คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [Part : สายใยพันผูก] ปฐมบทแห่งห้วงฝัน
‘บ่ไหว’
นี่คือเสียงบ่นในใจของเด็กสาวคนหนึ่ง ร่างสมส่วนนอนตะแคงอยู่บนเตียงและในมือก็มีสมาทโฟนพร้อมสมอลทอร์คที่เชื่อมต่อมายังหูเจ้าหล่อน
ดวงตาของเธอปรือจนใกล้จะปิดร่างกายรู้สึกหนักอึ้งไปหมด มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หากง่วงมากๆ เธอก็มักเป็นแบบนี้
เด็กสาวเหลือบตามองเวลาพบว่าอยู่ที่สามสุ่มยี่สิบสี่ วันนี้เธอง่วงเร็วกว่าทุกวัน
สงสัยเป็นความเหนื่อยสะสม เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ความคิดที่ว่าจะดูแฟรี่เทลให้จบภาคภายในคืนนี้คงต้องพับเก็บไป
อีกแค่สามตอนแท้ๆ...เอาเถอะ
ดูไปก็ไม่รู้เรื่องแล้ว อ่านซับได้ก็ไม่เข้าหัวสักนิด
ร่างบางพลิกตัวเอาสมาทโฟนไปวางไว้ข้างหัวเตียงอีกฝั่ง ทั้งยังปิดเครื่องเพื่อถนอมแบตเตอรี่
จากนั้นก็จมเข้าสู่ห้วงนิทราทันทีโดยไม่ได้เปลี่ยนไปนอนท่าอื่น
สติเหมือนถูกตัดไปแบบฉับพลัน ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดและมันควรจะเป็นอย่างนั้นไปถึงเช้า
เธอน่าจะลืมตาอีกทีในรุ่งอรุณวันใหม่
ไม่ใช่ในบ้านหลังขนาดกลางไม่คุ้นชินแบบนี้
ร่างที่ควรจะนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงกลับกลายเป็นว่ากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร
มันมีขนาดไม่ใหญ่มากและเก้าอี้มีแค่สองตัวรวมกับที่เธอจับจอง ณ ปัจจุบัน
“??”
เด็กสาวได้แต่กระพริบตาปริบๆ และมองสำรวจไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกใจเต้นตึกตัก มันเป็นบ้านไม้เนื้อแข็งสีไม่เข้มหรืออ่อนเกินไป
บรรยากาศอบอุ่นมีแสงแดดส่องถึงดูละมุมละไมไปหมด หน้าต่างบานไม่เล็กไม่ใหญ่มีโครงเป็นไม้และช่องกระจกเป็นระเบียบ
เธอมองเห็นต้นไม้และพุ่มเบอร์รี่จากตรงนี้ ภายในบ้านมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ของขนมปังอบเสร็จใหม่กับกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟ มันเป็นบรรยากาศของบ้านในแบบที่เธอชอบ
สถานที่ๆ เด็กสาวอยู่ในขณะนี้คือห้องครัว
บนโต๊ะอาหารไม่มีอะไรนอกจากถ้วยกาแฟซึ่งวางคู่จานเปล่าๆ กับช้อนส้อมฝั่งตรงข้าม
ส่วนตรงหน้าของเธอคือแก้วใส่น้ำผลไม้น่าอร่อย ถัดไปไม่ไกลมีตะกร้าใส่แอปเปิ้ล
องุ่นและเบอร์รี่หลากหลายชนิด...แล้วกลิ่นขนมปังมาจากไหน?
“อ้าว มาแล้วเหรอ”
เสียงแตกหนุ่มไม่คุ้นหูดังขึ้นจากข้างหลัง เด็กสาวรีบหันไปมองตามสัญชาตญาณแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง
เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุราวๆ สิบหกสิบเจ็ด ใบหน้ารูปไข่เกลี้ยงเกลาล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลชินนาม่อนซอยสั้น
ทว่าตรงส่วนที่อยู่บริเวณท้ายทอยกลับยาวจนสามารถปัดมาละพลิ้วอยู่เหนืออกนั้นถูกไฮไลท์เป็นสีแดงเข้ม
ดวงตาเฉี่ยวคมหางยกสูงดูร้ายกาจ กระนั้นนัยน์ตาสีมรกตกลับทอประกายอ่อนโยนอยู่ เขามีไฝเสน่ห์อยู่ใต้ตาขวา
ผิวขาวเหลืองโดดเด่นเมื่อถูกตัดด้วยเสื้อยืดสีดำและเสื้อฮู้ดสีแดง
ลำคอขาวๆ มีโชคเกอร์สำหรับผู้ชายประดับอยู่ แม้ผมที่ซอยไว้จะตกลงมาคลอเคลียไปหมดแต่ก็ยังพอเห็นได้ว่าเขาใส่ต่างหูข้างหนึ่งเป็นรูปไม้กางเขนสีดำ
มีห่วงสีแดงกับเขียวเข้มถัดไปไม่ไกลสองวง และจิวดามหูเป็นสีดำ
ส่วนหูอีกข้างนั้นมีเพียงห่วงสีดำเล็กๆ ประดับอยู่
นี่มัน....
“กำลังรออยู่เลยล่ะ.....ซิน”
คนพูดยกยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยนปนดีใจ ดวงตาที่ใครต่อใครก็บอกว่าช่างร้ายกาจและไม่น่าไว้ใจนั้นกำลังทอประกายโหยหาน่าพิศวง
เขามองเด็กสาวข้างหน้าด้วยความหมายลึกล้ำบางอย่าง
แต่ต่อมาก็หลุดหัวเราะเสียงขันเมื่อเธอยังคงนั่งมองเขานิ่งเหมือนช็อกไปแล้ว
“เด๋อตลอดเลยนะ”
เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง เขาขยับตัวเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเจ้าหล่อนพร้อมกับตะกร้าใส่ขนมปังในมือ
ก่อนจะวางมันลงระหว่างกันเบาๆ
เด็กสาวมองตามเขาด้วยท่าทางสับสน
และเมื่อเผชิญหน้ากัน ฝ่ายชายก็ยกมือขึ้นเท้าคางมองเธอยิ้มๆ เขาดูเป็นพวกแบดบอยอย่างที่เธอจินตนาการไว้
เหมือนแทบทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่อันที่จริงเธอก็ไม่เคยลงรายละเอียดไว้อย่างแน่ชัดหรอก
เขาเหนือกว่า ดูมีชีวิตมากกว่าที่เธอเคยสร้าง...ใช่ สร้าง
ผู้ชายตรงหน้าเหมือนกับฝาแฝดมาสคอตเธอมาก มันอาจจะฟังดูแปลก แต่ว่าเธอเคยสร้างเขาไว้
และชื่อของเด็กคนนี้ก็คือ...
“ดาร์ซี...เหรอ”
ก้อนเนื้อใต้อกข้างซ้ายสั่นระรัว เด็กสาวไม่รู้ว่านี่มันความฝันหรืออะไร
ไม่สิ...ถ้าไม่ใช่ฝันแล้วจะเป็นอะไร มันเป็นความฝันนั่นแหละ เป็นฝันที่ดีมากด้วย...สายตาที่เขามองเธอมันอ่อนโยนจัง
เด็กหนุ่มยกยิ้ม “อื้ม”
เธอยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย รู้สึกดีใจจนพูดไม่ออก
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครเข้าใจมันไหม พวกเขาคือคนที่มีชีวิตในจินตนาการของเธอ
ไม่สามารถเจอได้ ไม่สามารถพูดคุยในโลกแห่งความจริง
เธอเลยหวังมาตลอดว่าจะได้ฝันถึงสักครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะสมหวังจริงๆ
ตัวตนของดาร์ซีเพิ่งกำเนิดได้ไม่นาน
ทุกอย่างมันเริ่มจากการเล่นชาเลนจ์ในเฟสบุ๊ค คนที่อยู่ในวงการแนวๆ
นี้อย่างเธอมันเป็นเรื่องปกติที่จะมีมาสคอตเป็นของตัวเอง และชาเลนจ์ที่ว่าก็คือการสร้างรูปสลับเพศของมาสคอต
เธอชอบมันมาก มาสคอตเวอร์ชั่นผู้ชายของเธอเป็นไทป์ที่ถูกกรี๊ดได้ง่ายสุดๆ หน้าตาดี สายตาร้าย ท่าทางแบดบอย
แน่นอนว่าเธอหวีดเขาและเกิดมีความคิดอยากให้เขามีตัวตนในโลกของตัวเองมากกว่านี้
ดังนั้นเลยตั้งชื่อให้เขาว่าดาร์ซี เป็นน้องชายฝาแฝดของมาสคอต
ไม่รู้เหมือนกันว่าชาวบ้านชาวเมืองเขาทำกันไหม
แต่เธอชอบมากและไม่สนใจเรื่องอื่น
นั่นแหละคือที่มาทั้งหมดของดาร์ซี
“ฝันดีแทะ”
เด็กสาวพึมพำยิ้มๆ และหายจากอาการช็อกทั้งหมด เธอกำลังคิดว่าจะทำอะไรดีหลังจากนี้
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นพบว่าความฝันมักอยู่ไม่นานเท่าไหร่ มันผ่านไปเร็วมาก
เธอไม่เคยฝันจบเรื่องสักที ชอบตื่นกลางคันเพราะเช้าก่อนตลอด
คราวนี้มันเป็นฝันที่ดีและอาจมีโอกาสแค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นควรรีบไขว่คว้า
“ไม่ต้องรีบหรอก”
“!!!” อยู่ๆ
ดาร์ซีก็พูดด้วยท่าทางมีเลศนัย เธอผงะเงยหน้ามองคนที่ราวกับอ่านใจได้ แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่
มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอด เธอเก็บสีหน้าไม่เก่ง
เรียกว่าไม่สามารถเก็บได้ดีกว่า เพื่อนหลายคนสามารถอ่านออกง่ายๆ
จนน่าเศร้าเชียวล่ะ
“ซินไม่ได้ออกไปจากที่นี่ง่ายๆ หรอก ไม่ต้องห่วง...หรือควรห่วงนะ”
วูบหนึ่งแววตาของเขาดูเศร้าหมอง ต่อมาก็หัวเราะในลำคอดูมีลับลมคมใน
คนถูกเรียกว่าซินมาถึงสองครั้งรู้สึกคิ้วกระตุก
ในอกมันรุ่มๆ ไม่พอใจเท่าไหร่
อ่า...สงสัยการจินตนาการไว้ว่าเขาเป็นพวกเจ้าเล่ห์มันสุ่มเสี่ยงไป
ไอ้นิสัยหัวเราะแบบมีเลศนัยนี่เลยเกิดขึ้นมาด้วย เธอไม่ชอบให้ใครมาทำใส่ด้วยสิ
“โทษที”
และก็เหมือนว่าเด็กหนุ่มจะอ่านสีหน้าเธอออกอีกแล้ว เขายกยิ้มให้...ความจริงคือเขาไม่เคยหุบสักครั้งตั้งแต่เจอหน้ากัน
เด็กสาวถอนหายใจพยายามตั้งสติ เธอรู้สึกว่าสมองมันลัดวงจรไปแล้ว
คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง เข้าใจว่าที่นี่คือความฝัน แต่ทำไมมันถึงสมจริงนักล่ะ?
ตอนแรกก็มัวแต่ดีใจและปลื้มปริ่มกับเจ้าซีอยู่ แต่พอคิดว่าต้องถามอะไรสักอย่างเกี่ยวกับประโยคก่อนหน้านี้และลองไตร่ตรองดูดีๆ
แล้ว นี่มันประหลาดเกินไปหรือเปล่า
“ทำไมถึงเรียกเราว่าซิน”
รู้สึกถามได้โง่สิ้นดี
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเหมือนฉงน “ก็เธอชื่อดาซิน”
ก่อนจะปรับเปลี่ยนมายิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้เรียกชื่อจริงล่ะ?”
“รู้เหรอ?”
ดาซินเลิกคิ้วบ้างก่อนจะกรอกตาเมื่อเขายักไหล่ เธอพยายามจัดระเบียบความคิดในหัวเพื่อกลั่นกรองคำถามที่ดีกว่านี้
ก่อนจะรู้สึกขัดแย้งกับตัวเองว่านี่มันก็แค่ความฝัน เธอจะจริงจังอะไรนักหนา
เสียเวลาเต๊าะ—ไม่สิ หมายถึงเสียเวลาทำความรู้จักกับซีหมด กระนั้นต่อมาก็มีความคิดที่ว่าฝันนี่มันประหลาดเกินไป...เธอรู้สึกเหมือนมีเดวิลกับแองเจิ้ลเถียงกันอยู่ในหัว แต่ยังไม่ทันได้พิจารณาว่าฝ่ายไหนเป็นผู้เสนออะไร
ร่างที่สูงกว่าเพียงไม่กี่เซนฯ ก็ลุกพรวดเดินอ้อมมาหา
“!!”
เธอผงะเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้นับ
มือรับรู้ได้ถึงสัมผัสเย็นเฉียบเมื่อเขาคว้าไปกุมและพาลุกเดินออกไปจากห้องครัว
เสียงแผ่นไม้ลั่นเบาๆ ดังให้ได้ยินเป็นจังหวะ แม้จะรู้ว่าไม่ใช่เวลาแต่เด็กสาวก็อดมองสำรวจโดยรอบไม่ได้
ที่นี่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ มันหอมและให้ความรู้สึกอบอุ่น
แม้ตัวบ้านจะทำจากไม้แต่มันก็เป็นสไตล์ยุโรปไม่ใช่ไทย นั่นทำให้เธอนึกสงสัยอีกครั้งว่าตัวเองฝันถึงที่ไหน
เพราะไม่เคยรู้จักบ้านหลังนี้มาก่อน
จากนั้นดาซินก็ดึงสติมาจดจ่ออยู่กับเด็กหนุ่มตรงหน้า สัมผัสของเขามันเหมือนจริงมากจนเธอใจกระตุก
มือที่กุมกันอยู่แม้จะเย็นเฉียบแต่ก็ยังรู้สึกอุ่นๆ ในใจ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรที่โชยมาจากตัวเขาสร้างเสน่ห์และความรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เค้าไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายยังไง”
ดาร์ซีที่เดินนำหน้าอยู่พูดขึ้น และถ้อยคำของเขาก็กระตุกหัวใจเด็กสาวจนอยากกรี๊ดออกมาสักครั้ง
‘เค้าว่ะ เค้า!!’ รู้สึกนิพพาน เธอล่ะชอบอะไรแบบนี้จริงๆ พ่อหนุ่มแข็งนอกอ่อนใน ดูแบดๆ ร้ายๆ
แต่มีมุมมุ้งมิ้ง...ช่างเป็นฝันที่ได้ดั่งใจอะไรอย่างนี้
“ซิน ฟังอยู่ไหม”
เขาหันมาเขย่ามือคนที่กำลังหวีดน้องมาสคอตอยู่ในใจ และเมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายที่มองมาก็ชะงักไปวูบหนึ่งก่อนหลุดยิ้มขำเหมือนรู้ความในใจ
“ห๊ะ?! ฟังๆ”
เด็กสาวรีบพยักหน้าแก้เก้อ ก่อนจะรู้สึกอับอายนิดหน่อยและเลิกคิดฟุ้งซ่านในที่สุด
ดาร์ซีกระตุกยิ้มพึงพอใจอย่างร้ายกาจวูบหนึ่ง
แต่ก็ไม่ได้แกล้งอะไรเธอแม้ใจจะต้องการมากๆ ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่า
และมันน่าหนักใจพอสมควร
ภายใต้ท่าทีสุขุมนั้นเด็กหนุ่มก็กำลังรวบรวมสติของตัวเองอยู่
เขาลอบสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหันกลับไปเปิดประตูที่อยู่ข้างหลังตัวเอง
คนที่ตามเขามาอย่างงงๆ มองสำรวจทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง ซ้ายมือของทั้งคู่มีเตียงขนาดกลางสีดำซึ่งมันตัดกันอย่างชัดเจนกับพรมสีแดงเข้มที่พื้น
บนนั้นมีหมอนอยู่สองใบและผ้าห่มสองผืน ฝั่งขวามีตุ๊กตาหมีขนาดกลางวางอยู่
ข้างเตียงสองฝั่งมีตู้ขนาดเล็กที่สามารถใช้เป็นโต๊ะหัวเตียงได้เช่นกัน และบนนั้นก็ถูกวางด้วยของจุกจิกที่มีทั้งเหมือนและแตกต่าง
ในห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยโทนสีที่ค่อนข้างเข้ม
กระนั้นผ้าม่านก็เป็นสีขาวทำให้ไม่น่าอึดอัดเกินไป ของใช้ต่างๆ ในห้องนี้บ่งบอกได้ว่ามีผู้อาศัยอยู่สองคน
ดาซินถูกจูงมือไปยังตู้เสื้อผ้า
และเช่นเคย เธอไม่มีเวลาคิดหรอกว่าใครกันที่อยู่ในห้องนี้
“!!!” บางทีถ้าเธอเป็นโรคหัวใจ
ตอนนี้อาจตายไปแล้วก็ได้
ดวงตาสีมรกตโฉบเฉี่ยวเบิกกว้าง ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดอ้าหวอแสดงอาการตื่นตะลึง
ใบหน้าที่แทบจะถอดแบบจากคนที่ยืนซ้อนหลังและจับไหล่เธอนั้นขาวซีดด้วยความตกใจ
กระนั้นก็ไม่สามารถลดความสวยร้ายที่มีได้ ทุกสิ่งทุกอย่างบนร่างคลับคล้ายกับดาร์ซี
ไผเสน่ห์ใต้ตาขวา ต่างหูที่เจาะเหมือนกันทุกจุด เรือนผมสีชินน่าม่อนเป็นลอนคลื่นยาวถึงบั้นเอว ข้างในไฮไลท์สีแดงเข้มโดดเด่น โชคเกอร์ที่เล็กกว่าและยังเป็นรูปไม้กางเขนสีดำสายสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์
ผิวสีขาวเหลืองถูกตัดด้วยเสื้อเอวลอยเปิดไหล่แขนยาวสีแดงเข้มคู่กับกางเกงขาสั้นสีดำสนิท
ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมานั้นสะท้อนอยู่ในกระจก
นี่มันเหมือนมาสคอตเธอเลยไม่ใช่เหรอ
แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ดูเหมือนมนุษย์มากขึ้น
“......”
เด็กสาวยังคงทำหน้าช็อกค้างแต่มือก็ยกขึ้นโบกเหมือนจะพิสูจน์ความคิดของตัวเอง
เงาในกระจกขยับตามทุกอย่าง เมื่อตบหน้าก็ยังเป็นตำแหน่งเดียวกัน แถมยังทำหน้าบิดเบ้เหมือนกันอีก
อิหยังวะ!!
ดาร์ซีถอนหายใจอย่างระอา
เขายืนจับไหล่ทั้งสองข้างของเธออยู่ข้างหลังและมองปฏิกิริยาทุกอย่างจากในกระจกมาตลอด
ร่างสูงขยับตัวเข้าไปแนบชิดอีกนิดแล้วตวัดแขนกอดเอว
เขาเกยคางไว้กับไหล่เปล่าเปลือย “เค้ารู้ว่ามันน่าตกใจ แต่ซินตั้งสติให้ได้ก่อนนะ
แล้วหลังจากนั้นเค้าจะอธิบายทุกอย่างให้รู้”
“....”
เธอยังคงมองเงาในกระจกตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่สิ
ความจริงเธอควรเอะใจมาตั้งแต่แรกแล้ว ดาซินคือนามแฝงของเธอ
หรือพูดอีกอย่างก็คือชื่อของมาสคอต ดาร์ซีคือน้องชายฝาแฝดของมาสคอตและเขาเรียกเธอว่าซินซึ่งเป็นหนึ่งในชื่อย่อ
ริมฝีปากเคลือบสีเคมีเม้มแน่น
รู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ จนแทบระเบิด
“ใจเย็นก่อนนะ เดี๋ยวปวดหัว”
ดาร์ซีกระซิบข้างหูแล้วกอดเธอแน่นขึ้นเมื่อสังเกตเห็นอาการคิดหนักและเหมือนจะสมองช็อตไปแล้ว
“ปวดแล้วเหอะ” เด็กสาวทำหน้าตาย
เธอไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อต้านเขาจนตัวเองยังแปลกใจ ปกติแล้วเธอระวังตัวกับพวกผู้ชายจะตาย
แตะตัวนับครั้งได้ด้วยซ้ำ เพราะตอนเด็กเคยถูกย่าทวดเป่าหูจนหลอนว่าถ้าเข้าใกล้ผู้ชายจะท้อง
ถึงตอนโตจะรู้ว่ามันไม่ได้ท้องง่ายขนาดนั้นก็เถอะ ไม่สบายใจอยู่ดี แรดกับผู้ชายสองดีแค่ไหนแต่หากเป็นของจริงเธอหยิ่งนะจะบอกให้
แต่กับดาร์ซีนั้นไม่ใช่
เธอรู้สึกอบอุ่นและคุ้นชินกับเขาอย่างง่ายดาย ให้เข้าใกล้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
หรืออาจเพราะเธอรู้ว่าเขาคือน้องชายในโลกแห่งจินตนาการนี้?
ไม่ก็ใจส่วนหนึ่งคิดว่านี่เป็นแค่ความฝัน แรดได้?
หลังจากนั้นดาร์ซีก็พาคนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกลายเป็นมาสคอตมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่บนเตียง
ตอนนี้เธอสับสนไปหมด ราวกับความขัดแย้งมันกำลังปะทุอยู่ในตัวและยากจะหาทางระบาย เหมือนแองเจิ้ลกำลังบอกว่านี่มันคือความฝัน
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น จะไปเครียดให้ได้อะไร มาสนุกกับมันดีกว่าไหม? ทว่าเดวิลก็เถียงกลับ
แน่ใจแล้วเหรอว่ามันคือความฝัน นี่มันประหลาดมาก
แล้วตอนนั้นดาร์ซีก็บอกว่าเธอจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ...มันหมายความว่ายังไง?
“คงสับสนมากๆ เลยสินะ”
ร่างที่เกือบจะเป็นเงาสะท้อนของเด็กสาวตอนนี้นั่งชันขาขึ้นข้างหนึ่ง
เขาอยู่ปลายเตียงในขณะที่เธออยู่หัว ทั้งคู่หันหน้าเข้าเผชิญกัน
ดาซินกำลังนั่งกอดเข่าพยายามหาจุดลงให้ตัวเอง เธอสับสนและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
คิดอะไร และรู้สึกอะไร
“อธิบายที” แม้จะยังไม่ค่อยพร้อม
แต่เธอว่าได้ฟังอะไรจากเขาบ้างมันอาจมีทางออก เป็นการแก้ปัญหาแบบมึนๆ
หวังน้ำบ่อหน้าที่แท้จริง
“อืม”
ดาร์ซีไม่ได้แปลกใจนัก เขารู้จักเธอดี
“เค้าคือดาร์ซี
ก็อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ เป็นฝาแฝดของดาซินซึ่งก็คือเธอตอนนี้
ที่นี่คือความฝันของเธอ...อันที่จริงมันก็ไม่เชิงหรอกนะ จะว่ายังไงดีล่ะ”
เขาทำหน้ายุ่งยากใจเหมือนไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้เข้าใจง่ายที่สุด
มือหนายกขึ้นเกาหัวแกรกๆ “เธอเข้ามาในความฝันของตัวเอง
และจะติดอยู่ที่นี่จนกว่าจะทำภารกิจสำเร็จ ประมาณนั้นล่ะมั้ง...เข้าใจรึเปล่า”
เด็กสาวเงียบไปพักหนึ่ง
“เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังงงๆ สรุปก็คือที่นี่เป็นความฝันของเรา
และเราจะติดอยู่ที่นี่จนกว่าจะทำภารกิจสำเร็จ? แล้วร่างของเราล่ะ”
“ก็อยู่ที่โลกข้างนอกนั่นแหละ สภาพก็เหมือนกำลังนอนหลับธรรมดา”
คราวนี้เธอก็เงียบเหมือนกำลังวิเคราะห์ทุกอย่างให้ถี่ถ้วน
สรุปก็คือดวงจิตของเธอเข้ามาอยู่ในฝันของตัวเองและติดอยู่ในนี้จนกว่าจะทำภารกิจสำเร็จ
ร่างของเธอยังอยู่ข้างนอกและปกติดี ตอนนี้เธอมีหน้าตาเหมือนมาสคอตของตัวเองและเจอกับดาร์ซีผู้เป็นน้องชาย
นี่มันไร้เหตุผล...บางทีเธออาจจะแค่ฝันเป็นตุเป็นตะ
เด็กหนุ่มยกแขนขึ้นมาวางบนเข่าตัวเองเพื่อให้ได้ระยะสำหรับซบหน้าลงไป
รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ดวงตาคมเฉี่ยวจ้องพี่สาวฝาแฝดอย่างอ่อนโยนปนขบขัน
เพราะเขารู้ว่าตอนนี้เธอยังไม่เชื่อเท่าไหร่ว่าตัวเองไม่ได้ฝันธรรมดา แต่เข้ามาในโลกแห่งนี้ด้วยจิตวิญญาณ
พูดให้เข้าใจง่ายหน่อยก็คือวิญญาณหลุดเข้ามาอีกมิตินั่นแหละ
เอาเถอะ
ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้
---
#มันก็จะมึนๆ งงๆ หน่อยค่ะ555
By เงาลดา
ความคิดเห็น