ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามหา"ความ(รัก)จริงจากเธอ"

    ลำดับตอนที่ #1 : วันแย่ๆ

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 50


    ตื้ดๆ ตื้ดๆ

    โอ๊ย หกโมงเช้าแล้วเหรอเนี่ยะ เพิ่งได้นอนไปได้แค่ สามชั่วโมงเองน้า ยังไม่อยากตื่นเลย  ทำไมฉันต้องตื่นแต่เช้าด้วยนะ ทั้งๆที่เรียนตั้ง แปดโมง ขอนอนต่ออีกนิดไม่ได้หรือไงนะ และเจ้าเสียงนาฬิกาปลุกนี่ก็ช่างขัดการหลับนอนอันแสนหวานของฉันจริงๆเลย ปิดมันซะเลยนี่

    "ซายจะไปเรียนมั๊ย นี่มัน 6:20 แล้วนะ เดี๋ยวน้องก็สายไปด้วยหรอก" พี่เลี้ยงของฉันปลุกฉันแบบนี้ทุกเช้าเลยให้ตายสิ
    "รู้แล้วน้า" ฉันมักจะตอบด้วยน้ำเสียงตะคอกเล็กน้อยแบบนี้ มันเป็นการระบายอารมอย่างหนึ่ง หน่ะ โดยปกติแล้ว ฉันมักจะลงจากห้องและไปขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายเสมอ ฉันไม่ชอบหวีผม ทาแป้ง ใส่ถุงเท้า และกินข้าว ที่บ้าน จริงๆแล้วมันทำไม่ทันต่างหาก ชั้นต้องทำทุกอย่างที่พูด บนรถ ซึ่งก็ลำบากดี แต่ฉันมีเวลาอยู่บนรถตั้ง 1 ชม ก่อนถึงมหาวิทยาลัยนี้

    เฮ้อ วันนี้มีเรียนตั้ง สามวิชาติดแหนะ ไม่อยากเรียนเลย ง่วงจัง เมื่อคืนไม่น่าคุยโทรศัพท์นานเลย

    เฮ้อไปสยามดีกว่า จะได้หายง่วง

    หูยเสื้อตัวนี้สวยจัง

    "พี่ค่ะ เสื้อตัวนี้เท่าไหร่ค่ะ"

    "1680 บาทค่ะ"

    โห่ แพงจัง ถ้าซื้อไป  มีหวัง ไม่มีชีวิตอยู่รอดภายในอาทิตย์นี้แน่

    "น้องค่ะ sizeนี้เหลือตัวสุดท้ายแล้วนะค่ะ ที่ร้านพี่จะตัดมาขนาดละ4 ตัวเองค่ะ"

    "อยากได้นะค่ะ แต่มันแพงอ่ะค่ะพี่ ลดไม่ได้แล้วเหรอค่ะพี่ ลดหน่อยน้าค้า" ต้องใช้ลูกเล่นอ้อน บวกกับทำตาปริบๆ นี่หล่ะได้ผลทุกร้าน

    "ขอโทดนะครับ ถ้าน้องเค้าไม่มีเงินซื้อเสื้อตัวนั้น ผมขอซื้อได้มั๊ยครับ"

    "คือ น้องคนนี้กำลังตัดสินใจอยู่อ่ะค่ะ"

    อะไรเนี่ยะ ฉันยืนดูอยู่แท้ๆ ยังจะมาถามอีก เป็นผู้ชายอะไรเนี่ยะ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย หน้าตาต้องแย่พอๆ กับนิสัยแน่ๆ ขอดูหน้าหน่อยสิ

    เฮ้ยยยย นี่ๆๆเค้าคือ พี่ พี่ พี่เคน ธีรเดช อ๊ากกก ดาราในดวงใจของฉัน

    "ครับ ผมทราบ แต่ผม..."

    "คือ คือ ไม่เป็นไรค่ะให้พี่เค้าซื้อไปเถอะค่ะ" พี่เคนยังพูดไม่ทันจบ ฉันก็พูดแทรกขึ้นไปอย่างตะกุกตะกัก

    "ขอโทดนะครับ น้องใส่size นี้เลยหรือครับ" พี่เคนหันหน้ามาพูดกับฉันด้วยสีหน้าอ่อนหวานสุดๆ สุดๆจนใจฉันจะละลายไปหมดแล้ว ตอนนี้ เวลานี้ผู้หญิงทั้งประเทศ ต้องอิจฉาฉันอยู่แน่ๆ ใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆพี่เคน พระเอกระดับประเทศจะมายืนอยู่ตรงหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพต่อผู้หญิงเตี้ยๆ ผิวคล้ำๆอย่างฉัน แต่ข้อดีของฉันก็มีนะ รูปร่างเพรียวบางที่พอดีกับส่วนสูงกะทัดรัดของฉันนะสิ

    "ชา ใช่ค่ะ" ฉันตอบด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย

    .งั้นพี่ครับ ผมเอาตัวนี้ครับ" พี่เคนหันไปพูดกับคนขายนิดนึง แล้วส่งยิ้มหวานมาที่ฉัน

    ทำไมพี่เคนเป็นคงอย่างนี้เนี่ยะ  สงสัยจะซื้อไปให้สาว ที่หุ่นดีอย่างฉัน แต่ไม่เป็นไร เพราะว่าหล่อขนาดนี้ ยิ้มหวานซาบซ่านขนาดนี้ ฉันยอมได้ ฮ่าๆๆๆ

    ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจเสื้อผ้าในร้านแล้ว แต่ฉันก็ไม่ออกจากร้านไปง่ายๆ ใครจะบ้าออกหล่ะ ก็ฉัน

    อยากขอลายเซ็นกับถ่ายรูปนี่หน่า เพราะฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจดูเสื้อตัวอื่นระหว่างรอพี่เคนจ่ายเงิน แต่ระหว่างที่ฉันจับเสื้อตัวอื่นและคิดว่าจะพูดขอลายเซ็นยังไง เสียงนุ่มๆก็ผ่านเข้ามาที่หูฉัน

    "น้องครับ นี่พี่ซื้อให้ครับ"

    ด้วยความที่ตกใจจากประโยคนั้น ฉันก็ทำเสียงสูงขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว "ค้ะ"

    "เอ่อ ขอโทษค่ะ คือให้หนูเนี่ยะนะค่ะ" เมื่อฉันได้สติ ก็ถามพี่เคนด้วยเสียงปกติ

    "ครับใช่ครับ พี่อยากซื้อให้อ่ะครับ น้องเป็นคนน่ารักมากเลยครับ พี่คิดว่าเสื้อตัวนี้ต้องเหมาะกับคนน่ารักแบบน้องเท่านั้นอึครับครับ" ทำไมพี่เคนต้องมาชมฉันด้วยละเนี่ยะ ฉันเขิลไปหมดแล้วนะเนี่ยะ

    "น้องชื่ออะไรครับ"

    "ชื่อ ซาย ค่ะ"

    "ซาย"

    "ค่ะ"

    "ซาย"

    "ค่ะ"

    "ซาย"

    "ค่ะ" ครั้งนี้ฉันตอบเสียงดังขึ้นด้วยความโกดเล็กน้อย เพื่อหวังว่าพี่เคนคงไม่พูดชื่อฉันซ้ำอีก

    "ซาย ถึงมหาวิทยาลัยแล้วครับ"

    ทำไมพี่เคนมาพูดเรื่องนี่เนียะ มหาลงมหาลัยอะไร แต่เอ๊ะ ทำไมเสียงพี่เคนแปลกๆไป

    เย้ยยย นี่มันเสียงพี่สำเริง คนขับรถนี่หว่า ย้ากกก ถึงมหาวิทยาลัยแล้วนี่

    "ค่ะๆ ขอบคุณนะค่ะ" ฉันพูดรัว เพราะตกใจที่รถมาจอดหน้าตึกเรียนแล้ว ฉันหยิบทิชชูเช็ดน้ำลายที่ไหลเป็นทาง ฉันหยิบกระเป๋า และกระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็ว

    โอ้ย ฝันเหรอเนี่ยะ แต่ทำไมมันเหมือนจริงขนาดนั้น เหมือนพี่เคนมาอยู่ตรงหน้าเลย ใจฉันละลายไปหมดแล้วนะเนี่ยะ เฮ้อ ไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ล้างตา ก่อนดีกว่า ถ้าไปห้องเรียนสภาพนี้ ยัยลูกเกด ยัยข้าวตัง ได้แซวว่าเป็นศพแน่ๆ

    "เฮ้อ หมดคาบซะที ทำไมวิชานี้มันน่าเบื่ออย่างนี้นะ" ยัยนกพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความขี้เกียจอย่างสุดๆ

    "ขนาดแกนอนทั้งคาบ ยังมาบ่น แกดูใบแก้วสิ นั่งเรียนตลอด แถมยังจดแลคเชอร์ ใบแก้วไม่บ่นซักคำ" ข้าวตังหรือเรียกสั้นๆว่า ข้าว พูดขัดขึ้นมาทันที

    ด้วยความที่ฉัน ไม่อยากฟังใยสองคนนี้เถียงกันแล้ว เลยเสนอความคิดที่ทุกคนต้องเห็นพร้องต้องกันอย่างแน่นอน "แก ไปกินเค้กกันป่าว"

    "เออ ไปไป อยากหาไรกินอยู่พอดี" และความคิดของฉันก็ได้ผลดังคาด

    "โห่ อ้วนหว่ะแก" เสียงใบแก้ว สาวพูดน้อย ผู้กลัวความอ้วนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ยอมอดข้าว เพื่อให้ได้กินเค้ก

    "ใบแก้ว ไม่ต้องบ่นเลย บอกไม่กิน แต่ก็กินทุกที" นกที่รู้นิสัยใบแก้วดี พอกับตัวใบแก้วเอง พูดขึ้นมาแซวใบแก้ว

    "ไปดิ๋ๆ นึกร้านเร็ว จะไปนั่งร้านไหนดี" ข้าวรีบตัดบทก่อนที่จะอดไป

    หลังเลิกเรียนทุกครั้ง พวกเราก็จะบ่นและก็จะแก้เซ็งด้วยการหาอะไรกินแบบนี้เสมอ โดยเฉพาะเค้กขนมสุดโปรดของฉัน มักจะลอยขึ้นมาในหัวเป็นอันดับแรก ซึ่งมันทำให้อารมณ์เบื่อกับการเรียนหายเป็นปลิดทิ้ง

    วันนี้ฉันจะกิน Strawberry short cakeหรือ Blueberry cheese cake ดีหล่ะ

     "แกไปร้าน..." ขณะที่ฉันจะเสนอชื่อร้านเค้กอันแสนอร่อยนั้น ก็มีหญิงสาวหน้าตาดี ตาโตคม ผมสีดำยาวขับกับใบหน้าขาวผ่อง ก็เดินตรงมาหาฉัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

    "เธอชื่อ ซาย รึป่าว"

    "ใช่ค่ะมีไรเหรอค่ะ"

    เพี๊ยะ

    "ใยผู้หญิงหน้าด้าน หน้าไม่อาย ใยป้า ฉันก็นึกว่าหน้าตาจะสวย อะไรเนี่ยะ เตี้ยก็เตี้ย ไม่รู้ว่าทำให้ผู้ชายหัวปั่นได้ไง หาแฟนไม่ได้แล้วหรือไง ถึงต้องมาโทรคุยกับแฟนชาวบ้าน มาล่อ มาแรดใส่ ฉันไม่เข้าใจจริงๆเล

    เพี๊ยะ ฉันตบกลับทันที เมื่อได้สติ อาจจะช้าไปหน่อยที่ปล่อยให้ในพูดอยู่ได้นานสองนาน แต่ความแรงที่ได้ซัดใยผู้หญิงไร้สมองคนนี้ ก็ถือว่าคุ้มกับการยืนรวบรวมสมาธิ ถึงตอนนี้ฉันคิดว่า ฉันไม่น่าชมใยผู้หญิงปากจัดคนนี้เลย

    "แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาตบฉันเหอะ" ฉันถามขณะ ที่ใยผู้หญิงไร้สมองคนนั้นกำลังพยายามลุกขึ้นยืน จากการล้มลงไปกองที่พื้นด้วยแรงตบจากฉัน

    "ไม่ต้องเข้ามาช่วย เลยนะ สมุนงั้นเหรอ ยืนอยู่เฉยๆดีกว่า เพราะถ้าพวกแกก้าวเข้ามาก้าวเดียว แกจะมีส่วนผิดด้วยทันที เรื่องการทำร้ายร่างกายเนี่ยะ โทษหนักนะ และยิ่งโดยเฉพาะการมาทำร้ายโดยไม่มีสาเหตุด้วยแล้ว"

    ไม่น่าเชื่อ แค่คำขู่ นิดๆหน่อยๆ ก็ทำให้ใยพวกสมุนพวกนี้ กลัวจนไม่กล้าเข้ามาช่วยลูกพี่มัน โง่จริงๆ

    "โอ๊ย" เสียงโอดครวญของใยผู้หญิงไร้สมอง ที่ขณะนี้แขนถูกบิดจนแดงไปหมด นี่เป็นการป้องกันตัวของฉันเล็กๆน้อย

    "คนอย่างฉันไม่ยอมโดนตบซ้ำสองหรอกนะ และอย่าได้แม้แต่จะคิดเอามือเน่าๆ มาโดนหน้าฉันอีก" ฉันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง และเด็ดเดี่ยวมาก ซึ่งตรงข้ามกับใจที่กำลังเต้น สั่น อย่างแรง กลัวไปหมดซะทุกอย่าง ที่ฉันกลัวก็อาจจะเป็นเพราะฉันมักจะโทรไปคุยกับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว แต่นั่นก็เพื่อนกันจริงๆนี่ ฉันว่ายังไงๆ เรื่องนี้ก็ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด วันซวยอะไรของฉันนี่ ฉันต้องเข้มแข็ง ฉันจะไม่กลัวอีกแล้ว เพราะฉันไม่เคยแย่งแฟนใคร ฉันคิดให้กำลังใจตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่จะเอ๋ยด้วยเสียงดังอีกครั้ง

    "แกเป็นใคร"

    "ก้มหน้าก้มตาทำไม มานึกกลัวอะไรตอนนี้เฮอะ เมื่อกี้ยังเป็นคนเก่งอยู่เลยนี่ ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้นะ" ฉันแสดงบทบาทนี้ได้เก่งจริงๆ สมแล้วที่แม่มักพูดให้ฉัน ไปเล่นบทนางร้าย แต่เอ๊ะ ใยผู้หญิงไร้สมอง คนนี้ต่างหากที่เป็นนางร้าย เพียงแต่ ฉันไม่ได้เป็นนางเอกอ่อนแอเหมือน นิยายน้ำเน่าเหล่าต่างหาก

    "ชื่อ ชื่อ เฟริส"

    "แล้วแฟนแกเป็นใคร" ตอนนี้เพื่อนๆเริ่มเดินเข้ามาล้อมรอบฉันมากขึ้นแล้ว เห็นว่าฉันเป็นต่ออยู่หน่ะ ใยพวกนี้นะ ทีตอนฉันโดนตบ และกำลังจะโดนรุม ไม่มีเลย จะเดินเข้ามาปกป้อง เดี๋ยวเสร็จงานนี้เมื่อไหร่ ต้องบ่นซะแล้ว

    "เฟรม เฟรม เอสยู"

    "ไอเฟรม" ฉันเอ๋ยชื่อนั่นตามเบาๆ ในใจก็คิด ที่เมื่อคืนฉันได้นอนแค่ สามชม ก็เพราะฉันคุยกับไอเฟรมเนี่ยะแหละ แต่เราคุยกันในฐานะ แฟนเก่าเท่านั้นไม่มีอะไรเกินเลย แฟนเก่าที่เลิกไปตั้งแต่สมัย มัธยมหก ต้นเทอม ซึ่งไม่มีทางที่จะเป็นถ่านไฟเก่าได้แน่นอนด้วย ใยไร้สมองนี่ ต้องไปได้ข่าวไรผิดๆมาแน่นอน

    "ตอนที่แกตบฉัน ฉันนึกว่าแกแค่ขาดสติ เพราะหึงไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคิดผิด เพราะแกมันไม่มีสมองเลยต่างหาก ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ เรื่องที่คนมีการศึกษาเค้าไม่เลือกที่จะใช้ แต่เอ๊ะ แกเป็นแฟนเฟรมเหรอ ครั้งล่าสุดที่ฉันรู้ แฟนเฟรมไม่ใช่แกซักหน่อย ไม่น่าเชื่อ ว่าเฟรมจะมีรสนิยมต่ำลง"

    "โทรหาเฟรมเดี๋ยวนี้" จากน้ำเสียงเรียบๆ ที่นางร้ายชอบใช้ ก็ดังขึ้นมาเป็นเท่าตัว ทำให้คนตรงหน้า สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

    "ทำไมไม่หยิบ ไม่กล้าโทร เพราะไม่ใช่แฟนตัวจริงงั้นสิ ได้เดี๋ยวฉันโทรเอง" พูดจบฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดปุ๋มโทรออกทันที โดยไม่ต้องกดตัวเลขหรือหาชื่อ ก็เบอร์ล่าสุดที่รับสายก็คือเบอร์ของไอเฟรมนี่หน่า ระหว่างที่รอไอเฟรมรับฉันก็คิดในใจ ว่าเมื่อไหร่เฟรมจะเลิกหาความวุ่นวายให้ฉันซักที ตั้งแต่ตอนที่คบกันก็มีเรื่องให้คิดมากมาย พอเลิกกันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ก็ยังพยายามจะหาเรื่องมาให้ฉันอีก ทำไมนะ ชาติที่แล้วฉันทำบุญมาน้อยหรือไง ฉันไม่มีทางยกโทษให้แกแน่ ไอเฟรม เรื่องการถูกด่าว่าแย่งแฟนชาวบ้าน ร่าน ไม่ใช่เรื่องเล็กๆสำหรับฉันเลย

    "ว่าไงจ๊ะที่รัก" เสียงปลายสายที่ไม่เคยเปลี่ยนคำพูดทักทาย วันนี้ ตอนนี้ไม่ทำให้ฉันยิ้มอีกแล้ว

    "มีผู้หญิงอันเป็นที่รักของเฟรม มาด่าซายเสียๆหายๆถึงที่มหาลัย ไม่ทราบว่าปล่อยหลุดออกมาจากอ้อมอกได้อย่างไรไม่ทราบ มารีบรับตัวกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ซายจะโมโหมากกว่านี้ นอกจากจะมาว่าซายว่าแย่งแฟนชาวบ้านแล้ว ยังทำร้ายร่างการซายด้วย ถ้าไม่อยากให้เป็นคดีความ รีบจัดการซะ" ฉันเริ่มพูดจากน้ำเสียงเรียบๆ จนฟังดูน่ากลัวในตอนท้าย ทำให้ เฟรมรีบพูดแทรกขึ้นมา

    "เด๋วๆซาย ใจเย็นๆ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร" น้ำเสียงที่โมโหและจริงจังขนาดนี้ของฉัน แน่นอน ขนาดตอนเลิกกัน ฉันยังไม่ใช้ ครั้งนี้เฟรมคงรู้ว่าซายโกรธจริงๆ เฟรมจึงพยายามใช้คำพูดและน้ำเสียงที่สุภาพ มากที่สุด

    "เค้าบอกว่า ชื่อเฟริส"

    "เฟริส" น้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเฟรม รู้จักผู้หญิงคนนี้ และอยู่ในขั้นตกใจมาก

     "ซาย เราขอพูดกับเฟริสหน่อยได้มั๊ย" ฉันไม่ตอบอะไรออกไปทั้งสิ้น เพียงแค่ยื่นโทรศัพท์ไปให้ผู้หญิงไร้สมองคนนี้ ฉันพยายามตั้งใจฟังว่า ยัยเฟริส จะแก้ตัวอะไรมั๊ย โดยที่หันสายตาไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจสิ่งที่ยัยเฟริสกำลังจะพูด และตอนนั้นเองฉันถึงสังเกตได้ว่า รอบๆที่เราคุยกันอยู่นั่น มีสายตาประมาณ หลายสิบคู่ มองเหตุการณ์นี้อยู่ แน่นอนฉันเรียนอยู่ที่นี้มา สองปี ไม่เคยมีเหตุการณ์ อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนไม่ว่ากับฉันหรือกับใคร มันน่าอับอายจริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะกล้ามามหาวิทยาลัยไม่นะ ระหว่างที่หูก็กำลังฟังว่าใยเฟริสพูดอะไรออกมาบ้างไหม ซึ่งไม่มีเลย ตาที่เหล่มองพวกไทยมุง และสมองที่คิดถึงความอับอายและ การจะถูกนินทาก็หยุดลงเมื่อ ใยเฟริส ยื่นมือถือคืนมา และยกมือไหว้ขอโทษ

    "กลับไปซะ เดี๋ยวนี้" สิ้นเสียงคำขอโทษจากใยเฟริส ฉันกดตัดสายโทรศัพท์แล้วเดินหายไปทันที ฉันตกใจเล็กน้อยที่ยัยเฟริสยกมือไหว้แต่ฉันก็เก็บอาการนั่นได้มิด เพื่อรักษาภาพพจน์คนถูก

    ฉันไม่ได้เดินไปไหนไกลหรอก แค่เดินเข้าห้องน้ำ มารวบรวมสติ คิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ฉันเพิ่งได้ผ่านมา และค่อยๆซึมซับเรื่องราวนั้นๆ ก่อนจะตอบกลับตัวเองว่า มันคือเรื่องจริง

    ระหว่างที่คิดนั้น ก็มีผ้าบางๆ มาซับที่ที่ใต้ตาของฉัน และตอนนั้นเองที่ฉันถึงรู้สึกว่า เพื่อนสาวของฉันมายืนล้อมรอบ และมือของใบตองกำลังซับน้ำฉันอยู่

    "ร้องไห้ทำไม" สิ้นเสียงยัยนก น้ำตาที่ค่อยๆไหลก็กลายเป็นไหลพราก ข้าวค่อยๆ ลากฉันเข้าไปซบไหล่ กอดฉันและพูดให้กำลังใจฉัน

    "ร้องออกมาให้หมดเลยซาย ร้องครั้งนี้แล้ว ลืมมันไปซะนะ แล้วอย่ากลับไปคิดถึงมันอีก เรื่องทุกอย่างจบแล้วหล่ะ"

    ฉันผล่ะออกจากไหล่ ใยข้าว หยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือเธอ ซับน้ำตาบนหน้า ตอนนี้ฉันหยุดร้องไห้แล้ว

    "ซายแค่อายและก็กลัวอ่ะ ข้าว ซายไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย ซายจะมาเรียนได้ยังไง ทุกๆคน เข้าใจซายผิดไปหมดแล้ว ซายต้องถูกคนอื่นนินทา ซายต้อง.." เวลาที่ฉันกลัว ฉันมักจะแทนตัวเอง ว่าซายเสมอ

    "ซาย ไม่ต้องแคร์สายตาคนอื่นหรอก ซายมีพวกเรานะ พวกเราที่เข้าใจซาย และรู้ว่าซายเป็นยังไง เสียงนินทาของคนหน่ะ แป๊บเดียวก็หยุดแล้ว และอีกอย่าง ทุกๆคนก็เห็น ว่ายัยเฟริสอะไรนั่น ยกมือขอโทษซาย ทุกคนต้องรู้อยู่แล้วว่าซายถูก ทำใจให้สบายนะ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว"

    "อืม ขอบคุณทุกคนมากนะ ที่เป็นห่วง"

    "รู้มั๊ย ฉันเดาไม่ผิดเลย ว่าแกต้องเข้ามาร้องไห้หน่ะ ยัยซาย ภาพที่ฉันเห็นแกด่าฉอดๆ มันอาจไม่ขัดกับบุคลิกของแกก็จริง แต่มันไม่ใช่นิสัยของแกเลย นิสัยเข้มแข็งหน่ะ แกนะอ่อนไหวที่สุด"

    ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน รวมถึงฉันด้วย แม้ในใจก็กำลังสับสนว่า ใยนกกำลังว่าหรืออะไรกันแน่

    "ซาย มือถือดังไม่หยุดเลยนะ ไม่คิดจะดูหน่อยเหรอว่าใครโทรมา"

    "ไม่ต้องหรอก นี่ฉันจะปิดมือถือซักพักนะ มีอะไรก็โทรเข้าบ้านละกัน ปกินเค้ก แก้เซงกัน" แน่นอนที่ฉันไม่รับเพราะเป็นไอเฟรมโทรมา ฉันไม่อยากจะมารับฟังคำพูดแก้ตัวหรืออะไรก็ตามแต่จากไอเฟรมตอนนี้ และแม้ว่าตอนนี้ฉันจะรู้สึกเหนื่อยและสับสนอยู่ ฉันก็อยากที่จะไปนั่งกินเค้กให้ใจเย็นหน่อย แล้วค่อยกลับบ้านมากกว่า

    "ไปสิ"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×