คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 01 อดีตพันธมิตร
01
อดีตพันธมิตร
เมื่อหลายปีที่ผ่านมานี้ได้มีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมามากมายเพื่อรักษาสมดุลระหว่างมนุษย์และโปเกม่อน จากอดีตที่เคยมีป่าใหญ่เป็นที่อาศัยของโปเกม่อน มีชุมชนหมู่บ้านเล็ก ๆ เป็นบ้านของมนุษย์ แต่นานวันเข้าทุกอย่างเริ่มแปรเปลี่ยนไปทีละเล็ก หมู่บ้านน้อยใหญ่พัฒนาเติบโตขึ้นเป็นชุมชน มีผู้คนมาอาศัยเพิ่มมากขึ้น ขยับขยายพื้นที่จนกลายเป็นเมือง เริ่มกลืนกินพื้นที่ป่าเพื่อสร้างเป็นอาคารสิ่งก่อสร้าง
โปเกม่อนเร่ร่อนที่ต้องเข้ามาอาศัยข้างถนนเพิ่มจนอย่างน่าเหลือเชื่อ
ไม่เพียงแต่สร้างความเดือดร้อนด้วยสัญชาตญาณความเป็นโปเกม่อนป่าเท่านั้น พวกมันไม่เชื่องกับมนุษย์ บางตัวมีความดุร้าย จนบางครั้งก็ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาระหว่างกลุ่มคนที่รักโปเกม่อนกับกลุ่มคนที่ไม่ต้องการให้พวกโปเกม่อนป่าเหล่านั้นอาศัยอยู่ใกล้ตัวเมือง
แล้วฝ่ายไหนที่ผิด
ใครที่มีสิทธิในการตั้งคำถามถึงความแตกต่าง
โอคิโดะ ชิเงรุ เคาะตัวกระดาษขนาดย่อมกับโต๊ะ จัดเรียงความเรียบร้อยให้มุมตรงกันอีกสักเล็กน้อย สอดตัวหนีบยึดมุมให้รวมกันเป็นเล่ม มือวางรูปเล่มรายงานไว้ทางด้านขวาถนัดมือ บนโต๊ะประกอบด้วยสมุดพกพาขนาดเล็ก ปากกาและโพสอิทสีสดสำหรับจดกำหนดการณ์
ชิเงรุกระชับเสื้อโค้ตสีขาวอีกเล็กน้อยเป็นการเตรียมความพร้อม แลซ้ายขวาเพื่อเช็คสภาพการณ์อีกหน่อย ดวงตาสีเขียวกวาดมองผู้คนค่อย ๆ ทยอยกันเข้ามาภายในหอประชุม ทั้งแชมป์ประจำภูมิภาคต่าง ๆ ศาสตราจารย์ นักวิจัย นักอนุรักษ์โปเกม่อน แต่หนึ่งสิ่งที่ต่างออกไป คือ ไม่มีการถ่ายทอดสด
ชิเงรุเท้าคาง ปลายปากกาถูกหยิบขึ้นมาเคาะเบา ๆ เป็นจังหวะ
ผู้คนมากหน้าหลายตาหลั่งไหลเข้ามาภายใน จับจองที่นั่งซึ่งเป็นโต๊ะยาวตั้งเป็นลำดับขั้นบันได ที่นั่งล้อมเป็นครึ่งวงกลมหันเข้าสู่เวทีใหญ่ ด้านหลังเวทีขาวสะอาดสะอ้านพร้อมจะเป็นกระดาษขนาดใหญ่ที่ฉายภาพเข้าสู่สายตาของแขกผู้มีเกียรติเหล่านี้
ที่นี่คือ หอประชุมกลาง
ความหมายก็ตรงตัวและครอบคลุม มันมีไว้เพื่อจัดตั้งการประชุมในโอกาสและหัวข้อต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
ช่วงนี้พวกนักอนุรักษ์โปเกม่อนคงทำงานมากขึ้นจนตัวเป็นเกลียวเพราะข่าวที่แพร่ออกมาจากภายในองค์กรไม่ค่อยสู้ดีนัก และยิ่งความขัดแย้ง ความเกลียดชังจากกลุ่มคนสองกลุ่มที่ความคิดต่างกันเสียอีก ไหนจะเรื่องจัดหาพื้นที่ธรรมชาติสำหรับโปเกม่อนพลัดถิ่น
เพราะเรื่อง “โปเกม่อนและพื้นที่” กลายเป็นหัวข้ออันแสนละเอียดอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สำนักข่าวต่าง ๆ จึงถูกห้ามไม่ให้มีการถ่ายทอดสดหรือนำรูปภาพไปเผยแพร่ จึงเป็นระบบการจัดการประชุมแบบปิดอย่างที่เกิดขึ้น ในสถานการณ์แบบนี้นับว่าคนจัดการประชุมคงมีสติมากพอตัวซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกคนระดับสูงอยู่แล้ว
แต่ก็ดีมากสำหรับเขาที่ไม่ต้องอภิปรายหน้าแสงแฟลชกล้อง
ไม่ใช่ว่าเคอะเขินหรืออย่างไร
ศาสตราจารย์โอคิโดะ กลายเป็นชื่อเรียกของเขาเมื่อศริสต์มาสปีที่แล้ว แต่ใช่ว่าจะทำตัวเคยชินกับมันได้ง่ายนี่
“อ้าว ศาสตราจารย์โอกิโดะ”
ชิเงรุกลอกตา
“นายเลิกพูดแบบนั้นทีเถอะ”
ทาเคชิส่งเสียงหัวเราะในลำคอขณะทิ้งตัวลงข้างกัน
ผ่านไป 3 ปีจากเด็กหนุ่มเฝ้ายิมที่เคยออกเดินทางในวันนั้นกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพของโปเกม่อนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ ดวงตานั้นหรี่ลงเมื่อหยิบแว่นของตนเองมาเช็ดช้า ๆ เสื้อโค้ตแพทย์เฉพาะทางถูกพับวางไว้บนโต๊ะราวกับเครื่องประดับที่มีค่าไม่ต่างจากปากกากหมึกซึม
ขอบตาคล้ำช้ำเหมือนผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนานทำให้เขาถอนหายใจ ผู้คนที่เคยออกเดินทางในอดีตในวันนี้ล้วนมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเพื่อสร้างอนาคตของตนเอง แต่ในอีกแง่ความคิดที่ฟุ้งซ่านเหล่านั้นก็อาจจะเกิดมาจากความทรงจำในอดีตที่ไม่อาจลืมเลือน
เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่การทำงานคือสิ่งเดียวที่สามารถชะล้างความคิดต่าง ๆ ให้หายไปได้
ชิเงรุเข้าใจ
“นาย”
หวี้ด —กึก หวี้ด
เสียงหวีดร้องของไมค์ทำให้ชิเงรุขมวดคิ้ว มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ทุกคนในที่ประชุมหยุดจ้อแต่ก็ทำให้เขาปวดหูตุบ ๆ
“ขอขอบคุณท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้เกียรติมารวมการประชุมในครั้งนี้นะครับ ก่อนอื่นขอแจ้งกำหนดการซ้ำจากคราวที่แล้ว หัวข้อที่จะถูกพูดถึงในวันนี้” พิธีกรดึงเนกไทของตัวเองด้วยความประหม่าเล็กน้อย และพูดถึงการลำดับงานต่าง ๆ ยิบย่อย
เขาบอกได้เลยว่ามันน่าปวดหัว
ชิเงรุถอนหายใจ คำพูดที่เอ่ยออกมาถูกพับเก็บไปช้า ๆ พร้อมกับแววตาหมองคล้ำของคนอดนอนทั้งสองที่ใกล้ปิดลงเต็มที่ก่อนจะเริ่มการประชุม
ผ่านไปกี่ชั่วโมงไม่มีใครทราบ ชิเงรุรู้เพียงว่าตัวเขากับทาเคชินั้นเบื่อหน่ายเป็นที่สุด นอกจากการบรรยายความคืบหน้างานวิจัยของตนเองคนอื่นก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก อีกทั้งเรื่องที่กล่าวในประชุมครั้งนี้ก็ล้วนเป็นผลงานเก่าหรือความคืบหน้าของโครงงานอื่น ๆ ที่น่าจับตามอง
“เมื่อกี้รายงานเรื่องศูนย์เยียวยาในคาลอสใช่ไหม?” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ยปากถามขณะมองด็อกเตอร์เฉพาะทางซึ่งเดินกลับเข้ามานั่งที่เดิมหลังจากอภิปราย ทาเคชิพยักหน้ารับพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ใช่ แค่ฟังก็รู้แล้วเหรอ ไม่ได้บอกสถานที่สักหน่อย”
“ถึงจะพยายามปิดปากพวกสื่อใหญ่ แต่เรื่องฉาวขนาดนั้นไม่รู้ก็แปลก” ชิเงรุอธิบาย
เพราะเขาเองก็รู้มาจากผู้ที่ทำงานในที่แห่งนั้นโดยตรงเช่นกัน แต่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจจึงได้ปิดปากเงียบไม่ได้บอกใครต่อ ดูจากขอบตาดำคล้ำของทาเคชิทุกครั้งที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลรายสัปดาห์ทำให้ไม่กล้าถามหรือพูดเรื่องอะไรนอกเหนือจากหัวข้อนั้น ๆ
“นายโอเคไหม?”
“ก็สบายดี”
ชิเงรุไม่ค่อยเชื่อคำตอบนั้นเท่าไหร่ เลื่อนขนมพักเบรกไปให้อีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพที่ทำงานร่วมกัน ทาเคชิยิ้มรับขณะยกแก้วกระดาษขึ้นมาจิบกาแฟช้า ๆ จนกระทั่งผู้ดำเนินงานเดินเข้ามาเคาะไมค์
"ด็อกเตอร์ราแวนด์อยู่หรือเปล่าครับ?"
“อยู่ครับ”
ทุกสายตาเอี้ยวตัวหันกลับไปมองที่นั่งริมบานประตูด้านหลัง
ชายชราซึ่งอ่อนกว่าวัยเดินลงผ่านเส้นทางบันไดที่ถูกปูพรมสวยสะอาด เส้นผมสีเทาถูกหวีเป็นทรงเรียบร้อยแสดงถึงนิสัยที่มีความเป็นระเบียบ ข้างตัวเหน็บกระเป๋าเอกสารและโน้ตบุ้กขนาดพกพาในมือ ส่วนสูงสมส่วนและแผ่นหลังเหยียดตรงฉบับคนมั่นใจในตัวเองไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ด็อกเตอร์ราแวนด์เป็นเป้าสนใจ
เสียงรองเท้าหนังเคาะตามจังหวะคลอเสียงจอแจ
ด็อกเตอร์ราแวนด์ คือ ด็อกเตอร์ที่ถูกสาป
เขาฟังแล้วมันน่าขำชะมัดเลย
ท่ามกลางความเงียบ เสียงกระทบไมค์ก็ดังขึ้นเรียกให้ภวังค์ความคิดนั้นแตกลง แม้แต่แชมป์เปี้ยนภูมิภาคยังคงตบสติเรียกมาดกลับมาดังเดิม ร่างของชายชรารูปร่างสมส่วนเดินขึ้นหน้าเวทีใหญ่
ปฏิกิริยาของผู้ดำเนินงานและสตาฟทำให้รู้ได้ถึงความห่างเหินและพยายามแบ่งระยะห่างที่จะไม่เข้าใกล้ด็อกเตอร์ราแวนด์จนมากเกินไป แผ่นหลังของด็อกเตอร์เหยียดตรงและมั่นคง แม้เหงื่อจะหยดพราวตามโครงหน้าแต่ท่าทางเรียบนิ่งตามแบบฉบับ
“ฉัน ราแวนด์”
เสื้อกาวน์สีสะอาดสะท้อนกับแสงไฟในขณะที่มือหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาวางบนโต๊ะเดี่ยว
“ฉันเป็นศาสตราจารย์เชี่ยวชาญเรื่องชีวโปเกม่อน ฉันเคยทำงานที่ศูนย์วิจัยกลางของลีกมาก่อน แต่ตอนนี้ย้ายศูนย์วิจัยไปที่ฟรีไอน์แลนด์”
ฟรีไอน์แลนด์ทำให้หลายคนสะดุ้ง รวมกลุ่มหันไปกระซิบกระซาบแสดงความคิดเห็นกันยกใหญ่ การแสดงท่าทีราวกับปลาแตกฝูงที่ถูกแหย่จากนักล่าทำให้ชิเงรุมั่นใจว่าข่าวที่เคยได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริง
ดวงตาสีเขียวสาดส่องไปทั่วบริเวณ
ฟรีไอน์แลนด์ เป็นเกาะรกร้างเต็มไปด้วยป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและโปเกม่อน แต่น่าขันที่ทรัพยากรเหล่านั้นกลับเป็นผลพ่วงมาจากความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ฟรีไอน์แลนด์ฟังแล้วอาจจะดูเหมือนเป็นเกาะสวรรค์ของเหล่าโปเกม่อนที่แสนเสรีแต่ก็แค่ชื่อที่มนุษย์ตั้งไว้สวยหรูเท่านั้น
โปรไฟล์หลักของด็อกเตอร์ราแวนด์ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกาะแห่งนั้นเป็นที่ไม่น่าอภิรมย์
ด็อกเตอร์ราแวนด์เคาะสันกระดาษลงบนเนื้อไม้ เรียกความสนใจไปที่ตนเองอีกครั้ง
“หลายคนคงได้ยินมาเมื่อไม่นานมานี้ เรารู้สึกได้ถึงความแตกแยกบางอย่างภายใต้ความคิดของฝูงชนและความก้าวร้าวของโปเกม่อน”
ดวงตาสีน้ำข้าวกวาดมองผู้คนโดยรอบ ไล่ตั้งแต่แชมป์เปี้ยนแต่ของละภูมิภาค นักวิจัย ศาสตราจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ และนักอนุรักษ์
“ฉันได้เริ่มทำการวิจัยเรื่องการวิวัฒนาการของโปเกม่อนเมื่อหลายปีก่อนจนโครงการปิดตัวลง หนึ่งในข้อเท็จจริงที่ว่าการเกิดความตึงเครียดระหว่างเทรนเนอร์และโปเกม่อนทำให้เกิดความผิดปกติในโปเกม่อนเป็นเรื่องจริง”
เมื่อเห็นทั้งห้องประชุมมุ่งเป้าหมายมาที่ตนเองด็อกเตอร์ราแวนด์จึงโบกมือขึ้นเบา ๆ เป็นสัญลักษณ์ หลังจากนั้นฉากสีขาวด้านหลังก็ฉายเป็นภาพกราฟสองกราฟขนาบข้างกัน แต่ทว่ากราฟที่สองกลับพุ่งสูงขึ้นเหมือนภูเขายอดแหลม
“มันถูกเรียกว่าความวิตกกังวลในมนุษย์ แต่ในแง่ที่เกิดขึ้นกับโปเกม่อนมันค่อนข้างรุนแรง”
เสียงของด็อกเตอร์ราแวนด์เรียบนิ่งและเนิบช้า เหมือนต้องการดึงผู้คนถลำลึกร่วมไปกับตน น้ำเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากมายราวกับประโยคเมื่อครู่ไปกระตุกกวนตะกอนภายในใจให้ขุ่นขลัก
ชิเงรุได้ยินมาจากปู่มาบ้างเล็กน้อย เรื่องที่ว่าด็อกเตอร์ราแวนด์เป็นคนที่มีพรสวรรค์ มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง และรักในความยุติธรรมเหนือใคร
เสียงก้องสะท้อนยิ่งทำให้โดยรอบห้องนั้นเงียบงัน ผู้คนโดยมากไม่แม้แต่จะกล้าปริปากหรือส่งเสียง
“งั้นเรามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้กันดีกว่า” ราแวนด์ว่าพลางสะบัดมือ
สไลด์บนหน้าจอขนาดยักษ์ฉายเป็นเหตุการณ์ชุลมุนในคาลอสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คนในหอประชุมกลางเริ่มส่งเสียงขึ้นมาระงมอีกครั้ง เพราะคลิปเหตุการณ์ที่ว่าถูกเก็บไว้เป็นความลับเพื่อป้องกันเงื่อนไขหรือถูกระงับภายใต้เงื่อนไขเสียมากกว่า
“ด็อกเตอร์ราแวนด์คะ”
เสียงอ่อนหวานของแชมป์ประจำภูมิภาคคาลอสดังขึ้นพร้อมกับยกมือเหนือกลุ่มคน
คาร์เน นางแบบสาวมากความสามารถและควบตำแหน่งแชมป์ภูมิภาคคาลอส เพียงแค่เธอส่งเสียงผู้คนก็พร้อมใจส่งแสงสปอตไลต์ให้กับเธอ
ราแวนด์ปรายตามองเธอเล็กน้อยก่อนจะค้อมหัว ผายมือให้แชมป์ได้เอ่ยคำถามที่ค้างคา
“ฉันคิดว่าคลิปเหตุการณ์นี้เป็นข้อมูลภายในนะคะ เกรงว่าการนำมาเผยแพร่จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อน”
น้ำเสียงของเธอไม่ได้มีความหงุดหงิดใจหรืออย่างไร เป็นเพียงคำชี้แนะติเตือนเล็กน้อยตามมารยาท และดูเหมือนด็อกเตอร์ราแวนด์จะเข้าใจดีจึงพยักหน้ารับก่อนจะอธิบายอย่างใจเย็น
“ผมเป็นเพียงผู้ค้นหาความจริงครับคุณคาร์เน การหาหลักฐานและข้อมูลมาสมทบข้อสันนิษฐานของตนเองไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อทำให้ใครหรือองค์กรใดเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน”
ด็อกเตอร์กระชับไมค์ให้ตรงริมฝีปากเล็กน้อย
“แน่นอนว่าผมได้ถามทางผู้จัดการมาแล้ว จะไม่มีใครในที่นี้สามารถบันทึกนำไปเผยแพร่ได้อย่างแน่นอนครับ”
คาร์เนพยักหน้ารับ เธอวางมือลงบนตักด้วยท่าทางเรียบร้อยพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวานเป็นเชิงยอมรับและเชิญให้อีกฝ่ายสามารถอธิบายต่อได้
“งั้นกลับมาที่คลิปนะครับ” ราแวนด์กล่าวต่อ
ระหว่างที่คลิปกำลังดำเนินด็อกเตอร์ราแวนด์ทำเพียงยืนนิ่ง มองไปที่หน้าฉายด้วยท่าทางสบาย ๆ
ตัววิดิโอใช้เวลาไปทั้งสิ้น 5 นาทีถ้วน
ภายในคลิปเป็นเหตุการณ์ชุลมุนตอนที่โปเกม่อนป่าเข้ามาอาละวาดในเขตชานเมืองแห่งหนึ่งในคาลอส
จากการรายงานข่าวของนักข่าวสาว ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงมากกว่าการล่วงล้ำถิ่นหรือการทำร้ายทั่วไป ทั้งยังทำให้เกิดความเสียหายและผู้บาดเจ็บอีกด้วย ข่าวนี้เป็นการถ่ายทอดสดที่ถูกลบไปในภายหลังเพราะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงถึงการรักษาความปลอดภัยขององค์กรที่รับผิดชอบ
“มันเป็นเพราะนิสัยที่ยากจะควบคุมได้ของโกรอนตะ”
ทั้งสื่อและหนังสือพิมพ์ประโคมข่าวกันเช่นนั้นก่อนที่ชาวเมืองจะเลิกให้ความสนใจไปในภายหลัง แต่ความกังวลอยู่กับคนส่วนมาก จึงเกิดเป็นการถามหาถึงความรับผิดชอบจากองค์กรต่าง ๆ รวมถึง นักอนุรักษ์
และคลิปก็จบลงพร้อมกับความเงียบ
“…”
ด็อกเตอร์ราแวนด์จัดเรียงเอกสารเล็กน้อยด้วยความใจเย็น
“ด็อกเตอร์ราแวนด์เป็นด็อกเตอร์ต้องสาป เหรอ? เหมือนเคยได้ยินหรือเปล่า?”
ทาเคชิหันมากระซิบ ซึ่งชิเงรุทำเพียงพยักหน้ารับเบา ๆ
ทุกคนในที่นี้รู้ว่าด็อกเตอร์ราแวนด์ทราบถึงเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอน เพียงแต่ด็อกเตอร์ที่ถูกยุบโครงการไปโดยไม่ได้รับความยินยอม ทั้งยังต้องย้ายงานวิจัยของตนไปที่เกาะห่างไกลเช่นนั้นจะมีเหตุผลใดที่ต้องพูดถึง นอกจากการ “แบล็กเมล์”
“อย่างที่ทุกคนเห็น ถึงสื่อจะพยายามพาดหัวข่าวถึงความเครียดหรือการล่วงล้ำถิ่นของโปเกม่อนเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการอาละวาด แต่เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไปทั่วทุกภูมิภาคเหมือนวัชพืชร้ายถึงทำให้เกิดความไม่มั่นใจในกลุ่มคนต่าง ๆ”
“ด็อกเตอร์ กรุณาระวังการใช้คำพูดด้วยครับ”
เสียงตักเตือนดังมาจากที่นั่งด้านหน้า
ด็อกเตอร์ราแวนด์ยอมรับอย่างใจเย็น
“ผมกำลังจะบอกว่าตอนนี้ลีกไม่มีกำลังมากพอจะรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่ความบังเอิญแต่เป็นจุดเริ่มต้น เพราะหลังจากนี้มันจะรุนแรงและลุกลามมากขึ้นเหมือนไฟไหม้”
นัยน์ตาสีน้ำข้าวเหลือบมองผู้คนจอแจด้วยความไม่พอใจ ในที่นี้มีแต่ศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียง นักวิจัย นักอนุรักษ์ที่มีความสามารถ รวมถึงแชมป์ที่มีอำนาจภายในภูมิภาค ใครกันจะกล้าออกปากว่าบุคคลเหล่านั้นไม่มีความสามารถมากพอ
“ช่วยอธิบายด้วยครับด็อกเตอร์”
ราแวนด์กระแอมไอเล็กน้อยก่อนจะพับกระดาษเก็บเข้าไปในกระเป๋าอย่างเงียบ ๆ
“ถ้าพวกคุณไม่มีความสามารถพอก็ต้องหาส่วนอื่นมาทดแทนสิครับ”
ด็อกเตอร์อธิบายด้วยน้ำเสียงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสุมไฟให้โหมโรมรันและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“คนของผมมีทั้งความสามารถ มันสมองมือหนึ่ง การจัดการที่ฉับไว และแข็งแกร่ง” การยื่นเงื่อนไขแบบนี้ก็เหมือนการขอรับอำนาจในการจัดการ มันเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
“ด็อกเตอร์ กรุณาตอบมาด้วยครับว่าคุณรู้อะไร”
“ขอปฏิเสธครับแชมป์ลีออน”
แชมป์เปี้ยนของภูมิภาคการ์ล่าขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ และงุนงงมากกว่าโกรธเคือง แต่เพียงแค่คำปฏิเสธเดียวที่มีต่อแชมป์เปี้ยนของการ์ล่าก็ทำให้บรรยากาศเดิมที่น่าอึดอัดอึมครึมมากขึ้นเหมือนเมฆฝนขนาดใหญ่ที่พร้อมจะกลายเป็นพายุภายใต้ห้องสี่เหลี่ยม
เสียงเปิดไมค์ระงมลั่นถามถึงความจริงจากปากของด็อกเตอร์ต้องสาปราวกับเสียงฝนห่าใหญ่ แต่เหลือเวลาไม่นานนักก่อนที่การประชุมจะจบลง ด็อกเตอร์ราแวนด์จึงทำเพียงยืนนิ่งรับคำสบถสาปแช่งอย่างไร้ข้อกังขา
“ทำมาเป็นอวดดีรู้นักหนา จริง ๆ แกมันก็แค่คนถูกทิ้งเท่านั้นแหละ”
“ถ้าแกรู้จริง ๆ คงไม่เอามาบอกต่อหน้าแบบนี้หรอก กับอีแค่การแบล็กเมล์โง่ ๆ อย่ามาถือตนนักเลย”
ด็อกเตอร์ราแวนด์ทำเพียงพยักหน้ารับ
“ถ้าพวกคุณอยากรู้ผมจะใบ้ให้”
เสียงเย็นเหยียบกระซิบที่ข้างไมค์
ชายที่ถูกคนทั้งลีกหันหลังให้ เดินทางประกอบเศษเสี้ยวในมือทีละเล็กละน้อยด้วยตัวคนเดียว
“พวกคุณคิดว่าคุณมีสิ่งที่เรียกว่าอำนาจอยู่ข้างตัว”
แต่เขาไม่มีมันตั้งแต่แรกและถูกริบมันไปอย่างง่ายดายเพราะความกลัวของใครบางคน
“พวกคุณคิดว่าเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นมันก็ประกายไฟที่แตะน้ำก็ดับหายไป”
ประกายไฟที่แรงพอเมื่อพบกับเชื้อเพลิงจะก่อให้เกิดกองเพลิงที่โหมโรมรันเผาไหม้ และด็อกเตอร์ราแวนด์ก็กำลังจะกลายเป็นประกายไฟ
หากคนภายในหอประชุมกลางสังเกตสักนิด หรือฉุกใจให้เหมือนเสี้ยวความคิดในแง่ลบที่มีต่อด็อกเตอร์คนนี้อีกสักหน่อย จะรู้ได้ว่าการเข้ามาอภิปรายภายในที่ประชุมแห่งนี้ต้องได้รับการอนุญาตและมีหลักฐานแสดงตัวว่ามีสิทธิมากพอ สิทธิที่จะสามารถรับรองด็อกเตอร์คนหนึ่งที่ถูกกีดกันออกนอกอำนาจของลีก คือ สิทธิรับรองจากแชมป์เปี้ยน
“สิ่งที่คุณกำลังจะเจอคือไฟที่แม้แต่แชมป์เปี้ยนก็ดับมันไม่ได้”
ไฟเมื่อพบกับไฟมันจะเผาไหม้กันเองจนหายไป
ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้ประโยชน์จากไฟยังไง หรือจะเป็นคนที่โดนกองไฟนั้นไหม้จนกลายเป็นเถ้า
“ลุงราแวนด์ออกมาได้ไหมครับ หรือว่าโดนรุมตีไปแล้ว”
“ก็บอกว่าให้เรียกด็อกเตอร์ไงคะอัล”
เสียงหวานใสเอ่ยติแต่ทว่าริมฝีปากอวบอิ่มสีพีชกลับฉายรอยยิ้มขบขัน หญิงสาวเส้นผมสีหวานมวยผมตัวเองเล่นช้า ๆ ขณะกดปลายนิ้วไปที่แป้นพิมพ์บนตัก หน้าจอปรากฏเป็นช่องบทสนทนาขนาดเล็กและหน้าวิดีโอคอลที่กำลังฉายภาพสีดำสนิท
“ด็อกเตอร์ ได้ครับ พี่ลิล”
อัลลิซรับปากแบบขอไปทีขณะหยิบโดนัทเคลือบน้ำตาลชิ้นโตเข้าปาก
เด็กหนุ่มดันแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยกขาขึ้นพาดเหนือตัวคอนโซลรถ เส้นผมแซมแดงกระจายยุ่งฟูประกอบกับขอบตาดำคล้ำทำให้คนเป็นพี่สาวไม่กล่าวว่าอะไรนอกจากปล่อยน้องชายของตนเองได้ทำตามใจชอบ
เนื่องในโอกาสที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาเธอจะไม่ว่าให้เสียบรรยากาศ
“แชมป์จะออกไปข้างนอกไหมคะ”
เธอเอ่ยปากถามคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“เรียกซาโตชิปกติสิ”
“เอ๋ แต่แชมป์ก็ดีนะคะซาโตชิจัง”
ซาโตชิเอี้ยวตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย เส้นผมสีเข้มยุ่งฟูเหมือนคนพึ่งตื่นทำให้สองพี่น้องหัวเราะเบา ๆ ด้วยความขบขัน เสียงแอร์ของรถเต่าโกโรโกโสดูเหมือนจะทำให้อีกฝ่ายนอนไม่พอเป็นแน่ แต่จะบ่นอะไรได้ในเมื่อมติเอกฉันท์เพื่อรถไฟฟ้าตัวใหม่ล่าสุดดันแพ้สิทธิเสียงของคนอายุมากที่สุดเสียแบบนั้น
ลิลเอื้อมมือไปเร่งความเย็นก่อนจะยกยิ้มหวาน
“ถ้าไปกับด็อกเตอร์อาจจะได้เจอคนรู้จักเก่าก็ได้นะคะ”
“…”
อัลลิซมองผ่านกระจกหลัง
นัยน์ตาสีเข้มสบกันช้า ๆ และคนที่ผละก่อนคืออัลลิซที่หันกลับมามองรอยยิ้มกริ่มของพี่สาว เพราะเป็นผู้หญิงที่เข้าใจยาก แถมยังมีรอยยิ้มหวานที่ย้อมใจคนให้หลงเชื่อได้ง่าย แต่ดูเหมือนรอยยิ้มนั้นจะใช้ไม่ได้กับด็อกเตอร์ เขาที่เป็นน้องชาย หรือกับซาโตชิตั้งแต่แรกพบเมื่อ 4 ปีก่อน เพราะแบบนั้นคำตอบของอีกฝ่ายจึงตรงไปตรงมา
“คนรู้จักก็ส่วนคนรู้จักสิ”
“ดีแล้วล่ะค่ะ”
ลิลตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว
ซาโตชิกลอกตา
“หว๋า น่ารักจัง”
อัลลิซไหวไหล่กับการพูดหยอกจนน่ากลัวมากเกินไปของพี่สาวขณะยื่นกล่องโดนัทไปให้คนรับเคราะห์ที่เบาะหลัง ซาโตชิหยิบโดนัทเข้าปากแบบไม่คิดด้วยเหตุผลที่คร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย รสหวานของก้อนน้ำตาลติดที่ปลายลิ้นขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
05.13
ด็อกเตอร์คุคุย : ถึงเธอจะไม่ได้อยู่ที่อโลล่าแต่คิดว่าในนามก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก
05.20
ด็อกเตอร์คุคุย : ดีใจที่เห็นเธอสบายดีนะซาโตชิ
read
ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนแสงอิเล็กทรอนิกส์ กวาดสายตามองข้อความด้วยท่าทางเรียบนิ่ง รสน้ำตาลที่ปลายลิ้นจืดเฝือนเหมือนจะทำให้คลื่นเหี่ยนอย่างแปลกประหลาด ทั้ง ๆ ที่รสของน้ำตาลคือรสโปรดแสนหวานที่มักทานจนเป็นนิสัย ปลายนิ้วแตะแป้นพิมพ์บนหน้าจอแล้วกดส่งอย่างรวดเร็ว
14.52
ครับ :
“เป็นแชมป์เปี้ยนนี่ทำอะไรก็ง่ายไปหมดเลยนะ”
“ก็ว่างั้น” ซาโตชิรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“แต่ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมนายต้องพยายามเสาะหาขนาดนั้นด้วย” อัลลิซเอี้ยวตัวหันไปเบาะหลัง พูดด้วยน้ำเสียงสงสัยด้วยสัตย์จริง “เพราะถ้าแค่ขอฉันก็พาเข้าไปได้ทุกที่แท้ ๆ ”
“ด็อกเตอร์ก็อธิบายแล้วไม่ใช่เหรอ” ซาโตชิตอบตาใส
“ก็จริง แต่ฉันก็ยังคิดว่ามันยุ่งยากเกินไปอยู่ดี ทำอะไรมากมายเรียกว่าอะไรนะ เลห์เหลี่ยมของพวกผู้ใหญ่”
“ถ้าทำตามใจมาก ๆ จะกลายเป็นนิสัยติดตัวที่แก้ไม่ได้นะคะอัล” ผู้เป็นพี่สาวท้วง “อย่างที่เขาว่ากันไงคะ เดินตามรอยคนอาบน้ำร้อนมาก่อนเรื่องราวมักจะดำเนินไปด้วยดี”
“อ๋อ เดินตามผู้ใหญ่เฮลการ์ไม่กัด”
ซาโตชิคิดตาม
“เดี๋ยว ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน นายตั้งเองเหรอ”
อัลลิซส่งเสียงหึ ๆ ไม่สนใจ นั่นเป็นคำตอบที่แน่ชัดแล้วว่ามันเป็นเพียงมุกเชย ๆ เช่นการสร้างรูปประโยคขึ้นมาเองของสองพี่น้อง มันทำให้ซาโตชิเบ้หน้ากับคำตอบที่ได้รับ
“หมดเวลาคุยโอ่แล้วนะคะ นั่งกับที่ดี ๆ นะ”
ลิลพูดพร้อมกับเหลือบมองแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ เธอหยิบตัวโน้ตบุ้กวางไว้บนตักของน้องชายเหนือกล่องโดนัท ซึ่งอัลลิซทำเพียงมองด้วยสายตางุนงงก่อนจะกอดกล่องโดนัทและโน้ตบุ้กไปพร้อมกันเมื่อเห็นพี่สาวของตนเริ่มสตาร์ทรถ
ซาโตชิเม้มปาก ขยับตัวไปนั่งเบาะหลังอย่างเงียบเชียบพร้อมกับดึงเข็มขัดนิรภัยออกมาเพื่อความปลอดภัย
“ไปรับด็อกเตอร์ราแวนด์กันเถอะค่ะ”
TALK
อะแฮ่มๆ –มาคุยกันสักเล็กน้อยนะ ขอจั่วหัวเอาไว้ก่อนเลยว่าเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ช่วงนี้ติดโปเกม่อนไม่หน่อย5555
เปิดเรื่องมาก็เตรียมแพ็คกระเป๋าไปยึดอำนาจลีกกันเถอะทุกคน
ตัวละครหลัก
ตัวหลักก็เด็กชินั่นแหละ เราตั้งใจเขียนเอาไว้ว่าจะเขียนซาโตชิให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดูนุ่ม (?) ขึ้นแต่มีอารมณ์รุนแรงอยู่ มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเพราะการแตกร้าวมากกว่าการเติบโต เพราะอายุเด็กชิในฟิคนี้ก็ประมาณ 18-19 นี่แหละ ซึ่งมันเขียนยากมาก 555555 แย่จริง 55555 ฝีมือไม่ถึงเลยเขียนออกมาแล้วไม่ได้ดั่งใจ ให้ตายสิตัวฉัน
ความสัมพันธ์
แน่นอนว่าเป็นซาโตชิคุงเป็นหลัก แต่ว่าในเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเราขอไม่คอนเฟิร์มดีกว่าว่าจะมีหรือไม่มี ส่วนตัวเขียนได้หมด แต่เรื่องนี้ไม่เน้นความสัมพันธ์แบบนี้เท่าไหร่ แต่โมเมนต์มาขัดน้ำตามีให้กระชุ่มกระชวยหัวใจแน่ๆ แต่หนักไปทางความสัมพันธ์ในส่วนอื่นมากกว่า
การแบทเทิล
ตามเสพพวกเกมมาบ้างตามช่องต่างๆ ที่เขาแคสต์กันแต่ส่วนตัวเราเองไม่ได้เล่น ดูอย่างเดียว แล้วติดอนิเมะมากกว่าด้วย ในส่วนของพวกมูฟต่างๆ ข้อมูลการแบทเทิลอาจจะไม่แน่นมากเท่าไหร่ อาจจะเขียนออกมาได้ไม่ดี ไม่สมจริงหรือเขียนน้อย ไม่อยากให้ผิดหวังกัน ,_, แต่มีในส่วนของแบทเทิลแน่นอนถึงจะสมกับโปเกม่อนเวิร์ส (ช่วยติ ช่วยแนะแนวทางให้กันได้นะคะ :D)
ความคิดเห็น