ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    《Fic Group Chat Anime》: บันทึกการเดินทางของคุณมหาจอมเวทขั้นเทพผู้สาบสูญจุติใหม่ในโลกเทย์วัต

    ลำดับตอนที่ #1 : กลุ่มแชท 00 : คุณย่าที่นายพูดถึงคือใคร?

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 67


    เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งดังซ่า…ซ่า…ซ่า…เมื่อสายลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านคลื่นทะเลลูกแล้วลูกเล่ากระทบโขดหินสาดกระเซ็นเป็นละอองสีขาวบริสุทธิ์ดั่งหยกที่แตกกระจายเหล่านกนางนวลโบยบินพลิ้วไหวในขณะที่ห่างออกไปมองเห็นชาวประมงที่กำลังออกเรือไปในท้องทะเล

    ท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่เปิดโล่งแสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังชายหาดจนเม็ดทรายเปล่งประกายระยิบระยับดั่งทองคำสะท้อนภาพความงามแห่งทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงที่เชื่อมผืนน้ำสีฟ้ากับฟากฟ้ากลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวตะวันตกดินอาบแสงสีแดงอร่ามคลอเคลียขอบฟ้าอย่างงดงาม

    ณ ชายหาดแห่งนี้ มีคันเบ็ดหนึ่งถูกยกขึ้นจากทะเล แต่ที่ตะขอมีเพียงความว่างเปล่าซึ่งดูเด่นสะดุดตาชายแก่เส้นผมสีดอกเลาประสบการณ์ช่ำชองเก็บคันเบ็ดอย่างคุ้นชินก่อนจะเปลี่ยนเหยื่อล่อใหม่ให้พร้อมใช้งานอีกครั้ง

    หากมองใกล้ ๆ จะเห็นได้ชัดว่าใบหน้าของชายแก่คนนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานทว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลาก็ยังคงดูเมตตาและอบอุ่นบ่งบอกถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องราว

    แต่ในขณะนั้น เสียงหัวเราะเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านข้าง

    “ฮ่าฮ่า ลุงเทียนวันนี้ลุงก็ตกปลาไม่ได้อีกแล้วสินะครับ”

    ชายแก่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวแล้วยิ้มให้ด้วยสายตาอบอุ่นพร้อมมองไปยังแหล่งที่มาของเสียง

    “หืม? ที่แท้ก็คาสึโตะเองเหรอทำไมเธอถึงไม่ไปทำงานทำการแล้วมานอนอาบแดดอยู่ตรงนั้นล่ะ?”

    “เมื่อกี้นี้เธอพูดว่าว่าอะไรนะ? ตกปลาไม่ได้อีกแล้ว? ฮ่าฮ่า เธอต้องเชื่อในฝีมือของลุงเทียนสิ!” ชายแก่พูดพร้อมเสียงหัวเราะ

    “รอให้ฉันตกปลาตัวใหญ่ขึ้นมาได้เมื่อไหร่เดี๋ยวตะทำซุปปลาร้อน ๆ ให้เธอได้ลองชิมเอง ฮ่าฮ่า”

    ไม่ไกลจากจุดที่ลุงเทียนนั่งอยู่มีเตียงไม้ไผ่และร่มชายหาดตั้งอยู่บนเตียงนั้นปรากฏชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา (ไรท์ : หล่อเท่าคนอ่านและนักเขียน) สวมแว่นกันแดดคนหนึ่งที่กำชังนอนเอนตัวอยู่ด้วยท่าทีสบาย ๆ เหมือนกำลังดื่มด่ำและเพลิดเพลินไปกับแสงแดดอันอบอุ่นและลมทะเล

    (ไรท์ : วัยเด็ก 1 - 10ปี > วัยรุ่น 11 - 18ปี > วัยหนุ่ม 19 - 35 ปี)

    (ตัวอย่าง)

    ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าสะอาดสะอ้าน โครงหน้าคมคายที่ดูราวกับถูกแกะสลักอย่างพิถีพิถันแสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องลงบนใบหน้าของเขา ดึงให้ทุกมุมมองยิ่งชัดเจนจนยากจะละสายตา ดวงตาสีฟ้าดุจอัญมณีเจียระไน สะท้อนแสงระยิบระยับในแบบที่แทบสะกดลมหายใจผู้พบเห็น เส้นผมสีเงินยาวพลิ้วไหวตามสายลมเบา เปล่งประกายราวกับเส้นไหม รอยยิ้มจางบนริมฝีปากคู่นั้นไม่ได้เพียงประดับความงาม หากแต่เหมือนเผยให้เห็นความลึกซึ้งในตัวตนที่ชวนให้ผู้คนหลงใหลราวกับเขาคือภาพวาดที่มีชีวิตอ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ลึกลับที่ใครก็มิอาจต้านทาน

    ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มสวมใส่หรือเตียงไม้ไผ่ที่เขาใช้หรือแม้แต่ชุดของลุงเทียนล้วนสะท้อนถึงสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของท่าเรือหลี่เยว่

    สถานที่แห่งนี้คือหนึ่งในเจ็ดประเทศบนทวีป <เทย์วัต> นั่นก็คือ <ท่าเรือหลี่เยว่>

    ชายหนุ่มและลุงเทียนกำลังอยู่ที่ชายหาดด้านนอกของเมืองหลี่เยว่ที่ซึ่งชีวิตดูจะดำเนินไปอย่างสงบสุข

    เมื่อลุงเทียนมองชายหนุ่มผู้นี้ที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ปนเป

    “คาสึโตะเจ้านี่นะ ฉันล่ะไม่เข้าใจเธอจริง ๆ ว่าทำไมวัน ๆ ถึงเอาแต่เดินเตร็ดเตร่หรือไม่ก็อาบแดดอยู่ริมทะเลทั้งที่พรสวรรค์ที่โดดเด่นของเธอได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับทวีปเทย์วัตแท้ ๆ แต่ทำไมถึงเอาแต่ขี้เกียดไม่ไปหาทำงานเหมือนคนหนุ่มสาวพวกนั้นดูล่ะ?”

    “แทนที่จะปล่อยให้พรสวรรค์อันมีค่าสูญเสียไปเปล่า ๆ ทำไมถึงไม่ลองไปเข้าร่วม <เจ็ดดารา> แล้วติดตามท่านเทียนเฉวียนแห่งเจ็ดดาราเพื่อสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ดูล่ะ?”

    “นั่นสิถึงจะเป็นเป้าหมายที่ควรค่าแก่ความทะเยอทะยานของคนหนุ่มสาวเช่นเธอ”

    คาสึโตะที่ได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ้มก่อนจะย้อนถามลุงเทียนกลับว่า

    “แล้วทำไมผมถึงต้องเข้าร่วมองค์กรทางการพวกนั้นด้วยล่ะ?”

    ลุงเทียนตอบอย่างครุ่นคิด

    “อืม...เพื่อชื่อเสียง? หรือเพื่อความมั่งคั่ง? หรือบางทีอาจเพื่อการแสวงหาความสุขทางจิตใจอย่างไรล่ะ!”

    “เมื่อเธอมีชื่อเสียงและความมั่งคั่ง เธอก็สามารถไล่ตามความใฝ่ฝันของตัวเองได้”

    “เมื่อเธอประสบความสำเร็จแล้วก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายเหมือนลุงอยู่ที่นี่ตกปลาและเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่เรียบง่าย”

    เมื่อได้ฟังดังนี้คาสึโตะก็หัวเราะเสียงดัง

    “ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นแหละคือสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เหรอ?”

    “ตอนนี้ผมก็กำลังมีความสุขในการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอยู่นี่ไงล่ะ”

    “ดูตรงนั้นสิลุงเทียนเหมือนกับชาวประมงพวกนั้นในวันที่อากาศดีเช่นนี้ พวกเขาออกเรือจับปลาเป้าหมายของพวกเขาคือการหาโมรามากขึ้นเพื่อที่จะซื้อเรือใหญ่ขึ้นและจ้างลูกเรือเพิ่ม”

    “สร้างกองเรือที่เป็นของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่งในที่สุด”

    เมื่อถึงจุดนั้นพวกเขาก็สามารถเกษียณได้อย่างสุขสบาย

    นอนเอกเขนกอาบแดดที่นี่ด้วยความสุข

    สำหรับคาสึโตะเขามาถึงจุดนั้นแล้ว

    “ผมไม่ได้ต้องการอำนาจความมั่งคั่งหรือชื่อเสียงใด ๆ เพราะในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาผมได้พบผู้คนมามากและยังมีผู้คนอีกมากมายที่จะต้องพบในภายหน้า ดังคำกล่าวที่ว่า สายน้ำนั้นไหลรินได้ง่ายแต่หินผาจะไม่ไหวติง”

    “ดังนั้น ผมถึงได้มานั่งพูดคุยกับคุณอยู่ที่นี่ยังไงล่ะครับ”

    ลุงเทียนแสดงสีหน้าขบขันปนไม่รู้จะโกรธหรือหัวเราะดี

    เจ้าหนุ่มคนนี่...

    บางครั้งผู้คนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่พวกเขาหลงไล่ตามเงินทองและอำนาจโดยไร้จุดหมาย

    แต่สำหรับคาสึโตะดูเหมือนเขาจะเข้าใจมันได้เร็วกว่าใคร

    เขาเป็นชายหนุ่มที่มีมุมมองในชีวิตที่ลึกซึ้งและชัดเจน

    แต่กระนั้นลุงเทียนก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้เพราะคาสึโตะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นขนาดนี้

    “เฮ้อ!”

    ลุงเทียนถอนหายใจ

    ในขณะนั้นเองก็มีเสียงผู้หญิงไพเราะและชัดเจนดังมาจากด้านหลัง

    “คาสึโตะ! ฉันอยากให้นายเข้ามาช่วยงานของฉัน!”

    เมื่อหันกลับไปมองตรงนั้นปรากฏเด็กสาวคนหนึ่งเป็นที่มีผิวขาวเนียนและมีดวงตาสีม่วงเข้มมีม่านตาเป็นวงรีคล้ายแมวและตาดำสี่แฉกเหมือนข้าวหลามตัดมีผมสีม่วงอ่อนผูกเป็นหางม้าสองข้างยาวถึงเอวผูกด้านบนของแต่ละหางม้าเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายกับหูแมวและมีเปียน้อย ๆ ข้างหน้าม้าและเด็กสาวคนนี้ยังสวมเสื้อตัวบนสีดอกลาเวนเดอร์มีปกเสื้อสีม่วงและกระโปรงสีม่วงเข้มดัดเป็นลอนมีเสื้อคลุมสีม่วงจัดคลุมเป็นตัวบนส่วนที่แหวกของเสื้อคลุมมีเครื่องประดับสีทองกลัดเอาไว้ร่วมกับดอกไม้สีขาวและขนนกสีทองลวดลายขนนกคล้ายคลึงกับที่อยู่บนแขนเสื้อยาวบนศรีษะมีปิ่นปักผมสีทองที่คอมีสายผูกคอพร้อมพู่มือสวมถุงมือม่วงเข้มแต่งขอบด้วยสีดอกลาเวนเดอร์

    เรียวขาที่ยาวสวยเป็นพิเศษที่ทีถุงน่องสีดำที่โอบรัดขาคู่งามนั้น ช่างดึงดูดสายตาอย่างมิอาจปฏิเสธได้

    เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอวี่เหิงแห่งเจ็ดดารา - เค่อฉิง!

    เธอจ้องมองคาสึโตะด้วยดวงตาที่งดงามและเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นแข็งกร้าวและมีความเด็ดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน

    “มาร่วมงานกับฉันเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสของหลี่เยว่กันเถอะ, มาพัฒนาบ้านเมืองด้วยกันไม่ดีเหรอ?”

    เค่อฉิงพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ทว่าคาสึโตะตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย

    “ไม่ล่ะ ฉันขอปฏิเสธ”

    “คุณย่าเคยพูดเอาไว้ว่าอย่าให้ความขยันบดบังความสุขในชีวิต เพราะบางครั้งการนอนเฉย ๆ ก็เป็นศิลปะที่คนทำงานไม่เข้าใจ!”

    คำพูดนั้นทำให้ทั้งลุงเทียนและเค่อฉิงตกตะลึงพวกเขาชะงักไปชั่วครู่

    เค่อฉิงจึงถามออกไปด้วยความสงสัยทันที

    “แต่คาสึโตะนายไม่ใช่เด็กกำพร้าหรอกเหรอ? (・_・?)”

    “คุณย่าที่นายพูดถึงคือใคร? (・・?)”

    คาสึโตะตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน

    “ไม่ใช่คุณย่าแท้ ๆ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”

    เค่อฉิงเริ่มรู้สึกไม่พอใจเธอสูดหายใจลึก

    “ฮึ! นายควรไปทำงานเพื่อพัฒนาหลี่เยว่นะ! ฉันเองก็พยายามอย่างเต็มที่ทุกวันเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกคน ( ̄ヘ ̄)”

    เมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองพูดเสียงดังเกินไปจนเกรงว่าอีกฝ่ายจะหนีเธอจึงค่อย ๆ ลดน้ำเสียงลงและเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

    “และอีกอย่างนะ การทำงานกับฉันมันไม่ดีหรือไง? คนหนุ่มสาวควรทำงานหนักนะ เพราะงานหนักจะช่วยพัฒนาความสามารถของตัวเองได้”

    “ดังสุภาษิตที่ว่า หากปล่อยให้มือว่างเว้นจากการฝึกฝนเป็นเวลานานฝีมือย่อมเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา”

    “การขยันทำงานคือการฝึกฝนตนเองให้เก่งขึ้นและ—”

    แต่ไม่ทันที่เธอจะพูดจบคาสึโตะยกนิ้วมือขึ้นอุดหูพร้อมทำท่าทีส่ายหัวและพูดด้วยท่าทีเหมือนเด็ก

    “อาาาา! ไม่ฟัง ไม่ฟัง ไม่สน ไม่สน ไม่อยากฟังคำบ่นล้างสมองของเค่อฉิงอีกแล้ว!”

    “ถึงต่อให้ตายยังไงฉันก็จะไม่มีวันทำงานล่วงเวลาเป็นอันขาดไม่มีทางเลยในชาตินี้!”

    “ก่อนหน้านี้ ฉันแค่เข้าไปช่วยงานเธอเพราะมันจำเป็นเฉย ๆ ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องการเข้าร่วมทีมของเธอสักหน่อย”

    “ฉันขอตัวก่อนนะ ลาก่อน”

    หลังจากพูดจบคาสึโตะเก็บเตียงไม้ไผ่และร่มกันแดดโยนเข้าวงเวทย์ที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศข้าง ๆ ชายหนุ่มก่อนจะก้าวเท้าออกไปทันใดนั้นเขาปรากฏตัวอยู่ไกลลิบและในอีกไม่กี่ก้าวเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทุกการกระทำนั้นช่างคล่องแคล่วและสมบูรณ์แบบ

    ลุงเทียนกับเค่อฉิงพวกเขาทั้งสองยืนนิ่งขณะที่ใบหน้าปรากฏสีหน้าไม่อยากเชื่อ

    “อ๊ากกก! ให้ตายสิ! คาสึโตะเจ้าบ้านี่มันทั้งดื้อและไม่ยอมฟังใครเลยจริง ๆ! (╬ಠ益ಠ)”

    เค่อฉิงตะโกนออกมาด้วยความโมโหเธอย่ำเท้าลงกับพื้นด้วยความหงุดหงิด

    นี่เธอเชิญชวนเขามากี่ครั้งแล้วเนี่ย?!

    ลุงเทียนเหลือบมองไปยังทิศทางที่คาสึโตะหายตัวไปก่อนจะหันมามองเค่อฉิงด้วยรอยยิ้ม

    “เค่อฉิงอย่าฝืนใจคนเลย ฉันเองก็พยายามเกลี้ยกล่อมเขามาหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังคงยืนกรานความคิดของตนเอง”

    “บางทีสิ่งที่เขาต้องการอาจจะเป็นเพียงชีวิตที่เรียบง่ายเท่านั้นเอง”

    แม้เค่อฉิงจะยังคงกัดฟันด้วยความขัดใจ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    ลุงเทียนสังเกตเห็นว่าเค่อฉิงยังคงโมโหอยู่เขาจึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ

    “แต่จะว่าไปแล้วเค่อฉิงมีข้อมูลเกี่ยวกับคาสึโตะอย่างละเอียดบ้างไหม? ฉันเองก็รู้สึกอยากรู้เกี่ยวกับตัวเขาเหมือนกัน”

    *หงึก*

    เค่อฉิงพยักหน้าก่อนจะหยิบเอกสารบางอย่างออกมาและยื่นให้กับเขา

    ในขณะที่เธอเองก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย

    “ลุงเทียน...เป็นไปได้ไหมคะว่าคาสึโตะเจ้าหมอนั่นจะล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของคุณ? ถ้าเขารู้ว่าคุณคือหนึ่งในเจ็ดดาราไม่ว่าคุณจะพูดอะไรกับเขาไปก็คงไม่มีผล”

    ลุงเทียนส่ายหน้าพลางหัวเราะเบา ๆ

    “...ฮ่าฮ่า เขาไม่น่าจะรู้นะ ฉันเจอเขาครั้งแรกตอนตกปลาพวกเราก็แค่เพื่อนตกปลากันเท่านั้นเอง”

    “อีกอย่างถึงเขาจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันก็คงไม่สนใจอยู่ดีนั่นแหละ”

    *หงึก*

    เค่อฉิงพยักหน้า “ก็จริง”

    ลุงเทียนเปิดดูเอกสารในมืออย่างตั้งใจเขาไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือบริหารอะไรแล้วในปัจจุบันจึงไม่ได้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับคนมากนัก

    นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เค่อฉิงช่วยรวบรวมข้อมูลมาให้

    สิ่งที่เค่อฉิงนำมาให้คือเอกสารจากเจ็ดดาราและมันทำให้เขาประหลาดใจ

    ใช่แล้วแท้จริงแล้วลุงเทียนเองก็เป็นหนึ่งในเจ็ดดวงดาวที่รู้จักในนาม - เทียนซู

    เขาเปิดเอกสารออกมาอ่านด้วยความอยากรู้

    “อืม...มาดูกันสิว่าในเอกสารนี้มีอะไรบ้าง”

    ‘นี่มัน!!!’

    【บัญชีรายชื่อผู้ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษของจากกรมการจัดการทั่วไป】

    ชื่อ : ยูกิมูระ คาสึโตะ

    ประเทศต้นกำเนิด : อินาสึมะ

    สิ่งที่ต้องระวังและให้ความสนใจเป็นพิเศษ : ปรมาจารย์ศิลปะป้องกันตัว、จอมเวทพเนจร、นักเล่นแร่แปรธาตุพเนจร、นักเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งแห่งหลี่เยว่、ศิษย์เก่าผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่นจากสถาบันสุเมรุ、อัจฉริยะในรอบ 200 ปี

    ประวัติย่อ : ยูกิมูระ คาสึโตะเกิดในหมู่บ้านแถบชนบทที่ยากจนที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆกับอินาสึมะ, เมื่อเขาอายุได้ 5 ขวบหมู่บ้านของเขาถูกโจมตีด้วยสัตว์ประหลาดที่มาพร้อมหมอกพิษ, พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตทั้งคู่และเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของหมู่บ้าน

    หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มต้นชีวิตที่ยากลำบากในฐานะเด็กเร่ร่อน

    ช่วงเวลาระหว่างอายุ 5 ถึง 7 ปีไม่สามารถค้นหาข้อมูลตรงส่วนนี้ได้

    เมื่ออายุ 7 ปียูกิมูระ คาสึโตะได้เดินทางมาถึงท่าเรือหลี่เยว่โดยไม่มีญาติพี่น้อง

    ภายหลัง เขาได้รับการอุปการะจากปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง <สำนักหลิงชาน> และได้กลายเป็นศิษย์เอกของ <สำนักหลิงชาน>

    ข้อมูลเกี่ยวกับสำนักสำนักหลิงชาน : สำนักหลิงชานมีศิษย์อีกหลายคน เช่น ศิษย์พี่สองไฉ่อี้และศิษย์พี่สามเหลียงและศิษย์น้องหญิงหลายคน

    แก่นแท้ของวรยุทธ์สำนักหลิงซานคือการไม่หลบหลีกการโจมตี หากแต่ใช้เทคนิคลมปราณพิเศษที่เรียกว่า <<กระจายพลัง>> เพื่อดึงพลังปราณรอบตัวมาใช้และสลายแรงโจมตีโดยไม่ต้องขยับกายศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเล่าลือว่าท่านอาจารย์สามารถใช้วิชาเคล็ดนี้เปลี่ยนเส้นทางหมัดของคู่ต่อสู้หรือแม้กระทั่งเบนทิศทางของก้อนหินที่ลอยมาได้

    หมายเหตุ : มีข่าวลือว่าท่านอาจารย์ของสำนักหลิงซานเรียกเก็บค่าเล่าเรียนสูงลิ่วและว่ากันว่าท่านได้ตั้งโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวอีกนับร้อยแห่ง แต่เมื่อมองดูสองศิษย์เอกอย่างไฉ่อี๋และเหลียงที่ฝึกฝนวิชานี้มาเนิ่นนาน ทว่ากลับไม่สามารถสำเร็จได้แม้แต่น้อย เรื่องนี้จึงเริ่มดูคล้ายกับกลอุบายหลอกลวงเสียมากกว่า!

    ทว่า สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงก็คือยูกิมูระ คาสึโตะสามารถร่ำเรียนรู้วิชา <<กระจายพลัง>> ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์และยังเหนือกว่าปรมาจารย์ของสำนักหลิงชานและยังได้พัฒนาวิชาใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย เช่น ก้าววายุ、หมัดเทพอัสนี、หมัดเจ็ดวิถีมาร、หมัดครุฑเหินหาว、กายาเหล็กและอื่น ๆ อีกมากมาย

    เขาได้รับการยอมรับให้กลายเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งผู้เชี่ยวชาญด้าน <<กระจายพลัง>> อย่างแท้จริงและได้รับสิทธิ์ในการเปิดสำนักเป็นของตัวเอง, เขาได้สร้างชื่อเสียงให้กับสำนักหลิงชานเป็นอย่างมาก

    แต่ในเวลานั้นแทนที่เขาจะเลือกเปิดสำนักใหม่เขากลับตัดสินใจเลือกที่จะเดินทางไปศึกษาต่อที่ <สถาบันสุเมรุ>

    หมายเหตุเพิ่มเติม : ในช่วงที่เขาอยู่กับสำนักหลิงชานเขาได้รับ <<วิชั่นธาตุหิน>>

    ประสบการณ์ชีวิตในสุเมรุ : ที่สถาบันสุเมรุยูกิมูระ คาสึโตะได้เข้าร่วมกับ <ภาควิชาทฤษฎีธาตุ> ที่เน้นศึกษาธรรมชาติของธาตุต่าง ๆ รวมถึงการเล่นแร่แปรธาตุและยังไม่หมดเพียงเท่านั้น

    เขายังได้ฝึกฝนและเชี่ยวชาญศาสตร์หลายแขนง ได้แก่ ธาตุวิทยา、ชีววิทยา、ดาราวิทยา、ตรรกวิทยาและอื่น ๆ

    นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงทักษะและพรสวรรค์ที่น่าทึ่งของเขา ซึ่งมันได้สร้างความตกตะลึงให้กับสถาบันเป็นอย่างมาก, ยูกิมูระ คาสึโตะสร้างผลงานที่ไม่ธรรมดาในการทดลองและการพัฒนาทฤษฎีต่าง ๆ ทำให้เขาเป็นที่จับตามองจากบรรดาอาจารย์และในที่สุดก็ดึงดูดความสนใจจากนักปราชญ์ระดับสูงของสุเมรุ

    ผลงานที่โดดเด่น : การสร้างทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับปฏิกิริยาองค์ประกอบธาตุ、การค้นพบในศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุ、การค้นพบแรงโน้มถ่วง、การค้นพบกฏฟิสิกส์

    ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะที่เทียบเคียงได้กับลิซ่าอดีตนักเรียนอัจฉริยะของสถาบัน

    หลังจากจบการศึกษาเขาเลือกกลับมายังหลี่เยว่แทนที่จะกลับไปประเทศบ้านเกิดอย่างอินาสึมะและได้รับการยอมรับให้เป็นปรมาจารย์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งแห่งหลี่เยว่นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

    【◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈◈】

    เมื่อลุงเทียนที่อ่านข้อมูลมาถึงจุดนี้ถึงกับสูดลมหายใจลึกและอุทานด้วยความประหลาดใจ

    “โอ้โห! พรสวรรค์ของเจ้าหนุ่มคนนี่มันไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ”

    To Be Continued…

    ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนถึงตอนนี้นะครับ! หากชอบตอนนี้ก็อย่าลืมกดหัวใจเป็นกำลังใจพร้อมแสดงความคิดเห็นเพื่อแชร์ความรู้สึกหรือคำแนะนำของคุณนักอ่านได้เลยนะครับและอย่าลืมกดติดตามเพื่อไม่พลาดตอนใหม่ ๆที่กำลังจะมาเร็ว ๆนี้(อาจจะ) ไรท์จะพยายามพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นเรื่อย ๆและพร้อมรับฟังทุกคำแนะนำเสมอครับ, ขอบคุณจากใจเลยครับ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×