คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ลวนลามครั้งที่...1 มะไฟ
ลวนลามครั้งที่…1 มะไฟ
“อ้าว…เจอกันอีกแล้วนะน้องทุ่ง ยังหล่อเหมือนเดิมเลย” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเรียกผมมาจากที่ไกล ๆ
ในค่ำคืนนี้พวกผมพากันมาร่วมฉลองวันเกิดของเพื่อนพี่ชายผมที่ผับแห่งหนึ่ง และเธอที่เข้ามาทักทายก็คือ ‘มะไฟ’ เป็นเพื่อนในแก๊งอีกที
ผมชื่อทิวทุ่งครับ เกิดทีหลังพวกเขาแค่สามปีเอง ผมจึงมักจะได้ร่วมกลุ่มร่วมแก๊งกับเหล่าพี่ ๆ อยู่บ่อยครั้งเพราะสนิทกับพี่ชาย
“แหม…มาถึงก็แซวผู้ชายเลยนะ เบา ๆ หน่อยน้องกูกูหวง” ไอ้ทิว หรือทิวเขาเป็นพี่ชายของผมเอ่ยแซวเธอที่พอมาถึงก็ดิ่งเข้ามาหาผม
มือไม้ไม่อยู่สุขข้างหนึ่งเกาะแขนอีกข้างแปะไปที่หน้าอกผม ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้หากเป็นแต่ก่อนผมคงเอียงตัวหลบ แต่ตอนนี้ผมยืดอกใส่อย่างเดียว
ก็คนมันมั่นในกล้ามอกอะครับ
“อย่ามา ๆ น้องแกไม่ใช่สิ่งของสักหน่อย ใช่ไหมคะน้องทุ่ง อุ๊ย! อกแน่นขึ้นปะเนี่ย ไหนดูซิขอบีบหน่อย” ประโยคแรกหันไปเถียงทิวเขา แต่ประโยคหลังหันมาพูดกับผม แก้มของเธอก็แนบชิดกับไหล่ พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นช่องสองที่สามต่างจากที่พูดกับทิวเขา
ก็เป็นซะอย่างงี้ ผมถึงได้ชอบเธอจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เคยรู้เลยก็ตาม
“ให้มันน้อย ๆ หน่อย ไอ้ทุ่งมันยังเด็ก ทำตัวเป็นควายกินหญ้าอ่อนไปได้”
“ควายบ้านแกสิ เขามีแต่วัวย่ะ”
“ก็แกไงเป็นควาย”
“ว๊าย…หยาบคายมากตบปากตัวเองเท่าพ.ศ.เกิดเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองทุ่มเถียงกันอย่างเมามัน ไม่ใช่ทะเลาะกันหรอก นี่คือเรื่องปกติ เธอกับไอ้ทิวชอบเถียงกันแบบนี้เป็นประจำ
ผมก็ชอบ….ชอบฟังเสียงเธอ ไอ้การแว๊ด ๆ ทำตัวยุกยิกเหมือนจะเข้าไปตบให้ได้มันน่ารักจนใจเจ็บ ดูสิขนาดผมแอบกอดเอวเธอไว้ยังไม่รู้ตัวเลย
“เชอะ! ฉันไม่คุยกับแกแล้วไปหายัยแป้งดีกว่า” เมื่อเถียงไม่สู้เธอก็สะบัดก้นไปที่อื่นทันที
ผมยิ้มไล่หลังเธอไป มองร่างอรชรอ้อนแอ้นไปยืนเมาท์มอยกับเพื่อนคนอื่นต่อ ผิวขาวผ่องหยอกล้อกับแสงไฟมันสะดุดตา ไหนจะเรือนร่างสมส่วนภายใต้ชุดที่บางและน้อยชิ้นนั่นอีก
หัวใจผมคันยุบยิบอยากจะถอดเสื้อตัวเองไปคลุมไว้ แต่ถ้าหากผมทำอย่างนั้นคนอื่นก็จะรู้ว่าผมคิดไม่ซื่อกับเธอ
“มองขนาดนั้นชอบมันรึไง” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อไอ้ทิวมันมากระซิบที่ข้างหู ตกใจหมดเลยไอ้พี่บ้าเอ๊ย
ละ…แล้วชอบเชิบอะไรวะ พูดจามั่วซั่ว นี่ผมแสดงออกชัดจนมันรู้เลยเหรอเนี่ย
“ปะ..เปล่า ก็เห็นวันนี้แต่งตัวสวยดี ปกติเห็นแต่ใส่เดรส” ผมปฏิเสธลิ้นพันกันไปหมด เฉไฉไปเรื่องอื่น
“ไม่ชอบแต่จำได้ยันชุดที่ใส่ ไม่ชอบแบบใด?”
“จำได้ไม่ได้แปลว่าชอบปะวะ” แล้วมันจะไล่ต้อนผมทำไมวะ
ผมเริ่มนั่งไม่ติดที่รู้สึกเหมือนหลังมันร้อน ๆ หันไปสบตาไอ้ทิวทีไรก็เจอแต่สายตาล้อเลียน เหมือนจะบอกว่า ‘อย่ามาตอแหล’ แปะหน้ามันไว้เลย
“คิดดีแล้วเหรอไปชอบมันน่ะ ดูกะล่อนขนาดนั้น”
“ก็บอกว่าไม่ได้ชอบไง” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง
“กูเป็นพี่มึงมานานเท่าอายุมึง รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมึง คิดว่าเรื่องแค่นี้กูจะไม่รู้รึไง แล้วนี่อีก เวลาโกหกทีไรชอบเกามือตัวเอง” มันว่ามาเป็นชุด ชี้ไปที่มือผมที่กำลังถูกันอยู่ตามที่มันพูด มันเป็นพฤติกรรมที่ผมทำโดยไม่รู้ตัวเมื่อโกหก
“กูแค่คัน” ผมยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ เรื่องอะไรจะยอมรับล่ะ ตามสเต็ปผมต้องเฉไฉก่อนค่อยยอมรับสิ นี่ยังหาทางหนีได้อีกนะเนี่ย
“แอบกอดเอวเขาตั้งนานสองนานขนานนั้น คนไม่ชอบเขาทำแบบนี้เหรอ ไหนจะยอมให้เขาจับนั่นจับนี่แตะเนื้อต้องตัวตามใจชอบ แล้วสายตามึงละจากมะไฟซะที่ไหน ถ้าจะยังบอกว่าไม่ชอบก็ไปอมขี้มาพ่นใส่หน้ากูซะ”
เหมือนโดนมันเอาเชือกมามัดแล้วต่อยใส่จุดสำคัญโดยที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยสักอย่าง
“เออ…ชอบ” ผมยอมรับในที่สุด หมดมุกจะแถแล้วครับ เหลือแค่แกล้งบ้าแล้วแหละ
“กูว่าแล้ว” มันตบเข่าฉาด
“ว่าตอนไหน” ถ้าว่าผมต้องได้ยินสิ
“กูคิดไว้แล้ว”
เออ คิดก็บอกคิดสิ มาบอกว่าล้งว่าแล้วอะไร ไม่เห็นจะเคยได้ยินอะไร
“แล้วนี่ชอบมากเลยเหรอ” พอโดนผมกวนตีนมันก็ทำหน้าเหมือนกับว่ากำลังด่าพ่อล้อแม่ผมในใจก็เข้าสู่หมวดคำถามจริงจัง นี่มันเป็นไบโพล่าหรือเปล่า เปลี่ยนอารมณ์ไวขนาดนี้
“ไม่รู้ ชอบพอ ๆ กับข้าวมันไก่มั้ง”
“นั่นมันก็ชอบที่สุดแล้วปะ”
เออใช่ ชอบมาก ๆ ชอบพอ ๆ กับข้าวมันไก่ที่กูอยากจะกินทุกวันนั่นแหละ
“แล้วคนนี้มึงว่าไง” ผมถามมัน ผมว่าทิวเขาคงจะรู้จักกับมะไฟมากกว่าผม
“ก็ตามที่มึงเห็น อัธยาศัยดี ใส่ใจคนรอบข้างไปหมด แต่ข้อเสียอย่างเดียวคือแอ๊วผู้ชาย อาจเพราะโสดด้วยมั้งเลยทำแบบนั้นได้” ทิวเขายกเหล้าขึ้นมาจิบไปพลางเล่าไป น้ำเสียงไม่ยี่หระคร้านจะบอกว่าการที่เธอแซวผมหรือเข้าหาผมนั้น เธอก็ทำกับคนอื่นเช่นกัน
ผมมองไปยังเธอที่ยกแก้วชนกับคนอื่นไปมาหน้าเวทีพร้อมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ในขณะที่โต๊ะนี้มีแค่ทิวเขากับผม
ผมกับพี่ชายเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือไม่ชอบการเบียดเสียดกับผู้คน มักจะหลีกเลี่ยงการสัมผัสด้วยซ้ำ หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่าถือตัว
แต่มันจะมีข้อยกเว้นอยู่คนหนึ่ง นั่นก็คือเธอคนนั้น มะไฟ…คนที่ผมชอบ
เธอนั้นอัธยาศัยดี อารมณ์ดีอยู่เสมอ เวลาพบเธอผมมักจะรู้สึกว่ามีแสงเปล่งประกายออกมา รอยยิ้มที่เจิดจ้า น้ำเสียงติดแหลมไปบ้างแต่ก็ยังน่าฟัง มือไม้อยู่ไม่สุข มักจะเกาะแขน กอดคอ หรือไม่ก็จับมือกับคนอื่น ๆ หรือเรียกตรง ๆ ว่าติดสกินชิพ
ตรงข้ามกับคนอย่างผมที่หวงเนื้อหวงตัว ไม่สนิทจริง ๆ ผมไม่ให้สัมผัส
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อพบเธอ…
เมื่อก่อนนี้ผมเป็นคนเก็บตัวมากกว่านี้ อาจเพราะผมเป็นเด็กขี้โรค ป่วยบ่อยทำให้โตช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ เพื่อน ๆ ก็ชอบเล่นแรงผมสู้ไม่ไหวเลยเลือกที่จะตีตัวออกหากจากเพื่อนที่แก่นเซี้ยว
และไปขลุกตัวอยู่กับพวกเนิร์ด ทำให้ผมกลายเป็นเด็กเนิร์ดและเข้าสังคมไม่เก่ง
วันหนึ่งเธอก็เข้ามา ในนามเพื่อนของทิวเขา เธอมักจะมาชวนคุยและชมผมว่าหน้าตาดีบ้าง ชอบมาแต๊ะอั๋งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตอนแรก ๆ ผมก็ไม่ชอบใจนัก
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รู้อะไรบ้างเลย ยังคงเย้าหยอกผมด้วยการจิ้มแก้มบ้าง กอดแขนบ้าง เธอก็คอยบอกผมว่าให้ออกกำลังลายสร้างกล้ามเนื้อเพื่อจะได้ดูหล่อมากกว่านี้
แล้วคิดว่าผมจะทำตามไหม….ใช่ครับผมทำตาม แล้วไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามหากเราได้พบกันเธอจะคอยตรวจร่างกายผมอยู่เสมอ
จวบจนถึงตอนนี้รูปร่างผมก็ดูหนาขึ้น ส่วนสูงขึ้นเร็วเพราะผมโหนบาร์บ่อย ผมมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
ส่วนมากก็เพราะเธอที่คอยเป็นกำลังใจและบอกวิธีเหล่านี้ จนผมนั้นอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเข้าอยู่ในหัวใจผม เป็นผมที่ยอมให้เธอสัมผัสร่างกายเพื่อเช็กความเปลี่ยนแปลง
“ถ้าจะชอบก็ทำใจไว้บ้างก็แล้วกัน” ทิวเขาตบไหล่ผมเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
“กูไม่ได้จะจีบสักหน่อย”
“เหอะ…ระดับมะไฟถ้าชอบใครไม่นั่งรอเขามาจีบหรอก มันบุกเองอยู่แล้ว ส่วนมึงถ้ามัวแต่ปอดแหกก็แดกแห้วไปแล้วกัน” ทิ้งวาจาสุนัขไม่รับประทานเสร็จแล้วมันก็ลุกออกไปร่วมกับเพื่อน ๆ ที่หน้าเวที
ผมถอนหายใจอย่างคิดหนัก ผมกับเธอนิสัยต่างกันสุดขั้ว ขณะที่เธอเป็นดั่งแสงสว่างราวกับดวงตะวัน แต่ผมกลับมีแสงริบหรี่ไม่ต่างจากหิ่งห้อยตัวน้อย
ผมเท้าคางมองเธอที่กำลังเมาม่วนจอยกับเพื่อน ๆ มีแว็บหนึ่งที่หันมาเจอผม พร้อมกับยิ้มกว้างยกแก้วเหล้าในมือขึ้นเป็นการบอกว่าจะชนกับผม ผมยกกลับไปบ้าง นี่คงเป็นการชนแก้วระยะไกล
ไอ้น้ำสีอำพันรสขมปร่านี่มันช่างไม่อร่อยเอาซะเลย พอมันไหลลงคอก็ทิ้งความร้อนผ่าวเอาไว้ ไม่นานก็รู้สึกมึน ๆ นี่สินะความเมา
“น้องทุ่งเมาแล้วเหรอคะ มามะมาเต้นกัน” มือบางฉุดผมให้ลุกเดินออกไป
“แก้มแดงน่ารักจัง”
เธอพูดเจื้อยแจ้วเช่นเดิม จับไหล่ผมให้โยกไปมาตามจังหวะเพลง และชวนคุยอีกมากมาย ผมตอบแค่ว่าครับอย่างเดียว
ในตอนนี้นอกจากคนตรงหน้าผมก็ไม่เห็นอะไรอีกแล้ว มืออุ่นที่คลำสะเปะสะปะตามตัวมันสร้างความร้อนผ่าวไปตามจุดที่เธอสัมผัสผ่าน
หัวใจผมเต้นรัว กลิ่นน้ำหอมที่โชยออกมาจากตัวเธอมันช่างดึงดูด ผมก้มลงไปสูดกลิ่นอย่างแรงตรงซอกคอเธอ
“น้องทุ่งเมาหนักเลยเหรอคะ ไหวไหมลมหายใจร้อนจัง” เธอดูร้อนรนไปหมด คงคิดว่าผมซุกคอเพราะไม่มีแรงยืนสินะ
“อือ” ผมครางอู้อี้ในคอเป็นคำตอบ เธอกอดผมไว้แน่นจนกระทั่งมีแรงกระชากตัวผมจากด้านหลัง
“ไหวไหมมึง” เป็นไอ้ทิวครับ มันมาดึงผมออกไปจากอ้อมกอดของพี่มะไฟ
ผมเบนสายตาไปด่ามัน และแน่นอนว่ามันก็รู้ตัว ได้แต่ทำหน้ากลั้นขำอยู่อย่างนั้น สันขวานเถอะไอ้พี่ตัวซวย คนกำลังฟินเลย
นู้น มะไฟไปนู้นแล้วทิ้งผมให้ยืนแกร่วอยู่กับไอ้ทิวเขา อยากจะกระทืบมันจริง ๆ ช่างไม่รู้งาน มาห่วงว่าผมจะเมาอะไรตอนนี้
“โทษทีมึง ก็มะไฟมันกวักมือเรียกจะให้กูทำไง ตัวมึงยังกับควายแล้วไปพิงแบบนั้นอีก กูเห็นแล้วเวทนาว่ะ” มันตอบพลางขำออกมา
“เออ เมานิดหน่อยแต่ไหวอยู่” ถึงผมจะไม่เคยเมาแต่ก็พอจะรู้ตัวว่ายังไหวอยู่ และผมจะเลิกกินแล้วแหละกลัวว่าเมาแล้วจะเรื้อนเหมือนหมาอย่างไอ้ทิว
…
นี่ก็ผ่านไปเดือนกว่า ๆ แล้วที่ไม่ได้เจอกับคนในดวงใจ ผมแทบจะถามไอ้ทิวทุกวันว่าเธอทำอะไร อยู่ไหน กับใคร และมันก็ตอบผมตลอดว่าให้ไปถามเอง
คิดถึงจัง อยากเจอแล้วอะ อุตส่าห์ปั้นกล้ามหน้าอกมาให้จับเลยนะ ทำไมไม่แวะมาจับสักที
“มึงจะไปไหน” ผมถามทิวเขาที่กำลังจะออกจากบ้านไป วันเสาร์แบบนี้ไม่มีเรียนนี่นา แล้วยิ่งตื่นเช้าขนาดนี้มันผิดวิสัยของมัน
“ไปทำรายงานบ้านแป้ง” เพื่อนในกลุ่มมันแหละ
“พี่ไฟไปด้วยไหม” มันมองค้อนผมมา แถมยังเบะปากใส่อีก
“ไป ก็ทำด้วยกัน”
“ขอไปด้วยดิ”
“ไปทำไมกูไม่ได้ไปเที่ยวนะ เกะกะคนอื่นเขา” ดูมันพูดเข้า ผมไม่ใช่เด็กเลี้ยงยากสักหน่อย กะอีแค่ไปนั่งดูพี่ ๆ ทำรายงานมันจะรบกวนแค่ไหนกันเชียว
“กูไม่รบกวนหรอกน่า จะไปช่วยด้วย” ผมเสนอตัวเองซะเลย ไหนดูซิจะกล้าพลาดข้อเสนอของเด็กเรียนอย่างผมได้ไหม
“เออไปก็ไป กูจะใช้งานจนมึงไม่ว่างไปจ้องสาวเลยคอยดู”
เหอะ จ้องบ้าจ้องบออะไร ใครมันจะไปจ้องขนาดนั้น ผมแค่อยากจะเจอหน้านิด ๆ หน่อย ๆ ให้หายคิดถึง ขอแค่ได้ยินเสียงเธอก็พอใจแล้ว คงพอได้บรรเทาความคิดถึงที่มันจุกในอก
-----------------------------------------------
สวัสดีค่ะนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน มาพบกับนิยายเรื่องที่สามของเพียงนะคะ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสั้น5ตอนจบเท่านั้นค่ะ
เพียงจะลงให้ทดลองอ่าน1ตอน ทุกท่านสามารถอ่านต่อได้ในอีบุ๊คนะคะ
ฝากนิยายเรื่องใหม่ของเพียงไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
ความคิดเห็น