ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทแห่งอาร์เซนิคซ์ - เหยื่อกับผู้ไล่ล่า
Arseniquez\'s Episode - Predator and Prey
บทแห่งอาร์เซนิคซ์ - เหยื่อกับผู้ไล่ล่า
จันทร์สีเลือดส่องแสงแดงเจิดจ้ากลางฟากฟ้า
โลหิตที่หลั่งนองสาดสีแดงฉานทั่วผืนดิน...
นัยน์ตากระหายเลือดเยี่ยงอสูรร้าย...
เรืองแสงสีแดงกร้าวบนใบหน้าของชายผู้นั้น...
ปีศาจซึ่งยืนอยู่เพียงเดียวดายกลางลานสังหาร...
หัวเราะอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางกองร่างไร้วิญญาณ...
อาร์เซนิคซ์...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\"ท่านพี่! มาดูทางนี้เร็วสิ!\" เสียงเด็กชายน้อยร้องเรียกในขณะที่วิ่งเข้าไปหาเด็กสาวซึ่งเดินตามมาด้านหลัง บนผาสูงริมทะเลนั้นสายลมอ่อนพร้อมกลิ่นไอเกลือจางๆ พัดชายกระโปรงสีม่วงของเธอและผมสีน้ำเงินเข้มของทั้งสองให้พลิ้วไสวไปตามลม
\"มีอะไรหรือ อาร์เซนิคซ์?\" เด็กสาวถามอย่างสงสัยในขณะที่ผู้เป็นน้องชายส่งรอยยิ้มให้
\"มาดูที่ริมผาสิแล้วก็จะรู้เอง\" อาร์เซนิคซ์พูดยั่วก่อนจะกลับหลังหันวิ่งนำไปก่อนอีกครั้ง
\"นี่...เดี๋ยวก่อนสิอาร์เซนิคซ์!\" เด็กสาวยกชายกระโปรงซึ่งยาวระพื้นขึ้นก่อนจะออกวิ่งตามเด็กชายไปตามสันผา...
ทั้งสองวิ่งตามกันไปสู่แหลมเล็กๆที่ยื่นออกไปยังดวงอาทิตย์อัสดงใกล้ลับฟ้า แสงสีส้มอบอุ่นส่องจับร่างเด็กชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าป้ายหินป้ายหนึ่งซึ่งตั้งเด่นอยู่ราวกับจะจ้องมองดวงตะวันอยู่ ณ ที่นั่น ตลอดกาลนาน
\"ที่ \'ป้าย\' ของท่านแม่มีอะไรอยู่เหรอ\" ผู้เป็นพี่สาวถามขึ้นอีกครั้งในขณะที่คุกเข่าลงข้างน้องชาย อาร์เซนิคซ์ไม่พูดตอบหากแต่ชี้ไปที่สิ่งสิ่งหนึ่งบนพื้นหน้าป้ายหินนั้น รอยยิ้มบนริมฝีปากน้อยๆ กระจายไปทั่วใบหน้าและดวงตาสีแดงสุกสว่าง ที่เด็กสาวเห็นก็คือกล้าไม้ต้นเล็กๆ ที่เพิ่งแตกใบเล็กสีเขียวเข้มสองใบโผล่พ้นจากพื้นดินสีแดงคล้ำฝุ่น...เป็นสิ่งเดียวที่มีความเขียวขจีแห่งชีวิตในบริเวณนั้น ทำให้เธอพอจะเข้าใจถึงความตื่นเต้นของน้องชายซึ่งแทบจะไม่เคยเห็นต้นไม้จริงๆ มาก่อนเลย
โซลเบ็นอาณาจักรแห่งเผ่าปีศาจที่ทั้งสองอาศัยอยู่นั้นหาสีเขียวของพรรณไม้ได้ยากนัก...ไอปีศาจที่มีอยู่หนาแน่นราวกับจะทำลายพืชต่างๆไม่ให้มีโอกาสงอกงามในดินแดนแห่งนี้...
\"เอ๊ะ! นี่มันต้นวิสทีเรียนี่\" เด็กสาวอุทานขึ้นอย่างแปลกใจ \"ทำไมถึงมาขึ้นอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?\"
\"ต้นวิสทีเรีย...มันเป็นยังไงเหรอท่านพี่?\" เด็กชายถามขึ้นบ้าง
\"วิสทีเรียเป็นดอกไม้ที่ท่านแม่ชอบมากที่สุด\" ดวงตาของเด็กสาวเป็นประกายเมื่อหวนนึกถึงความหลัง \"ท่านแม่เคยพาพี่ไปดูดอกไม้นี่ครั้งหนึ่งในตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ดอกวิสทีเรียเป็นช่อสีม่วงอ่อน...สวยมาก\"
\"สวยเหมือนท่านแม่ใช่ไหม?\" อาร์เซนิคซ์ซักต่อ
\"จ้ะ\" ผู้เป็นพี่สาวตอบพลางสบตากับดวงตาที่แฝงแววอยากรู้ของน้องชาย เด็กชายไม่เคยแสดงความเศร้าสร้อยแม้เขาเองจะไม่เคยเห็นหน้าแม่ผู้ให้กำเนิดเลยสักครั้ง แม่ของทั้งสองซึ่งเป็นมนุษย์มีสุขภาพอ่อนแอ...เช่นเดียวกับพืชพรรณที่ไม่อาจดำรงอยู่ได้นานท่ามกลางกลุ่มไอปีศาจ นางสิ้นชีวิตลงหลังจากให้กำเนิดอาร์เซนิคซ์ได้ไม่นาน จากนั้นมาเด็กชายก็มีเพียงพี่สาวที่คอยดูแลเขามาแต่เด็ก...ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะตลอดเวลาราวกับเงาตามตัว เพราะแม้กระทั่งพ่อซึ่งยุ่งอยู่กับหน้าที่การงานเสมอก็มาพบสองพี่น้องได้พบเพียงนานๆ ครั้งเท่านั้น
\"ถ้าอย่างนั้น...ท่านแม่ก็ส่งดอกไม้ที่มาให้พวกเราน่ะสิ\" อาร์เซนิคซ์พูดขึ้นอย่างดีใจ แต่แล้วสีหน้าของเด็กน้อยกลับเจื่อนลง \"แต่ว่า...ถ้าทิ้งไว้มันจะอยู่ได้ไหมท่านพี่? ก็อากาศในโซลเบ็นน่ะ...\"
\"จริงสินะ\" เด็กสาวครุ่นคิด
\"เราจะ...ย้ายมันไปดูแลดีไหม? ก็พวกเราสองคนเป็นลูกครึ่งมนุษย์...ไอปีศาจคงไม่รุนแรงพอที่จะทำลายมันได้หรอก แล้วเราจะได้รดน้ำใส่ปุ๋ยให้มันโตเร็วๆ ด้วย\"
\"ก็ดีเหมือนกันนะ นี่ก็ใกล้จะวันเกิดของท่านพ่ออยู่แล้วด้วย จะได้ให้ต้นวิสทีเรียนี่เป็นของขวัญวันเกิดเสียเลย\"
\"แล้วมันจะบานทันวันเกิดท่านพ่อไหมล่ะท่านพี่?\"
\"คงอีกนานหรอก แต่แค่ได้เห็นต้นไม้ที่ท่านแม่เคยชอบ...ท่านพ่อก็คงจะดีใจมากแล้วล่ะ\" เด็กสาวยิ้มสดใส \"อาร์เซนิคซ์ช่วยพี่ขุดมันขึ้นมาหน่อยนะ จะได้ย้ายไปลงกระถาง\"
\"ได้เลยท่านพี่\" เด็กชายพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมลงมือขุด
\"เบาๆ หน่อยนะ เดี๋ยวรากมันจะขาดเสียก่อน\"
ทั้งสองพี่น้องช่วยกันเซาะดินรอบๆ ก่อนจะช้อนกล้าไม้ต้นเล็กนิดขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ในยามสนธยานั้นทั้งสองหันมายิ้มให้กัน...ยิ้มให้กับต้นวิสทีเรียที่เพิ่งจะแตกใบอ่อน...ยิ้มให้กับหลุมศพของผู้เป็นมารดา ณ ริมผาอันเงียบสงบ โดยหารู้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอย่างใดขึ้นกับทั้งสองในอนาคต...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เด็กน้อย...
เจ้าบริสุทธิ์ใสสะอาดดุจผ้าขาว...
หากอีกไม่ช้าเจ้าจะถูกชโลมเลือด...
ย้อมให้เป็นสีแดงฉาน...
เด็กน้อย...
เจ้าไร้เดียงสามิปรารถนาทำร้ายใคร...
หากเจ้าจะถูกผู้อื่นทำลายจนย่อยยับ...
หยิบยื่นความเจ็บปวดให้เกินทานทน....
เด็กน้อย
เจ้ามิอาจขัดขืน...
มิอาจต่อสู้...
เจ้าได้แต่ซึมซับความเจ็บแค้นไว้...
เพื่อปลดปล่อยกับผู้ที่หาได้รู้เห็น...
เด็กน้อย...
เจ้าเคยมีชีวิตสุขสงบ...
หากวันหนึ่งนามของเจ้าจะปรากฏ...
ลือนามทั่วผืนพิภพ...
ในฐานะจ้าวมารจอมราชันย์...
อาร์เซนิคซ์....
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ณ บ้านขนาดไม่ใหญ่นักไกลออกไปจากตัวเมืองโซลเบ็น เป็นที่ที่สองพี่น้องกำลังรอการกลับมาของผู้เป็นพ่ออย่างใจจดใจจ่อ อาร์เซนิคซ์นั่งเฝ้ากระถางต้นวิสทีเรียน้อยๆ ที่โตสูงขึ้นมาอีกราวนิ้วหนึ่งอย่างไม่วางตา ในขณะที่ผู้เป็นพี่สาวเทียวเข้าออกครัวอยู่เป็นหลายครั้ง เพื่อนำอาหารที่หายร้อนแล้วกลับเข้าไปอุ่นใหม่เตรียมรับพ่อซึ่งไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด
\"นี่ก็ค่ำแล้วนะท่านพี่\" อาร์เซนิคซ์เปรยขึ้นเบาๆ \"ทำไมท่านพ่อถึงได้กลับช้าอย่างนี้ก็ไม่รู้สิ คิดว่าท่านพ่อจะลืมวันเกิดตัวเองอีกหรือเปล่า?\"
\"ไม่หรอกมั้ง อาร์เซนิคซ์\" เด็กสาวตอบกับน้องชาย ถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างประหลาด \"ท่านพ่อคงมีธุระกับท่านซิลเวนัสล่ะมั้งก็เลยกลับช้า\"
\"ท่านซิลเวนัสน่ะเหรอ?\" เด็กชายย่นจมูกเมื่อนึกถึงภาพใบหน้าเหิ่ยวย่น จมูกงองุ้ม และดวงตาสีหยกเป็นประกายคมกริบของเอลฟ์ชรา \"เอลฟ์แก่นั่นน่ะเหรอ? ทำไมล่ะท่านพี่? ข้าเกลียดเขาจะตายไป...ก็เขาชอบทำหน้าตาน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้\"
\"แหม...เรานี่ เขาก็ไม่เห็นจะทำอะไรให้เราเลย ทำไมถึงต้องไปเกลียดเขาด้วยล่ะ?\"
\"ก็มันจริงนี่\"
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองในทันใดนั้น อาร์เซนิคซ์ผุดลุกขึ้นก่อนจะรีบตรงไปที่ประตูด้วยความดีใจ
\"ท่านพ่อกลับมาแล้ว!\"
มือน้อยๆ เอื้อมขึ้นปลดกลอนประตู ในขณะที่เด็กสาวนึกเอะใจขึ้นว่าทำไมผู้เป็นพ่อถึงต้องเคาะประดูด้วยในเมื่อตนเองก็มีกุญแจอยู่กับตัว
\"อาร์เซนิคซ์ เดี๋ยวก่อน!\" เธอร้องห้าม ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว ทันทีที่กลอนประตูถูกปลด ผู้ที่อยู่ด้านนอกก็เปิดประตูเข้ามาในทันที
...ผู้ที่อยู่หน้าประตูบานนั้นกลับไม่ใช่ผู้เป็นพ่อที่ทั้งสองพี่น้องรอคอย...
แต่เป็นร่างใหญ่กำยำของชายฉกรรจ์สามร่าง ซึ่งจากท่อนล่างลงไปถึงกีบเท้าทั้งสี่เป็นลำตัวของม้าสีดำสนิท...พวกเซ็นทอร์
บนใบหน้าที่มีรอยบากยาวของคนครึ่งม้าที่ยืนนำซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มเหิ้ยมเกรียมในขณะที่มันคว้าร่างเล็กๆ ของเด็กชายที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดไว้อย่างง่ายดาย
\"อย่าทำอะไรอาร์เซนิคซ์นะ!!\" เด็กสาวร้องพร้อมกับชักคทาออกมาจากห้วงอากาศเตรียมสู้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคมมีดที่จ่อติดลำคอของน้องชาย
\"ถ้าไม่อยากให้น้องแกโดนปาดคอล่ะก็ อย่าคิดสู้ดีกว่านังหนู\" มันแสยะยิ้ม
เด็กสาวจำใจสลายคทาให้หายกลับเป็นอากาศตามเดิม ในขณะที่เจ้าตัวหัวหน้าหันไปพยักพเยิดกับเซ็นทอร์อีกตนหนึ่งด้านหลัง ซึ่งพยักหน้าตอบรับแล้วหยิบขวดคล้ายขวดยาขนาดเล็กออกมากลิ้งส่งไปหยุดลงแทบเท้าเด็กสาว
\"ดื่มซะ\" เซ็นทอร์หัวหน้าสั่ง เด็กสาวจำใจหยิบขวดนั้นขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะเปิดฝาออก ข้างในนั้นเป็นน้ำยาสีดำสนิทส่งกลิ่นฉุนประหลาด อาร์เซนิคซ์ขยับตัวจะร้องห้าม ทว่าเงื้อมมือที่แข็งแกร่งราวปลอกเหล็กกับคมมีดที่อาจยื่นความตายให้ได้ทุกเสี้ยววินาทีหยุดเสียงของเขาเอาไว้ เด็กชายได้แต่จ้องมองผู้เป็นพี่สาวแตะขวดนั้นกับริมฝีปากแล้วกลืนของเหลวสีดำข้างในลงคอโดยไม่มีทางช่วยเหลืออะไรได้เลย
ขวดเปล่าตกลงกระทบกับพื้นแตกเสี่ยงๆ ในขณะที่ร่างของเด็กสาวฟุบลงกับพื้นด้วยท่าทางที่ทรมานราวกับถูกไฟเผา
\"นี่มัน...\"
\"ยาสะกดปีศาจไงล่ะ\" เซ็นทอร์ตัวหัวหน้าเฉลยด้วยทีท่าของผู้ชนะ \"แค่เพียงขวดเดียวก็ทำให้ปีศาจที่ทรงพลังที่สุดหมดพิษสงได้\"
มันส่งตัวอาร์เซนิคซ์ให้กับลูกน้องอีกตนหนึ่ง ก่อนจะย่างสามขุมมาหาเด็กสาวที่ไม่อาจขยับตัวได้เพราะความเจ็บปวด...แล้วจึงเชยคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับมัน
\"อืม...เจ้านี่ดูๆ ไปก็สวยไม่ใช่เล่นเลยนะ\" แววตาหื่นกระหายของมันทำให้เด็กสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจ \"พอหมดพลังแล้วก็เหมือนกับมนุษย์สาวๆ ที่ข้าชอบไม่มีผิด\"
\"นี่พวกเจ้า...จะทำ...อะไร...กับ...พวกเรา...?\" เธอกลั้นใจถาม
\"ทำอะไรงั้นเหรอ...ก็ไม่มีอะไรมากนักหรอก\" มันยิ้มอย่างแฝงเลศนัย \"ก็แค่อยากจะพาเจ้าสองคนไปเดินเล่นข้างนอกเท่านั้น คืนนี้อากาศดีจะตายไป\"
ว่าแล้วมันก็ช้อนร่างเด็กสาวที่ไม่อาจขัดขืนขึ้นพาดหลังตน หันกลับไปพยักหน้าส่งสัญญาณกับลูกน้องทั้งสองก่อนจะพาสองพี่น้องออกไปจากบ้านหลังนั้น...สู่ความหนาวเย็นของอากาศด้านนอกและความมืดมิดของยามราตรี
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\"เราจะหลีกเลี่ยงการกระทำรุนแรงไม่ได้เลยหรือท่านซิลเวนัส?\" ชายวัยกลางคนพูดขึ้นพลางซบหน้าลงกับฝ่ามือ ทั้งสองอยู่กันเพียงลำพังในห้องที่แทบจะมืดสนิท เพียงสิ่งเดียวที่ให้แสงสว่างก็มีแต่ตะเกียงดวงเล็กที่มีเปลวไฟสีม่วงลุกวูบวาบอยู่บนโต๊ะตรงหน้าทั้งสองเท่านั้น
\"มันจำเป็นนะท่าน\" เอลฟ์ชราที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเอ่ยเสียงแหบเครือ \"ข้าได้พยากรณ์ดูจากดวงดาวแล้ว ไม่มีทางเป็นอื่น หนึ่งในเด็กทั้งสองคนนั้นมีพลังมหาศาลแฝงอยู่...และมีดวงชะตาที่แข็งกล้าขนาดเป็นจอมมารในภายภาคหน้า หากไม่รีบตัดไฟแต่ต้นลมแล้ว มันอาจจะย้อนกลับมาแว้งกัดท่านเอลโนอิลในคราวหลังก็ได้\"
\"แต่ถึงอย่างไร เด็กทั้งสองก็เป็น...\"
\"ท่านลืมวาจาที่เคยลั่นไว้ในคราวนั้นแล้วหรือ?\" ซิลเวนัสขัดขึ้น \"คำสัตย์ที่ท่านได้ให้ไว้ต่อหน้าบัลลังก์จอมมาร...ว่าท่านจะกระทำการทุกอย่างเพื่อกำจัดสิ่งใดก็ตามที่เป็นภัยต่ออาณาจักรปีศาจ หรือตัวท่านเอลโนอิลเอง!\"
ผู้เป็นคู่สนทนาอึ้งไป เอลฟ์ชราสังเกตดูสีหน้าเป็นกังวลของเขาครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
\"ถึงแม้ท่านจะไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเรา...มันก็สายไปเสียแล้ว\" เขาเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างสู่ท้องฟ้ายามราตรีที่มืดสนิท มีเพียงแสงดาวบางดวงที่ส่องเป็นประกายริบหรี่เท่านั้น \"ขณะนี้ มือสังหารที่ข้าส่งไป...คงจะไปถึงบ้านของท่านแล้ว\"
\"ว่าอะไรนะ?!!\" ชายวัยกลางคนผุดลุกพรวดพราดด้วยความตกใจก่อนจะปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อของเอลฟ์ชราซึ่งตัวเล็กเตี้ยกว่าตนมากอย่างโกรธกรุ่น \"ซิลเวนัส!! ทำไมท่านถึง...\"
ผู้ถูกจู่โจมมิได้ปัดป้อง หรือโต้ตอบแต่อย่างใด เอลฟ์ชราเพียงแต่สบตากับดวงตาสีแดงฉานของชายผู้นั้นด้วยสายตาเรียบๆ หากแข็งกร้าว
\"ท่านจะฆ่าข้าตอนนี้ก็ได้...แต่กว่าท่านจะไปถึง เด็กทั้งสองก็จะตายตามข้าไปแล้วเช่นกัน\"
\"สกปรก!!\" ชายวัยกลางคนสบถ \"ในเมื่อเจ้าวางแผนทั้งหมดเอาไว้แล้ว ทำไมถึงต้องมาบอกข้าด้วย!?\"
\"ทัดดาซ...ข้าไม่นึกเลยว่าสหายเก่าแก่ที่ร่วมสร้างอาณาจักรปีศาจมาร่วมกับข้าจะเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงขนาดนี้เพราะผู้หญิงมนุษย์ที่ตายไปแล้วเพียงคนเดียว!!\"
ซิลเวนัสปัดมือของชายวัยกลางคนที่กำลังอึ้งตะลึงออกไปจากตน
\"ที่ข้าบอกให้ท่านรู้เรื่องนี้ก็เพื่อทดสอบใจของท่าน และข้าก็ได้เห็น...ว่าท่านไม่เหมือนจอมไสยเวทย์แห่งโลกมืดที่ข้าเคยรู้จักอีกแล้ว เราคงไม่มีอะไรจะพูดกันอีก...ทัดดาซ\" เขาพูดก่อนจะหันหลังให้คู่สนทนาโดยไม่พูดอะไรอีก ส่วนชายวัยกลางคนกลับรีบผลุนผลันออกไปจากห้องนั้น มุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของตน...ด้วยความเป็นห่วงเด็กทั้งสองผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา...โดยหารู้ไม่เลยว่ามันสายไปเสียแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานเท่าไร ทว่าตลอดเวลาที่พวกเซ็นทอร์แบกร่างทั้งสองเดินลึกเข้าไปในป่าที่เงียบสงัดนั้น ท้องฟ้าสีมืดไม่มีวี่แววว่าจะสว่างขึ้นเลย รอบด้านมีแต่เงาของลำต้นไม้สูงไร้ใบหลายต้น จนดูราวกับว่าพวกเขาถูกล้อมรอบโดยเหล่าภูตผีที่ส่อทีท่าคุกคาม...
สุดท้ายเซ็นทอร์ตัวหัวหน้าก็หยุดนิ่งในบริเวณหนึ่งซึ่งเป็นที่โล่งแคบๆ ปกคลุมด้วยหญ้าสั้นๆ กลางวงล้อมของหมู่ต้นไม้ ก่อนจะหันไปทางเซ็นทอร์อีกตนที่ยังคุมตัวอาร์เซนิคซ์อยู่
\"มัดไอ้เด็กนี่ไว้กับต้นไม้ซะ\" มันสั่งห้วนๆ ก่อนจะมองดูลูกน้องเหวี่ยงร่างเล็กๆ กระแทกเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างไม่ปรานีปราศัย แล้วมัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยเชือกหนังที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นมันจึงหันมามองร่างของเด็กสาวที่ถูกสะกดพลังบนหลังของตนเองบ้าง
เซ็นทอร์หน้าบากวางเด็กสาวลงกับพื้นหญ้าเย็นเยียบชื้นแฉะด้วยน้ำค้าง ก่อนจะก้มตัวลงใช้มือสากกระด้างลูบใบหน้าของเธอจนเด็กสาวนึกขยะแขยง
\"นี่เจ้า...จะทำอะไร...กับเรา...กันแน่...?\"
\"ถามได้...ก็ฆ่าพวกเจ้าไงล่ะ พวกเราไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับพวกเจ้าเลย แค่มีคนจ้างเราให้ทำ...ก็เท่านั้น\" มันหัวเราะในลำคอ \"แต่ว่านะ หน้าตาสวยๆ อย่างเจ้าถ้าจะต้องฆ่าให้ตายเดี๋ยวนี้ก็เสียดายแย่...\"
เด็กสาวพอจะเดาความหมายของมันออกจึงพยายามกระเถิบตัวหนี ทว่าเปล่าประโยชน์ ฤทธิ์ของยาสะกดปีศาจนั้นรุนแรงนัก เธอไม่อาจจะหนีพ้นจากเงื้อมมือที่ยื่นมาด้วยความประสงค์ร้ายได้เลย แต่แล้วในทันใดนั้น...
\"อย่าทำอะไรท่านพี่นะ!!\" อาร์เซนิคซ์ตะโกนขึ้นมา ในขณะเดียวกันเจ้าเซ็นทอร์หน้าบากกลับต้องร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับสะบัดมือเร่าๆ เมื่อจู่ๆ เปลวไฟก็ลุกพรึบติดมือของมัน!!
\"อ๊ากกก!!!\"
มันหันมามองลูกน้องสองตัวที่ยังละล้าละลังก่อนจะตวาด
\"พวกแกสองตัวมัวยืนเซ่ออะไรอยู่เล่า! เอาน้ำมาสิฟะ!!\"
เมื่อได้ยินดังนั้น เซ็นทอร์ตัวที่เคยส่งขวดน้ำยาสะกดปีศาจให้ก็ค้นจนได้ถุงหนังใส่น้ำ เจ้าเซ็นทอร์หน้าบากคว้ามันมาราดรดมือเพื่อดับไฟจนหมดถุง หนังของมันเพียงแต่พองแดงนิดหน่อยเท่านั้นเพราะเซ็นทอร์หนังหนามาก หากมันก็หันขวับมาหาเด็กชายที่ถูกมัดอยู่อย่างโกรธแค้น
\"ไอ้เด็กเวร...!!!\"
กีบเท้าที่กระแทกหน้าแรงพอดูนั้นทำให้เด็กชายรู้สึกเจ็บร้าวเข้าไปถึงสมอง...ถึงกับร้องไม่ออก ลิ้นสัมผัสได้ถึงรสกร่อยของเลือดที่กบปาก
\"อาร์เซนิคซ์!!\" เสียงกรีดร้องของผู้เป็นพี่สาวเรียกความสนใจของเซ็นทอร์หน้าบากกลับมาที่เธออีกครั้ง ด้วยความโกรธกรุ่นมันกระชากผมเด็กสาวดึงขึ้นมาอย่างรุนแรง
\"รักพี่สาวแกมากใช่มั้ย?...\" มันหันมาเข่นเสียงกับอาร์เซนิคซ์ \"ถ้างั้นก็จงดูซะ...ดูให้เต็มตา!\"
ภาพที่ผ่านสายตาเด็กชายพร่ามัวและแดงฉาน...จะเป็นเพราะเลือดจากหน้าผากที่แตกไหลเข้าตาเขาก็ไม่อาจรู้ได้ ทว่าเขายังพอเห็นกรอบร่างลางๆ ของเซ็นทอร์ตนนั้นที่กระชากตัวพี่สาวเขาขึ้นมาด้วยมือเพียงข้างเดียว
...และมีดขึ้นเงาที่มันกำไว้ในมืออีกข้างหนึ่งต้องแสงจันทร์สะท้อนเข้าตา...
\"อย่า------!!!!!!\" อาร์เซนิคซ์ตะโกนสุดเสียง...หากเสียงของเขาไม่มีอำนาจที่จะหยุดยั้งสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าได้เลย...
คมมีดแทงลงเต็มแรง...ทะลุกลางอกของเด็กสาวจนมิดด้าม เมื่อมันถูกชักออก...เลือดก็สาดพุ่งราวกับน้ำพุ ย้อมชุดของเธอจนโชก ร่างที่เหมือนชีวิตจะหลุดลอยไปแล้วค่อยๆ ล้มลงกับพื้น แม้ดวงตาจะยังลืมค้าง โดยมีเจ้าเซ็นทอร์หน้าบากผู้คร่าชีวิตยืนค้ำอยู่เหนือร่าง
\"ต่อไปก็ตาแกล่ะ...\" มันย่างสามขุมเข้ามาหาเด็กชายที่ยังตกตะลึงพร้อมกับยิ้มอย่างอำมหิต กระชากผมให้เด็กชายเงยหน้าขึ้นสบตากับมัน ดูสีหน้าของมันสะใจเหลือเกินที่ได้เห็นแววหวาดกลัวและน้ำตาใสๆ ในดวงตาคู่นั้น
\"กลัวเหรอ...ไอ้หนู? ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเดี๋ยวแกกับพี่แกก็จะได้เจอกันอีก...\"
คมมีดที่แดงฉานไปด้วยเลือดถูกจรดไว้กับคอของเด็กชาย
\"...ในนรกไงล่ะ\"
เซ็นทอร์หน้าบากปาดคอเด็กชายอย่างเลือดเย็น ปล่อยให้ศีรษะของร่างน้อยพับลงพร้อมกับที่เลือดหลั่งไหล
“พวกอ่อนแออย่างแกน่ะ...เป็นได้แค่ ‘เหยื่อ’ ให้พวกเราล่าเท่านั้นแหละ”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เด็กชายได้ยินก่อนที่พวกมันทั้งสามจะจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ...
อาร์เซนิคซ์ไม่รู้ว่าตนเองนอนรอความตายที่แสนจะทรมานอยู่นานเท่าใด ลมหายใจของเขาเริ่มติดขัดขึ้นทุกที มีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่ดังขึ้นในสมองของเขา...ตาย ใช่แล้ว เขากำลังจะตาย ขาดอากาศหายใจตายเพราะหลอดลมถูกตัดขาด ตายตามพี่สาว...
เด็กชายไม่ทันสังเกตเลยว่า ปลายนิ้วของเด็กสาวที่ดูเหมือนจะสิ้นชีวิตไปแล้วกลับกระดิกน้อยๆ ก่อนที่เธอจะรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่พาร่างอันบอบช้ำเข้ามาหาผู้เป็นน้องชายที่ถูกมัดติดกับต้นไม้
\"อาร์เซนิคซ์...\" เสียงแผ่วเบาจนเหมือนแว่วมาจากที่ไกลแสนไกลนั้น ชักนำสติอันเลือนลางของอาร์เซนิคซ์กลับมาอีกครั้ง เด็กชายลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพใบหน้าที่พร่ามัวของผู้เป็นพี่สาวปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาอ้าปากจะส่งเสียงเรียก แต่ก็มิอาจเปล่งเสียงใดออกมาได้เลย
\"อาร์เซนิคซ์...แข็งใจไว้นะ...\" ผู้เป็นพี่สาวโอบน้องชายเอาไว้ \"น้อง...จะตาย...ไม่ได้...นะ...\" ยังไม่ทันขาดคำ เด็กสาวก็ไอออกมาอย่างแรง กระอักเลือดสีแดงสดอาบริมฝีปากซีด...และกระเซ็นกระทบใบหน้าที่ฉายแววตื่นตระหนกของเด็กชาย
เธอรู้...ว่าเวลาของเธอนั้นเหลือน้อยเต็มทีแล้ว โลหิตที่หลั่งไหลออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์กับที่ทะลักออกมาทางปากนั้นฟ้องชัด หากพลังปีศาจของเธอมิได้ถูกสะกดไว้เช่นนี้เธอก็ยังมีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้บ้าง แต่ในสภาพที่ไร้พลังเช่นนี้ อีกไม่นานเธอก็จะต้องจบชีวิตลงเช่นเดียวกับมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น ทว่าน้องชายของเธอเล่า...? อาร์เซนิคซ์ยังเด็กนัก หากมันจะมีทางให้น้องชายของเธอรอดชีวิตไปได้แล้วล่ะก็... หากจะมีแม้ทางเลือกเดียวเท่านั้น...
เธอก็ยอม...ยอมที่จะสละชีวิตที่ใกล้สูญสิ้นเต็มทีนี้...เพื่อให้โอกาสกับอีกชีวิตหนึ่งที่เธอรักเป็นที่สุด...น้องชายผู้เยาว์วัย และมีหนทางอันยาวไกลกว่าอยู่ข้างหน้า ขอเพียงให้เขามีชีวิตรอดไปได้เท่านั้น...
รอยยิ้มน้อยๆ ที่ดูแสนเศร้าเหลือเกินปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเด็กสาวในขณะที่เธอกลั้นใจยกมือที่เปื้อนเลือดขึ้นช้าๆ
\"พ...พี่คงต้องตายแน่...แต่ยังไง...น้องก็ต้อง...มีชีวิตอยู่...ต่อไปนะ...\" เธอเลื่อนนิ้วมือที่สั่นเทาขึ้นจรดบนหน้าผากเด็กชาย ก่อนจะเริ่มวาดสัญลักษณ์บางอย่างลงไปด้วยเลือดของตนเองพร้อมกับร่ายคาถา
\"ฮาเดส...เจ้าแห่งแดนมรณะ...\"
อาร์เซนิคซ์เริ่มรู้แล้วว่าผู้เป็นพี่สาวคิดจะทำอะไร เด็กชายพยายามจะร้องห้าม ทว่าเขาทำได้เพียงร่ำร้องอยู่ในใจเท่านั้น....
อย่านะท่านพี่! ถ้าใช้มนต์ต้องห้ามนั่น...ตัวท่านพี่เองจะ...
\"...โปรดจงฟังคำร้องขอของข้า...รักษาชีวิตที่ใกล้ดับสูญนี้เอาไว้...\"
ชีวิตที่ต้องแลกกับชีวิตของท่านพี่น่ะ...ข้าไม่ต้องการมันหรอก!!
\"...เพื่อการนี้แล้ว...แม้นร่างของข้าจะต้องสูญสลาย...แม้นดวงวิญญาณของข้าจะต้องจมดิ่งสู่ห้วงลึกอันไร้ก้นบึ้ง...\"
พอเถอะท่านพี่!! พอที----!!!
\"ข้าก็ยินดี...ที่จะใช้ชีวิตของตนเองเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน...กับการปกปักชีวิตที่สำคัญต่อข้านี้...\"
เด็กสาวสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนจะตะโกนก้อง
\"อไรส์------!!!\"
เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นรอบร่างของทั้งสอง เด็กชายรู้สึกได้ถึงกระแสอบอุ่นที่เริ่มไหลเวียนเข้ามาเยียวยาบาดแผลที่คอของเขาจนหายสนิท...
แต่ผู้เป็นพี่สาวกลับฟุบลงซบเด็กชายเมื่อลำแสงนั้นจางหายไป...
\"ท่านพี่---!! ไม่นะท่านพี่---!!!\" อาร์เซนิคซ์กรีดร้องพร้อมกับพยายามดิ้นรนให้หลุดจากเชือกที่พันธนาการอยู่...แม้ว่ามันจะบาดผิวเนื้อจนเลือดไหลซิบ
ความพยายามของเด็กชายสำเร็จได้ในที่สุด...เชือกหนังขาดออกดังวืด
ทันทีที่เป็นอิสระ เขาก็รีบปราดไปประคองร่างเด็กสาวก่อนจะช้อนศีรษะของเธอขึ้น ทว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว ดวงตาของเธอปิดสนิท ลมหายใจหยุดนิ่ง หากที่ริมฝีปากยังมีรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับจะบอกกับผู้เป็นน้องชายว่า...พี่ดีใจที่เธอปลอดภัย...อาร์เซนิคซ์
\"ไม่จริงใช่ไหมท่านพี่!? ท่านพี่ลืมตาขึ้นสิ!! อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียวแบบนี้!!\"
...เพียงสิ่งเดียวที่ตอบกลับเขามาคือความเงียบงัน เด็กชายซบลงสะอื้นกับร่างไร้ชีวิตของผู้เป็นพี่สาวตลอดทั้งคืนนั้น...
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่เขาหลั่งน้ำตาออกมา...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\"อีกไม่นานหรอกท่านพี่...\" ชายหนุ่มรำพึงขึ้นเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นแตะอักขระโบราณกลางหน้าผากของเขา ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตจับจ้องไปที่หลุมฝังศพอันเงียบงันใต้โคนต้นไม้ไร้ใบ บนท่อนไม้ที่ถูกปักไว้ต่างป้ายหลุมศพมีตัวอักษรภาษาปีศาจสลักอยู่อย่างหยาบๆ ด้วยลายมือโย้เย้เหมือนเด็ก ทว่ารอยกดลึกบนเนื้อไม้กลับแสดงถึงความคับแค้นที่ยังคงฝังลึก...แม้ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยมานานแสนนานแล้วก็ตาม
นี่คือหลุมฝังศพซึ่งเด็กชายตัวน้อยพยายามสร้างขึ้นอย่างดีที่สุดเพื่อพี่สาวผู้เป็นที่รักเพียงคนเดียวจะได้นิทราอย่างสงบชั่วกาลนิรันดร์ ก่อนที่หัวใจและความรู้สึกอ่อนโยนของเขาจะตายตามเธอไป...เหลือไว้เพียงสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดกลางป่าอันมืดมิดและกว้างใหญ่เท่านั้น...
ในขณะที่ชายหนุ่มวางมือลงบนท่อนไม้นั้นพลางหวนนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เสียงเหยียบใบไม้แห้งที่ดังกรอบแกรบขึ้นด้านหลังก็บ่งบอกให้เขารู้ถึงการมาของคนผู้หนึ่ง...ซึ่งดูเหมือนจะตั้งใจให้เขารู้อยู่เช่นกัน
\"ใครกัน?\" ชายหนุ่มหันไปตามเสียง แลเห็นร่างที่ปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำยาวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้ายืนนิ่งอยู่ที่นั่น
\"คารวะท่านอาร์เซนิคซ์...\" ร่างนั้นเอ่ยเรียบๆ ในขณะที่ยังยืดกายตรง \"จ้าวปีศาจแห่งโซลเบ็น...ผู้สืบทอดแห่งท่านเอลโนอิล...และน้องชายผู้รอดชีวิตของหญิงสาวผู้หลับใหลอยู่ใต้สุสานแห่งนี้...\"
อาร์เซนิคซ์หรี่ตาลงอย่างระแวดระวัง
\"เจ้ารู้อะไรบ้างรึ?\"
เขารู้สึกเหมือนกับว่าใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นกำลังเผยอยิ้ม ถึงแม้จะไม่อาจมองเห็นก็ตามที
\"ข้ารู้เรื่องทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวท่าน...บางทีอาจจะรู้มากกว่าตัวท่านเองเสียด้วยซ้ำ...\" บุรุษในชุดดำหัวเราะน้อยๆ ในลำคอ \"ข้ารู้...แม้กระทั่ง \'ความปรารถนาที่แท้จริง\' ของท่านด้วย\"
\"งั้นเหรอ?\" เสียงของชายหนุ่มผู้มีอักขระโบราณจารึกกลางหน้าผากฟังดูไม่เชื่อถือเท่าใดนัก \"ขอโทษเถอะนะ ข้าไม่มีเวลาจะมายุ่งกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างเจ้านักหรอก\"
เขากลับหลังหันตั้งท่าจะเดินจากไป แต่แล้วเสียงของคู่สนทนากลับขัดขึ้นเสียก่อน
\"เราสองคนต่างก็เหมือนกัน...อาร์เซนิคซ์ พวกเราทั้งสองเคยได้ทิ้ง \'ความมีสำนึก\' และใช้ชีวิตอยู่อย่างสัตว์ป่าเช่นเดียวกัน\"
อาร์เซนิคซ์เหลียวกลับไปด้วยความสงสัย
\"นี่เจ้าต้องการอะไรกันแน่\"
\"สิ่งที่ข้าต้องการ...อาจไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องการ แต่ก็เป็นเป้าหมายร่วมของเราทั้งสองได้\"
ชายหนุ่มจ้องมองร่างที่อยู่ตรงหน้านิ่งนาน...ราวกับจะมองให้ทะลุผ้าคลุมสีดำไปถึงเนื้อแท้ข้างใต้ให้ได้
\"น่าสนุก\" เขาพูดขึ้นในที่สุดก่อนจะยิ้มเยือกเย็น \"ลองบอกข้ามาซิ ว่า \'ความปรารถนา\' ของเจ้า คืออะไร บางที...ข้าอาจจะยอมเล่นด้วยก็เป็นได้\"
บทแห่งอาร์เซนิคซ์ - เหยื่อกับผู้ไล่ล่า
จันทร์สีเลือดส่องแสงแดงเจิดจ้ากลางฟากฟ้า
โลหิตที่หลั่งนองสาดสีแดงฉานทั่วผืนดิน...
นัยน์ตากระหายเลือดเยี่ยงอสูรร้าย...
เรืองแสงสีแดงกร้าวบนใบหน้าของชายผู้นั้น...
ปีศาจซึ่งยืนอยู่เพียงเดียวดายกลางลานสังหาร...
หัวเราะอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางกองร่างไร้วิญญาณ...
อาร์เซนิคซ์...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\"ท่านพี่! มาดูทางนี้เร็วสิ!\" เสียงเด็กชายน้อยร้องเรียกในขณะที่วิ่งเข้าไปหาเด็กสาวซึ่งเดินตามมาด้านหลัง บนผาสูงริมทะเลนั้นสายลมอ่อนพร้อมกลิ่นไอเกลือจางๆ พัดชายกระโปรงสีม่วงของเธอและผมสีน้ำเงินเข้มของทั้งสองให้พลิ้วไสวไปตามลม
\"มีอะไรหรือ อาร์เซนิคซ์?\" เด็กสาวถามอย่างสงสัยในขณะที่ผู้เป็นน้องชายส่งรอยยิ้มให้
\"มาดูที่ริมผาสิแล้วก็จะรู้เอง\" อาร์เซนิคซ์พูดยั่วก่อนจะกลับหลังหันวิ่งนำไปก่อนอีกครั้ง
\"นี่...เดี๋ยวก่อนสิอาร์เซนิคซ์!\" เด็กสาวยกชายกระโปรงซึ่งยาวระพื้นขึ้นก่อนจะออกวิ่งตามเด็กชายไปตามสันผา...
ทั้งสองวิ่งตามกันไปสู่แหลมเล็กๆที่ยื่นออกไปยังดวงอาทิตย์อัสดงใกล้ลับฟ้า แสงสีส้มอบอุ่นส่องจับร่างเด็กชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าป้ายหินป้ายหนึ่งซึ่งตั้งเด่นอยู่ราวกับจะจ้องมองดวงตะวันอยู่ ณ ที่นั่น ตลอดกาลนาน
\"ที่ \'ป้าย\' ของท่านแม่มีอะไรอยู่เหรอ\" ผู้เป็นพี่สาวถามขึ้นอีกครั้งในขณะที่คุกเข่าลงข้างน้องชาย อาร์เซนิคซ์ไม่พูดตอบหากแต่ชี้ไปที่สิ่งสิ่งหนึ่งบนพื้นหน้าป้ายหินนั้น รอยยิ้มบนริมฝีปากน้อยๆ กระจายไปทั่วใบหน้าและดวงตาสีแดงสุกสว่าง ที่เด็กสาวเห็นก็คือกล้าไม้ต้นเล็กๆ ที่เพิ่งแตกใบเล็กสีเขียวเข้มสองใบโผล่พ้นจากพื้นดินสีแดงคล้ำฝุ่น...เป็นสิ่งเดียวที่มีความเขียวขจีแห่งชีวิตในบริเวณนั้น ทำให้เธอพอจะเข้าใจถึงความตื่นเต้นของน้องชายซึ่งแทบจะไม่เคยเห็นต้นไม้จริงๆ มาก่อนเลย
โซลเบ็นอาณาจักรแห่งเผ่าปีศาจที่ทั้งสองอาศัยอยู่นั้นหาสีเขียวของพรรณไม้ได้ยากนัก...ไอปีศาจที่มีอยู่หนาแน่นราวกับจะทำลายพืชต่างๆไม่ให้มีโอกาสงอกงามในดินแดนแห่งนี้...
\"เอ๊ะ! นี่มันต้นวิสทีเรียนี่\" เด็กสาวอุทานขึ้นอย่างแปลกใจ \"ทำไมถึงมาขึ้นอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?\"
\"ต้นวิสทีเรีย...มันเป็นยังไงเหรอท่านพี่?\" เด็กชายถามขึ้นบ้าง
\"วิสทีเรียเป็นดอกไม้ที่ท่านแม่ชอบมากที่สุด\" ดวงตาของเด็กสาวเป็นประกายเมื่อหวนนึกถึงความหลัง \"ท่านแม่เคยพาพี่ไปดูดอกไม้นี่ครั้งหนึ่งในตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ดอกวิสทีเรียเป็นช่อสีม่วงอ่อน...สวยมาก\"
\"สวยเหมือนท่านแม่ใช่ไหม?\" อาร์เซนิคซ์ซักต่อ
\"จ้ะ\" ผู้เป็นพี่สาวตอบพลางสบตากับดวงตาที่แฝงแววอยากรู้ของน้องชาย เด็กชายไม่เคยแสดงความเศร้าสร้อยแม้เขาเองจะไม่เคยเห็นหน้าแม่ผู้ให้กำเนิดเลยสักครั้ง แม่ของทั้งสองซึ่งเป็นมนุษย์มีสุขภาพอ่อนแอ...เช่นเดียวกับพืชพรรณที่ไม่อาจดำรงอยู่ได้นานท่ามกลางกลุ่มไอปีศาจ นางสิ้นชีวิตลงหลังจากให้กำเนิดอาร์เซนิคซ์ได้ไม่นาน จากนั้นมาเด็กชายก็มีเพียงพี่สาวที่คอยดูแลเขามาแต่เด็ก...ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะตลอดเวลาราวกับเงาตามตัว เพราะแม้กระทั่งพ่อซึ่งยุ่งอยู่กับหน้าที่การงานเสมอก็มาพบสองพี่น้องได้พบเพียงนานๆ ครั้งเท่านั้น
\"ถ้าอย่างนั้น...ท่านแม่ก็ส่งดอกไม้ที่มาให้พวกเราน่ะสิ\" อาร์เซนิคซ์พูดขึ้นอย่างดีใจ แต่แล้วสีหน้าของเด็กน้อยกลับเจื่อนลง \"แต่ว่า...ถ้าทิ้งไว้มันจะอยู่ได้ไหมท่านพี่? ก็อากาศในโซลเบ็นน่ะ...\"
\"จริงสินะ\" เด็กสาวครุ่นคิด
\"เราจะ...ย้ายมันไปดูแลดีไหม? ก็พวกเราสองคนเป็นลูกครึ่งมนุษย์...ไอปีศาจคงไม่รุนแรงพอที่จะทำลายมันได้หรอก แล้วเราจะได้รดน้ำใส่ปุ๋ยให้มันโตเร็วๆ ด้วย\"
\"ก็ดีเหมือนกันนะ นี่ก็ใกล้จะวันเกิดของท่านพ่ออยู่แล้วด้วย จะได้ให้ต้นวิสทีเรียนี่เป็นของขวัญวันเกิดเสียเลย\"
\"แล้วมันจะบานทันวันเกิดท่านพ่อไหมล่ะท่านพี่?\"
\"คงอีกนานหรอก แต่แค่ได้เห็นต้นไม้ที่ท่านแม่เคยชอบ...ท่านพ่อก็คงจะดีใจมากแล้วล่ะ\" เด็กสาวยิ้มสดใส \"อาร์เซนิคซ์ช่วยพี่ขุดมันขึ้นมาหน่อยนะ จะได้ย้ายไปลงกระถาง\"
\"ได้เลยท่านพี่\" เด็กชายพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมลงมือขุด
\"เบาๆ หน่อยนะ เดี๋ยวรากมันจะขาดเสียก่อน\"
ทั้งสองพี่น้องช่วยกันเซาะดินรอบๆ ก่อนจะช้อนกล้าไม้ต้นเล็กนิดขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ในยามสนธยานั้นทั้งสองหันมายิ้มให้กัน...ยิ้มให้กับต้นวิสทีเรียที่เพิ่งจะแตกใบอ่อน...ยิ้มให้กับหลุมศพของผู้เป็นมารดา ณ ริมผาอันเงียบสงบ โดยหารู้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอย่างใดขึ้นกับทั้งสองในอนาคต...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เด็กน้อย...
เจ้าบริสุทธิ์ใสสะอาดดุจผ้าขาว...
หากอีกไม่ช้าเจ้าจะถูกชโลมเลือด...
ย้อมให้เป็นสีแดงฉาน...
เด็กน้อย...
เจ้าไร้เดียงสามิปรารถนาทำร้ายใคร...
หากเจ้าจะถูกผู้อื่นทำลายจนย่อยยับ...
หยิบยื่นความเจ็บปวดให้เกินทานทน....
เด็กน้อย
เจ้ามิอาจขัดขืน...
มิอาจต่อสู้...
เจ้าได้แต่ซึมซับความเจ็บแค้นไว้...
เพื่อปลดปล่อยกับผู้ที่หาได้รู้เห็น...
เด็กน้อย...
เจ้าเคยมีชีวิตสุขสงบ...
หากวันหนึ่งนามของเจ้าจะปรากฏ...
ลือนามทั่วผืนพิภพ...
ในฐานะจ้าวมารจอมราชันย์...
อาร์เซนิคซ์....
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ณ บ้านขนาดไม่ใหญ่นักไกลออกไปจากตัวเมืองโซลเบ็น เป็นที่ที่สองพี่น้องกำลังรอการกลับมาของผู้เป็นพ่ออย่างใจจดใจจ่อ อาร์เซนิคซ์นั่งเฝ้ากระถางต้นวิสทีเรียน้อยๆ ที่โตสูงขึ้นมาอีกราวนิ้วหนึ่งอย่างไม่วางตา ในขณะที่ผู้เป็นพี่สาวเทียวเข้าออกครัวอยู่เป็นหลายครั้ง เพื่อนำอาหารที่หายร้อนแล้วกลับเข้าไปอุ่นใหม่เตรียมรับพ่อซึ่งไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด
\"นี่ก็ค่ำแล้วนะท่านพี่\" อาร์เซนิคซ์เปรยขึ้นเบาๆ \"ทำไมท่านพ่อถึงได้กลับช้าอย่างนี้ก็ไม่รู้สิ คิดว่าท่านพ่อจะลืมวันเกิดตัวเองอีกหรือเปล่า?\"
\"ไม่หรอกมั้ง อาร์เซนิคซ์\" เด็กสาวตอบกับน้องชาย ถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างประหลาด \"ท่านพ่อคงมีธุระกับท่านซิลเวนัสล่ะมั้งก็เลยกลับช้า\"
\"ท่านซิลเวนัสน่ะเหรอ?\" เด็กชายย่นจมูกเมื่อนึกถึงภาพใบหน้าเหิ่ยวย่น จมูกงองุ้ม และดวงตาสีหยกเป็นประกายคมกริบของเอลฟ์ชรา \"เอลฟ์แก่นั่นน่ะเหรอ? ทำไมล่ะท่านพี่? ข้าเกลียดเขาจะตายไป...ก็เขาชอบทำหน้าตาน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้\"
\"แหม...เรานี่ เขาก็ไม่เห็นจะทำอะไรให้เราเลย ทำไมถึงต้องไปเกลียดเขาด้วยล่ะ?\"
\"ก็มันจริงนี่\"
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองในทันใดนั้น อาร์เซนิคซ์ผุดลุกขึ้นก่อนจะรีบตรงไปที่ประตูด้วยความดีใจ
\"ท่านพ่อกลับมาแล้ว!\"
มือน้อยๆ เอื้อมขึ้นปลดกลอนประตู ในขณะที่เด็กสาวนึกเอะใจขึ้นว่าทำไมผู้เป็นพ่อถึงต้องเคาะประดูด้วยในเมื่อตนเองก็มีกุญแจอยู่กับตัว
\"อาร์เซนิคซ์ เดี๋ยวก่อน!\" เธอร้องห้าม ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว ทันทีที่กลอนประตูถูกปลด ผู้ที่อยู่ด้านนอกก็เปิดประตูเข้ามาในทันที
...ผู้ที่อยู่หน้าประตูบานนั้นกลับไม่ใช่ผู้เป็นพ่อที่ทั้งสองพี่น้องรอคอย...
แต่เป็นร่างใหญ่กำยำของชายฉกรรจ์สามร่าง ซึ่งจากท่อนล่างลงไปถึงกีบเท้าทั้งสี่เป็นลำตัวของม้าสีดำสนิท...พวกเซ็นทอร์
บนใบหน้าที่มีรอยบากยาวของคนครึ่งม้าที่ยืนนำซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มเหิ้ยมเกรียมในขณะที่มันคว้าร่างเล็กๆ ของเด็กชายที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดไว้อย่างง่ายดาย
\"อย่าทำอะไรอาร์เซนิคซ์นะ!!\" เด็กสาวร้องพร้อมกับชักคทาออกมาจากห้วงอากาศเตรียมสู้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคมมีดที่จ่อติดลำคอของน้องชาย
\"ถ้าไม่อยากให้น้องแกโดนปาดคอล่ะก็ อย่าคิดสู้ดีกว่านังหนู\" มันแสยะยิ้ม
เด็กสาวจำใจสลายคทาให้หายกลับเป็นอากาศตามเดิม ในขณะที่เจ้าตัวหัวหน้าหันไปพยักพเยิดกับเซ็นทอร์อีกตนหนึ่งด้านหลัง ซึ่งพยักหน้าตอบรับแล้วหยิบขวดคล้ายขวดยาขนาดเล็กออกมากลิ้งส่งไปหยุดลงแทบเท้าเด็กสาว
\"ดื่มซะ\" เซ็นทอร์หัวหน้าสั่ง เด็กสาวจำใจหยิบขวดนั้นขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะเปิดฝาออก ข้างในนั้นเป็นน้ำยาสีดำสนิทส่งกลิ่นฉุนประหลาด อาร์เซนิคซ์ขยับตัวจะร้องห้าม ทว่าเงื้อมมือที่แข็งแกร่งราวปลอกเหล็กกับคมมีดที่อาจยื่นความตายให้ได้ทุกเสี้ยววินาทีหยุดเสียงของเขาเอาไว้ เด็กชายได้แต่จ้องมองผู้เป็นพี่สาวแตะขวดนั้นกับริมฝีปากแล้วกลืนของเหลวสีดำข้างในลงคอโดยไม่มีทางช่วยเหลืออะไรได้เลย
ขวดเปล่าตกลงกระทบกับพื้นแตกเสี่ยงๆ ในขณะที่ร่างของเด็กสาวฟุบลงกับพื้นด้วยท่าทางที่ทรมานราวกับถูกไฟเผา
\"นี่มัน...\"
\"ยาสะกดปีศาจไงล่ะ\" เซ็นทอร์ตัวหัวหน้าเฉลยด้วยทีท่าของผู้ชนะ \"แค่เพียงขวดเดียวก็ทำให้ปีศาจที่ทรงพลังที่สุดหมดพิษสงได้\"
มันส่งตัวอาร์เซนิคซ์ให้กับลูกน้องอีกตนหนึ่ง ก่อนจะย่างสามขุมมาหาเด็กสาวที่ไม่อาจขยับตัวได้เพราะความเจ็บปวด...แล้วจึงเชยคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับมัน
\"อืม...เจ้านี่ดูๆ ไปก็สวยไม่ใช่เล่นเลยนะ\" แววตาหื่นกระหายของมันทำให้เด็กสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจ \"พอหมดพลังแล้วก็เหมือนกับมนุษย์สาวๆ ที่ข้าชอบไม่มีผิด\"
\"นี่พวกเจ้า...จะทำ...อะไร...กับ...พวกเรา...?\" เธอกลั้นใจถาม
\"ทำอะไรงั้นเหรอ...ก็ไม่มีอะไรมากนักหรอก\" มันยิ้มอย่างแฝงเลศนัย \"ก็แค่อยากจะพาเจ้าสองคนไปเดินเล่นข้างนอกเท่านั้น คืนนี้อากาศดีจะตายไป\"
ว่าแล้วมันก็ช้อนร่างเด็กสาวที่ไม่อาจขัดขืนขึ้นพาดหลังตน หันกลับไปพยักหน้าส่งสัญญาณกับลูกน้องทั้งสองก่อนจะพาสองพี่น้องออกไปจากบ้านหลังนั้น...สู่ความหนาวเย็นของอากาศด้านนอกและความมืดมิดของยามราตรี
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\"เราจะหลีกเลี่ยงการกระทำรุนแรงไม่ได้เลยหรือท่านซิลเวนัส?\" ชายวัยกลางคนพูดขึ้นพลางซบหน้าลงกับฝ่ามือ ทั้งสองอยู่กันเพียงลำพังในห้องที่แทบจะมืดสนิท เพียงสิ่งเดียวที่ให้แสงสว่างก็มีแต่ตะเกียงดวงเล็กที่มีเปลวไฟสีม่วงลุกวูบวาบอยู่บนโต๊ะตรงหน้าทั้งสองเท่านั้น
\"มันจำเป็นนะท่าน\" เอลฟ์ชราที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเอ่ยเสียงแหบเครือ \"ข้าได้พยากรณ์ดูจากดวงดาวแล้ว ไม่มีทางเป็นอื่น หนึ่งในเด็กทั้งสองคนนั้นมีพลังมหาศาลแฝงอยู่...และมีดวงชะตาที่แข็งกล้าขนาดเป็นจอมมารในภายภาคหน้า หากไม่รีบตัดไฟแต่ต้นลมแล้ว มันอาจจะย้อนกลับมาแว้งกัดท่านเอลโนอิลในคราวหลังก็ได้\"
\"แต่ถึงอย่างไร เด็กทั้งสองก็เป็น...\"
\"ท่านลืมวาจาที่เคยลั่นไว้ในคราวนั้นแล้วหรือ?\" ซิลเวนัสขัดขึ้น \"คำสัตย์ที่ท่านได้ให้ไว้ต่อหน้าบัลลังก์จอมมาร...ว่าท่านจะกระทำการทุกอย่างเพื่อกำจัดสิ่งใดก็ตามที่เป็นภัยต่ออาณาจักรปีศาจ หรือตัวท่านเอลโนอิลเอง!\"
ผู้เป็นคู่สนทนาอึ้งไป เอลฟ์ชราสังเกตดูสีหน้าเป็นกังวลของเขาครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
\"ถึงแม้ท่านจะไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเรา...มันก็สายไปเสียแล้ว\" เขาเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างสู่ท้องฟ้ายามราตรีที่มืดสนิท มีเพียงแสงดาวบางดวงที่ส่องเป็นประกายริบหรี่เท่านั้น \"ขณะนี้ มือสังหารที่ข้าส่งไป...คงจะไปถึงบ้านของท่านแล้ว\"
\"ว่าอะไรนะ?!!\" ชายวัยกลางคนผุดลุกพรวดพราดด้วยความตกใจก่อนจะปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อของเอลฟ์ชราซึ่งตัวเล็กเตี้ยกว่าตนมากอย่างโกรธกรุ่น \"ซิลเวนัส!! ทำไมท่านถึง...\"
ผู้ถูกจู่โจมมิได้ปัดป้อง หรือโต้ตอบแต่อย่างใด เอลฟ์ชราเพียงแต่สบตากับดวงตาสีแดงฉานของชายผู้นั้นด้วยสายตาเรียบๆ หากแข็งกร้าว
\"ท่านจะฆ่าข้าตอนนี้ก็ได้...แต่กว่าท่านจะไปถึง เด็กทั้งสองก็จะตายตามข้าไปแล้วเช่นกัน\"
\"สกปรก!!\" ชายวัยกลางคนสบถ \"ในเมื่อเจ้าวางแผนทั้งหมดเอาไว้แล้ว ทำไมถึงต้องมาบอกข้าด้วย!?\"
\"ทัดดาซ...ข้าไม่นึกเลยว่าสหายเก่าแก่ที่ร่วมสร้างอาณาจักรปีศาจมาร่วมกับข้าจะเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงขนาดนี้เพราะผู้หญิงมนุษย์ที่ตายไปแล้วเพียงคนเดียว!!\"
ซิลเวนัสปัดมือของชายวัยกลางคนที่กำลังอึ้งตะลึงออกไปจากตน
\"ที่ข้าบอกให้ท่านรู้เรื่องนี้ก็เพื่อทดสอบใจของท่าน และข้าก็ได้เห็น...ว่าท่านไม่เหมือนจอมไสยเวทย์แห่งโลกมืดที่ข้าเคยรู้จักอีกแล้ว เราคงไม่มีอะไรจะพูดกันอีก...ทัดดาซ\" เขาพูดก่อนจะหันหลังให้คู่สนทนาโดยไม่พูดอะไรอีก ส่วนชายวัยกลางคนกลับรีบผลุนผลันออกไปจากห้องนั้น มุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของตน...ด้วยความเป็นห่วงเด็กทั้งสองผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา...โดยหารู้ไม่เลยว่ามันสายไปเสียแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานเท่าไร ทว่าตลอดเวลาที่พวกเซ็นทอร์แบกร่างทั้งสองเดินลึกเข้าไปในป่าที่เงียบสงัดนั้น ท้องฟ้าสีมืดไม่มีวี่แววว่าจะสว่างขึ้นเลย รอบด้านมีแต่เงาของลำต้นไม้สูงไร้ใบหลายต้น จนดูราวกับว่าพวกเขาถูกล้อมรอบโดยเหล่าภูตผีที่ส่อทีท่าคุกคาม...
สุดท้ายเซ็นทอร์ตัวหัวหน้าก็หยุดนิ่งในบริเวณหนึ่งซึ่งเป็นที่โล่งแคบๆ ปกคลุมด้วยหญ้าสั้นๆ กลางวงล้อมของหมู่ต้นไม้ ก่อนจะหันไปทางเซ็นทอร์อีกตนที่ยังคุมตัวอาร์เซนิคซ์อยู่
\"มัดไอ้เด็กนี่ไว้กับต้นไม้ซะ\" มันสั่งห้วนๆ ก่อนจะมองดูลูกน้องเหวี่ยงร่างเล็กๆ กระแทกเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างไม่ปรานีปราศัย แล้วมัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยเชือกหนังที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นมันจึงหันมามองร่างของเด็กสาวที่ถูกสะกดพลังบนหลังของตนเองบ้าง
เซ็นทอร์หน้าบากวางเด็กสาวลงกับพื้นหญ้าเย็นเยียบชื้นแฉะด้วยน้ำค้าง ก่อนจะก้มตัวลงใช้มือสากกระด้างลูบใบหน้าของเธอจนเด็กสาวนึกขยะแขยง
\"นี่เจ้า...จะทำอะไร...กับเรา...กันแน่...?\"
\"ถามได้...ก็ฆ่าพวกเจ้าไงล่ะ พวกเราไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับพวกเจ้าเลย แค่มีคนจ้างเราให้ทำ...ก็เท่านั้น\" มันหัวเราะในลำคอ \"แต่ว่านะ หน้าตาสวยๆ อย่างเจ้าถ้าจะต้องฆ่าให้ตายเดี๋ยวนี้ก็เสียดายแย่...\"
เด็กสาวพอจะเดาความหมายของมันออกจึงพยายามกระเถิบตัวหนี ทว่าเปล่าประโยชน์ ฤทธิ์ของยาสะกดปีศาจนั้นรุนแรงนัก เธอไม่อาจจะหนีพ้นจากเงื้อมมือที่ยื่นมาด้วยความประสงค์ร้ายได้เลย แต่แล้วในทันใดนั้น...
\"อย่าทำอะไรท่านพี่นะ!!\" อาร์เซนิคซ์ตะโกนขึ้นมา ในขณะเดียวกันเจ้าเซ็นทอร์หน้าบากกลับต้องร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับสะบัดมือเร่าๆ เมื่อจู่ๆ เปลวไฟก็ลุกพรึบติดมือของมัน!!
\"อ๊ากกก!!!\"
มันหันมามองลูกน้องสองตัวที่ยังละล้าละลังก่อนจะตวาด
\"พวกแกสองตัวมัวยืนเซ่ออะไรอยู่เล่า! เอาน้ำมาสิฟะ!!\"
เมื่อได้ยินดังนั้น เซ็นทอร์ตัวที่เคยส่งขวดน้ำยาสะกดปีศาจให้ก็ค้นจนได้ถุงหนังใส่น้ำ เจ้าเซ็นทอร์หน้าบากคว้ามันมาราดรดมือเพื่อดับไฟจนหมดถุง หนังของมันเพียงแต่พองแดงนิดหน่อยเท่านั้นเพราะเซ็นทอร์หนังหนามาก หากมันก็หันขวับมาหาเด็กชายที่ถูกมัดอยู่อย่างโกรธแค้น
\"ไอ้เด็กเวร...!!!\"
กีบเท้าที่กระแทกหน้าแรงพอดูนั้นทำให้เด็กชายรู้สึกเจ็บร้าวเข้าไปถึงสมอง...ถึงกับร้องไม่ออก ลิ้นสัมผัสได้ถึงรสกร่อยของเลือดที่กบปาก
\"อาร์เซนิคซ์!!\" เสียงกรีดร้องของผู้เป็นพี่สาวเรียกความสนใจของเซ็นทอร์หน้าบากกลับมาที่เธออีกครั้ง ด้วยความโกรธกรุ่นมันกระชากผมเด็กสาวดึงขึ้นมาอย่างรุนแรง
\"รักพี่สาวแกมากใช่มั้ย?...\" มันหันมาเข่นเสียงกับอาร์เซนิคซ์ \"ถ้างั้นก็จงดูซะ...ดูให้เต็มตา!\"
ภาพที่ผ่านสายตาเด็กชายพร่ามัวและแดงฉาน...จะเป็นเพราะเลือดจากหน้าผากที่แตกไหลเข้าตาเขาก็ไม่อาจรู้ได้ ทว่าเขายังพอเห็นกรอบร่างลางๆ ของเซ็นทอร์ตนนั้นที่กระชากตัวพี่สาวเขาขึ้นมาด้วยมือเพียงข้างเดียว
...และมีดขึ้นเงาที่มันกำไว้ในมืออีกข้างหนึ่งต้องแสงจันทร์สะท้อนเข้าตา...
\"อย่า------!!!!!!\" อาร์เซนิคซ์ตะโกนสุดเสียง...หากเสียงของเขาไม่มีอำนาจที่จะหยุดยั้งสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าได้เลย...
คมมีดแทงลงเต็มแรง...ทะลุกลางอกของเด็กสาวจนมิดด้าม เมื่อมันถูกชักออก...เลือดก็สาดพุ่งราวกับน้ำพุ ย้อมชุดของเธอจนโชก ร่างที่เหมือนชีวิตจะหลุดลอยไปแล้วค่อยๆ ล้มลงกับพื้น แม้ดวงตาจะยังลืมค้าง โดยมีเจ้าเซ็นทอร์หน้าบากผู้คร่าชีวิตยืนค้ำอยู่เหนือร่าง
\"ต่อไปก็ตาแกล่ะ...\" มันย่างสามขุมเข้ามาหาเด็กชายที่ยังตกตะลึงพร้อมกับยิ้มอย่างอำมหิต กระชากผมให้เด็กชายเงยหน้าขึ้นสบตากับมัน ดูสีหน้าของมันสะใจเหลือเกินที่ได้เห็นแววหวาดกลัวและน้ำตาใสๆ ในดวงตาคู่นั้น
\"กลัวเหรอ...ไอ้หนู? ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเดี๋ยวแกกับพี่แกก็จะได้เจอกันอีก...\"
คมมีดที่แดงฉานไปด้วยเลือดถูกจรดไว้กับคอของเด็กชาย
\"...ในนรกไงล่ะ\"
เซ็นทอร์หน้าบากปาดคอเด็กชายอย่างเลือดเย็น ปล่อยให้ศีรษะของร่างน้อยพับลงพร้อมกับที่เลือดหลั่งไหล
“พวกอ่อนแออย่างแกน่ะ...เป็นได้แค่ ‘เหยื่อ’ ให้พวกเราล่าเท่านั้นแหละ”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เด็กชายได้ยินก่อนที่พวกมันทั้งสามจะจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ...
อาร์เซนิคซ์ไม่รู้ว่าตนเองนอนรอความตายที่แสนจะทรมานอยู่นานเท่าใด ลมหายใจของเขาเริ่มติดขัดขึ้นทุกที มีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่ดังขึ้นในสมองของเขา...ตาย ใช่แล้ว เขากำลังจะตาย ขาดอากาศหายใจตายเพราะหลอดลมถูกตัดขาด ตายตามพี่สาว...
เด็กชายไม่ทันสังเกตเลยว่า ปลายนิ้วของเด็กสาวที่ดูเหมือนจะสิ้นชีวิตไปแล้วกลับกระดิกน้อยๆ ก่อนที่เธอจะรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่พาร่างอันบอบช้ำเข้ามาหาผู้เป็นน้องชายที่ถูกมัดติดกับต้นไม้
\"อาร์เซนิคซ์...\" เสียงแผ่วเบาจนเหมือนแว่วมาจากที่ไกลแสนไกลนั้น ชักนำสติอันเลือนลางของอาร์เซนิคซ์กลับมาอีกครั้ง เด็กชายลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพใบหน้าที่พร่ามัวของผู้เป็นพี่สาวปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาอ้าปากจะส่งเสียงเรียก แต่ก็มิอาจเปล่งเสียงใดออกมาได้เลย
\"อาร์เซนิคซ์...แข็งใจไว้นะ...\" ผู้เป็นพี่สาวโอบน้องชายเอาไว้ \"น้อง...จะตาย...ไม่ได้...นะ...\" ยังไม่ทันขาดคำ เด็กสาวก็ไอออกมาอย่างแรง กระอักเลือดสีแดงสดอาบริมฝีปากซีด...และกระเซ็นกระทบใบหน้าที่ฉายแววตื่นตระหนกของเด็กชาย
เธอรู้...ว่าเวลาของเธอนั้นเหลือน้อยเต็มทีแล้ว โลหิตที่หลั่งไหลออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์กับที่ทะลักออกมาทางปากนั้นฟ้องชัด หากพลังปีศาจของเธอมิได้ถูกสะกดไว้เช่นนี้เธอก็ยังมีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้บ้าง แต่ในสภาพที่ไร้พลังเช่นนี้ อีกไม่นานเธอก็จะต้องจบชีวิตลงเช่นเดียวกับมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น ทว่าน้องชายของเธอเล่า...? อาร์เซนิคซ์ยังเด็กนัก หากมันจะมีทางให้น้องชายของเธอรอดชีวิตไปได้แล้วล่ะก็... หากจะมีแม้ทางเลือกเดียวเท่านั้น...
เธอก็ยอม...ยอมที่จะสละชีวิตที่ใกล้สูญสิ้นเต็มทีนี้...เพื่อให้โอกาสกับอีกชีวิตหนึ่งที่เธอรักเป็นที่สุด...น้องชายผู้เยาว์วัย และมีหนทางอันยาวไกลกว่าอยู่ข้างหน้า ขอเพียงให้เขามีชีวิตรอดไปได้เท่านั้น...
รอยยิ้มน้อยๆ ที่ดูแสนเศร้าเหลือเกินปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเด็กสาวในขณะที่เธอกลั้นใจยกมือที่เปื้อนเลือดขึ้นช้าๆ
\"พ...พี่คงต้องตายแน่...แต่ยังไง...น้องก็ต้อง...มีชีวิตอยู่...ต่อไปนะ...\" เธอเลื่อนนิ้วมือที่สั่นเทาขึ้นจรดบนหน้าผากเด็กชาย ก่อนจะเริ่มวาดสัญลักษณ์บางอย่างลงไปด้วยเลือดของตนเองพร้อมกับร่ายคาถา
\"ฮาเดส...เจ้าแห่งแดนมรณะ...\"
อาร์เซนิคซ์เริ่มรู้แล้วว่าผู้เป็นพี่สาวคิดจะทำอะไร เด็กชายพยายามจะร้องห้าม ทว่าเขาทำได้เพียงร่ำร้องอยู่ในใจเท่านั้น....
อย่านะท่านพี่! ถ้าใช้มนต์ต้องห้ามนั่น...ตัวท่านพี่เองจะ...
\"...โปรดจงฟังคำร้องขอของข้า...รักษาชีวิตที่ใกล้ดับสูญนี้เอาไว้...\"
ชีวิตที่ต้องแลกกับชีวิตของท่านพี่น่ะ...ข้าไม่ต้องการมันหรอก!!
\"...เพื่อการนี้แล้ว...แม้นร่างของข้าจะต้องสูญสลาย...แม้นดวงวิญญาณของข้าจะต้องจมดิ่งสู่ห้วงลึกอันไร้ก้นบึ้ง...\"
พอเถอะท่านพี่!! พอที----!!!
\"ข้าก็ยินดี...ที่จะใช้ชีวิตของตนเองเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน...กับการปกปักชีวิตที่สำคัญต่อข้านี้...\"
เด็กสาวสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนจะตะโกนก้อง
\"อไรส์------!!!\"
เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นรอบร่างของทั้งสอง เด็กชายรู้สึกได้ถึงกระแสอบอุ่นที่เริ่มไหลเวียนเข้ามาเยียวยาบาดแผลที่คอของเขาจนหายสนิท...
แต่ผู้เป็นพี่สาวกลับฟุบลงซบเด็กชายเมื่อลำแสงนั้นจางหายไป...
\"ท่านพี่---!! ไม่นะท่านพี่---!!!\" อาร์เซนิคซ์กรีดร้องพร้อมกับพยายามดิ้นรนให้หลุดจากเชือกที่พันธนาการอยู่...แม้ว่ามันจะบาดผิวเนื้อจนเลือดไหลซิบ
ความพยายามของเด็กชายสำเร็จได้ในที่สุด...เชือกหนังขาดออกดังวืด
ทันทีที่เป็นอิสระ เขาก็รีบปราดไปประคองร่างเด็กสาวก่อนจะช้อนศีรษะของเธอขึ้น ทว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว ดวงตาของเธอปิดสนิท ลมหายใจหยุดนิ่ง หากที่ริมฝีปากยังมีรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับจะบอกกับผู้เป็นน้องชายว่า...พี่ดีใจที่เธอปลอดภัย...อาร์เซนิคซ์
\"ไม่จริงใช่ไหมท่านพี่!? ท่านพี่ลืมตาขึ้นสิ!! อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียวแบบนี้!!\"
...เพียงสิ่งเดียวที่ตอบกลับเขามาคือความเงียบงัน เด็กชายซบลงสะอื้นกับร่างไร้ชีวิตของผู้เป็นพี่สาวตลอดทั้งคืนนั้น...
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่เขาหลั่งน้ำตาออกมา...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\"อีกไม่นานหรอกท่านพี่...\" ชายหนุ่มรำพึงขึ้นเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นแตะอักขระโบราณกลางหน้าผากของเขา ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตจับจ้องไปที่หลุมฝังศพอันเงียบงันใต้โคนต้นไม้ไร้ใบ บนท่อนไม้ที่ถูกปักไว้ต่างป้ายหลุมศพมีตัวอักษรภาษาปีศาจสลักอยู่อย่างหยาบๆ ด้วยลายมือโย้เย้เหมือนเด็ก ทว่ารอยกดลึกบนเนื้อไม้กลับแสดงถึงความคับแค้นที่ยังคงฝังลึก...แม้ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยมานานแสนนานแล้วก็ตาม
นี่คือหลุมฝังศพซึ่งเด็กชายตัวน้อยพยายามสร้างขึ้นอย่างดีที่สุดเพื่อพี่สาวผู้เป็นที่รักเพียงคนเดียวจะได้นิทราอย่างสงบชั่วกาลนิรันดร์ ก่อนที่หัวใจและความรู้สึกอ่อนโยนของเขาจะตายตามเธอไป...เหลือไว้เพียงสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดกลางป่าอันมืดมิดและกว้างใหญ่เท่านั้น...
ในขณะที่ชายหนุ่มวางมือลงบนท่อนไม้นั้นพลางหวนนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เสียงเหยียบใบไม้แห้งที่ดังกรอบแกรบขึ้นด้านหลังก็บ่งบอกให้เขารู้ถึงการมาของคนผู้หนึ่ง...ซึ่งดูเหมือนจะตั้งใจให้เขารู้อยู่เช่นกัน
\"ใครกัน?\" ชายหนุ่มหันไปตามเสียง แลเห็นร่างที่ปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำยาวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้ายืนนิ่งอยู่ที่นั่น
\"คารวะท่านอาร์เซนิคซ์...\" ร่างนั้นเอ่ยเรียบๆ ในขณะที่ยังยืดกายตรง \"จ้าวปีศาจแห่งโซลเบ็น...ผู้สืบทอดแห่งท่านเอลโนอิล...และน้องชายผู้รอดชีวิตของหญิงสาวผู้หลับใหลอยู่ใต้สุสานแห่งนี้...\"
อาร์เซนิคซ์หรี่ตาลงอย่างระแวดระวัง
\"เจ้ารู้อะไรบ้างรึ?\"
เขารู้สึกเหมือนกับว่าใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นกำลังเผยอยิ้ม ถึงแม้จะไม่อาจมองเห็นก็ตามที
\"ข้ารู้เรื่องทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวท่าน...บางทีอาจจะรู้มากกว่าตัวท่านเองเสียด้วยซ้ำ...\" บุรุษในชุดดำหัวเราะน้อยๆ ในลำคอ \"ข้ารู้...แม้กระทั่ง \'ความปรารถนาที่แท้จริง\' ของท่านด้วย\"
\"งั้นเหรอ?\" เสียงของชายหนุ่มผู้มีอักขระโบราณจารึกกลางหน้าผากฟังดูไม่เชื่อถือเท่าใดนัก \"ขอโทษเถอะนะ ข้าไม่มีเวลาจะมายุ่งกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างเจ้านักหรอก\"
เขากลับหลังหันตั้งท่าจะเดินจากไป แต่แล้วเสียงของคู่สนทนากลับขัดขึ้นเสียก่อน
\"เราสองคนต่างก็เหมือนกัน...อาร์เซนิคซ์ พวกเราทั้งสองเคยได้ทิ้ง \'ความมีสำนึก\' และใช้ชีวิตอยู่อย่างสัตว์ป่าเช่นเดียวกัน\"
อาร์เซนิคซ์เหลียวกลับไปด้วยความสงสัย
\"นี่เจ้าต้องการอะไรกันแน่\"
\"สิ่งที่ข้าต้องการ...อาจไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องการ แต่ก็เป็นเป้าหมายร่วมของเราทั้งสองได้\"
ชายหนุ่มจ้องมองร่างที่อยู่ตรงหน้านิ่งนาน...ราวกับจะมองให้ทะลุผ้าคลุมสีดำไปถึงเนื้อแท้ข้างใต้ให้ได้
\"น่าสนุก\" เขาพูดขึ้นในที่สุดก่อนจะยิ้มเยือกเย็น \"ลองบอกข้ามาซิ ว่า \'ความปรารถนา\' ของเจ้า คืออะไร บางที...ข้าอาจจะยอมเล่นด้วยก็เป็นได้\"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น