ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมตำนาน

    ลำดับตอนที่ #1 : ตำนาน เขาสามมุกและบางแสนแห่ง จังหวัดชลบุรี

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 49


    ตำนาน
    เขาสามมุก และบางแสนแห่งเมืองชลบุรี

                             เมืองชลบุรีสมัยอดีตโบราณนานมาแล้วนั้นยังไม่มีเขาสามมุกและชายหาดริมทะเลนั้นก็ยังมิได้ขนานนามว่า หาดบางแสน
                             ชายทะเลบางแสนนั้นในสมัยอดีตกาลเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
                             ภายในหมู่บ้านนี้ก็จะมีครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยมั่งคั่ง และเป็นผู้นำของแห่งหนตำบลนั้น ซึ่งหัวหน้าครอบครัวนี้ก็คือกำนันบ่าย ซึ่งเป็นกำนันที่ลูกบ้านพากันเคารพนับถือเป็นอย่างดีเสมอมา
                             กำนันบ่ายเป็นพ่อม่ายมีลูกชายอยู่คนเดียวมีชื่อว่า แสน
                             ลูกชายของกำนันบ่ายยังอยู่ในวัยรุ่นหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆในหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้น แต่ทว่าไม่มีสาวใดที่หนุ่มแสนจะถูกตาต้องใจแม้แต่น้อย
                             นอกจากจะออกทะเลดังเช่นเด็กหนุ่มทั่วไปในหมู่บ้านนั้นแล้ว ยามว่างหนุ่มแสนก็ชอบที่จะทำว่าวแล้วไปเล่นว่าวที่บริเวณชายหาดตามลำพังเสมอๆ
                             ในวันหนึ่ง หนุ่มแสนได้ไปเล่นว่าวที่ชายหาดเหมือนอย่างเคย แต่ปรากฎว่าบ่ายวันนั้นลมแรงจัดได้พัดเอาว่าวปักเป้าของหนุ่มแสนขาดลอยหายไป
                             หนุ่มแสนได้พยายามปีนป่ายตามโขดหิน ริมทะเลขึ้นไปบนหน้าผาก็ได้พบว่ามีสาวน้อยคนหนึ่งได้เก็บว่าวของตนเองไว้
                             สาวน้อยคนนั้นมีชื่อว่า สามมุก เป็นหลานสาวของยายเฒ่าที่ปลูกกระท่อมหลังน้อยๆ อยู่บนหน้าผาริมทะเลนั่นเอง
                             หนุ่มแสนความจริงก็ได้ยินมานานแล้วว่ายายเฒ่าที่อยู่บนหน้าผามีหลานสาวคนหนึ่งมาจากเมืองปลาสร้อยมาพำนักอาศัยอยู่ด้วยเป็นสาวน้อยที่หน้าตาสะสวยเป็นยิ่งนัก บรรดาหนุ่มๆ ในหมู่บ้านต่างก็พูดถึงสามมุกกันมานานแล้ว ด้วยความหลงใหลและหมายปอง
                             เมื่อหนุ่มแสนได้เจอกับสามมุกในบ่ายวันนั้น ก็รู้สึกถูกตาต้องใจในความงามของสาวน้อยที่ชื่อว่าสามมุกนี้เช่นกัน

                             สามมุกกับหนุ่มแสนก็ได้ทักทายและพูดคุยกันพอสมควรจากนั้นจึงได้มีการนัดพบกันเสมอๆ และได้สนิทสนมกันมากขึ้น จนในที่สุดทั้งคู่ก็รู้ตัวว่ามีความรักใคร่ในกันและกันเข้าแล้ว
                             ทุกครั้งที่มานัดพบกันบนหน้าผาแห่งนั้น ทั้งคู่ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างแสนหวานจนกระทั่งวันหนึ่งแสนและสามมุกก็ได้ในสัญญารักต่อกันว่า ทั้งคู่จะยึดมั่นในความรักไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหากไม่สามารถได้สมรักก็จะสังเวยชีวิตด้วยกัน ณ ที่หน้าผาอันเป็นที่พบกันครั้งแรกแห่งนี้
                             เมื่อได้ให้สัญญาต่อกันแล้วแสนก็ถอดแหวนที่นิ้วของตนสวมให้แก่สามมุก เพื่อเป็นเครื่องยืนยันความรักที่มีต่อกัน
                             ไม่ช้าไม่นานนัก ความสัมพันธ์ของแสนกับสามมุกก็ไม่สามารถเก็บไว้เป็นความลับได้ กำนันบ่ายผู้เป็นพ่อของหนุ่มแสนล่วงรู้เข้าก็โกรธเคืองลูกชายเป็นยิ่งนัก
                             เนื่องจากกำนันบ่ายได้พยายามไปทาบทามลูกสาวของพ่อค้าผู้มั่งคั่งในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงกันนั้นไว้แล้ว เพราะอยากให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาได้แต่งงานมีลูกมีหลานโดยเฉพาะจะต้องได้เจ้าสาวที่มีฐานะร่ำรวยเหมาะสมกับตนอีกด้วย
                             แต่สำหรับสามมุกนั้นกำนันบ่ายเห็นว่าเป็นเพียงหลานสาวของยายเฒ่าที่ปลูกระท่อมเล็กๆ พักอาศัยอยู่บนหน้าผามีอาชีพเก็บของในป่าขายเท่านั้น ไม่ใช่คนที่ถือว่าคู่ควรกันเลยแม้แต่น้อย

                             กำนันบ่ายได้เรียกแสนผู้เป็นลูกชายเข้าไปหาและได้สั่งกำชับกำชาว่าห้ามมิให้คบกับสามมุกอีกต่อไปถ้าขัดคำสั่งก็จะตัดลูกตัดพ่อกันเลยที่เดียว
                             นับจากวันนั้นแสนจึงมิได้ขึ้นไปที่หน้าผาเพื่อพบกับสามมุกหญิงผู้เป็นที่รักอีกเลย
                             สามมุกได้แต่เฝ้ารอคอยอยู่บนหน้าผาทุกๆวัน และในที่สุดเธอก็ได้ข่าวว่ากำนันบ่ายได้สู่ขอลูกสาวของพ่อค้าที่มีฐานะดีให้เป็นเจ้าสาวของแสนและจะมีพิธีวิวาห์ในเร็ววันนี้
                             สามมุกได้แต่โศกเศร้าเสียใจน้ำตารินไหลอยู่ที่หน้าผาทุกย่ำเย็นด้วยคิดว่าคนรักได้ลืมสิ้นกับคำสัญญาและหมดรักในตัวเธอแล้ว
                             ฝ่ายแสนนั้นก็ได้แต่ทุกข์ทรมานใจ แต่ยังมิรู้ว่าจะหาทางออกทางใดได้ เพราะในใจเขานั้นมีแต่สามมุกเท่านั้นไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
                             ครั้นเมื่อวันวิวาห์มาถึง ขณะที่แสนกำลังนั่งเคียงข้างอยู่กับเจ้าสาวเพื่อรอรับน้ำสังข์จากแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมอวยพรนั้น
                             จู่ๆเมฆฝนก็พัดสะลิ่วปลิวว่อนเต็มท้องฟ้าจนมืดครึ้มอึมครึมไปหมด พายุพัดอื้ออึงราวกับจะมีพายุฝนพัดกระหน่ำมาในไม่ช้านั้น
                             ในใจแสนคิดถึงแต่สามมุก และกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะหลีกหนีไปให้พ้นจากงานวิวาห์ได้
                             ขณะที่เขานั่งก้มหน้าพนมมือรอรับน้ำสังข์เคียงข้างกับเจ้าสาวนั้นเองเขาก็ได้เห็นมือคู่หนึ่งหยิบน้ำสังข์มารินอวยพรให้กับเขา แต่ทว่าสายน้ำที่รินหลั่งลงมาจากสังข์สู่มือเขานั้น ปรากฎว่ามีแหวนวงหนึ่ง ไหลออกมากับสายน้ำนั้นด้วย
                             แหวนวงนั้นตกต้องลงบนมือทำให้เขาต้องรีบเงยหน้าขึ้นทันที
                             แต่ทวาสาวน้อยผู้เป็นคนรดน้ำสังข์ให้เขานั้นได้วิ่งออกไปจากงานแต่งงานในทันทีทันใด
                             หนุ่มแสนไม่รอช้ารีบผละลุกขึ้นจากตั่งรดน้ำสังข์วิ่งพรวดออกไปจากงานพิธีวิวาห์ของตนทันที
                             แม้จะเอ่ยปากตะโกนร้องเรียกสามมุกอย่างไรแต่สามมุกคนรักของเขาก็ยังมิมีทีท่าว่าจะหยุด
                             เธอวิ่งอย่างสุดแรงเกิดวิ่งหนีขึ้นไปบนหน้าผา
                             หนุ่มแสนวิ่งตามไปเรื่อยๆท่ามกลางสายฝนที่พรั่งพรูลงมาอย่างหนัก

                             ครั้นพอขึ้นไปถึงหน้าผาอันเป็นจุดนัดพบเมื่อครั้งที่รักยังหวานชื่นนั้นสามมุกก็กระโดดพุ่งตัวลงมาจากหน้าผาสังเวยชีวิตสมกับที่เคยได้ให้คำมั่นสัญญากันไว้ในวันวานต่อหน้าต่อตาหนุ่มแสนนั้นเอง
                             ลมพายุพัดอื้ออึงสายฟ้าแลบแปลบปลาบ   เสียงฟ้าร้องคำรามโครมครือน่ากลัวแสนยืนหยุดนิ่งแสนยืนหยุดนิ่งเหมือนไร้ชีวิตอยู่บนหน้าผาแห่งนั้นมองลงไปที่ท้องทะเลเบื้องล่างเห็นคลื่นครางครวญปั่นป่วนราวกับทะเลกำลังบ้าคลั่ง
                             ในไม่ช้าไม่นานนัก หนุ่มแสนก็กระโจนพุ่งตัวลงจากหน้าผาตามสาวคนรักของตนไปเหมือนจะยืนยันในคำมั่นสัญญาที่ตนเองก็ได้เคยให้ไว้กับคนรักว่าจะอุทิศชิวิตสังเวยแด่ความรักที่ไม่สมหวังเช่นกัน
                             เมื่อกำนันบ่ายและแขกเหรื่อที่มาในงานพิธีพากันวิ่งตามมาดูบนหน้าผาและได้พบกับโศกนาฏกรรมอันแสนสะเทือนใจเช่นนั้น ทุกคนก็ถึงกับอึ้งโดยเฉพาะกำนันบ่ายถึงกับหลั่งน้ำเสียใจที่ตนเองเสียใจที่ตนเองเสมือนกับเป็นคนที่ฆ่าลูกเพราะขัดขวางในความรักของลูก จนลูกต้องหาทางออกด้วยการสังเวยชีวิตเช่นนั้น
                             กำนันบ่ายจึงได้ตั้งชื่อหน้าผาของหมู่บ้านชาวประมงนั้นว่า "สามมุก" และบริเวณหาดทรายริมทะเลเบื้องล่างหน้าผานั้นก็ได้รับการตั้งชื่อว่า "บางแสน" เพื่อให้ทั้งสองได้อยู่คู่เคียงกันไปชั่วกาลนาน

                            ทั้งเขาสามมุกและหาดบางแสนล้วนแต่เป็นอนุสรณ์สถานที่ระลึกแห่งความรักของคู่รักผู้ที่ยึดมั่นในสัญญาเมื่อครั้งอดีตกาลนั่นเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×