คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : The Story Untold (Opening Act : The Wrath) | Ophelia (2018)
INSPIRED BY : Ophelia (2018) | Dir. Claire McCarthy
RE-RELEASE DATE : DECEMBER 25, 2020
---------------------------------------------------------------------------
- เปิดประเดิมด้วยเรื่องที่เรารักมากและจะเก็บไว้เป็นความภูมิใจตราบชั่วกัลปาวสานแม้จะแต่งได้แค่บทนำหนึ่งตอน แต่ในหัวเรารู้หรอกว่าตัวเองวางพล็อตไว้ดีมากแค่ไหน 555 สนุกมากตั้งแต่ตอนหาแคสต์ คิดพล็อต พอแต่งจริงก็ยิ่งสนุกกับการสรรหาคำมาประดิดประดอย และทำให้เรายิ่งชื่นชมนับถือคนแต่งกับคนแปลแนวแฟนตาซีที่ดีจริงว่าเค้าเก่งจังวะที่มีคลังคำสละสลวยพวกนี้เก็บไว้ในหัว แต่ก็รู้เลยว่าตัวเราเองไม่สามารถแต่งต่อได้เพราะไม่ใช่ภาษาแนวที่ถนัดเลย และเราไม่สามารถแต่งได้โดยไม่ประสาทกินกับความอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบของตัวเองไปก่อน แต่ก็อยากจารึกไว้ว่าครั้งหนึ่งเคยได้ลองแต่งแนวนี้แล้วและเราพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มาก
- ยังหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้แต่งแมคไคย์บทวิปลาสออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้จริง ถึงจะรักเค้าที่สุดในบทพระเอกแสนดีจาก1917 แต่ตอนพลิกบทบาทก็โคตรกร้าวเลยนะ 555
— วิลเลียม เชกสเปียร์, แฮมเล็ต
CAST : ODYSSEUS - George MacKay | HEDY - Alexandra Dowling | ELIAS - Dean-Charles Chapman
ILITHIIA - Florence Pugh | PLISTONIKIS - Jude Law | HILDRED - Natalie Dormer
CALISTI - Rebecca Ferguson | TALMAI - Benedict Cumberbatch | EREL - John Malkovich
GELASIA - Antonia Clarke | ESAIAS - Tom Hughes | IPPOKRATIS - Aidan Gillen
.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นางควรต้องอยู่ในห้วงฝัน
ทว่ามันเป็นราตรีที่แปลก นางกระสับกระส่ายจนไม่อาจนิทราได้สนิทดี ทั้งที่เป็นราตรีแรกในเนิ่นนางที่นางเพลียจนศีรษะถึงหมอนแต่หัววัน ขนาดที่ไม่มีแก่ใจแม้จะดื่มไวน์องุ่นอันเป็นกิจวัตรทุกค่ำคืน แปลกพิกลดั่งหนึ่งได้รับสัญญาณบอกกล่าวเป็นสังหรณ์ประหลาด นางจึงรับรู้ได้ว่ามีผู้ลักลอบเข้ามาในห้องบรรทมของนาง
นางปาดป่ายมือซ้ายไปบนเตียง หากก็ไม่พบร่องรอยของผู้ที่ควรบรรทมอยู่ข้างนาง เขาหายไปที่ใด นางมิอาจรู้ได้ กระนั้นสังหรณ์ก็ฟ้องว่าชายที่ลอบเร้นเข้ามา หาใช่ชายที่นางเฝ้ารอ ทั้งยังไม่มีการบอกกล่าวจากองครักษ์หน้าห้องผู้ควรต้องรายงานหากมีอาคันตุกะมาเยือน
เช่นนั้นเฮดี ราชินีแห่งอาณาจักรโฟเตีย จึงแน่ใจกระทั่งรับรู้ได้โดยไม่มีกังขาว่าคนผู้นี้ลอบเข้ามาเพื่อปลงพระชนม์ ไม่มีเวลาให้ตรองว่าด้วยเหตุใดจึงมีผู้หมายมาดต้องการชีวิตในยามแผ่นดินสงบ เพราะสิ่งเดียวที่นางนึกได้คือการเคลื่อนมือไปใต้หมอนที่ศีรษะนางหนุนอยู่ แผ่วเบา น้อยนิด เงียบเชียบที่สุด ดังที่ท่านลุงพลิสโตนิกิสได้เคยสอนไว้
ด้วยฐานันดรของนาง แม้เป็นสตรีก็หาได้รับประกันว่าจะปลอดภัยกว่าบุรุษที่ต้องออกรบ ศึกชิงบัลลังก์มีให้เห็นอยู่เป็นเนืองในแทบทุกหน้าจารึกประวัติตระกูลนาง แม้นว่านางจะไม่ได้เป็นใหญ่เหนือไปกว่าชายที่ตนอภิเษก แต่หากมีผู้ปรารถนาชีวิตของเขา มีหรือที่ผู้ร่วมครองบัลลังก์เช่นนางจะพ้นเงื้อมมือไปได้
ผู้บุกรุกเยื้องย่างฝีเท้าเบาหวิวไม่กระดิกประดุจตีนแมว แทบไม่ได้ยินเมื่อพื้นห้องของนางปูด้วยผืนพรมทอมือนุ่มหนาชั้นเลิศ ของกำนัลในพิธีอภิเษกที่ท่านลุงนำมาจากดินแดนโพ้นทะเล ทว่านางกลับรับรู้ได้ทุกฝีก้าวดั่งภูตพรายกระซิบบอก แขกที่ไม่ได้รับเชิญพยายามหายใจเพียงแผ่ว หากเพราะมันเป็นความเงียบงันอันสงัดที่สุด นางจึงยินได้โดยไม่ต้องพึ่งอำนาจเหนือธรรมชาติใด
กระทั่งรับรู้ว่าบัดนี้วิฬาร์อันมีอำนาจเทียมเท่าเสือร้ายได้หยุดย่องแล้ว มันยืนนิ่งที่ข้างเตียงนาง ความหวาดหวั่นพล่านอยู่ทั่วร่างที่แสร้งทำเป็นหลับสนิท คิมหันต์นี้อบอ้าว ร้อนจนเหงื่อกาฬผุดพราย ผ่านไปแค่ไม่กี่วินาทีหรือนิจนิรันดร์ก็มิอาจแน่ใจได้ เมื่อนางรับรู้ถึงมือที่เงื้อขึ้นแม้ดวงตาจะปิดหลับ นางจงใจไม่ปิดมันให้สนิทจนเหมือนคนตาบอดยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ อีกทั้งแสงจันทร์กระจ่างที่อาบไปทั่วห้องจากหน้าต่างที่เปิดรับลมก็ช่วยให้นางเห็นเงาร่างนั้นได้
อึดใจนั้นเอง นางก็ชักมือซ้ายที่สอดอยู่ใต้หมอนออกมาพร้อมกริชที่ซ่อนไว้ใต้นั้น นางไม่ได้ผุดร่างขึ้นจากเตียง เพียงเงื้อมือที่ถือกริชไปยังทิศทางของผู้บุกรุก ขณะที่อีกมือหนึ่งฉวยคว้าข้อมือของเขาที่ก็กำกริชไว้เพื่อยับยั้งสิ่งใดก็ตามที่เขาจะทำไม่ให้เกิดขึ้น
การเคลื่อนไหวโดยไม่คาดคิดของนางหยุดการกระทำของผู้บุกรุกได้ชะงัด แต่กลับเป็นนางเสียเองที่ระงับความตระหนกบนดวงหน้าหมดจดไม่ได้ เมื่อได้รับรู้ในบัดดลนั้นเองว่าผู้ที่หมายมาดชีวิตของนางคือผู้ใด
“โอดิสซีอัส!”
นางเอ่ยชื่อเขาด้วยน้ำเสียงและแววตาประหวั่นสุดขีด ราวกับนรกมาเยือนตรงหน้า
โอดิสซีอัส สวามีของนาง กษัตริย์แห่งโฟเตีย ชายผู้ควรบรรทมอยู่ข้างนาง ทว่าบัดนี้ยืนจ่อคมมีดอยู่ข้างนาง
“ท่าน...ท่านจะฆ่าข้าหรือ”
แววตานางทอประกายสับสน ความไม่เข้าใจฉายฉาดอาบทั่วใบหน้าขาวที่เผือดซีดไปแล้ว ขณะมองสบกับดวงหน้าของชายที่ตนรักและพร้อมมอบใจให้นับตั้งแต่แรกรู้จัก ชายผู้โอบกอดนางแนบแน่นด้วยมือคู่นั้นขณะให้คำสัตย์ว่าจะปกป้องดูแลนางตราบชีวาวาย แต่นางไม่อาจวางใจในมือคู่นั้นที่แกร่งกล้าเหมือนเหล็กกล้าได้อีกต่อไป กระทั่งเข้าใจว่าหากตนยอมโอนอ่อนผ่อนแรง ชีวีของนางที่เขาเคยบอกว่าจะรักษาก็คงจากไปด้วยน้ำมือของเขาเอง
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าให้ตาย”
แม้เฮดีจะรับรู้ว่ามันต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เสมือนกฎที่ถูกตราไว้มิให้ผู้ใดเปลี่ยนแปลง เพราะโอดิสซีอัสเป็นบุรุษ เป็นนักรบ เป็นอัศวิน เป็นราชันย์—ตำแหน่งที่มีเพียงนางที่มอบให้ได้ วรกายของชายหนุ่มผู้ได้รับการฝึกฝนในทางสู้รบอย่างทรหดแทบทุกวันคืนย่อมแข็งแรงกว่านาง จริงแท้ดุจดั่งชะตาในฐานันดรของนาง เจ้าหญิงที่ในวันหน้าจะได้เป็นราชินี การสู้รบไม่อาจเป็นวิถีของนาง แต่เป็นหนทางของผู้รับใช้นาง...กับชายที่จะมาอยู่เคียงข้างนางในฐานะสวามี
นางร้องออกมาเมื่อข้อมือถูกบิดจนกริชร่วงไปบนเตียง ตำแหน่งที่โอดิสซีอัสเคยบรรทมกับนางอยู่ทุกค่ำคืน ดั่งหนึ่งจะย้ำเตือนนางอย่างชัดเจนด้วยความจริงอันโหดร้ายที่สุด มีดที่ควรปกปักนางมีค่าไม่มากไปกว่าไร้ค่า สิ่งที่ทำให้นางอุ่นใจ คนที่นางวางใจพึ่งพิง สุดท้ายทุกอย่างนั้นกลับย้อนมาเล่นงานความเชื่อใจของนางจนกระอัก
“แต่เจ้าจะต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น”
เฮดีไม่อาจต้านทานอันใดได้อีก เพราะทันใดคมมีดแหลมกริบที่เป็นประกายต้องล้อกับแสงจันทร์ในมือเขา ก็แทงผ่านชุดนอนสีฟ้าอ่อนตัวบางไปถึงผิวหนังอ่อนนุ่มใต้ราวอกซ้ายโดยไม่ลังเล อนงค์นางผู้ถูกประคบประหงมอย่างทะนุถนอมมาทั้งชีวิตไม่เคยพานพบกับความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน แม้จะรวดร้าวทรมานเพียงใด แต่นางกลับไม่กรีดร้อง มือทั้งสองข้างของนางกอบกุมแขนขวาของเขาที่คมมีดยังคงกรีดแทงแม้รู้ว่าไร้ประโยชน์ กรของเขาก็เหมือนเสาต้นสุดท้ายที่ไม่ช้าก็จะร่วงลงมาทับนางให้แดดิ้น
“ท่าน...ท่านทำแบบนี้ทำไม ข้า...ข้าไม่เข้าใจ ข้าทำผิดอะไร”
โลหิตไม่เพียงทะลักจากอกจนย้อมชุดสีฟ้าและผ้าปูเตียงสีขาวให้เป็นอรรณพแดงฉาน หากยังหลั่งรินออกจากปากนางเมื่อเอื้อนเอ่ยวจีเหล่านั้น ปะปนไปกับน้ำตาที่ร่วงพรู เฮดีมองเห็นดวงเนตรของสวามีนางวูบสั่นบนใบหน้าเย็นชาที่นางไม่เคยเห็น นางรับรู้ได้ทุกขณะจิตถึงคมมีดที่กดลึกลงไปทุกขณะ ทว่าแท้จริงมันก็แค่การปูทางไปสู่คำตอบที่เหี้ยมโหดกว่านั้น
“ลุงของเจ้าทำให้อิลิธีอาต้องตาย นางตายแล้ว หญิงเดียวที่ข้ารักสิ้นแล้ว!”
โลหะสีเงินวาววับเพียงแทงเฉียดหัวใจนาง ทว่าคำตอบของเขาและใบหน้าบิดเบี้ยวจากการพยายามกลั้นน้ำตาต่างหากที่กรีดแทงลงมายังดวงหทัยของนาง หากจะเปรียบว่ามันอาบพิษงูด้วยก็ไม่เกินความจริง
โอดิสซีอัสเป็นชายที่นางรักมากว่าเจ็ดปี เป็นสวามีที่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับนางมานับหกเดือน ชายผู้เป็น ‘คนแรก’ ของนางในทุกความหมาย ชายผู้เดียวที่ได้สวมแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง มอบจุมพิตแลกเปลี่ยนคำรักกับนางนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งยังให้สัตย์สาบานว่าจะรักแต่เพียงนางตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต
แต่ตอนนี้ชายคนนั้นกลับบอกว่ารักหญิงอื่น...หญิงเดียวที่เขารัก...อย่างนั้นหรือ
ชื่อของหญิงผู้นั้น อิลิธีอา สนมของนาง คนที่นางรักดุจดั่งพี่น้อง หญิงที่นางสนิทที่สุด เพื่อนที่นางไว้วางใจ ไม่เคยแม้แต่จะระแวงแคลงใจ อิลิธีอารับรู้รับฟังความรักหมดใจที่นางมีให้โอดิสซีอัสมาตั้งแต่ยังเยาว์ แล้วเหตุใด...พวกเขาไปรักกันลับหลังนางตอนไหน
สวรรค์อาจคิดว่าเท่านี้ยังไม่สาสมกับนางผู้อาจมีบาปหนาติดมาแต่ชาติก่อน จึงทำให้นางได้รู้ว่าโอดิสซีอัสรักหญิงอีกคนมากจนคลุ้มคลั่งทำร้ายภรรยาของตนได้ลงคอ
ภรรยาที่ทำให้สายเลือดขุนนางอย่างเขาได้เป็นกษัตริย์ คนที่เอาบัลลังก์กับอาณาจักรมาถวายใส่พานให้ อุทิศทุกอย่างให้เขาทุกวันคืนโดยไม่เหน็ดเหนื่อย กระทั่งชีวิตก็สละให้ได้แค่เพียงเอ่ยขอ หญิงผู้โง่เขลายิ่งกว่าลาโง่มองไม่เห็นกิโยตินเบื้องหน้าที่เขารอสับหัวนางให้สะบั้นจากบ่า
ก่อนสติสัมปชัญญะของเฮดีจะพ้นไปจากรัตติกาลนรกานต์นี้ นางก็มองหน้าสบตาผู้เป็นสวามีแน่วแน่ด้วยใบหน้าที่ไหวสั่น แต่กระทั่งในช่วงเวลาที่นางพรั่นหวั่นว่าอาจไม่ได้อยู่ดูทิวาใหม่ในวันข้างหน้า แววตาอันรวดร้าวที่สุดของนางก็ปราศจากความคั่งแค้นจากการถูกคนที่รักทั้งสองทรยศ
แม้จะรับรู้ว่าสิ่งเดียวที่โอดิสซีอัสมอบให้นางในตอนนี้…หรืออาจเป็นตลอดไป ก็มีเพียงแค่ ‘โทสะ’ เท่านั้น
ปล. นาม Odysseus มีความหมายว่า Full of wrath และ Hedy มีความหมายว่า Fighting a battle
- แรกสุดเลยนะ มันเริ่มจากเราได้แปลซิตคอมเรื่องนึงที่มีฉากตัวเอกเล่นละครเวทีของเชกสเปียร์ ขนาดแค่นิดเดียวแต่เรายังว่ายากฉิบหาย มันก็เลยเป็นความแค้นที่สุมอยู่ในใจ อัดอั้นมาสักพักใหญ่ ฝังใจว่าสักวันเราจะแต่งเรื่องราวแนวเชกสเปียร์ได้ด้วยคลังภาษาที่เรามีเนี้ยแหละ (ก็ปกตินะ...)
- แล้วทีนี้เราก็ยังอินกับ 1917 เลยไปหาดูคลิปแชปแมนใน GoT แล้วก็เฮ้ย แม่มอญ อยากแต่งเค้าลุคนี้! (แต่บทไม่ใช่แน่นอน...) จากนั้นก็เพิ่งได้แผ่นหนังเรื่อง Ophelia ที่แมคไคย์เล่นมาดู โอ้โห บอกเลยว่าเรื่องนี้แหละทำเอาเราไม่ติดที่ ไม่ได้จะด่านะ แต่(ก็จะด่าว่า)พล็อตเบาหวิวเหลือทนจนเราทนไม่ได้! ดูแล้วโกรธมาก ด่าจนหมดคำด่า ไม่ไหวแล้ว เราอยากได้ tragedy! เราแต่งเองก็ได้โว้ย! บอกเลยว่าบทที่เราตั้งตารอที่สุดคือตอนแฮมเล็ตแกล้งเป็นบ้า แต่กลายเป็นว่าเราดูแล้วจะบ้าแทน กับอีกฉากที่แฮมเล็ตฆ่าพ่อโอฟีเลียโดยไม่ตั้งใจ (ไม่สปอยล์ มันมีในเรื่องย่อ) แต่บทไม่ขยี้อะไรให้เลย นางไม่แค้นอะไรแฮมเล็ตเลย โอ้โห เรางงมาก หงุดหงิดมาก ไม่เป็นไร เราแต่งให้เค้าบ้าเองได้ ให้มีตัวละครแค้นที่คนที่รักต้องตายเองก็ได้ มันจะต้องเป็นโศกนาฏกรรมจริง! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
- พล็อตจะออกแนวเรื่องราววิปริตในวัง คนนั้นบ้า คนนี้ประสาท คนโน้นโรคจิต ความคิดบิดเบี้ยว ความสัมพันธ์ผิดทำนองคลองธรรม (คนปกติธรรมดาอย่างเฮดีก็มี) และแน่นอนว่า กั่กกั่ก น้ำเน่าโว้ย!! อาจไม่ประเทืองปัญญาหรือให้อะไรกับสังคม หากตรรกะบางอย่างผิดเพี้ยนก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า
- เราโตมากับการเล่นเกมไฟนอลแฟนตาซี ดังนั้นเรามั่นใจว่าตัวเองก็มีความรู้เรื่องในรั้วในวังในระดับหนึ่ง -_,- (ได้เหรอ...) แต่พวกราชาศัพท์ภาษาไทยก็ยังคงเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเรามาก (ปกติไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้ด้วย นิยายมีราชาศัพท์เรื่องเดียวที่เราอ่านเป็นสิบยี่สิบรอบก็คือนาร์เนีย) แต่เราแน่ใจว่าพล็อตเรามีดีพอตัว (ขอหลงตัวเองหน่อยวะ!) ภาษาอาจดูประดิษฐ์หรือตั้งใจมากจนสังเกตได้ เดี๋ยวก็ใช้ราชาศัพท์เดี๋ยวก็ไม่ใช้ แต่แน่นอนว่ามันก็เป็นอะไรที่เราตั้งใจเต็มที่เหมือนทุกเรื่องที่เราแต่งเสมอค่ะ :3
ความคิดเห็น