คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue
─── ・ 。゚☆: *.☽ .* :☆゚. ───
Prologue
─── ・ 。゚☆: *.☽ .* :☆゚. ───
Chanseul Part.
ชานซึล ชื่อภาษาเกาหลีที่มีความหมายว่า ผู้ล้ำค่าจากฟากฟ้า
แม่ของผมเป็นคนตั้งชื่อนี้เอาไว้ ในช่วงเวลาที่ผมนั้นยังคงหลับไหลภายใต้ความอบอุ่นของเธอ เพื่อรอเวลาลืมตาออกมาดูโลก เปรียบเสมือนสิ่งล้ำค่าที่ผู้ปกครองทั้งสองตั้งใจถนอมอย่างหวงแหน และสร้างผมขึ้นมาด้วยความรัก แม้เธอจะเป็นคนอังกฤษโดยแท้ แต่การแต่งงานเข้าบ้านสามีและลัดฟ้ามาห่างไกลจากบ้านเกิด เธอก็ควรที่จะเรียนรู้ภาษาของประเทศนี้
พ่อของผมนั้นปราถานาที่จะมีลูกชายคนเล็กอีกสักคนหนึ่ง เขาอยากให้ใบหน้าของผมละม้ายคล้ายกับแม่ อยากให้ผมมีทั้งความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว และความอ่อนโยนที่คอยโอบกอดครอบครัวเอาไว้
และพ่อก็ได้สิ่งนั้น ผมเกิดขึ้นมาพร้อมกับเส้นผมสีทองคำขาวและดวงตาสีซัฟไฟร์ที่เหมือนกับผู้เป็นแม่ มีใบหน้าที่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่ารักน่าชังตั้งแต่ยังเป็นทารก กระนั้นในวินาทีที่น่ายินดีกลับกลายเป็นความโศกเศร้าในเวลาต่อมา
ผมเกิดมามีรูปลักษณ์ย่างที่พ่อปราถนา แต่แลกกับการที่เขานั้นต้องสูญเสียภรรยาที่รักไปตลอดกาล
" ชื่อที่เธอตั้งให้มีค่าเกินไปสำหรับคนอย่างแกจริง ๆ "
ผมเกลียดชื่อของตัวเอง
เพราะแม้มันจะมีความหมายที่ล้ำค่าขนาดไหน แต่ผมนั้นกลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่าที่สุดในตระกูลนี้
แม้จะมีรูปลักษณ์เหมือนผู้เป็นแม่ตามความต้องการของพ่อเพียงใด แต่ผมกลับมีร่างกายที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก มักจะเป็นลมล้มพับบ่อย ๆ จนเข้า - ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น และยิ่งนานวันเข้าร่างกายที่อ่อนแอก็ย่ำแย่เมื่อย่างเข้าสู่วัย 20 ปี
ผมมีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะมันยังไม่มีวิธีรักษาโรคหายากนี้ ชีวิตหลังจากนั้นผมก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล
การหายใจที่ไม่สามารถสูดลมเข้าไปให้เต็มปอดได้ และร่างกายที่ลำบากต่อการเดินเหินเหมือนอย่างคนทั่วไป มักจะไอเป็นเลือดจนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บ่อยครั้งและมีสภาพราวกับคนใกล้ตายใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ
เดือนนึงนั้นนับครั้งได้ที่พ่อของผมจะมาแวะมาเยี่ยมเยียนที่โรงพยาบาล เมื่อใดที่ท่านเห็นสภาพป่วยติดเตียงของผม สายตาของผู้เป็นพ่อก็มักจะแสดงออกว่ารังเกียจและโกรธแค้น—ไม่สิ
ถ้าจะพูดให้ถูก พ่อมักจะทำสายตารังเกียจและโกรธแค้นตลอดเมื่อเจอหน้าผมต่างหาก
" เธอสละชีวิตให้ขยะอย่างแกเกิดมาแท้ ๆ แต่แกกลับไม่ได้เรื่องแถมยังจะมาใกล้ตายอีก "
พ่อเชิดหน้าขึ้นมองเหยียดผมที่นอนอยู่บนเตียงและด่าทอเหมือนอย่างเคย ต่อให้มันจะเป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อยแต่ไหนแต่ผมก็ไม่สามารถอดกลั้นความเสียใจเอาไว้ได้อยู่ดี
อาจเพราะร่างกายที่อ่อนแอและการถุกเลี้ยงดูมาอย่างขาดหายความรักจากผู้ปกครอง ผมก็ยังมีจิตใจที่บอบบาง ความขี้ขลาดและความกลัว มันยิ่งเป็นชนวนควาามเกลียดชังต่อผม เพราะนอกจากหน้าตาที่เหมือนแม่แล้วนิสัยหรือความกล้าหาญก็ไม่ได้มีแม้แต่นิดเดียว
" เธอต้องตายเพราะแกแท้ ๆ "
น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความโกรธกริ้วและโทษความผิดให้ผมเป็นคนคร่าชีวิตของแม่ ดวงตาดุคมที่มองเหยียดหยามการมีชีวิตอยู่ของผม รวมไปถึงคำพูดสุดท้ายก่อนที่พ่อจะเดินจากไปมันทำให้ผมภายในอกแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ
" ขยะแบบแกนี่มันไม่น่าเกิดมาแต่แรกเลย "
มันคือคำพูดที่บาดลึกเข้าไปในหัวใจของผม และเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอพ่อ
ผ่านไปเพียงแค่สี่เดือนเมื่อได้เข้ามารักษาในโรงพยาบาล ผมก็ได้เสียชีวิตเพราะโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา ไร้ซึ่งวี่แววของครอบครัวข้างกายในตอนที่หมดลมหายใจ
ก่อนที่ผมจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ตายไปแล้ว
ลืมตาขึ้นมาตอนที่อายุ 8 ขวบ และยังไม่ได้มีอาการของโรคร้ายแรง
ความดีใจและนึกว่ามันคือฝันร้ายทำให้ผมที่ยังเป็นเด็กอายุ 8 ขวบ รีบวิ่งไปหาพ่อพร้อมกลับน้ำตาที่เปื้อนบนใบหน้า ทันอาจจะเป็นฝันร้ายที่เกิดขึ้นมาในช่วงที่นอนกลางวันก็ได้—ผมคิดแบบนั้น
ก่อนที่จะถูกด่าทอและไล่เหมือนกับสัตว์ออกจากห้องรับแขก
ชีวิตครั้งที่ 2 นั้นผมได้ปรับปรุงนิสัยที่ขี้ขลาดใก้กล้าที่จะลองทุ่มเทให้แก่การศึกษาเล่าเรียนจนมีคะแนนที่ดีล้ำหน้าพี่สาวและพี่ชายไปไกลโข ผมหวังว่ามันจะทำให้พ่อมอบความรักแก่ผม ผู้ซึ่งมีความเฉลียวฉลาดบ้าง
แต่มันก็แค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของเด็กที่ขาดความรักความอบอุ่นจากพ่อเท่านั้น
และชีวิตครั้งที่สองก็ไม่ได้ต่างจากครั้งแรกเสียเท่าไหร่ ผมตายในโรงพยาบาลโดยไม่มีครอบครัวอยู่เคียงข้างเหมือนเช่นเคย
นั่น...เป็นตอนที่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน เมื่อได้ย้อนกลับมาอายุ 8 ขวบ เป็นครั้งที่ 3
ชีวิตครั้งที่ 3 ไม่ได้ต่างจากครั้งก่อน นอกจากทุ่มเทให้การเรียนแล้ว ผมยังเข้าเรียนศิลปะและดนตรีเพื่อการยอมรับจากพ่อเหมือนอย่างเคย ต่อให้ถูกด่าทอหรือเหยียดหยามมากแค่ไหน ผมก็จะเอามันมาเป็นแรงผลักดันเสมอ
อย่างน้อยในชีวิตครั้งนี้ผมก็ตายโดยมีครอบครัวอยู่เคียงข้าง ผมหมายถึงทีพี่ชายกบพี่สาวที่มานั่งเฝ้าส่งผมให้หลับไหล และใช่ ...
มันยังคงไร้วี่แววของพ่อ
ในชีวิตครั้งที่ 4 กว่าจะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะรองขอหรือพยายามที่จะได้ความรักจากพ่อ ผมใช้เวลาสิ้นเปลืองไป 4 ครั้ง
ในตอนแรกผมทุ่มเททุกอย่างที่เคยผ่านมาในชีวิตครั้งก่อน และตั้งใจเรียนเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัว ผมหาเงินเข้าตระกูลได้มากมายจนใคร ๆ ก็นับถือ
จนกระทั่งได้ยินคำพูดเหยียดหยามความพยายามของผมออกมาจากปากของพี่ชายและพี่สาว ความสนิทสนมที่ได้มาตลอดนั้นมันก็แค่สิ่งจอมปลอม พวกเขาจะหลอกใช้งานผมจนกว่าผมจะตาย และพ่อของผมที่สามารถหาหมอมารักษายืดเวลาชีวิตของผมได้ แต่ท่านกลับไม่ทำ
ความเกลียดชังของเขาที่มีต่อผมมันมากเกินจนไม่คิดจะแยแสเลยสักนิดว่าผมจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
มันทำให้ผมลืมคำพูดของพ่อจากชีวิตครั้งแรกที่ร้ายกาจและทำร้ายจิตใจไปเสียสนิท จนมันรู้สึกเคว้งคว้างไร้จุดหมายในการมีชีวิตต่อไป
ชีวิตครั้งที่ 4 หวนคืนสู่โรงพยาบาลและความหนาวเหน็บในจิตใจไม่ต่างจากชีวิตแรก การตัดสินใจที่จะดับชีวิตของตัวเองเป็นสิ่งที่ผมจะทำมันก่อนโรคร้ายมาคร่าชีวิต
วัน ๆ นึงผมอยู่แต่กับหน้าจอสมาร์ทโฟนที่แตกละเอียด ฉายรายการวาไรตี้ต่าง ๆ ของพวกหนุ่มสาวมากความฝัน และเปิดเพลงที่นานครั้งจะคิดฟังสักทีเป็นการแก้เบื่อไปในแต่ลวัน
มันช่างดูไร้ชีวิตชีวาเสียเหลือเกิน
ดาดฟ้าโรงพยาบาลสูงมากกว่าสิบชั้น สายลมในฤดูใบไม้ผลิพัดโชยมาบาดผิวที่แห้งกร้าน ผ่านเศษซากของหัวใจที่แตกสลายจนกลายเป็นผุยผง ก่อนที่ผมจะก้าวขึ้นไปยืนบนราวกั้นดาดฟ้า
ไม่อยากย้อนกลับไปอีกแล้ว
นั่นคือสิ่งที่ผมคิดก่อนจะทิ้งตัวลงไปข้างหน้า
หมับ !
" มันอันตรายนะครับ "
เส้นผมสีชมพูคล้ายสายไหมและน้ำเสียงตื่นตกใจฉุดรั้งให้สติของผมกลับมา ความอบอุ่นจากฝ่ามือหยาบกร้านที่คว้าแขนของผมเอาไว้ ทำให้ร่างไร้เรี่ยวแรงของผมรีบหันกลับไปมองผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย
ผมตะลึงค้างกลางอากาศเมื่อหันไปเจอเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเจิดจ้า ในช่วงเวลานี้ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเขา
ดีจี คังดากยอม ดาราชื่อดังเข้ามาห้ามไม่ให้เขาฆ่าตัวตาย
วินาทีนั้น
แม้มันจะเป็นการหยิบยื่นความช่วยเหลือที่ผมไม่ได้ต้องการเลยสักนิด กระนั้นมันกลับเป็นชนวนทำให้ผมรู้ว่าถ้าหากย้อนเวลากลับมาครั้งที่ 5 ผมจะทำอะไรในชีวิตนั้น
.
.
" กลับมาอีกแล้ว "
หลังจากที่ถูกช่วยเหลือจากดาราขวัญใจประชาชน ผมก็ถูกตำหนิเกี่ยวกับความปลอดภายไปยกใหญ่ เขาคนนั้นจากไปพร้อมบอกให้ผมใช้ชีวิตที่ไม่เคยได้ใช้ ดีกว่ามาจบด้วยการกระโดดตึกแบบนี้
ถึงแม้ผ่านไปเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ผมจะเสียชีวิตก็ตาม แต่ภายในช่วงเวลานั้นผมได้เปิดเพลงของเขาเพื่อปลอบประโลมความว่างเปล่าในจิตใจ ราวกับพลสิ่งที่เขาต้องการมาโดยตลอดผ่านบทเพลงแสนไพเราะนั้น
" ดีล่ะ "
ผมกำหมัดก่อนจะชูมันขึ้นเต็มความยาวของแขน ละทิ้งชีวิตแสนอดสูเอาไว้ และเดินหน้าทำสิ่งที่อยากทำในชีวิตครั้งที่ 5 นี้ให้เต็มที่
ผมจะเป็นติ่งไอดอล
แม้มันจะดูเป็นความคิดตื้นเขิน แต่เขาก็ไม่อยากจะทุ่มเทให้กับสิ่งที่ไม่เคยได้รับการตอบแทนจากใจจริงในอดีตอีกแล้ว
" ครั้งนี้...ฉันจะผลาญเงินในบ้านให้ล้มละลายไปเลย "
#ชีวิตติ่งเดนตายของคุณชายขี้โรค
** พระเอกไม่ใช่ดีจีค่ะ ดีจีไม่ได้คู่กับน้องค่ะ บอกไว้ก่อน แค่เป็นชนวนในการติ่งเฉย ๆ ค่ะ เพราะจริง ๆ ไอ้เด็กซึลมันจะติ่งทั้งวงการ ????
คอมเม้นแลกเปลี่ยน/พูดคุยกันได้นะคะ เป็นกำลังใจแก่เรา
ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
ความคิดเห็น