NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Just a ... | Tonojake

    ลำดับตอนที่ #1 : Just a crush

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 66



     

     

     

    OneShot Tonojake : Just a crush

    #Avatar #Towajake #Tonojake

     

    Note : Plot, What Plot? เหมือนจะมีพล็อต แต่จริงๆ คือการปล่อยมือไหล ไม่คาดหวังแล้วจะไม่ผิดหวังนะคะ

    (ฉากหน้าที่ดู) นุ่มฟูของนายหัวแห่งทะเล ทำให้เผลอคิดอะไรบาปๆเสมอเลย T_T

    รัก <3

     


     

    โตโนวารีมองนาวีป่ากำลังรัดมือตัวเองกับที่จับซูนักอย่างตั้งอกตั้งใจ แม้ระดับความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ของโทรุคมัคโตจะเป็นที่น่าชื่นชมและควรให้การสนับสนุน แต่สำหรับนาวีที่ไม่เคยรู้จักวิถีของสายน้ำ นับเป็นการกระทำดื้อรั้นที่น่าเอ็นดูไม่น้อย

     

    “เจ้าควรเริ่มจากอิลู” เตือนด้วยความหวังดี

     

    “ไม่เป็นไร ข้าเอาอยู่”

     

    อีกฝ่ายสวนกลับรวดเร็วไม่ต่างจากเด็กใจร้อน ผู้นำเผ่าเม็ตคายีนาเลิกคิ้วพลางระบายยิ้ม กล่าวตะล่อมเพิ่มอีกนิด

     

    “ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ แต่การเรียนรู้ที่ดีไม่ควรรีบข้ามระดับ”

     

    “ไม่เป็นไร--” เจคเน้นเสียง หูบิดไปด้านหลัง “--ข้าว่าข้าไหว” ปลายหางสะบัดเล็กน้อยสร้างคลื่นใต้น้ำหนึ่งระลอก

     

    โตโนวารีทำเป็นไม่รู้ถึงปฏิกิริยาต่อต้านเล็กๆ เขาชูสองมือขึ้นแทนการยอมความ ตอบรับเสียงนุ่ม

     

    “ตามใจเจ้า”

     

     

     

    การขี่ซูนักครั้งแรกล้มเหลวไม่เป็นท่า

     

    ภาพนักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งผืนป่ากลายเป็นแมวตกน้ำไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ ยิ่งโทรุคมัคโตทำหน้ายับยู่ขึ้นจากน้ำ หางเรียวเล็กแกว่งไกวฮึดฮัด ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงไม่จบไม่สิ้น แทนที่จะอารมณ์เสีย เจ้าตัวกลับหลุดยิ้มกว้างก่อนหัวเราะไปกับเหล่านาวีทะเล

     

    โตโนวารีไม่ได้ร่วมวงด้วย ด้วยมีศักดิ์เป็นผู้นำเผ่าเหมือนกันจึงเข้าใจอีกฝ่ายที่พยายามรั้งศักดิ์ศรีที่เหลือเอาไว้ แต่ซูนักเป็นสัตว์นักรบที่ต้องใช้เวลาในการสร้างสายสัมพันธ์ ทารกป่าหัดว่ายน้ำไม่สามารถขึ้นขี่มันได้ในเร็ววันหรอก

     

    เขาทำเพียงเรียกซูนักตัวนั้นกลับมา ลูบหัวลูบตัวมันก่อนส่งสายจับให้

     

    “ลองอีกรอบ”

     

    อมยิ้มกับคลื่นใต้น้ำที่เคลื่อนผ่านตัวระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่รู้ว่าเจคตั้งใจหรือไม่ แต่ปลายหางอีกฝ่ายตวัดโดนขาเขาอยู่หลายครั้ง --ใช่ มันแสบ-- หรือนี่จะเป็นการระบายอารมณ์ของเจ้านาวีป่า?

     

    “คราวนี้เจ้าใจเย็นกับมันหน่อยนะ”

     

    มองอีกฝ่ายรับสายจับแล้วขึ้นคร่อมด้วยท่าทางคล่องกว่าครั้งที่แล้วมาก

     

    “ข้าเปล่าใจร้อน”

     

    แต่หางที่สะบัดอย่างฉุนเฉียวบอกอีกอย่าง โตโนวารีเอียงคอ รอยยิ้มอ่อนใจระบายเต็มใบหน้า

     

    ข้ารู้ ...มาเถอะ ครั้งนี้ข้าจะบินคู่ไปกับเจ้าด้วย”

     

     

     

    โทรุคมัคโตเป็นพวกใช้สัญชาตญาณในการเรียนรู้ ตกน้ำอีกไม่กี่วันก็สามารถขับขี่ซูนักได้คล่องแคล่ว เจคสมใจจนหัวเราะร่า กระโดดจากซูนักสู่ห้วงทะเล (บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าลงน้ำแบบนั้น เกิดจุดที่ลงมีหินแหลมตั้งอยู่ เดี๋ยวได้เจ็บตัวจนร้องไม่ออก) น้ำกระเพื่อมรอบตัวเป็นวงกว้าง ก่อนจะว่ายฝ่ากระแสน้ำตรงมาหาเขาที่ยืนรออยู่

     

    “ฮะฮ่า! ข้าบอกแล้วไงว่าเอาอยู่!”

     

    “ใช่แล้ว เจ้าเยี่ยมมาก”

     

    ดูความตื่นเต้นยินดีราวกับเด็กที่เพิ่งทำบางสิ่งสำเร็จด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนั่นสิ พอเห็นเขาพยักหน้าเห็นด้วยเจคก็ฉีกยิ้มกว้าง อวดฟันเขี้ยวมากกว่าเดิม

     

    “ใช่ไหมล่ะ”

     

    โตโนวารียิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ นึกขำตัวเองที่คิดไปว่าบางทีลูกชายคนโตตัวจริงของบ้านซัลลี่อาจเป็นอีกฝ่ายก็ได้ ยกมือตบบนบ่าอีกฝ่ายสองสามที

     

    “ส่วนหนึ่งเพราะข้าได้ครูดี ต้องขอบคุณเจ้า”

     

    นาวีป่ายิ้มกว้างจนตาหยี อารมณ์ดีจนหางตั้งตรง ส่วนปลายโค้งเป็นวง ก่อนเอนหัวไหล่ชนอกเขาแทนกำปั้น

     

    “ข้าขอบคุณเจ้าในหลายๆ เรื่องเลย ทั้งเรื่องที่ยอมอนุญาตให้ครอบครัวข้าลี้ภัย เรื่องช่วยฝึกสอนลูกๆ ของข้า มอบชีวิตบทใหม่ให้แก่พวกเขา ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ

     

    เจดเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย รูม่านตาขยาย กะพริบตาอย่างเชื่องช้า แสดงความเชื่อใจอย่างซื่อตรง ไม่มีนัยยะอะไรทั้งนั้น แค่มองแบบที่สหายใช้มองกัน แต่สำหรับผู้ถูกมอง ความรู้สึกนั้นวูบผ่าน --

     

    ศิเรยาเคยบ่นอุบอิบถึงมนต์สะกดแห่งดวงตาของเผ่าโอมาติกาย่า อาวนุงเคยนั่งมองน้ำผึ้งเป็นชั่วโมงก่อนเพ้อพร่ำพรรณนา 'สีตาของเนเทยัมก็หวานแบบนี้' ตอนนั้นเขานึกขำ เด็กพวกนี้เพิ่งหัดมีรัก การหลงเข้าไปในแววตาของนาวีที่พึงใจเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้

     

     โตโนวารีมองลึกลงไปในแหล่งอำพันเชื่อม

     

    น้ำผึ้งหรือ? ไม่ใช่ หวานเกินไป เบาเกินไป สีนัยน์ตาของนาวีคนพ่อเป็นอะไรที่มากกว่านั้น

     

    ยามม่านตาสีอำพันถูกสะท้อนด้วยแสงแดด ยามเจ้าของใช้ดวงตาคู่นั้นขู่คำรามใส่ผู้รุกราน หรือแม้กระทั่งแค่ยืนมองอยู่เฉยๆ

     

    มันเรืองรอง -- เป็นสีเหลืองอำพันอันเจิดจ้า ราวกับแสงของตะวันยามขึ้นพ้นจากผิวน้ำ สัญลักษณ์ของความหวัง ตัวแทนของการเริ่มต้นใหม่

     

    ข้าเห็นเจ้า

     

    โตโนวารีหายใจสะดุด -- ไม่ควรเลย -- เขาไม่ใช่เด็กแรกรัก ไม่ใช่มาหลายสิบปีแล้ว การมองตาครั้งนี้จึงไม่ควรสร้างความแตกต่าง

     

    สัญชาตญาณของโอโลเอทานสั่งให้รีบถอยห่าง ดวงตาของเผ่าโอมาติกาย่าอันตรายเกินไป เขาไม่ควรปล่อยใจต้องมนต์เสน่ห์แห่งป่า แต่ร่างกายไม่เชื่อฟัง ทั้งยังทรยศกันหน้าตาเฉย

     

    เลื่อนมือจากบ่าแข็งแรงสู่ช่วงเอวเว้า ความแตกต่างของสรีระทำให้โตโนวารีกลืนน้ำลายลำบาก น้ำเสียงที่ใช้ต่อบทสนทนาจึงค่อนข้างแหบกว่าปกติ

     

    “เผ่าเม็ตคายีนาไม่เคยทอดทิ้งสหายแม้ในยามยากลำบาก เจ้าไม่ต้องคิดมาก ข้าเต็มใจช่วยเหลือ”

     

    แม้สัมผัสอุ่นบริเวณเอวจะให้ความรู้สึกไม่คุ้นแปลกๆ แต่เจคก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหนี ไม่ดึงร่างกายตัวเองกลับด้วย นาวีป่าคิดเพียงอย่างเดียวว่าการแช่ตัวอยู่ในน้ำนานๆ มันทำให้ตนหนาว ซึ่งผิวกายของโตโนวารีก็อุ่นจัด เหมาะสำหรับใช้เพิ่มความอบอุ่นพอดี ไม่รับรู้เลยว่าโตโนวารีกำลังมองระยะห่างของพวกเขาอย่างหนักใจ

     

    “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า หากมีเรื่องกังวล เจ้าสามารถพูดคุยกับข้าได้นะ” ไถ่ถามเพราะนึกสงสัยในแววกังวลของนัยน์ตาสีคราม

     

    “หรือว่าทะเลาะกับโรนัล?” เจคขมวดคิ้ว ไม่มั่นใจ “ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ คิดว่าทำอะไรให้ภรรยาโกรธ”

     

    ยกมือปัดเกลียวผมหยักลอนไปด้านหลัง สัมผัสเครื่องประดับคอของหัวหน้าเผ่า เสนอแนะอย่างนึกขึ้นได้

     

    “เจ้าลองหาเครื่องประดับใหม่ให้นางดู เอาอกเอาใจแล้วก็อย่าลืมพูดขอโทษ-”

     

    มือที่กำลังเล่นเครื่องประดับถูกมือใหญ่ยึดไว้ ทันใดนั้นโอโลเอทานผู้ยิ่งใหญ่ก็แนบหน้าผากตนกับหน้าผากของเขา ใกล้เกินไป เจคมองอีกฝ่ายตาตื่นๆ หูเรียวบิดลู่ไปด้านหลัง หางแกว่งอย่างกระสับกระส่าย สร้างคลื่นใต้น้ำขนาดเล็กอีกครั้ง

     

    ก่อนจะคิดไปไกล โตโนวารีก็เอ่ยออกมา

     

    “นางต้องโกรธข้ามากแน่ๆ”

     

    ได้ยินดังนั้น โทรุคมัคโตลอบผ่อนลมหายใจโล่งอก เอื้อมมือโอบแผ่นหลังกว้าง ตบให้กำลังใจด้วยความกระตือรือร้น

     

    “เอาน่า ช่วงตั้งท้องเป็นช่วงอารมณ์เปราะบาง เนย์ทิรีเองก็โกรธข้าอยู่บ่อยๆ เจ้าเองก็มีลูกแล้วตั้งสองคน ยังไม่ชินอีกรึ”

     

    โตโนวารีดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้กับอก มืออีกข้างจับกระชับเอวเล็กแน่น กลิ่นพงไพรแตะจมูกเป็นระยะ เขาหลับตาลง ถอนหายใจยาวเหยียด

     

    ได้แต่หวังว่าความรู้สึกที่สัมผัสได้จะเป็นการเผลอไผลเพียงชั่วครู่ หาใช่สิ่งที่ผุดขึ้นกลางใจแล้วทิ้งตัวฝังไว้เนิ่นนาน

     

     

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×