ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาถรรพณ์จตุสิรกาล

    ลำดับตอนที่ #1 : เกาะเกิดใหม่จากแผ่นดินเดิม

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 50


     

    ปรากฏการณ์เลวร้ายชั่วข้ามคืน หลังจากเหตุการณ์ลี้ลับใต้พื้นผิวท้องทะเล ที่กวาดล้างผู้คนอันบริสุทธิ์ไปมากมาย มันถือเป็นของขวัญชิ้นเลวร้ายที่สุดจากนรกที่มอบให้กับผู้คนที่กำลังสนุกสนานกันตามชายหาด เมื่อคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่ชายฝั่งเป็นครั้งที่สองหลังจากเหตุการณ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2548 แรงกระแทกจากตัวคลื่นมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ก้องไปทั่วบริเวณ เสียงกรีดร้องที่ต้องจดจำกันไปตราบนานเท่านาน เมื่อหนึ่งในนั้นคือญาติมิตรของเราเอง --

    ประวัติการณ์ที่สมควรได้รับการจารึกไว้ในหลักศิลา สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนชาวไทยและชาวต่างชาติมากมายทั่วทั้งแผ่นดินภาคใต้ของไทย มันไม่ใช่เพียงแต่กวาดล้างชีวิตอันมีค่าของคนไป แต่มันทำลายไปทั้งพื้นธรณีภาคใต้จนสูญสิ้น

    สภาพความเสียหายอย่างใหญ่หลวงที่เกิดจากคลื่นยักษ์ ทำลายแผ่นดินภาคใต้ของประเทศไทยจนราบเป็นหน้ากลอง เหลือไว้เพียงแต่เกาะเล็กๆน้อยๆที่เกิดจากแรงของคลื่นที่สาดเข้าใส่ภาคใต้ จังหวัดต่างๆมากมายจมหายไปในสายน้ำสีครามที่ส่งเสียงวังเวงชวนหดหู่ใจ ภาพเก่าๆของแผ่นดินอันงดงามถูกลบจนเลือนหาย เหลือไว้แต่ความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน ใครกันที่ทำได้ถึงเพียงนี้ ใครกันที่สร้างมันขึ้นมา ใครกันที่รอดชีวิต คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ยิ่งนานวันยิ่งมากข้อสงสัย

    กาลเวลาสุดเลวร้ายเลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า คอยสร้างความเสียใจให้กับคนไทยที่หลงเหลือ นานถึงสิบสิบปี

    --------------

    เมื่อมองลึกลงไปในเส้นทางของชีวิตที่เกิดการเปลี่ยนแปลง มีหลายสิ่งหลายอย่างเพิ่มเติมเข้ามา ทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี ครอบครัวนักโบราณคดี กลุ่มคนที่เคลื่อนย้ายถิ่นอาศัยอยู่เกือบตลอดเวลา แต่ก็ใช่ว่าจะถาวร นี่คือครอบครัวตระกูล ไพยการุณ พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างไม่เป็นหลักแหล่ง โดยมีเพียงบ้านหลังขนาดพออยู่ได้สามคน เป็นบ้านหลังถาวรหลังเดียวของเขา เพราะไม่ว่าจะจากไปนานแค่ไหน ก็ต้องกลับมาอยู่อาศัยที่นี่อยู่ดี

    เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีผู้มีนัยน์ตาที่ดำวาวบนใบหน้าอันหล่อเหลา ภายใต้ทรงผมสีดำสนิทที่ดูเข้ากับรูปร่างสูงสง่าของเขา  เด็กหนุ่มนาม ศุวิล ผู้พักอาศัยอยู่อย่างมีความสุขกับพ่อของเขานิพิฐพนธ์ และศุภาพิชญ์ ผู้เป็นแม่ ภายใต้หลังคาสีฟ้าจืดจางที่ดูเก่าทรุดโทรม เพราะการก่อสร้างนานหลายปี บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก มันตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ บนพื้นเกาะสุราษฎร์ธานี (หรือที่เรียกอีกนัยหนึ่งว่า เศษชิ้นส่วนที่โผล่พ้นขอบทะเล) ศุวิลเป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ตั้งใจเรียนหนังสืออย่างมาก แม้แต่วันเสาร์ อาทิตย์ศุวิลก็ไม่เคยละทิ้งหรือปล่อยตัวออกห่างจากหนังสือแต่นั่นแหละเขาเป็นเด็กหนุ่มผู้อ่อนแอ และมักใช้ชีวิตเก็บตัวอยู่กับครอบครัว มากกว่าอยู่กับเพื่อนฝูงที่โรงเรียน

    ศุวิลมักตื่นแต่เช้าในวันหยุดสุดพิเศษเพื่อที่จะเดินทางไปยังห้องสมุดชุมชน ที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านไม่ไกลจากบ้านของเขา เด็กหนุ่มรีบเร่งออกเดินไปตามถนนเล็กๆที่กั้นระหว่างบ้านเป็นแนวยาว เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ศุวิลหยุดนิ่งอยู่หน้าจัตุรัสสีเหลืองอ่อน พร้อมกับยิ้มให้กับมันแล้วย่างก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไปในห้องสมุดอย่างช้าๆ มีเสียงของหญิงชราในห้องสมุดพูดขึ้น

    อรุณสวัสดิ์จ้า ศุวิล…” บรรณารักษ์ในห้องสมุดกล่าวทักทายอย่างอ่อนโยน

    สวัสดีครับ ป้าวรนุช เออสบายดีรึเปล่าครับศุวิลทักทาย

    "สบายดีมากเลยหละเช้านี้ จริงมั้ย" ป้าวรนุชตอบอย่างเบิกบาน ตามแบบฉบับป้าที่น่ารักทำ (แต่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกๆคน)--

    หลังจากที่ทักทายกับป้าวรนุช ศุวิลก็มุ่งตรงไปยังชั้นหนังสือเก่าๆที่โทรมไปตามอายุของตัวอาคาร ชั้นหนังสือมากมายที่จัดวางอยู่อย่างเป็นระเบียบทำให้สถานที่แห่งนี้ดูโล่งเหมาะแก่การอ่านหนังสือของผู้มาเยือนทั้งเก่าและใหม่ ศุวิลเดินผ่านชั้นหนังสือไปอย่างช้าๆพร้อมกับสายตาสาดส่องมองหาหนังสือเล่มหนาน่าสนใจ หมวดหนังสือทั้งหมดในห้องสมุดแห่งนี้ เขาอ่านมาแล้วทุกหมวดถึงแม้ว่าจะยังไม่ครบ เขาหยิบหนังสือปกแข็งสีแดง ความวินาศที่ธรรมชาติมอบให้ มาใส่ในอ้อมแขนแล้วเดินลากเท้าไปยังเก้าอี้บุนวมสีเขียว เก้าอี้ตัวโปรดของเขาที่อยู่มุมห้องลึกเข้าไป

    เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ล่วงเลยผ่านหกโมงเย็นไปโดยไม่มีการหวนคืน อาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า เมฆเบื้องบนเปลี่ยนเป็นสีแดงชวนมองผ่านบานกระจกออกไป ถึงแม้เวลาจะผ่านไปแต่ใช่ว่าจะทำให้ศุวิลหมดสนุกไปกับการอ่านหนังสือ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังโต๊ะของบรรณารักษ์ เพื่อยืมหนังสือเล่มที่เขายังอ่านไม่จบ

    "ป้าครับ ผมขอยืมหนังสือเล่มนี้ไปอ่านต่อที่บ้านนะครับ" เขาเอ่ยบอกกับบรรณารักษ์

    "ไม่มีปัญหาจ้ะ แต่อย่าอ่านจนลืมเอามาคืนนะจ้ะ"ป้าวรนุชตอบอย่างชื่นบาน

    "ขอบคุณครับ"

    "ไม่เป็นไรจ้ะ"

    ศุวิลย่างก้าวออกไปสู่บรรยากาศภายนอกที่ตอนนี้เริ่มมืดลงแล้ว เขาออกวิ่งไปตามถนนสายเดิมกับที่เขาผ่านมาอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็มาโผล่ถึงประตูหน้าบ้านของเขา พร้อมกับหายใจหอบ แล้วเดินผ่านเข้าไปในตัวบ้าน

    เมื่อเดินเข้ามาเขาพบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่างเลย ความสงสัยและงุนงงเกิดขึ้นในทันที เขาจึงก้าวผ่านไปในใจนึกกังวลว่าพ่อและแม่ของเขาไปไหน และเมื่อมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเขาเองแสงไฟในบ้านก็วูบดับลงอย่างรวดเร็ว เหลือแต่เพียงแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องผ่านเข้ามาในบ้าน แสงสว่างที่เริ่มจะอิดโรย ศุวิลมองเห็นร่างของชายผู้หนึ่งเดินตรงมาหาเขา พื้นไม้ที่ส่งเสียงได้ไปตามย่างก้าวของชายปริศนา เสียงลมหายใจที่ขาดห้วงของเขาดังไปถึงชายปริศนาที่ตอนนี้อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสามเมตร จู่ๆร่างนั้นก็หยุดนิ่งเผยให้เห็นอะไรบางอย่างเบื้องหลัง ร่างของใครอีกคนที่ดูเตี้ยกว่าคนแรกเล็กน้อย ผมที่ยาวสยายของเธอลู่ไปตามลม อย่างน่าชม แสงแดดอันอิดโรยส่งกระทบใบหน้าของเธอ เผยให้เห็นว่าใบหน้าของเธอซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากแวววาว เธอเดินย่างก้าวเข้ามาพร้อมกับถืออะไรบางอย่าง บางอย่างที่อยู่ใต้แสงเทียน มันยิ่งทำให้ศุวิลยิ่งวิตก วัตถุแบนทรงกระบอก รอยนูนที่ดูไม่เป็นรูปเป็นร่าง ที่อยู่รายรอบวัตถุนั้นช่างแปลกพิกล และ ตุบ! เสียงของวัตถุอะไรบางอย่างตกลงบนพื้น และแล้วร่างนั้นก็หยุดลงเมื่อมาสมทบกับชายคนแรก ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเงียบสงบมีเพียงเสียงหายใจที่ขาดห้วงของศุวิลเท่านั้น แต่แล้วเสียงฮัมเพลงเบาๆก็ดังขึ้น

    Happy Birthday to you...

    Happy Birthday to you

    Happy Birthday... Happy Birthday

    Happy... Birth...day ...to ...you...

    "สุขสันต์วันเกิดจ้ะลูกรักของแม่" เสียงอ่อนโยนของสุภาพสตรี เสียงที่เป็นเสียงของแม่กล่าวอวยพรศุวิล

    "ขอให้มีความสุขในวันเกิดครบรอบสิบหกปีของลูกมากๆนะ" อีกเสียงที่ฟังดูกล้าหาญ เสียงที่เขาจำได้ในทันที เสียงของพ่อของเขาเอง

    อาการตกใจของศุวิลหายไปในทันที แล้วเขาก็ก้มลงเป่าเทียนทั้งสิบหกเล่มบนเค้กวันเกิดของเขา พร้อมกับกล่าว "ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับแม่" แทบจะในทันทีแสงไฟก็สว่างจ้าขึ้น ศุวิลลืมวันเกิดของตนเองไปเสียสนิท "วันนี้วันเกิดเรานี่...ลืมได้ไงเนี่ย" ศุวิลพูดกับตนเอง "ขอบคุณอีกครั้งครับพ่อ แล้วก็แม่ด้วย" นี่เป็นวันเกิดที่วิเศษสุดๆของเขา เมื่องานวันเกิดของเขามีแขกมาร่วมอวยพรมากมายหลังจากที่เขาลงไปที่ห้องข้างล่าง เขาได้รับของขวัญจากเกือบทุกคนในหมู่บ้าน ช่างเป็นวันที่วิเศษจนยากจะลืมเสียจริง

    หลังจากงานวันเกิดของเขาจบลงอย่างมีความสุข ศุวิล พ่อ และแม่ช่วยกันจัดเก็บจานชามต่างๆไปในครัว แล้วช่วยกันล้างทำความสะอาดจนเวลาผ่านไปจนถึงสี่ทุ่ม ศุวิลหอบเอากล่องของขวัญมากมายขึ้นไปเก็บในห้องของเขา ซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง จนหมด--

    ตอนนี้ห้องนอนของเขาแน่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อมีกองของขวัญวางไว้จนเต็ม เขาอ่อนแรงเกินกว่าจะแกะห่อของขวัญออกไหว จึงล้มลงนอนบนเตียงไม้ที่ปูด้วยผ้าสีฟ้าครามผืนนุ่ม เขาหลับจนลืมหยิบหนังสือที่เขายืมมาจากห้องสมุด มันถูกวางทิ้งไว้ที่หน้าห้องของเขาตอนที่เขาตกใจกลัวจนทำมันตก --

    วันรุ่งขึ้นแสงแดดอ่อนๆสาดเข้าใส่ห้องของศุวิล เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับหรี่ตามองไปรอบห้อง ขยี้ตาหนึ่งครั้ง แล้วลุกไปอาบน้ำ ศุวิลแต่งชุดแบบเรียบง่ายเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ที่ดูเข้าคู่กัน ทำให้ตัวเขาเองดูสูงขึ้นไปอีก

    ศุวิลเดินลงบันไดอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบสลับกับเสียงลั่น เอี๊ยด...! ของพื้นไม้เมื่อเท้าของเขาสัมผัสกับขั้นบันไดไม้สีน้ำตาลเหลืองแบบไม้สัก เขาเดินเลี้ยวมุมขวาเข้าไปสู่ห้องกว้างที่ไม่ใหญ่นัก ตรงกลางมีอาหารวางอยู่บนโต๊ะกลมที่ปูด้วยผ้ายางลายดอกไม้ ที่แม่ของเขาซื้อมาจากตลาดเมื่อวานนี้ แม่ของเขากำลังนำอาหารที่ปรุงสุกมาเพิ่มบนโต๊ะ เขาและแม่นั่งลงที่เก้าอี้ที่ล้อมรอบโต๊ะกลมเอาไว้ ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้าพอดี พ่อของเขาต้องออกไปทำงานเวลานี้ทุกวันเลยไม่ได้ทานอาหารร่วมกัน ซึ่งอันที่จริงแล้วสักพักแม่ของเขาก็ต้องไปเช่นกัน แต่วันนี้แม่บอกว่า "ที่ทำงานของแม่วันนี้หยุดจ้ะ!" ศุวิลและแม่จึงอยู่บ้านด้วยกันสองคน รอเวลาพ่อกลับมาจากที่ทำงาน

    ระหว่างที่รอพ่อกลับมาบ้าน ศุวิลจึงใช้เวลาว่างช่วงนั้นนำหนังสือมาอ่าน หนังสือที่เขาพึ่งจะยืมมาจากห้องสมุด แต่นั่นหละมันหายไปไหนหนังสือเล่มนั้น เขาเดินไปมาทั่วบ้านสายตาควานหาหนังสือเล่มสีแดง เขาใช้เวลาในการหาหนังสือเล่มนั้นอยู่นาน แต่แล้วก็พบว่ามันวางรวมอยู่กับกองของขวัญในห้องของเขาเอง แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร --

     

    -----------------------------

    ยังไม่จบ
    ป.ล. เนื้อความอาจไม่สละสลวยเนื่องจากแต่งสด ยังไม่คัดกรอง ขออภัยด้วยครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×