ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วารีหวนกลับ

    ลำดับตอนที่ #1 : ซับซ้อน

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 50


     

                       ท้องฟ้ายามค่ำคืน  ดวงดาวประกายแสง  หมู่เมฆพัดโปรยปราย  บุรุษหนึ่งคนที่มิอาจนับรวมได้ว่าเป็นมนุษย์กำลังรอบุคคลบุคคลหนึ่ง  ณ สถานที่สถานที่หนึ่ง สถานที่บริเวณรอบข้างประกอบด้วยมวลหมู่ดอกไม้จำนวนมาก ทั้งยังประกอบไปด้วยปุยเมฆมากมาย เคลื่อนไหว

    ไปตามแรงลมตลอดเวลา  ที่ที่มนุษย์มิอาจย่างกราย ที่ที่คนบาปมิอาจรบกวน ที่ที่ทุกคนอาจคิดว่ามีแต่ความสุข  แต่บุคคลบนนั่นหามีความสุข เช่นสถานที่อยู่ไม่ ที่ที่เมื่อได้มองเห็นก็รู้ว่ามิใช่สถานที่อยู่บนโลกมนุษย์ ที่ที่ทุกคนต่างเรียกว่า สรวงสวรรค์?

     

     

                     มาแล้วรึ  เสียงบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น  เพียงได้ยินเสียงธรรมดาก็สามารถรับรู้ถึงความมีอำนาจ ของผู้พูดได้เป็นอย่างดี   ทั้งยังประกอบด้วยชุดที่ผู้พูดสวมใส่นั้นหาใช่ เสื้อผ้าที่มนุษย์บนพื้นดินสวมใส่ไม่ หากแต่เป็นเกราะ เกราะสีทอง!พร้อมด้วยอาวุธข้างกายเป็น ทวนที่มิอาจเรียกรวมเช่นกับทวนทั่วไป  ทวนสีทอง ทวนที่ชายผู้นี้ถืออยู่ ใบหน้าผู้พูด ขมับนูนเด่น ประกายตาแจ่มใส

    บ่งบอกถึงบุคลิกผู้ชนชั้นผู้นำได้เป็นอย่างดี  บุรุษผู้นี้มิใช่ใคร บุรุษที่มนุษย์และเหล่าทวยเทพต่างยกย่องและเคารพ  เทพสงครามไป๋จิน  ผู้เป็นผู้นำทัพของสรวงสวรรค์ มีขุนพลสวรรค์ในควบคุมนับแสน

                    บุรุษหนุ่ม อีกผู้หนึ่งที่เดินมาถึงภายหลัง กล่าวเสียงเรียบๆแต่นอบน้อม

    มีอันใดให้รับข้าน้อยใช้หรือ?”

    ไป๋จิน  หันหลังกลับไปพร้อมวางทวนไว้บนชั้นวางบริเวณโต๊ะเบื้องหน้า

                 เหตุใดท่านแม่ทัพ ถึงกล่าวเช่นนั้นเล่า หากตัวข้าเรียกพบท่านเป็นอันต้องมีงานให้ท่านทำเสมอริ! หรือ ข้าจะพบท่านด้วยเรื่องอันหาสาระมิได้ !

    บุรุษที่เดินตามมาภายหลัง ได้ยินดังนั้น ก็มิอาจสะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านใจหลังจากที่ได้ฟังอยู่ได้

     

     หามิได้ ข้าน้อยมิได้คิดเช่นนั้นไม่ หากแต่ท่านมิเคยเรียกข้าน้อยมาพบตามลำพังเช่นนี้ไม่ ข้าจึงคิดว่าคงมีเรื่องที่ท่านมิอาจให้ผู้ใดล่วงรู้ได้ จึงเรียกตัวข้าน้อยมาพบ และเรื่องที่ท่านจะพูด คงมีความสำคัญยิ่งยวดเป็นแน่! บุรุษหนุ่มคิดเช่นใดก็พูดเช่นนั้นออกไป

     

     

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านมิเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าจะผ่านไปสักเท่าใด ท่านก็คิดจะทำแต่เรื่องงานตลอด ท่านมิคิดทำสิ่งใดเพื่อตัวท่านเองบ้างหรือ?”

     

    อันตัวข้าได้รับความเมตตาและบุญคุณจากท่าน  ตัวข้าก็มิอาจไม่รับใช้ ทั้งท่านยังเป็นผู้บังคับบัญชาของตัวข้าน้อยอีกด้วย ไม่ว่าเรื่องที่ท่านจะพูดเป็นสิ่งใดข้าก็น้อมสนอง

     

     

                 นี่ท่านจะพูด เช่นนี้อีกหรือ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นท่านเองที่เป็นคน กำหนดชะตาชีวิตของตัวท่านเอง เรื่องที่ข้าจะพูดนี้มิอาจนับว่าเป็นเรื่องของการทดแทนบุญคุณได้  แต่เป็นเรื่องของพี่ใหญ่วานให้น้องเล็กช่วยเหลือ บุรุษหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็ทราบแก่ใจดีว่าเรื่องราวที่จะพบเจอต่อจากนี้ย่อมมิใช่เรื่องธรรมดาเป็นแน่ แต่มิอาจไม่รับฟัง เพราะเบื้องหน้านั้น มิใช่ ถ้านับเพียงตามฐานะแล้วว่าเป็นเจ้านาย แต่ยังนับได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณอีกด้วย  บุรุษหนุ่มขณะที่คิดจะพูด แต่ยังมิได้พูดสิ่งใดต่อ ไป๋จิน ก็พูดขึ้นก่อน

                         ตัวท่านติดตามตัวข้ามาก็นานปีแล้ว ร่วมรบกันมาหลายครั้งหลายครา  ผ่านช่วงอันตรายมาด้วยกันก็หลายครั้งแล้ว ท่านก็ทราบ ดีว่าตัวข้าเป็นคนเช่นไร เรื่องที่ข้าจะกล่าวกับท่านนับจากนี้   ไม่นับได้ว่าเป็นงาน แต่เป็นเรื่องที่พี่ใหญ่มีเรื่องให้น้องเล็กช่วย ทั้งยังมิใช่เรื่องของตัวข้า แต่เพียงผู้เดียว แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันโดยตรงกับตัวท่านด้วย

    **************************************************************************

     

                    คิมซัว  ตลอดเวลาที่ท่านอยู่บนสวรรค์กับข้า ท่านไม่เคยนึกถึงอดีตชาติของท่านใช่หรือไม่ และท่านก็ไม่เคยรับรู้เรื่องราวก่อนที่ท่านจะสำเร็จเป็นเทพใช่หรือไม่  เรื่องราวของเจ้าที่เจ้ามิเคยทราบ และเจ้าก็ไม่คิดทราบมาตลอด ข้าจะบอกกล่าวกับท่านเอง

     

    บุรุษหนุ่มที่ถูกเรียกว่า คิมซัว ได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย เพราะเป็นเรื่องที่ ตัวของมันเองก็คาใจไม่น้อย เพราะเทพทุกคนบนสวรรค์นั้นจะจำเรื่องราวทุกชาติทุกภพบนโลก

    มนุษย์ได้ แต่ตัวมันเองนั่นเมื่อจะนึกสิ่งใด ก็มิอาจนึกออก แต่มันก็มิได้ถามผู้เป็นเจ้านายของมันไม่

     

                    ในเมื่อตัวข้ามิเคยนึกออก หรือ มีเหตุใดที่ข้ามิอาจนึกออกได้ เหตุใดท่านจึงบอกข้า และข้าคิดว่าที่ข้านึกไม่ออกนั้น เพราะข้าไม่อยากรับรู้มันใช่เช่นนั้นหรือไม่

     

                       ท่านคิดเช่นนั้นหรือ เรื่องราวทั้งหมดนี้ มีแต่ตัวท่านเท่านั้นที่จะรู้ได้ ซึ่งข้าก็มิอาจรู้ได้ว่าเมื่อท่านรับรู้ไปแล้ว จะดีต่อตัวท่านหรือข้าหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าทราบคือ ท่านต้องนึกขอบใจข้าเช่นกันกับที่ข้าก็นึกขอบใจท่านเช่นกัน

     

               คิมซัวผู้ที่อยู่ข้างกายเทพไป๋จินผู้นี้มิใช่คนอื่นคนไกลนัก ตัวมันนั้นรั้งตำแหน่ง องค์รักษ์ของเทพไป๋จิน เป็นแม่ทัพกระบี่ซึ่งก็มีกำลังทหารสวรรค์ในควบคุมมากมายเช่นกับตัวผู้เป็นตัวเจ้านายมัน

    ซึ่งผู้ที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้มิใช่ต้องมีฝีมือสูงส่งระดับสุดยอดเท่านั้น แต่ตัวของคนผู้นั้นต้องบำเพ็ญเพียร และสะสมบุญบารมีมามิน้อยเช่นกัน

     

              ตัวมันเองทราบเพียงว่า ก่อนที่ตัวมันจะสำเร็จเป็นเทพนั้น ได้เทพไป๋จินนั้นเป็นคนช่วยเหลือ และรับเข้าทำงานในฐานะทหารสวรรค์ จนมันกระทำความดีความชอบมากมายจนเลื่อนชั้นฐานะ

    มาเป็นองค์รักษ์ของเทพไป๋จิน แต่มันมิเคยทราบเรื่องราวในโลกมนุษย์ของตัวมันมาก่อนไม่ เมื่อได้ยินดังนั้นตัวมันเอง ทั้งยังยินดีที่จะรับรู้และอีกใจหนึ่งก็ไม่อยากรับรู้ แต่มันคิดว่าเรื่องราวเหล่า

    นี้คงมีที่มาที่ไปไม่น้อย จึงมิอาจไม่รับฟัง ก่อนที่จะพูดออกไปว่า

     

     

          ตัวข้าเป็นแค่ชนชั้นต่ำต้อยหากมีสิ่งใดให้ท่านแม่ทัพชี้แนะโปรดสั่งสอน คิมซัวพูดพร้อมคุกเข่าด้วยความนอบน้อม

     

                      ยามนี้ก็มีเพียงเราท่านแค่ 2 คน ท่านไม่ต้องมากพิธีหรอก พูดกันตามเช่นปกติเถิด ?”

     คิมซัวได้ฟังก็ลุกขึ้น แล้วก็ทำตัวเช่นดังปกติ

     ไม่ทราบว่า ท่านพี่ไป๋มีอันใดบอกกล่าว ?”

                            

     

                          สายตาของไป๋จินมิได้จ้องมองตัวผู้ถามแต่กลับเหม่อมองไปยังหมู่ดาวเบื้องหน้า ซึ่งมิอาจเรียกได้ว่าเบื้องหน้าเสมอไป เพราะดาวเบื้องหน้า มันใกล้ ใกล้มากจนผู้ที่มองเห็น

    คิดได้ว่าหากเดินไปเบื้องหน้าคงสามารถยืนอยู่บนดาวดวงนั้นได้ ซึ่งบุคคลที่คิดเช่นนี้ได้ย่อมมิใช่ชนชั้นมนุษย์ แต่เป็นชนชั้นเทพเท่านั้น!

     

      ตอนนี้เจ้ารู้หรือไม่ ว่าบนโลกมนุษย์นั้นแสนปั่นป่วนวุ่นวายนัก  

    เหล่ามารกำแหง เข่นฆ่าคนดีมากมาย ทำให้สวรรค์ต้องปั่นป่วน เหล่ามารนับวันยิ่งกล้าแข็งขึ้นทุกวัน แต่เหล่าคนดีมีฝีมือนั้นนับว่าลดน้อยถอยลงทุกวัน มันพูดพร้อมสีหน้าแสดงถึงความไม่สบายใจอย่างยิ่ง

     

                  ข้าเองก็พอได้ยินเทพสวรรค์บางคนพูดถึงเหมือนกัน แต่พี่ไป๋ในโลกมนุษย์ก็มีคนดีมีฝืมือสำเร็จวิชามากมายมิใช่ริ ทั้งยังชนชั้นธรรมะที่มีฝีมือก็สูงสุดยอดและสำเร็จวิชามากมายเหตุใด เหล่ามารถึงได้กำแหงถึงเพียงนี้ ?”

     

     

                     ที่เจ้าพูดมาก็ถูก พรรคอธรรมและฝ่ายธรรมะต่างมีคนดีมีฝีมือ ต่างแบ่งพรรคแบ่งพวก     เข่นฆ่ากัน  เหล่าอธรรมก็หาใช่ว่าจะไม่มีคนดี เหล่าธรรมะก็ใช่ว่าจะมีแต่คนดีเสมอไป

    ตอนนี้ ชาวธรรมะแบ่งพรรคเบ่งพวก แบ่งเป็น 4 สำนักใหญ่ และ8 สำนักย่อย และพวกที่เป็นพรรคเล็กที่ไม่เข้ากับใครอีกมากมาย

     

    แต่ที่ข้าทราบมาพรรคอธรรมมีเพียง 4 สำนักเองมิใช่หรือ เหตุใดจึงก่อเรื่องได้มากมายถึงกับต้องให้เราชาวสวรรค์ไปยุ่งเกี่ยว?”

     

     

    นั่นก็ถูก เหล่าอธรรมและฝ่ายธรรมะ ต่างรักษาสมดุลของกันและกัน มาตลอดพันปี แต่เมื่อ 200ปี ก่อนได้มีของสิ่งหนึ่งที่ทำลายสมดุลนั้น  ก่อนที่จะพูดถึงของสิ่งนั้น ท่านเคยทราบหรือไม่ว่า เมื่อ 200ปีก่อน ก็เคยมีผู้ยอดยุทธ์คู่หนึ่งกำเนิดขึ้นบนโลก นามว่า กิเลนทอง ซงเฉียว และ วิหคเพลิง ซิงฟง

     

     

     

     

           ข้าก็เคยได้ยินเรื่องเล่ามาบ้าง สองสามีภรรยา ที่บัญญัติเพลงยุทธ์มากมายและสำเร็จวิชาหลายแขนง ทั้งยังสร้างอาวุธวิเศษทิ้งไว้ในโลกมากมาย แต่ภายหลัง

    ท่านซิงฟงมีเหตุผิดใจกับท่านซงเฉียว จึงเกิดเรื่องน่าเศร้า เป็นเหตุให้ท่านซิงฟงอัตวินิบาตกรรม ตัวเอง ภายหลังท่านซิงฟงสิ้นบุญ ไปแล้ว

    ท่านซงเฉียวก็เศร้าเสียใจอย่างมาก ที่มิอาจอธิบายเรื่องที่ยังเข้าใจผิดกันได้  ภรรยาที่รักก็มีอันคิดสั้นไปซะก่อน ด้วยความโศกเศร้าว่ากันว่า ท่านได้บัญญัติคัมภีร์ชุดหนึ่งทิ้งไว้บนโลก ก่อนที่ท่านจะสำเร็จเป็นเทพขึ้นมาบนสวรรค์

              ถ้าข้าจำไม่ผิดเรียกว่า คัมภีร์มหาสุริยัน ว่ากันว่าผู้ที่ได้ฝึกคัมภีร์นี้จะมีฝีมือเลิศภพจบแดนหาใครมาเปรียบได้ไม่ และเรื่องเล่านี้ ก็ยังมีต่ออีกว่าตัวท่านพี่ไป๋เองเป็นผู้ชี้แนะทางสว่างให้แก่ท่านซงเฉียวจนสำเร็จเป็นเทพได้ด้วยตัวท่านเองใช่หรือไม่?”

                                      “ที่เจ้าเข้าใจนั้นก็ถูกต้อง คัมภีร์มหาสุริยันนั้นเป็นคัมภีร์ที่ถูกบัญญัติขึ้นจากความเศร้าเสียใจของท่านซงเฉียวจึงเป็นแนวทางแห่งอธรรม

       ซึ่งถ้าฝ่ายอธรรมได้ครองครองเมื่อไร และฝึกสำเร็จนั้นจะทำให้บนโลกมนุษย์ปั่นป่วนเป็นแน่ และสิ่งที่ทำให้ธรรมะและอธรรม

    ขาดความสมดุลก็คือคัมภีร์เล่มนี้เอง และก็อีกอย่าง ที่ท่านพูดมา เหตุที่ข้าชี้แนะให้ท่านซงเฉียวมิได้เกิดจากตัวข้าเองไม่ ท่านก็รู้ว่า เราชนชาวสวรรค์หากมิมีหน้าที่ ก็มิอาจยุ่งเกี่ยวกับ

    กับชาวมนุษย์ได้ แต่เหตุที่ข้าต้องลงไปด้วยตัวเองเพราะเป็นบัญชา ของท่านเทพสูงสุด

     

    บัญชาของท่านเทพสูงสุด  เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นริ ข้ามิเข้าใจ คิมซัวถาม พร้อมแสดงสีหน้างุนงงเพราะมิทราบว่าเรื่องราวจะเกี่ยวข้องกันอย่างไร เพราะท่านเทพสูงสุดน้อยครั้งนักที่จะสั่งการใดเกี่ยวกับโลกมนุษย์

     

           หลังจากที่ท่านซิงฟงอัตวินิบาตกรรมไปแล้ว ท่านซงเฉียวก็เสียใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ ท่านถอนตัวจากยุทธจักร เข้าป่าบำเพ็ญเพียร

    ชำระล้างจิตใจ มิให้จิตใจนึกถึงการสูญเสีย ท่านนั่งบำเพ็ญเพียร จนรู้แจ้งเห็นจริง แต่มีสิ่งเดียวที่มิอาจทำให้ท่านสำเร็จได้นั่นก็คือ ความเสียใจต่อภรรยา

    ที่ไม่ว่ากี่10 ปี 20ปี หรือ ตลอด 100 ปีที่ท่านบำเพ็ญเพียรนั้นมิอาจลืมได้ จนไม่สามารถสำเร็จได้นั้น ท่านก็ทราบว่า ชนใดหากจะบรรลุได้

    ว่ากันว่าก็เพียงความคิดเพียงชั่วนึกคิดเดียว หากท่านลองคิดดูว่าหาก ท่านซงเฉียวจิตใจเศร้าหมองนึกคิดแต่เรื่องความเสียใจจนจิตใจมัวหมองจนความคิดในทางมารเข้าแทรก ท่านลองนึกดูว่า ถ้า ท่านซงเฉียวกลายเป็นมารไปแล้ว มิใช่โลกมนุษย์ อย่างเดียวที่ต้องประสบกับปัญหา

    ยุ่งยากแต่รวมถึงสวรรค์อีกด้วย ท่านเทพสูงสุดจึงมีบัญชาให้ข้าลงไปชี้แนะจนท่านซงเฉียวสำเร็จบรรลุเป็นเทพได้ก็เท่านั้นเอง โดยมิได้เป็นความคิดของตัวข้าแม้แต่น้อย

     

     

           คิมซัวได้รับฟังถึงกับพอปะติดเรื่องราวต่อเนื่องได้บ้างบางส่วน ทั้งยังเข้าใจเรื่องราวบนโลกและสวรรค์ดีขึ้นยิ่งอีกด้วย

      ท่านพี่ไป๋หรือว่า ฝ่ายอธรรมได้ครอบครองคัมภีร์มหาสุริยันของท่านซงเฉียว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงโลกมนุษย์มีหวังวุ่นวายเป็นแน่แท้

     

      ที่เจ้าพูดมาก็หาผิดไม่ ผู้นำของฝ่ายมารคนปัจจุบัน  ได้รับคัมภีร์มหาสุริยัน ทั้งยังฝึกสำเร็จจนทำให้ฝ่ายอธรรม

    มีกำลังกล้าแข็งกว่าฝ่ายธรรมะมากนักจนเหล่ามารต่างฮึกเหิม ก่อกรรมทำเข็ญมากมาย สังหารเหล่าผู้นำชาวยุทธ์มากมายจนชนชาวธรรมะเกิดความสั่นคลอนเกิดขึ้น

     มันพูดพร้อมเดินไปรอบๆบริเวณเหมือนมีเรื่องหนักอึ้งที่พร้อมระบายออกมาทุกเมื่อ?

     

      หรือว่าเรื่องที่ ท่านจะไหว้วานข้าจะเกี่ยวกับเรื่องคัมภีร์มหาสุริยันนี้

     

     

             พลันไป๋จินทำหน้าเคร่งเครียดลงพร้อมกล่าวว่า  หรือท่านคิดว่ามิใช่   เรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้นั้นเกี่ยวกับคัมภีร์มหาสุริยันทั้งสิ้น  

              อันตัวพวกเราเหล่าเทพเองก็มีกฏว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับชนชาวมนุษย์ถ้ามิได้รับคำสั่ง หากฝ่าฝืนมิว่าเรื่องเล็กหรือน้อย มีโทษสถานเดียวคือ

    ให้จุติเป็นมนุษย์บนโลกใหม่ หรือ อาจเรียกว่า เนรเทศจากสวรรค์ก็เป็นได้

                 แต่เรื่องที่ข้าไหว้วานท่านมิใช่เกี่ยวกับคัมภีร์เล่มนี้อย่างเดียวไม่ แต่หากรวมถึงผู้นำฝ่ายมารคนปัจจุบันด้วย

     

    ผู้พี่พูดเช่นนี้หมายความเช่นใดริ ผู้น้องมิเข้าใจ?”

     

    นั่นก็หาแปลกไม่  เพราะทุกผู้คนบนโลกก็มิอาจเข้าใจหรือกล้าเข้าใจเรื่องเช่นนี้

     

    ตัวข้าเองก็มิได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องมนุษย์มานานแล้ว มิว่าเรื่องใดที่เกี่ยวกับเรื่องเบื้องล่างข้ามิเข้าใจและทั้งยังแปลกใจอีกด้วย   คิมซัวพูดไปเรียบๆ เพราะยังคิดว่าเรื่องราวนั้นต่างวุ่นวายกว่านี้อีกมากนัก

     

     

                   ที่เจ้าพูดมาทั้งหมดมิใช่ถูกทั้งหมด หากถูกแต่เพียงครึ่งเดียว ที่ถูกคือ เป็นเรื่องของมนุษย์ด้วย ทั้งยังเป็นเรื่องของสวรรค์ เช่นกัน และเหตุที่เกี่ยวพันถึงสวรรค์ก็เพราะตัวท่านเอง

     

    คิมซัวเมื่อได้ฟังก็พอนึกเรื่องราวอะไรได้บ้าง มันคิดว่าเป็นเรื่องเมื่อสมัยก่อนมันคงกระทำเรื่องราวใดไม่ถูกต้องเป็นแน่

     

    สิ่งที่ข้าจะบอกท่านต่อไปนี้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด ทั้งยังมิอาจแพร่งพรายได้เด็ดขาด

     

                        เมื่อผู้พี่คิดไหว้วานผู้น้องผู้พี่ก็โปรดวางใจเถิด เชิญผู้พี่บอกกล่าวมาได้เต็มที่ มิว่าเรื่องจะร้ายแรงหรือ เกี่ยวข้องต่อชีวิตข้าพเจ้าเองข้าก็มิอาจบิดเบือนได้เด็ดขาด

    คิมซัว เคยได้รับมอบหมายงานมากมายหลายครั้ง มันมิเคยกระทำไม่สำเร็จและมิว่าให้กระทำเรื่องใดมันล้วนกระทำ เพราะมันเชื่อใจนายของมันอย่างยิ่ง

     

    เจ้าก็กล่าวเกินตัวไป  ข้าไว้ใจท่าน ข้าจึงเลือกท่าน อันผู้นำฝ่ายมารคนปัจจุบันนี้ก็มิใช่ บุคคลของมนุษย์แต่ดั้งเดิมทั้งยังเป็นเทพอีกด้วยและยังเป็นบุคคลสำคัญยิ่งยวดสำหรับตัวผู้พี่อีกด้วย

               เรื่องนี้ว่าไปแล้วซับซ้อนนัก ท่านคงพอจะเข้าใจ ว่าเมื่อคนสำคัญของตัวท่านทำผิดใหญ่หลวง ตัวท่านเองก็มิอาจหักใจได้ลง

     

         มันตกใจในสิ่งที่ได้ยิน หรือ ท่านจะให้ข้าสังหารผู้นำฝ่ายมารคนปัจจุบัน หรืออีกนัยหนึ่งก็เป็นคนสำคัญของท่านริ?”

     

        ก็อาจกล่าวเช่นนั้นได้ แต่ตัวผู้พี่เองก็มิหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นหรอก นอกจากมิมีทางเลือก เท่านั้น

     

               ถ้าเจ้าได้พบกับคนผู้นั้น  หากเจ้ามิอาจจับตัวมันผู้นั้นได้ก็จงสังหารซะ เพื่อมวลมนุษย์จะได้สงบสุข  แต่สิ่งอื่นใดที่สำคัญมากกว่าการสังหาร มันผู้นั้น คือ คัมภีร์มหาสุริยัน ท่านจงทำลายคัมภีร์นั้นเสีย หากคัมภีร์โดนทำลายไปแล้วโลกมนุษย์คงสงบสุขมากกว่าทุกวันนี้เป็นแน่

     

      พี่ไป๋หากตัวข้ามิอาจทำสำเร็จเล่า คิมซัวพูดพร้อมแสดงสีหน้าวิตกกังวลออกมา

     

          น้องพี่ตัวเจ้าคิดว่าตัวผู้พี่ จะเลือกบุคคลที่ทำงานไม่สำเร็จริ

    คิมซัวได้ยินดังนั้นก็อดปลาบปลื้มใจมิได้ที่ตัวท่านไป๋จินให้ความไว้ใจอย่างมาก

     

       ขอบคุณท่านพี่ที่ไว้ใจข้า เรื่องนี้ข้ามิอาจทำไม่สำเร็จ พี่ไป๋โปรดวางใจ

     

    เรื่องสำคัญอีกอย่าง ท่านจงจำคำพูดของข้าไว้สักประโยค ว่า

     

     

    หากบุคคลที่มีความสำคัญยิ่งยวดต่อท่าน ได้กระทำความผิดอย่างมหันต์ที่มิอาจอภัยได้ เป็นท่าน ท่านจะเลือกระหว่างหน้าที่หรือเลือกระหว่าง ความรู้สึกของตัวท่านเอง แต่หากเป็นข้านั้นตัวข้า เลือกทำตามความรู้สึกของตัวข้าเอง  หากเป็นท่านข้าก็มิอาจทราบได้แต่เพียงตัวข้า

    จะบอกไว้เพียงหนึ่งอย่างว่า หากท่านกระทำสิ่งใดแล้วท่านจะเสียใจไปชั่วชีวิตท่าน ท่านก็ควรไตร่ตรองให้ดีเสียเถิด

    ไม่แน่ว่าหน้าที่การงานที่สำคัญที่ได้กระทำอยู่นี้ มิอาจสร้างความสุขได้เท่ากับการเข้าใจตัวเอง ท่านก็จงเลือกเข้าใจตัวเอง และจงเลือกแก้ไข ในสิ่งที่ท่านได้ทำผิดพลาดลงไปเถิด

     

    พี่ไป๋ท่านพูดเหมือนข้าได้กระทำอะไรมิสมควรลงไปและต้องการแก้ไขหรือ ?”

     

    เท็จล้วนจริง จริงล้วนเท็จ ทุกเรื่องล้วนมิต้องนำพา ทุกอย่างล้วนเป็นมติสวรรค์ มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะทราบ เมื่อท่านลงไปเบื้องล่างแล้วท่านก็จะทราบทุกอย่างกระจ่างใจแก่ท่านเอง

     

    เรื่องที่ข้าลงไปเบื้องล่าง เป็นเรื่องที่มิอาจให้ใครทราบได้ใช่หรือไม่ และถ้าเป็นเช่นนั่นจะทำอย่างไรไม่ให้เบื้องบนทราบ

     

    เรื่องนี้แหละที่ข้าเองก็กังวลใจอยู่ เรื่องที่เทพสักคนจะลงไปจากสวรรค์ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากนอกจากจะหมดสิ้นบุญกรรม ที่กระทำมาและได้ลงไปจุติใหม่เพื่อ

    สะสมบุญบารมีจนขึ้นมาบนสวรรค์อีกครั้ง แต่เรื่องนั้นมิอาจทำได้ เพราะถ้าท่านจุติลงเป็นทารก กว่าท่านจะรับรู้ถึงเรื่องราวที่เป็นไป มันก็ชักช้ามิทันการณ์

    จึงมีทางเดียวเท่านั้น คือท่านลงไปอย่าแพร่งพรายให้ผู้ใดได้ทราบ  ปัญหาคือเมื่อท่านลงไปแล้ว หากมิจำเป็นจงอย่าใช้พลังแห่งเทพ  เพราะเรื่องเหล่านี้ล้วนละเอียดอ่อน เหล่าทหารสวรรค์ ที่ประจำหน้าที่อยู่เบื้องล่างนั้นก็มีอยู่มากมาย ทั้งยังต้องดูแลเหล่ามนุษย์ และควบคุมเหล่าปีศาจไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์อีก หากท่านทำสิ่งใดไม่รัดกุม เรื่องราวคงรู้ถึงเบื้องบนเป็นแน่  เหตุเพียงเพราะสวรรค์เพียงเกรงกลัวว่าเหล่าเทพจะนำกายแห่งเทพไปทำเรื่องเสื่อมเสียเท่านั้น

     

      พี่ไป๋หากตัวข้าน้อยมิอาจใช้พลังแห่งเทพได้  เรื่องราวที่ข้าจะลงไปกระทำ นั้นจะสะดวกง่ายดายเช่นนั้นริ ซึ่ง ก็เหมือนกับข้าเป็นมนุษย์ธรรมดา จะต่อกรกับเหล่ามารทั้งหลายได้อย่างไร

     

    น้องซัวเรื่องนั้นมิต้องกังวลไป เวลาปกติเจ้าก็ใช้กายเนื้อของมนุษย์เถิด

     

    หาก เป็นเช่นนั้นจริง กายเนื้อข้าว่ามิอาจทนทานได้อย่างแน่นอน เพราะลมปราณแห่งเทพมิอาจอยู่ภายในกายเนื้อได้แน่นอน นอกจากว่าเป็นกายเนื้อ

    ที่ได้รับพลังลมปราณที่สูงส่งมากว่า 100ปี หรือ ท่านให้ข้าไปประทับร่างกับผู้ที่มีลมปราณสูงกว่าร้อยปี เช่นนั้นใช่หรือไม่

     

      น้องซัว เรื่องที่ท่านคิดหาเป็นเช่นนั้นไม่ หากท่านคิดว่า จะเข้าประทับร่างกับผู้ที่มีลมปราณมากมาย ท่านคิดว่า ท่านจะกระทำได้โดยง่ายริ ทั้งผู้ที่มีพลังวัตรสูงส่งมากขนาดนั้น

     ส่วนใหญ่แล้วก็ล้วนสูงอายุ และละทิ้งซึ่งทุกอย่างไปแล้ว ล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวใด อีกทั้ง ข้าว่า บุรุษรูปงามและกรุ่มกริ่มที่สุดบนสรวงสวรรค์เช่นท่านและคงมิอาจใช้ชีวิตอยู่ภายในร่างที่แก่ชรา

    นับ100ปี ได้หรอก

           ท่านพี่พูดเช่นนั้นก็ออกเกินจริงไป ข้าก็มิได้รูปงามมากมายนักและก็มิอาจกรุ่มกริ่มได้ เพราะเรานั้นเป็นชนชาวสวรรค์

     

            ความเจ้าชู้กรุ่มกริ่มนั้น มิอาจทำได้บนสวรรค์ แต่หากบนมนุษย์นั้นหาเป็นไรไม่  ทั้งรูปโฉมความงามนั้นมิอาจปกปิด แต่บนโลกมนุษย์แล้วนั้น

    ข้ามิอยากให้ท่านต้องยึดถือกฏเคร่งครัดอันใดมากนัก เนื่องจากท่านทำงานนี้เพียงคนเดียว ขอให้ท่านใช้ชีวิตปกติเหมือนที่ท่านเคยเป็นมนุษย์มาก่อนเถิด

    เพื่อท่านจะได้ไม่อึดอัด และจะส่งผลถึงงานที่ต้องกระทำอีกด้วย ทั้งยังรูปโฉมของท่านตอนนี้เอง ก็เป็นรูปโฉมที่แท้จริงของท่านเมื่อสมัยยังอยู่บนโลกมนุษย์อีกด้วย

    ปัญหาก็เรื่องเพียงหนึ่งเดียว คือปราณและพลังวัตรที่สูงส่งเมื่อได้มานั้น จะรวมเข้ากับปราณเทพ และกายเนื้อได้หรือไม่ ข้าก็มิอาจบอกได้

    เพราะมิเคยมีเทพคนใดกระทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน   เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่าน ด้วยว่ามีความพยายามเพียงไหน

    พี่ไป๋หมายความว่า ให้ข้าลงไปยังโลกมนุษย์ทั้งแบบนี้เลยโดยไม่ผ่านการจุติ แต่เพียงไปหาพลังวัตรที่สูงส่งเพื่อสร้างสมดุลระหว่างปราณเทพ เพื่อนมิให้กายเนื้อแตกสลาย เรื่องนี้ข้าก็พอเข้าใจ แต่เรา จะหาพลังวัตรสูงสุดมากมายนับร้อย ปีได้จากไหน และใครจะยินยอมถ่ายถอดพลังให้ข้าหรือไม่

     

     นั่นก็หาผิดไม่หากกายเนื้อได้รับแต่ปราณแห่งเทพเพียงอย่างเดียว ก็มิอาจทนทานได้และจะแตกสลายไปในที่สุด แต่ก็มิอาจมีเพียงลมปราณมนุษย์นับร้อยปี และร่างกายที่พร้อมสมบูรณ์

    เพียงอย่างเดียวได้อีกเช่นกัน เพราะหากมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง  มิอาจมีพร้อมทั้งลมปราณเทพและพลังวัตรที่สูงส่ง อย่าว่าแต่จะกำจัดหมู่มารให้สิ้นเลย แค่จะเอาตัวรอดในการเผชิญเหล่ามารเพียงไม่กี่ตน ที่ได้รับการฝึกจากคัมภีร์มหาสุริยันนั้นก็เรียกได้ว่าตึงมืออย่างยิ่ง  และผู้นำฝ่ายมารนั้น ก็มีทั้งสองอย่างพร้อมมูลอีกด้วย

     

    คิมซัว ได้ฟัง ก็วุ่นวายใจมิน้อย  เรื่องนี้ มิใช่เรื่องเล็กน้อย เทพไปอยู่บนโลกมนุษย์และยังเป็นหัวหน้าพรรคมารอีก ทั้งยังเรื่องของพลังวัตรที่ต้องเสาะหา ซึ่งเรื่องราววุ่นวายเหล่านี้เหตุใด จึงไม่มีผู้ใดรับรู้ ทั้งที่ตัวมันเองก็มีอำนาจและหูตากว้างขวางมิใช่น้อย เหตุใดจึงไม่รับทราบเลยสักนิด

     

    สีหน้า ที่แสดงออกมาของคิมซัวที่แสดงออกมา เทพไป๋จินเพียงมองก็ทราบความในใจกระจ่างทั้งสิ้น จึงพูดไปว่า  

    ท่านสงสัยใช่หรือไม่ว่าเรื่องเช่นนี้ เหตุใดสวรรค์มิได้กระทำสิ่งใดเลย  เหตุที่ไม่มีผู้ใดรับทราบนั้น หนึ่งคือ     ท่านก็ทราบแล้วว่าผู้นำฝ่ายมารนั้นเป็นบุคคลสำคัญยิ่งยวดของข้า ท่านคิดหรือว่าจะมีผู้ใดอยากยุ่งเกี่ยว สองถึงผู้อื่นมิได้ยุ่งเกี่ยว แต่มันก็เกี่ยวกับข้าโดย

    ตรง   ข้าก็มิได้นิ่งนอนใจออกสืบหาเรื่องราวจนทราบแน่ใจว่า บุคคลสำคัญของข้านั้นได้ดำรงตำแหน่งพรรคมาร ทั้งข้าเองก็ยังได้ลง

    ไปด้วยตัวเองมาแล้ว แต่ก็มิอาจทำสิ่งใดได้ ท่านโปรดคิดดูหากข้าหักใจกระทำลงไปพลังที่เกิดจากแหล่งเดียวกัน จะสามารถทำลายกันได้หรือไม่

              ทั้งตัวข้าเองก็มิอาจหักใจกระทำลงได้เช่นกัน ทั้งยังคัมภีร์มหาสุริยันอีกทำให้ จากที่มิอาจทำลายได้อยู่แล้ว ยิ่งมิอาจยุ่งเกี่ยวได้กว่าเดิมอีก

     

     

    ท่าน ท่าน หรือ ว่าท่าน คิมซัวพูดขึ้นพร้อมความตกใจกว่าครั้งแรกมากมายนัก

     

      อย่างที่ท่านคิดนั่นแหละ เค้าเป็นเลือดเนื้อ เชื้อไขของข้าเอง ท่านจะให้พ่ออย่างข้าที่มิได้ดูแลลูกเลย ยังต้องมาลงมือสังหารลูกตัวเองอีกหรือ ท่านคิดว่าข้าจะกระทำได้หรือ

                เหตุใดจึงเลือกข้า เหตุใดริข้าไม่เข้าใจ  แล้ว แล้วลูกชายของท่านลงไปจุติเมื่อนานมาแล้วมิใช่ริ หรือนั่นก็ไม่เป็นความจริง

     

      เรื่องราวทุกอย่างเมื่อท่านลงไปแล้วท่านจะทราบเอง เรามิอาจกล่าวได้มากกว่านี้แล้ว  เรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนมาก หากรู้ถึงสวรรค์ท่านเทพสูงสุดคงมีเรื่องปวดหัวอีกมายมายแน่ ข้าจึงอยากให้ท่านกระทำเรื่องเหล่านี้เพียง เงียบและรวดเร็วที่สุดนอกจากไม่มีทางเลือก เราก็ต้องใช้กำลังของทัพสวรรค์เข้ายุติ ท่านจึงรีบดำเนินการเถิด


    ******************************************************

    วันหลังจะมาแก้ไขให้อ่านง่ายขึ้นนะครับ พอดีวันนี้ต้องรีบ format เครื่องก่อน 


    ปล. หากงงก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ ตัวผมเองก็งงเหมือนกัน   คงต้องอาศัยเวลาสักนิดครับ มือใหม่ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×