คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทเริ่มต้น
ภายในถ้ำอันมืดมิดที่ซึ่งแสงสว่างจากดวงจันทร์ในยามค่ำคืนหรือแม้กระทั่งดวงอาทิตย์ในยามกลางวันก็มิอาจส่องถึง คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสาบของโครงกระดูกสิ่งมีชีวิตที่เรียกตนเองว่า ‘มนุษย์’ เป็นสถานที่ซึ่งมนุษย์ทั่วไปมิอยากล่วงล้ำ หรือย่างกรายเดินผ่าน
หากแต่บัดนี้กลับปรากฏร่างๆหนึ่งถูกมัดตรึงไว้กับขื่อไม้เก่าๆ
ร่างบางของหญิงสาวผู้มีผิวพรรณงดงามผ่องใส แต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีขาวทั้งตัว ผมสีน้ำตาลเกลียวคลื่นถูกมัดด้วยผ้าบางสีขาวซึ่งเข้ากันกับชุด และบนศีรษะประดับด้วยมงกุฎดอกไม้ ที่ทำจากเถาวัลย์ของต้นไอวี่
ร่างบางขยับตัวกระสับกระสายไปมาท่ามกลางความมืดสลัว ที่มีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงที่พอทำให้มองเห็นอะไรได้ลางๆเท่านั้น
มือสองข้างที่ถูกไพล่ไว้ด้านหลัง กำลังพยายามใช้มีดเล่มบางที่ถูกซ่อนไว้ในแขนเสื้อ หั่นเส้นเชือกขนาดใหญ่ที่พันธนาการตนไว้อย่างแน่นหนา
ตึง... ตึง เสียงฝีเท้าหนักๆที่บ่งบอกถึงขนาดอันใหญ่โตของสิ่งมีชีวิต ดังเข้ามาในโสตประสาทของหญิงสาว ยังผลให้ขนในกายลุกชัน เลือดในกายเย็นเฉียบ
ตึง... ตึง เสียงเริ่มดังเข้ามาใกล้ทุกที...ทุกที พร้อมกับเสียงหัวใจของหญิงสาวที่เต้นถี่รั่วขึ้นทุกขณะ
‘อีกนิดเดียวเท่านั้น’ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงปลายเชือกที่เริ่มขาดออกจากกัน แต่กระนั้นความกลัวก็ยังแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจ
เหงื่อกาฬไหลอาบทั่วใบหน้า ตลอดจนทั่วสรรพางค์ มือทั้งสองยังคงพยายามทำงานอย่างหนัก แม้มันจะสั่นด้วยความกลัวมากเพียงใดก็ตาม
กรร...เสียงหายใจของสิ่งมีชีวิตดังใกล้เข้ามา ลมหายใจอุ่นๆ พัดมากระทบต้องผิวหน้าของหญิงสาว สัญชาตญาณทำให้เธอหันไปมองยังที่มาของสิ่งนั้น
นัยน์ตาสีชามองตรงไปยังมุมมืดอีกด้านหนึ่งของถ้ำด้วยความตื่นกลัว พลางสะดุดเข้ากับร่างทะมึนที่เห็นเพียงลางๆของสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งกำลังเยื้องย่างเข้ามา หากแต่ความมืดบดบังมันไว้ จึงมีเพียงแต่ลูกตาสีแดงคู่ใหญ่น่าสะพรึงกลัวที่เห็นลอยเด่นในความมืดสลัวนั่น
‘อย่ากลัว’ ภายในใจร้องเตือนสติให้หญิงสาว ตระหนักถึงสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่
มือคู่บางขยับเร็วขึ้น แรงขึ้น จนขูดกับเส้นเชือกเป็นรอยแดงเถือก หากกระนั้นความเจ็บปวดที่ข้อมือก็ไม่ได้ทำให้ร่างบางหยุดการกระทำนั่น
!!
และแล้วในที่สุด เชือกเส้นหนาก็ต้องพ่ายให้กับมีดเล่มบาง
หญิงสาวรีบตั้งสติ แล้ววิ่งออกไปจากบริเวณนั่นทันที
วิ่ง ..วิ่ง...วิ่ง ....วิ่งเร็วอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนใจสิ่งที่ตามมาข้างหลัง อวัยวะส่วนอื่นๆ ไม่สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนและลมอุ่นๆที่ตามมาเบื้องหลัง มีเพียงสมองเท่านั้นที่ยังคงสั่งการให้ขาคู่นั้นวิ่งต่อไปอย่าหยุดยั้ง
แสงสว่างลอดออกมาให้เห็นอยู่ลางๆ ....ปากทางออกอยู่ไม่ไกลแล้ว
แต่ยังมิทันที่ขาของหญิงสาวจะก้าวพ้นขอบถ้ำ
สัมผัสไอร้อนจากทางด้านหลัง พร้อมกับเปลวไฟ ก็พวยพุ่งออกมา เป็นผลให้หญิงสาวหลบกระเด็นไปติดฝาผนังถ้ำ รอดตายอย่างหวุดหวิด
ทันทีที่เปลวเพลิงเริ่มดับลง หญิงสาวจึงยันตัวลุกขึ้นวิ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
และแล้วในที่สุดร่างของเธอก็ออกมายืนอยู่หน้าถ้ำนั้นได้สำเร็จ
ภายในใจร่ำร้องให้วิ่งหนี หากแต่การทำตามใจตัวเองนั้น ย่อมหมายถึงการสร้างหายนะให้กับคนทั้งเมือง
..... ‘ทางออกมีเพียงทางเดียวเท่านั้น’
มือขวาล่วงเข้าไปหยิบเอาบางสิ่งบางอย่างออกจากถุงผ้าซึ่งเหน็บไว้กับเข็มขัดหนังโบราณ
และทันใดนั่นเอง ที่ร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาก็ปรากฏตัวขึ้นสู่สายตา
มังกรไฟตัวใหญ่!
ร่างสีแดงทั่วทั้งตัวผงาดขึ้นอย่างน่าเกรงขาม มีเพียงเขาสีมุกที่สะท้อนภายใต้แสงจันทร์ บนสันหลังตามตัวมีเกร็ดขึ้นตลอดทั้งแนว ปีกคู่ใหญ่อันทรงพลังเหน็บไว้กับลำตัว และดวงตาสีเพลิงดูร้อนราวกับจะเผาให้คนตรงหน้าให้กลายเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา
เพียงแค่เห็น ร่างบางๆก็สั่นไปมาอย่างควบคุมไม่ได้
หากกระนั้นหญิงสาวก็ยังคงชูมีดเล่มบางนั่นขึ้นป้องไว้ด้านหน้า อีกมือหนึ่งกำบางสิ่งบางอย่างไว้แน่น
ขาอันแข็งแรงของเจ้ามังกรก้าวเข้ามาหาเหยื่อสาวอย่างเชื่องช้า ราวกับจะล่อเหยื่อให้ตายใจ
“555...เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้หรือ สาวน้อย” เสียงที่พ่นออกมาจากปากที่ปรากฏให้เห็นฟันอันแหลมคมภายใน ดังกึกก้องไปทั่วราวป่า
ย่อมเป็นเรื่องน่าขบขัน หากเมื่อเทียบกับร่างกายอันใหญ่โตของเจ้ามังกรเพลิงแล้ว มีดเล่มบางที่ถืออยู่ในมือนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับไม้จิ้มฟันเลยซักนิด
หญิงสาวยังคงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ตื่นตระหนกไปกับสิ่งที่มันพูด และไม่ยอมเอ่ยปากใดๆทั้งสิ้น ความมุ่งมั่นจากส่วนลึกของจิตใจเริ่มเข้ามาแทนที่ความกลัวเมื่อครู่ แววตาแน่วแน่จ้องไปยังดวงตาสีเพลิงอย่างไม่หวาดหวั่น
เจ้ามังกรยังคงก้าวขาของมันด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ไม่สนใจอากัปกิริยาของคนตรงหน้า แม้มันจะแปลกใจอยู่บ้างที่เห็นเหยื่อร่างบางไม่คิดจะขยับหนีไปเหมือนคนทั่วไปที่ควรจะทำ
และทันทีที่เจ้ามังกรก้าวเข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกันเพียงแค่เอื้อม หญิงสาวก็ชูบางสิ่งที่ดูคล้ายกับลูกแก้วขนาดเล็กขึ้น พร้อมกับเอ่ยวาจาด้วยเสียงอันดัง
ฉับพลัน บังเกิดแสงสว่างเปล่งประกายเจิดจ้าออกมาจากตัวลูกแก้ว หญิงสาวกำมันแน่น แล้วนำฝ่ามือไปทาบไว้กับอกตรงตำแหน่งของหัวใจ แสงสว่างวาบค่อยๆเลือนหายไป ราวกับถูกดูดเข้าไปในร่างกาย พร้อมกันนั้นลูกแก้วในมือก็พลันหายไปด้วย
แววตาของเจ้ามังกรเพลิงมีความตื่นตระหนกขึ้นชั่ววูบ เพียงไม่นานก็เปลี่ยนเป็นแววตาโกรธามาดร้าย
“เจ้าเป็นใคร...เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
เมื่อเห็นความตกใจของเจ้ามังกร หญิงสาวก็พอจะเดาได้ว่าการกระทำที่ตั้งใจไว้คงสัมฤทธิ์ผลเป็นแน่ เธอจึงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ข้ามีนามว่า เอลอรีน อดามิส.....ข้ามีข้อเสนอมาเจรจากับเจ้า” เสียงหวานดังขึ้นแข่งกับเสียงคำรามของมังกรไฟ
“ข้าไม่เคยต่อรองกับใคร และจะไม่มีวัน...โดยเฉพาะ กับมนุษย์ชั้นต่ำอย่างเจ้าด้วย”
“ข้อเสนอของข้าคือ เจ้าจะต้องตามข้าไปยังหุบเขามรณะ ...และทันทีที่เจ้าทำตามสัญญาที่มอบไว้ให้กับข้า เมื่อนั้นเจ้าจะได้รับอิสรภาพคืนมาอีกครั้ง” เอลอรีนออกคำสั่งอย่างไม่สนใจสิ่งที่เจ้ามังกรพูดเลยซักนิด เธอรู้ดีว่า ณ ตอนนี้ เธอคือผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า
ด้วยว่าลูกแก้วมังกรนั้น เปรียบเสมือนหัวใจของมังกร มีอำนาจในการบังคับจิตใจและออกคำสั่งกับมังกร ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้ว มังกรมักจะซ่อนลูกแก้วไว้ที่อื่น ไม่ไว้กับตัว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของมันเอง ดังนั้นแล้วหากลูกแก้วมังกรถูกทำลาย ร่างกายของมันก็ย่อมจะสูญสลายไปเช่นกัน
มังกรเพลิงตระหนักได้ถึงข้อนี้ดี ดังนั้นหากจะลงมือจัดการกับหญิงสาวตรงหน้า ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
“หากเจ้าคิดจะปฏิเสธข้อเสนอของข้า ก็คงมีวิธีเดียวที่จะทำให้เจ้าไปกับข้าได้ นั่นคือ ใช้อำนาจจากลูกแก้วบังคับเจ้า ซึ่งเจ้าคงจะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน” หญิงสาวยิ้มขู่ โดยไม่สนใจอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุขึ้นจากสิ่งมีชีวิตตรงหน้า
แววตาของมังกรเพลิงลุกโชนด้วยความโมโห ในตอนนี้มันเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีทางอื่นเลยนอกจากยอมรับข้อเสนอของนาง
หากแต่การยอมทำตามคำสั่งมนุษย์นั่นช่างเป็นเรื่องน่าอดสู่ใจยิ่งนัก!
ดูเหมือนหญิงสาวตรงหน้าเองก็รู้ถึงความคิดนี้ดี ไม่เคยมีมังกรใดยอมเป็นทาสรับใช้มนุษย์ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่มนุษย์ต้องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มังกร เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันมาทำร้ายเราได้ จนปัจจุบันนี้จึงแทบไม่เหลือมังกรให้เห็นอยู่เลย
ใจหนึ่งของหญิงสาวรู้สึกว่า การบังคับจิตใจนั้นดูจะเป็นการฝืนใจกันมากเกินไป หากอีกใจหนึ่งกลับคิดว่า สัตว์ดุร้ายป่าเถื่อนเช่นนี้ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ
“ข้าจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากเจ้า พี่ชายข้าถูกพ่อมดแห่งเทิรล์จับตัวไป ....เจ้าก็รู้ใช่มั้ยว่าไม่มีมุนษย์คนใดกล้าเข้าไปเหยียบยังดินแดนนรกนั่น” น้ำเสียงของหญิงสาวอ่อนลง กลายเป็นการอ้อนวอนแทนการออกคำสั่งอย่างเมื่อครู่
ความก้าวราวในดวงตาสีเพลิงเริ่มอ่อนลง ราวกับจะเห็นใจคนตรงหน้า ทั้งๆที่คนหลายคนเคยอ้อนวอนขอชีวิต มันกลับไม่เคยคิดจะใยดี ซ้ำยังจัดการร่างเหล่านั้นอย่างไม่ปรานี หากครั้งนี้คงเป็นเพราะข้อต่อร้องที่หมายถึงชีวิตมันเอง!!
“มนุษย์ช่างแสนขี้ขลาด” เจ้ามังกรกล่าวอย่างดูถูก
“แต่เจ้าไม่งั้นสิ?” หญิงสาวพูดราวกับจะยั่วมัน
“หึ ข้าไม่เคยกลัวสิ่งใด แม้แต่ดินแดนมรณะนั่นด้วย” มันกล่าวขึ้นอย่างหงุดหงิดใจที่โดนสบประมาท
“งั้นเจ้าก็ไปกับข้าได้สินะ..ถ้างั้นจงฟัง....เงื่อนไขข้อแรก คือ หากเจ้าคิดตุกติก มีดเล่มนี้จะแทงทะลุหัวใจข้าทันที” หญิงสาวกล่าวอย่างหนักแน่น แววตาจริงจังที่บอกกับเจ้ามังกรได้ว่า หญิงสาวกล้าที่จะทำสิ่งที่พูดเป็นแน่
เจ้ามังกรนิ่งอึ้ง
“ข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าได้อย่างไร” ในเมื่อคำพูดของมนุษย์นั่นล้วนมีแต่คำหลอกลวง!
.....มันหรี่ตามองมาอย่างหาคำตอบ....
“ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของข้าเอง” นัยน์ตาสีชาสบกับนัยน์ตาสีเพลิงอย่างแน่วแน่
เจ้ามังกรนิ่งคิดไปชั่วครู่ ความรู้สึกหลายอย่างก่อตัวขึ้น ‘ไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนกล้าทำเยี่ยงนี้ ...การเดินทางอาจจะทำให้ข้ารู้สึกหายเบื่อ.....ก็น่าสนุกดี’
“หึ...ชีวิตของเจ้าไม่มีค่าขนาดนั้น สาวน้อย” เจ้ามังกรพ่นเสียงอย่างเย้ยหยัน
“หากเจ้าผิดคำสาบาน ข้าจะทรมานเจ้าให้อยู่เหมือนตายทั้งเป็นเลยทีเดียว”
หญิงสาวเมื่อฟังดังนั้น ก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมาด้วยความดีใจ
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ต้องสาบานว่าจะไม่ทำอันตรายใดๆข้า”
“หึ...ได้” เจ้ามังกรตกลง
ความคิดเห็น