ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คารีเฟียร์ นักฆ่ามือใหม่

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 50


    ท่านพ่อ  ข้าไม่เป็นนักฆ่าไม่ได้หรือ...

                    ไม่ได้  ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องเป็นนักฆ่า...

                    แต่...  ข้าไม่เข้าใจว่าทำไม

                    เพราะเจ้าเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลเฟอร์เทียร์  ตระกูลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลนักฆ่าอันดับหนึ่ง  เจ้าต้องไม่ทำให้ข้าและนางผิดหวัง...

                    แต่...

                    ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ  ทั้งสิ้น... 

                    เด็กสาวผมตรงยาวสีน้ำตาลเข้าทรงหน้ารูปไข่  ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน  ผิวขาวอมชมพู  คิ้วโก้ง  ริมฝีปากได้รูปสีแดงกลีบกุหลาบ  หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแม้ว่าตอนนี้จะมีดวงตาบวมแดงกล่ำน้ำตาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้างมองหน้าชายวัยกลางคนผมสีดำยุ่งเหยิง  ตาสีน้ำตาลอ่อน   ผิวสีแทน  รูปร่างล่ำสันท่าทางน่าเกรงขาม

     

                    จนกระทั่งเวลาผ่านไปสิบปี  จากเด็กสาวกลายเป็นสาวน้อยวัยแรกรุ่นอายุสิบห้าปี  รูปร่างบางระหง  หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูที่ชำนาญการต่อสู้ทุกรูปแบบ  อีริคและคาทีน่ากำลังมองลูกสาวคนเดียวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของทั้งคู่  ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ลวดลายโบราณ  ผนังห้องทาด้วยสีฟ้าอ่อนแลดูสบายตา  เพดานด้านบนเป็นรูปของเทพตัวน้อยในป่า  ในมือถือคันธนูขนาดเล็กเหมาะกับตัว 

    อีริคที่รัก  ข้าคงคิดถึงลูก...   หญิงสาววัยกลางคนมองสบตาสามีผู้เป็นที่รัก

                    มันถึงเวลาแล้วที่คารีเฟียร์ต้องเข้าเรียน...    ชายวัยกลางคนกุมมือภรรยาผู้เป็นที่รัก

                    ท่านพ่อ  ท่านแม่  ข้าต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนเวทมนต์อันดับหนึ่งจริง ๆ หรือท่านพ่อ  ท่านแม่  สาวน้อยมองหน้าพ่อแม่ด้วยดวงตาใสซื่อ  จนทั้งสองรู้สึกรัก  และเอ็นดูลูกสาวมากขึ้น

                    ใช่  ตอนนี้ลูกต้องเตรียมตัวเดินทางได้แล้ว... 

                    ค่ะ...   เด็กสาวตอบรับสั้น ๆ  พร้อมทั้งเดินจากไปภายในใจคารีเฟียร์รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก  เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่เด็กสาวจะมีเพื่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอถูกจับให้ถือดาบ  ฝึกการต่อสู้ทุกรูปแบบ  แต่เธอก็รู้สึกเสียใจที่ต้องจากครอบครัวที่เธอรักไป  ตลอดทางที่คารีเฟียร์เดินผ่านไปยังห้องนอนนั้น  รูปภาพบรรพบุรุษในตระกูลของเธอราวกับมีชีวิต  และเธอก็รู้สึกว่ารูปภาพเหล่านั้นกำลังมองตามเธอ  ถ้าเป็นตอนเด็กเธอคงกลัว  ซึ่งเธอไม่ต้องการให้ใครมาเห็น

                    แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบหยดน้ำค้างส่องแสงระยิบระยับ  สัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันออกจากรังเพื่อออกหากิน  ในห้องนอนใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยหรู  ผนังห้องทาสีเขียวอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกสบายตา  เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ครบครัน  บนเตียงใหญ่สาวน้อยหน้าตาน่ารักกำลังนอนหลับตาพริ้มท่าทางหลับลึก  จนกระทั่ง

                    ลูก...  ตื่นได้แล้ว   ยังไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก

                    ตื่น...   คารีเฟียร์   คราวนี้น้ำเสียงของคนที่ทำหน้าที่นาฬิกาปลุกเริ่มดังขึ้น  และเงาออร่าสีดำทะมึนเริ่มแผ่ออกมาจากร่างของหญิงสาววัยกลางคนผมตรงยาวเป็นลอนสีน้ำตาลพลิ้วไสวตามแรงลม  ดวงตาสีเงิน รูปร่างสูงโปร่งบางระหง  ผิวขาวเนียนอมชมพู  คารีเฟียร์สะดุ้งตื่น  พร้อมทั้งเรียกอาวุธคู่กายออกมา  หมายจะสู้กับคนที่คิดจะลอบทำร้ายตน  แต่เมื่อสายตาแลมาสบพบมารดาของตนที่กำลังยืนมองด้วยสายตาเหนื่อยใจ

                    โธ่...  ท่านแม่ไม่เห็นต้องแผ่ไอสังหารออกมาเลย  ข้าตกใจหมด  สาวน้อยขี้เซายังทำท่าว่าจะนอนต่อ

                    ลูก... ถ้าไม่รีบจะไปไม่ทันนะ  แล้วอีกอย่างเป็นนักฆ่าที่ไหนตื่นสาย  ยังไม่พอยังหลับลึกอีก  อย่างนี้เจ้าจะโดนฆ่าตาย  ก่อนเจ้าจะได้ฆ่าคนอื่นนะลูก   

                    คราวนี้ผู้เป็นแม่บ่นยาวเหยียดจนสาวน้อยต้องรีบไปอาบน้ำแต่ตัว  และเธอต้องเตรียมเดินทางหลังจากที่รับประทานอาหารกับพ่อแม่เสร็จ  การเดินทางในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวจะต้องออกเดินทางคนเดียว 

                    ถ้าลูกสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสได้แล้ว  แจ้งข่าวให้พ่อแม่รู้ด้วยนะ

                   

                    การส่งจดหมายบอกข่าวนั้นจะนิยมใช้เหยี่ยวในการส่งจดหมายตั้งแต่ในอดีต  แต่ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของชาวเมืองในขณะนี้คงหนีไม่พ้น การส่งอีเมล์  การเดินทางไปสมัครเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสนั้น  คารีเฟียร์ต้องเดินทางอย่างรวดเร็ว  เพราะต้องเดินทางข้ามภูเขาดาร์ดโกตส์  ภูเขาที่มีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษว่าตอนกลางคืนในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงจะมีวิญญาณออกมาไล่ล่าบุคคลผู้ล่วงล้ำเข้ามาในภูเขาดาร์ดโกตส์  และป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์

    ชื่อป่านี่ก็น่ารักดีอยู่หรอก  แต่ทุกอย่างในตอนกลางคืนนี่สิดันมีชีวิตขึ้นมา  คารีเฟียร์บ่นในใจ 

    ทั้งที่เดินทางตั้งแต่เช้าจนเวลานี้ก็ใกล้เวลาพบค่ำแล้ว  เมื่อยก็เมื่อยแต่ยังหยุดไม่ได้  เราต้องเร่งเดินทางในพ้นจากเขตของภูเขาดาร์ดโกตส์ก่อน  การเดินทางสิ้นสุดลงจนถึงเขตทางเข้าชายป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์  คารีเฟียร์หยุดพักด้วยความเหนื่อยล้า  กระบอกน้ำถูกดึงขึ้นเปิดฝา  พร้อมทั้งของเหลวที่อยู่ข้างในไหลเข้าไปภายในปาก  บนใบหน้าเกิดประกายหยดน้ำใสเล็ก ๆ  ที่ผุดขึ้นตามไรผม  และบนหน้าผากมน

                    คืนนี้คงต้องเดินทางให้ออกจากป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์ก่อน

                    คารีเฟียร์รีบเก็บสัมภาระทั้งหลายให้เสร็จโดยเร็ว  เพราะไม่คิดอยากจะพิสูจน์เรื่องเล่าใด ๆ ทั้งสิ้น  ถึงแม้ว่าการเดินทางจะพ้นจากภูเขาดาร์ดโกสต์โดยไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น  แต่การเดินทางในป่าดำนั้นมืดจนมองไม่เห็น  เพราะต้นไม้ในป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์นั้นขึ้นสูงจนบดบังแสงจันทร์  และแสงดาว 

                    ไลท์... ค่อยมองเห็นทางหน่อย  คารีเฟียร์เปล่งคาถาด้วยเสียงแผ่วเบา  พร้อมทั้งแสงสว่างที่เกิดขึ้นจากหัวลูกแก้วที่คทา การเดินทางจึงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ  จนกระทั่ง

                    กร็อบ... 

                    นั่นใคร.. คารีเฟียร์ส่งเสียงถาม  พร้อมทั้งเรียกอาวุธคู่กายออกมา

                    ดาบสายลมสังหาร...  ดาบสีเงินเล่มเล็กเรียวบาง  น้ำหนักเบามือเหมาะกับเจ้าของส่องแสงสีฟ้าอ่อน ๆ  ลวดลายที่ด้านดาบแลดูเข้มแข็งปรากฏอยู่ในมือผู้เป็นเจ้าของ  หลังจากนั้นความเงียบสงัดจึงเกิดขึ้น จน......

                    ข้าถามว่านั่นใคร... 

    คราวนี้คารีเฟียร์เห็นสิ่งผิดปกติเบื้องหน้า  ซึ่งสิ่งที่เห็นทำให้เธอต้องรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้  เพราะสิ่งที่เธอเห็นนั้น  คือบรรดาต้นไม้ในป่าต่างมีชีวิตขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ 

    ไฟร์.. 

    ลูกไฟขนาดเล็กหลายลูกขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  และพุ่งตรงใส่ต้นไม้รอบตัวเธอ  พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มแปลกหน้าทั้งสองคน  ต้นไม้ที่ถูกลูกไฟโดนเผาไปเพียงบางส่วน  ต่างพากันวิ่งไปที่แม่น้ำ  เพื่อใช้น้ำในแม่น้ำดับไฟ  ส่วนต้นไม้ที่ไม่โดนลูกไฟเผาต่างพากันวิ่งหนีไปอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง 

     

    คารีเฟียร์มองหน้าผู้แปลกหน้าทั้งสอง  คนหนึ่งมีผมสีเงินยุ่งเหยิง  ตาสีฟ้าสดใส  ท่าทางสง่างาม  รูปร่างสูงโปร่ง  แต่ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ  ส่วนอีกคนมีผมสีดำยาวถูกรวบไว้อย่างลวก ๆ  ตาสีเขียวมรกตสดใส  ท่าทางขี้เล่นซึ่งแฝงอยู่ในแววตา  รูปร่างสูงโปร่งแต่ดูแล้วสูงน้อยกว่าเด็กหนุ่มผมสีเงินนิดหน่อย

                    เอคัส  ข้าว่าเราเจอเพื่อนร่วมเดินทางคนใหม่แล้วล่ะ...  เด็กหนุ่มผมสีดำ  กล่าวกับเด็กหนุ่มผมสีเงินอีกคน

                    คารอส  ถ้าเจ้าอยากได้เพื่อนร่วมเดินทาง  ก็แล้วแต่เจ้า  ส่วนข้าไม่อยากเสียเวลากับคนแปลกหน้า...  เด็กหนุ่มผมสีเงินกล่าวกับเด็กหนุ่มที่ชื่อคารอส  ซึ่งคำพูดของเด็กหนุ่มผมสีเงินทำให้คารีเฟียร์ต้องเลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธ

                    ใครอยากร่วมเดินทางไปกับคนอย่างเจ้า  ไอหัวเงิน  ไอแก่...  คารีเฟียร์ไม่ว่าเปล่า  พร้อมทั้งเดินไปหมายจะชกหน้าให้สะใจ  คารอสเห็นท่าไม่ดี  จึงรีบเข้ามาห้ามพร้อมทั้งแนะนำตัว เอ่อ...  ข้าชื่อคารอส  ราสเวียร์   ส่วนเจ้านี่ชื่อเอคัส  เซราฟ

                    ข้าชื่อคารีเฟียร์  เฟอร์เทียร์  เรียกข้าว่าเฟียร์...  ข้าจะไปสมัครเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัส  แล้วพวกเจ้าจะไปไหนกัน  คารีเฟียร์ถามพร้อมทั้งมองสบตาบุคคลทั้งสอง 

                    ข้าสองคนก็จะไปสมัครเรียนที่โรงเรียนมหาเวทวาเคซัสเหมือนกัน  แล้วเจ้าชื่ออะไรนะ...  อ้อ!  เฟียร์เจ้าจะเดินทางไปพร้อมกับพวกเราไหม  เฟียร์มองหน้าบุคคลทั้งสอง  พร้อมทั้งคิดอย่างหนักว่าจะเดินทางไปกับคารอส  และเอคัสหรือไม่ 

                    ตกลง...  ถ้าไอหัวเงินนั่นจะไม่แสดงท่าทางหยิ่ง  เย็นชาใส่ข้า

                    คารอสเห็นท่าว่าทั้งสองจะเริ่มต้นทะเลาะกันอีก  จึงได้เร่งให้ออกจากป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์  ซึ่งทั้งหมดก็ยอมทำตามแต่โดยดี  จนกระทั่งพ้นชายป่าดำไนท์ ออฟ ไลฟ์ ในตอนใกล้รุ่ง ทั้ง ๆ ที่ พระอาทิตย์ยังไม่ส่องแสงจากขอบฟ้า  ทั้งสามจึงพักผ่อนก่อนออกเดินทางในตอนสาย  แต่การเดินทางของทั้งสามยังไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร  รู้แต่ยังมีสิ่งที่ท้าทายอีกมากให้ค้นหา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×