คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง
เสียงของนกในยามเช้าพร้อมกับเสียงของผู้คนที่ดังมาจากนอกหน้าต่างห้องพร้อมอากาศเย็นของฤดูหนาวในอิตาลี ค่อยๆ ปลุกชายร่างสูงหุ่นดีมีกล้ามเล็กน้อย ขึ้นมาจากเตียงในสภาพที่งัวเงีย ชายคนนั้นบิดตัวเล็กน้อยก่อนจะลุกออกจากเตียงเดินผ่านโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารมากมาย
เมื่อมาถึงที่ห้องน้ำเขาก็ได้จัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง พร้อมมองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก ผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีฟ้า มีแผนเป็นที่อกซ้ายลากยาวไปถึงไหล่ ชื่อของเขาคือ อันจิโอโล เนสเตอร์ (Angiolo Nestor)
"เมื่อวานฉันหลับไปกี่โมงเนี่ย?"
เขาถามกับตนเองก่อนจะเดินออกมาพร้อมเช็ดหน้า หลังจากนั้นเขาก็มองดูกองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะของเขาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
"ให้ตายสิ...ทำไมกองทัพถึงอยากให้เจ้าไจโรคอบเตอร์ใช้บนเรือได้เนี่ย..."
เขาพูดขึ้นขณะหยิบเอกสารแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่านดู หลังจากนั้นก็หันมองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียงนอน
"0932..ให้ตายสิ.."
หลังจากนั้นเองเขาก็เดินไปหยิบชุดยูนิฟอร์มที่แขวนอยู่ตรงประตูมาใส่ มันเป็นชุดสีน้ำเงินแขนยาวที่มีแถบแสดงยศสีเหลืองติดอยู่ที่ปลายแขนเสื้อ กางเกงยาวสีน้ำเงิน พร้อมกับหมวกหม้อตาล และสุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาที่ต้องสวม เป็นสร้อยคอเหล็กรูปเสี้ยวพระจันทร์
"หนาวชะมัด..."
เขาบ่นก่อนจะปิดหน้าต่างและเก็บเอกสารทั้งหมดใส่ในกระเป๋าหนังสีดำของเขา หลังจากนั้นเองเขาก็ออกจากห้องไป
หลังจากเดินออกมาจากโรงแรมที่เขาพักอยู่ ก็ได้พบกับสภาพอากาศที่เย็นในระดับหนึ่งและหมอกลงเล็กน้อย ผู้คนตามท้องถนนล้วนแต่ใส่เสื้อผ้าที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น พร้อมกลิ่นของอาหารจากร้านอาหารหอมฟุ้งไปตามถนน มีรถขับผ่านไปมาเล็กน้อยส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุกไปยังท่าเรือ
"ก็ยังดีที่เนเปิลส์ไม่หิมะไม่ตกล่ะนะ"
เขาพูดกับตนเองก่อนจะเดินไปยังทางท่าเรือ ที่เขาตื่นมาด้วยความงัวเงียเพราะตอนนี้นั้นอยู่ในช่วงการฝึกซ้อมรบของทางกองทัพเรืออิตาลี และไหนจะงานเอกสารอีกไม่แปลกเลยที่ตัวเขาจะโยมประมาณหนึ่ง แต่ถึงอย่างงั้นเองงานก็คืองาน
เมื่อมาถึงที่ทางเข้าท่าเรือก็พบกับนายทหารชั้นสัญญาบัตรคนผมสั้นสีน้ำตาลเกาลัดคนหนึ่ง กำลังยืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ ทางเข้า เมื่อนายทหารคนนั้นเห็นอันจิโล(ต่อจากนี้จะเรียกอันจิโอโล ย่อเป็นอันจิโล)ก็ยิ้มให้เล็กน้อยพร้อมมองด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาล
"คิดว่าจะตกเรือเสียแล้วน่ะครับเนี่ย..."
"ถ้าเป็นถึงกัปตันแต่ตกเรือตัวเอง ฉันคงโดนเด้งไปนานแล้วหล่ะ"
อีกฝ่ายพูดขึ้นก่อนพร้อมหัวเราะเบาๆ อันจิโลก็ตอบกลับพร้อมถอนหายใจ ชายตรงหน้าของเขามีชื่อว่า ซาโลโม่ โอราซิโอ(Salomo Orazio) เขาเป็นรองกัปตัน(ต้นเรือ)ของอันจิโล
"รายงานสถานะเรือหน่อย"
"เชื้อเพลิงพร้อม ขวัญกำลังใจของลูกเรืออยู่ในระดับสูง กระสุนก็พึ่งเติมไป ดูเหมือนว่าวันนี้เบื้องบนให้ซ้อมด้วยกระสุนจริงด้วยครับ"
"รับทราบ"
ระหว่างทั้งสองเดินไปที่เรือ ซาโลโม่ก็ได้รายงานสถานะต่าง ๆ ให้อันจิโลทราบพร้อมพลิกกระดาษบนคลิปบอร์ดไปมา รอบๆ เขาก็เป็นเรือรบต่าง ๆ ที่จอดเทียบท่าอยู่ มีเหล่าทหารเรือและพวกนายทหารเต็มไปหมด กำหนดการออกเรือคือเที่ยงตรง เมื่อเดินมาได้สักพักก็มาถึงเรือที่อันจิโลประจำการ เธอจอดทอดสมออยู่กลางอ่าว
เธอคือเรือลาดตระเวนหนัก ฟิวเม (Fiume) อยู่ในชั้นZara-class มีระวางขับน้ำถึง 13,944 ตัน ความเร็วอยู่ที่ 33 นอต พร้อมปืนหลัก203 มม 8 กระบอก และปืนรองอีกหลายกระบอก เป็นเรือหนึ่งในเรือที่มีความเร็วและความคล่องตัวที่ดีเมื่อเทียบกับเรือลาดตระเวนหนักลำอื่น ๆ
“อ่าวนั่นจูเซปเป้นิ”
“Oi กัปตัน มาส่ะสายเชียว”
ก่อนที่อันจิโลกำลังจะลงเรือเล็กเพื่อไปขึ้นเรือก็พบกับทหารสัญญาบัตรอีกคนกำลังยืนมองเรืออยู่ที่ท่า เจ้าชายผมสีน้ำตาลแดงนี่มีชื่อว่า จูเซปเป้ เนสสโตร์(Giuseppe Nestore)เป็นต้นกล มีหน้าที่ควบคุมฝ่ายช่างกลเรือ ปกติก็จะไม่ค่อยเห็นหน้ากันเท่าไหร่ มักจะคุยผ่านอินเตอร์คอมมากกว่า ทั้งสองวันทยหัตถ์ให้ก่อนที่อันจิโล่จะเอยถาม
"แล้วรองต้นกลไปไหนแล้วล่ะ?"
"ไปเอาของนิดๆ หน่อยๆ เดี๋ยวก็มาแล้ว ไม่ตกเรือหรอก"
จูเซปเป้พูดก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพร้อมโยนให้กัปตันหนึ่งมวล อันจิโลก็รับมาก่อนจะหยิบไฟแช็กของตนเองขึ้นมาจึดบุหรี่เพื่อสูบเหมือนกัน ซาโลโม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ กัปตันก็ถอนหายใจ
"สูบบ่อยๆ เดี๋ยวก็ตายก่อนเกษียณหรอกครับ"
"นี่พยายามให้บอกให้เลิกหรือแช่งเนี่ย?"
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้ลงเรือเล็กเพื่อมุ่ง ระหว่างทางอันจิโลก็โยนบุหรี่ทิ้งด้วย พร้อมกับลมเย็นๆ ตีหน้าของเขา เมื่อมาถึงหลังจากขึ้นมาบนเรือก็ได้พบกับต้นปืนผมดำยืนรออยู่แล้ว เขามีชื่อว่า รูฟิโน อาร์คันเจโล(Rufino Arcangelo)
"กว่าจะมาน่ะครับกัปตัน"
"เออๆ รู้แล้วน่า"
ทั้งสองวันทยหัตถ์ให้กัน หลังจากนั้นอันจิโลก็เดินไปที่สะพานเรือเพื่อเตรียมตัวทำหน้าที่ของตนเอง ซาโลโม่ก็เดินตามมาติดๆ เมื่อมาถึงสะพานเรือก็พบต้นหน นายท้าย รวมถึงผู้ช่วยต่าง ๆ ด้วย
"ว่าไงกอตโต้ หวังว่านายคงไม่ไปเมาค้างที่ไหนมาน่ะ แล้วพวกต้นหนคนอื่นๆ ล่ะ"
"ไม่ครับกัปตัน คนอื่นๆ ประจำที่กันเรียบร้อยแล้วครับ"
กอตโต้ก็เป็นหนึ่งในต้นหนที่ดีแต่ติดอย่างเดียวที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลมากเกินไปหน่อย ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยทำเรือออกนอกทางเลยแม้แต่น้อย
"พวกนายทหารคนอื่นนอกจากนี้ น่าจะอยู่ประจำห้องตนเองแล้วมั้ง"
อันจิโลหันไปมองซาโลโม่ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบ ส่งสัญญาณว่าทุกคนอยู่ประจำที่แล้วขณะเดียวกัน สายตาของอันจิโลก็เหลือบไปเห็นจูเซปเป้กับรองต้นกลเขากำลังขึ้นมาบนเรือ
"เราออกไปกับใครบ้างครั้งนี้?"
อันจิโลหันหาวเล็กน้อย ก่อนจะถามกับต้นเรือ ซาโลโม่พลิกดูเอกสารนิดหน่อยก่อนจะตอบกลับ
"เรือพิฆาตชั้นSella-class Quintino SellaกับFrancesco Crispi เรือพิฆาตLeone-class Tigre เรือพิฆาตน้องใหม่Maestrale-class GrecaleกับMaestrale
หลังจากฟังอันจิโลก็ทำหน้าสงสัยเล็กน้อย
"ไม่มีเรือลาดตระเวนเบา?"
"ไม่มีครับ Alberico da Barbiano ที่รวมซ้อมกับเราครั้งที่แล้ว เธอเกิดไฟไหม้ขึ้นที่ห้องเครื่องยนต์เมื่อวานนี้ทำให้โดนสั่งจอดอยู่ในท่าครับ เราเลยได้Tigreมาแทนที่ครับ"
"ไฟไหม้อะไรอีกละนั่น…ให้ตายสิ.. ไม่เป็นไร.. ยังไงมันก็แค่การซ้อมรบล่ะนะ "
จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบโทรศัพท์อินเตอร์คอมพร้อมกับสับสวิทช์เพื่อเลือกห้องที่จะติดต่อ
“สะพานเรือถึงห้องสื่อสาร ขอคุยกับนายทหารสื่อสาร”
“รับทราบแล้ว…(เสียงกุกกัก)…กาวิโน่พูด มีอะไรครับกัปตัน”
“กาวิโน่ช่วยเช็กให้หน่อยว่าเรือที่ต้องออกไปพร้อมกับเรา พวกเธอพร้อมกันหรอยัง เดี๋ยวผมจะส่งคนไปส่งรายชื่อเรือที่ต้องติดต่อไปให้”
“รับทราบครับ”
หลังจากวางสายอันจิโลก็มองที่ราซิโอต้นเรือของตนเอง ซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจได้ทันที
“รับทราบครับ”
“เพิ่มAlberico da Barbianoไปด้วย บอกว่า ถึงกัปตันAlberico da Barbiano ทางเราขอแสดงความเสียใจที่ท่านไม่สามารถเข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้ได้ หวังว่าครั้งหน้าเราจะเห็นเธอกลับมาร่วมกับเราได้อีกในอนาคตอันเร็วนี้ จากกัปตันอันจิโล เนสเตอร์ เรือลาดตระเวนหนักFiume”
จากนั้นต้นเรือก็เริ่มเขียนรายชื่อเรือลงกระดาษและข้อความก่อนจะยื่นให้ลูกเรือไปส่งข้อความแทน
.
.
.
30นาทีถัดมา หลังจากตรวจสอยความพร้อมของเรือตนเองและเรือที่อยู่ขบวนเดินทางด้วยแล้ว ก็ได้มีการเปิดเสียงหวูดยาว 1ครั้ง ก่อนที่เรือลาดตระเวนหนักค่อยๆ ออกจากท่าไปสู่ท้อทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในสภาพอากาศนั้นยังไม่ค่อยดูเป็นใจเสียเท่าไหร่ ยังคงมีหมอกลง ทัศนวิสัยที่มองเห็นราวๆ 1กิโลเมตรพร้อมอุณหภูมิอากาศราวๆ 15 องศา
“บอกที่ว่าพยากรณ์อากาศมันจะดีขึ้นเร็วๆ นี้”
ถึงจะใส่ชุดสำหรับหน้าหนาวก็ตามทีแต่มันก็ยังคงหนาวอยู่ดีและเขาก็ไม่ชอบหมอกตอนเดินเรือเลยสักนิด
“เห็นพวกต้นหนบอกว่าจะดีขึ้นในช่วงเย็นๆ น่ะครับ”
“ขอพนั่นเลยว่าไม่ตรง”
นีโน่หนึ่งในนายท้ายกล่าว รูฟิโนหลังจากได้ยินก็ถอนหายใจก่อนจะพูด ทำให้นีโน่หันไปจ้องอีกฝ่ายเขม็ง
“ซาโลโม่ฝากดูสะพานเรือให้สักครู่หน่อย จะไปเช็กพวกต้นหนนะ”
“รับทราบครับ”
หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากสะพานเรือไป ไปยังจุดที่พวกต้นหนทำงานกันอยู่ซึ่งอยู่ข้างบนสะพานเรืออีกที
“ลีโอน ถ้าข้างนอกหนาวมาก ลงไปหาอะไรอุ่นๆ ที่ห้องอาหารมาดื่มก็ได้น่ะ มาฝากพวกต้นหนคนอื่นด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับกัปคัน มันหน้าที่พวกเรานิครับ ฮา ฮา”
อันจิโลเดินไปคุยต้นหนคนหนึ่งที่ยืนตรวจสอบสภาพอากาศอยู่ ส่วนคนข้างๆ ก็ดูเหมือนจะหาแบริ่งอยู่ ขณะเดียวกันที่สะพานเรือ นีโน่กับรูฟิโนกำลังจะกัดกันแล้วแต่ทำไม่ได้เพราะมีซาโลโม่ยืนคุมอยู่ เลยทำเสียงขู่ใส่กันแทน
“แง้วววววว”
“ฟ่อๆ ฟ่อๆ”
“เหอออออ~ เจ้าพวกนี้”
ซาโลโม่พูดเบาๆ พร้อมถอนหายใจ
“จะว่าไปนี่ก็ 1445 แล้วเนี่ย สภาพอากาศจะดีขึ้นจริงไหมน่ะ”
เขามองดูนาฬิกาข้อมือพร้อมหันไปดูหมอกข้างนอกเป็นระยะๆ
.
.
.
.
.
“หวังว่าคงเป็นวันเดินเรือปกติอีกวันน่ะ”
ความคิดเห็น