใหลได้คือภาพ 2 มิติ รู้สึกว่ามีแค่การ์ตูนเพียงอย่างเดียวที่ทำให้จิตใจเธอหลอมละลายได้ แล้วเธอก็ชอบเหลือเกินที่จะจับหนุ่มๆในการ์ตูนมารักกัน...เธอจะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษถ้าได้เห็นผู้ชายกับผู้ชายมารักกันเอง และถ้าเธอได้เกิดจิตนาการบรรเจิดแต่งนิยายออกมาเมื่อไหร่ คนที่โดนยัดเยียดให้อ่านคนแรกก็คือผม.. มันเป็นเรื่องน่าเศร้านะครับ..เป็นผู้ชายแท้ๆแต่กลับโดนบังคับให้อ่านนิยาย ‘ชายรักชาย’ ผมละหลีกได้เป็นหลีก หลบได้เป็นหลบ แต่เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของผม และเป็นจอมบงการตัวยง ผมจึงต้องจำใจอ่านๆไป อันที่จริงเพราะเธอขู่ว่าจะผมไปแต่งเป็นตัวละคร ‘ฝ่ายรับ’ ในนิยายของเธอ ผมถึงยอมอ่านและแก้คำผิดให้แต่โดยดี...มันเป็นอย่างนี้มาตลอดจนตอนนี้ผมชักจะชินซะแล้ว...
พอถึงโรงเรียนพี่เทวา..พี่ชายคนเดียวของไอ้ฟ้าก็จอดส่งที่หน้าโรงเรียนเพราะพี่แกต้องไปมหาลัยต่อ ผมกับเธอก็เดินเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน ปกติถ้าเป็นแบบนี้...ทุกคนคงลือกันให้แซ่ดว่าเราเป็นแฟนกัน แต่ปรากฏว่าไม่เคยมีข่าวแบบนี้เกิดขึ้นเลยซักครั้ง เพราะอะไรน่ะเหรอ??
“พี่นางฟ้าคะ หวัดดีค่ะ”
“หวัดดี”
เด็กรุ่นน้องเดินผ่าน..แทบทุกคนจะทักเธอ และเธอก็จะตอบรับพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน
“อ้าว....น้องนางฟ้า มาแต่เช้าเชียว”
“หวัดดีคะ รุ่นพี่”
รุ่นพี่เดินผ่าน...แทบทุกคนก็จะทักทายเธอ และเธอก็จะทักตอบด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก
“นางฟ้า...อ่านหนังสือยัง”
“ยังเลย..ติวให้หน่อยดิ”
“มาสิรออยู่ที่โรงอาหารนะ”
เพื่อนรุ่นเดียวกันเดินผ่าน...อันนี้ล่ะทุกคนจะทักเธอ หรือไม่ก็ยิ้มให้ และเธอก็จะตอบด้วยความสนิทสนมทั้งๆที่บางทีเธอก็ยังไม่รู้จักเค้าซะด้วยซ้ำ
ก็นี่ล่ะครับที่ทำให้ไม่เคยมีข่าวลือเรื่องของเธอกับผม เพราะไอ้ฟ้ามันเป็นที่รู้จักของชาวบ้านเค้าไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นเดียวกัน รู้จักมันหมด เพราะเธอค่อนข้างเป็นนักกิจกรรม มีงานอะไรของโรงเรียนไอ้ฟ้าจะมีหน้าที่ร่วมเสมอ มันเป็นประธานชุมนุนละครเวที ในสมัยก่อนที่ไอ้ฟ้าจะเป็นประธานไอ้ชุมนุนนี้มันเป็นแค่ชุมนุนเล็กๆไม่มีจุดเด่นอะไร แต่พอไอ้ฟ้าเข้ามาจัดการ...ชุมนุมเล็กๆนั่นกลับมีห้องประจำชุมนุม แถมยังได้งบเรื่องชุดเรื่องฉากมากมาย มีงานประกวดการแสดงที่ไหน โรงเรียนเราก็กวาดมาหมด..ด้วยความน่ารักและความสามารถ ไอ้ฟ้าจึงกลายเป็นไอดอลอันดับต้นๆของโรงเรียน เพราะความเป็นคนของสังคมและเป็นที่รักของทุกคน ถ้ามีเรื่องอะไรของเธอออกมาเป็นข่าวลือ เธอก็จะมีคนช่วยแก้ข่าวชนิดที่เจ้าตัวยังไม่ทันรู้เรื่องข่าวลือก็หายไปแล้ว
“ปลาดาว..ชั้นจะไปติวกับพวกห้องคิง แกจะไปกับชั้นป่ะ?” เธอยิ้มน่ารักพร้อมถามผมอย่างหวังดี แต่ผมก็รู้ดีว่า...ถ้าผมไปด้วยมันจะเกิดอะไรขึ้น ผมรู้ว่าผมต้องฟังอะไรไปพร้อมๆกับการติว ผมจึงตอบปฏิเสธ
“เอ็งก็ไปเถอะ มีแต่ผู้หญิง...ไม่ไหวว่ะ” อันที่จริงถ้ามีแต่ผู้หญิงธรรมดาๆผมก็อยากไปด้วย แต่ไอ้ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนของเธอมัน......
“แหม...ชั้นรู้...ว่าแกน่ะ...ชอบผู้ชายยยยย แกไม่ต้องย้ำขนาดนั้นก็ได้” ท่าทางและคำพูดล้อเล่นของเธอเล่นเอาผมขนลุก ก็เธอกับพวกเพื่อนๆเธอนี่สิ...เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกเป็นศัพท์เฉพาะว่า ‘สาววาย’ หรือถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เป็นสาวๆที่ชอบเอาเพื่อนหนุ่มๆข้างกายมาจับคู่กันเอง พวกเธอมีงานอดิเรกคือการเอาผู้ชายกับผู้ชายมารักกัน แล้วจะให้ผมไปติวกับพวกเธอน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ!! ผมคงต้องฟังเรื่องเกย์จนหูชาแน่ๆ
ผมเดินแยกจากเธอก่อนถึงโรงอาหารปล่อยให้เธอไปกับเพื่อนๆของเธอ ที่หมายของผมก็คือห้องสมุด ไม่ใช่ว่าจะไปอ่านหนักสือหรอกนะ..ก็ไปหาคนมาติวให้เหมือนกันนั้นแหละ จากที่คาดคะเน เป้าหมายของผมน่าจะอยู่กันที่นั่น และมันก็เป็นอย่างนั้น..เธอที่นั่งอยู่ในห้องสมุดตอนเช้าคนเดียวคือเพื่อนร่วมชั้นที่เรียนเก่งที่สุดในห้อง เธอเป็นคนเงียบๆใส่แว่นหนาท่าทางไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า วันๆเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเรียนจึงไม่ค่อยมีใครอยากยุ่ง แต่ผมก็รู้ว่าจริงๆแล้ว เธอคนนี้หน้าตาดี...แถมยังดูท่าว่าจะชอบผมซะด้วย ที่สำคัญแน่นอนว่าเธอไม่ใช่ ‘สาววาย’
“โบลิ่ง...ให้ปลาดาวนั่งด้วยได้มั้ย” อ๊า!! ผมสังเกตแล้วว่าเธอสรุปแนวข้อสอบมา...ถ้าผมได้อ่านมัน สอบคราวนี้คงเป็นเรื่องขี้ๆ
“ก็....ก็นั่งเถอะ” เธอตอบเสียงสั่นนิดๆ ผมได้ทีก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเธอ
“ทำไงดีโบลิ่ง ปลาดาวยังไม่ได้อ่านหนังสือมาเลย ตอนสอบกลางภาคก็ตก ปลาดาวต้องติดศูนย์แน่เลย” ผมบ่นลอยๆพร้อมกับทำหน้าเศร้าซะเต็มประดา เหลือบตามองเธอนิดๆก็รู้ว่าเธอกำลังสนใจผม หน้าตาดูดีที่ซ่อนอยู่หลังกรอบแว่นมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง เมื่อเป็นเช่นนั้นผมก็ถอนหายใจแรงๆอย่างหมดหวังอีกครั้ง
“งั้นเหรอคะปลาดาว เราสรุปแนวข้อสอบมาล่ะ ถ้าไม่รังเกียจเอาไปอ่านมั้ย” เธอพูดเสียงเบาพร้อมยื่นแนวข้อสอบให้ผม ปกติตัวซีร็อกสมุดโน๊ตของเธอจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก เพราะเธอจะหวงวิชาเหลือเกินแต่ตอนนี้ตัวต้นฉบับที่มีอยู่อย่างครบถ้วนถูกวางลงบนมือผม ผมล่ะอย่างจะรีบเปิดอ่านซะตอนนี้ แต่มันต้องมีฟอร์มนิดนึง
“ปลาดาวอ่านได้เหรอ นี่มันเป็นของโบลิ่งนะ โบลิ่งอุตส่าห์ตั้งใจเรียนตั้งใจจด ปลาดาวไม่ได้ตั้งใจเรียนเลย มันก็สมควรแล้วที่จะต้องตก ปลาดาวเอาเปรียบโบลิ่งไม่ได้หรอกนะ” ผมยัดสมุดคืนให้เธอพร้อมๆกับจับมือเธอไว้ เธอรู้ถึงสัมผัสจึงก้มหน้านิ่ง ผมก็เอียงเข้าใกล้เธอมากเข้าไปอีก ผมเอามืออีกข้างถอดแว่นของเธอออก ใบหน้าขาวเนียนที่น้อยคนนักจะได้เห็นแดงก่ำ ผมลูบแก้มเธอเบาๆดันให้เธอมองตาผม ผมเคลื่อนเข้าใกล้เธอจนรู้สึกถึงลมหายใจ เธอหลับตานิ่งรู้ว่าผมจะทำอะไรต่อจากนี้ ผมค่อยๆทาบริมฝีปากลิ้มรสอย่างแผ่วเบา น้ำตาอุ่นๆไหลอาบแก้มใสจนถึงมือของผม ผมตกใจมากที่อยู่ๆเธอก็ร้องให้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อยที่ผมขโมยจูบเธอ ผมใช้วิธีนี้หลอกเอาแนวข้อสอบจากเธอมาตั้งแต่ม.2 แล้วนี่มันอะไรเนี่ย?!
“พอเถอะปลาดาว เรารู้ดีว่าปลาดาวน่ะไม่ได้ชอบเรา เลิกเถอะนะอย่าทำแบบนี้กับเราอีกเลย ถ้าจะให้เราติวให้ก็บอกตรงๆเถอะ ถ้าเป็นปลาดาวเราก็ติวให้อยู่แล้ว มาทำแบบนี้กับเรา เราก็จะยิ่งชอบปลาดาวมากขึ้นไปอีกน่ะสิ มันทรมานมากเลยรู้มั้ย...” เธอเล่นร้องไห้แบบนี้ผมก็ทำอะไรไม่ถูกเลยน่ะสิ ในกรณีนี้คงต้องเป็นคำนั้นคำเดียว
“ขอโทษ ปลาดาวขอโทษที่โบลิ่งรู้สึกไม่ดี โบลิ่งเลิกร้องไห้นะ” โอ๊ย...นี่เป็นเวลาที่ผมจะต้องอ่านหนังสือนะเฟ้ย ไม่ใช่เวลามานั่งปลอบสาว แต่ทำไงได้...
“ปลาดาวไม่ผิดหรอก เราผิดเองที่ชอบปลาดาว ผิดเองที่คิดว่าปลาดาวชอบเรา ปลาดาวอ่านหนังสือเถอะ ใกล้ถึงเวลาสอบแล้ว เราไม่เป็นไรหรอก” ว่าแล้วเธอก็ปาดน้ำตายิ้มให้ผมอย่างน่ารัก
“โบลิ่งน่ารักมากรู้ตัวมั้ย” ผมชมเธอจากใจ เธอเข้าใจอะไรง่ายๆ และสรุปแนวข้องสอบของเธอก็เข้าใจง่ายด้วย ผมไม่ปล่อยไปหรอก เหยื่อชั้นดีแบบนี้...
ผมก้มหน้าก้มตาอ่านสมุดโน้ตของเธอจนจบส่วนที่ใช้สอบในช่วงเช้า ห้องสมุดที่ไม่มีใครเริ่มมีคนเข้ามาวุ่นวาย ผมไม่อยากให้มีข่าวเรื่องผมกับเธอ ผมจึงขอบคุณเธอและนัดแนะให้พักกลางวันไปเจอกับผมที่หลังโรงเรียนเพื่อให้ผมได้อ่านส่วนที่ต้องใช้สอบช่วงบ่าย เธอพยักหน้าเข้าใจ น่าสงสารเธออยู่เหมือนกันแต่มันก็ช่วยไม่ได้ เธอดันมาชอบผมเองนี่ ไม่เข้าใจเลยทำไมถึงยอมทำอะไรเพื่อคนอื่นขนาดนี้ เพราะแค่ไอ้ความรู้สึก ‘ชอบ’
งั้นเหรอ มันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวจริงๆ
.......................................
ความคิดเห็น