ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บันทึกวันประวัติศาสตร์ 19 / 9 / 49
นับตั่งแต่บ่ายจรดเย็น ของวันที่ 19 กันยาน 2549 ทุกแห่งเต็มไปด้วยข่าวลือแห่งความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นมากมายหลายกระแส ว่า จะมีทหารนำกำลังออกมาทำการ รัฐประหารยึดอำนาจจากนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ในตำแหน่งรัฐบาลรักษาการ คนไทยสนใจเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งความจริงเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อ ช่อง 5 ได้ตัดรายการประจำวันออกไปเมื่อเวลา 21.00 น. ของันที่ 19 กันยายน 2549 แล้วมีรายการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นมาแทน คนไทยที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองก็รู้ทันทีว่า จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญขึ้นแน่ๆ
แต่การรอคอยยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน จนกระทั่งเวลา 22.00 น. สถานีโทรทัศน์ทุกช่องหยุดรายการปกติ หันมารับสัญญาณจาก ช่อง 5 แต่ ช่อง 9 อสมท. ยังคงมีรายการปกติ จนถึงเวลา 22.15 น. ช่อง 9 อสมท. จึงมีภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการ ออกประกาศคำสั่งภาวะฉุกเฉิน 3 ฉบับ พอจบ ฉบับที่ 3 ช่อง 9 อสมท. ก็เปลี่ยนมารับสัญญาณจากช่อง 5 เหมือน ช่อง อื่นๆ
จนถึงเวลา 23.00 น. พล.ต.ประพาส ศกุนตนาค ก็ได้ออกแถลงการณ์ประกาศ คณะปฏิรูปการในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 1 ความว่า
" ด้วยเป็นที่ปรากฎความชัดเจนว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลรักษาการปัจจุบันได้ก่อให้เกิด ปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของคนในชาติอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทยต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัยการบริหารราชการแผ่นดิน อันส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ อย่างกว้างขวาง หน่วยงานองค์กรอิสระถูกครอบงำทางการเมือง ไม่สามารถสนอง ตอบเจตนารมณ์ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทำให้การดำเนินกิจการการทางการเมืองเกิดปัญหาแลฃะอุปสรรคหลายประการ ตลอดต่อการหมิ่นเหม่พระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่เคารพของประชาชนชาไทย อยู่บ่อยครั้ง แม้หลายภาค ส่วนของสังคมจะได้พยายามประนีประนอมคลี่คลายสถานการณ์มาโดยต่อเนื่องแล้วแต่ยังไม่สามารถทค่จะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งยุติลงได้ ดังนั้นคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาเข้ามาเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินเสียเอง แต่จะได้คืนอำนาจการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข กลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เพื่อธำรง รักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและความมั่นคงของชาติรวมทั้งเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน ประกาศ ณ เวลา 23.50 น. วันที่ 19 ก.ย. 2549 ลงชื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากณัตริย์ทรงเป็นประมุข "
หลังการประกาษแถลงการฉบับที่ 1 แล้ว ก็มีแถลงการณ์ ฉบับที่สองและสามตามมา พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงตามลำดับเหตุการณ์ ที่เป็นประวัติศาสตร์การเมืองอีกหน้าหนึ่งของประเทศไทย
เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งความจริงเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อ ช่อง 5 ได้ตัดรายการประจำวันออกไปเมื่อเวลา 21.00 น. ของันที่ 19 กันยายน 2549 แล้วมีรายการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นมาแทน คนไทยที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองก็รู้ทันทีว่า จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญขึ้นแน่ๆ
แต่การรอคอยยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน จนกระทั่งเวลา 22.00 น. สถานีโทรทัศน์ทุกช่องหยุดรายการปกติ หันมารับสัญญาณจาก ช่อง 5 แต่ ช่อง 9 อสมท. ยังคงมีรายการปกติ จนถึงเวลา 22.15 น. ช่อง 9 อสมท. จึงมีภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการ ออกประกาศคำสั่งภาวะฉุกเฉิน 3 ฉบับ พอจบ ฉบับที่ 3 ช่อง 9 อสมท. ก็เปลี่ยนมารับสัญญาณจากช่อง 5 เหมือน ช่อง อื่นๆ
จนถึงเวลา 23.00 น. พล.ต.ประพาส ศกุนตนาค ก็ได้ออกแถลงการณ์ประกาศ คณะปฏิรูปการในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 1 ความว่า
" ด้วยเป็นที่ปรากฎความชัดเจนว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลรักษาการปัจจุบันได้ก่อให้เกิด ปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของคนในชาติอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทยต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัยการบริหารราชการแผ่นดิน อันส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ อย่างกว้างขวาง หน่วยงานองค์กรอิสระถูกครอบงำทางการเมือง ไม่สามารถสนอง ตอบเจตนารมณ์ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทำให้การดำเนินกิจการการทางการเมืองเกิดปัญหาแลฃะอุปสรรคหลายประการ ตลอดต่อการหมิ่นเหม่พระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่เคารพของประชาชนชาไทย อยู่บ่อยครั้ง แม้หลายภาค ส่วนของสังคมจะได้พยายามประนีประนอมคลี่คลายสถานการณ์มาโดยต่อเนื่องแล้วแต่ยังไม่สามารถทค่จะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งยุติลงได้ ดังนั้นคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาเข้ามาเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินเสียเอง แต่จะได้คืนอำนาจการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข กลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เพื่อธำรง รักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและความมั่นคงของชาติรวมทั้งเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน ประกาศ ณ เวลา 23.50 น. วันที่ 19 ก.ย. 2549 ลงชื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากณัตริย์ทรงเป็นประมุข "
หลังการประกาษแถลงการฉบับที่ 1 แล้ว ก็มีแถลงการณ์ ฉบับที่สองและสามตามมา พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงตามลำดับเหตุการณ์ ที่เป็นประวัติศาสตร์การเมืองอีกหน้าหนึ่งของประเทศไทย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น