คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter : แรกรัตติกาล1
Episode : แบบนี้เรียกฝันซ้อนฝันถูกไหม...
ร้อน
ร้อนมากเหมือนกำลังอยู่กลางกองเพลิง
ฉันฝืนขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งมามองภาพรอบด้าน ตาพร่ามัวมองอะไรไม่ชัดและมีก้อนเลือดเกาะอยู่ที่ขนตา ร่างกายนิ่งแข็งไม่สามารถขยับได้ดั่งใจเหมือนโดนผีอำ อาการด้านชาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าค่อยๆเลือนหายแทนที่ด้วยความเจ็บปวดสาหัส
ตอนนี้ร่างของฉันนอนคว้ำอยู่ใต้ท้องรถที่พลิกหงาย กลางถนนเปลี่ยวๆไม่มีรถสัญจรผ่านมา มีเพียงแสงสว่างจากเสาไฟข้างถนน
ครึ่งตัวด้านบนอยู่นอกรถ แก้มสัมผัสพื้นถนนเย็นๆ ลำตัวพาดทับหน้าต่างที่มีเศษกระจกกระจายโดยรอบ ตรงเอวซ้ายมีเศษกระจกรถขนาดใหญ่แทงไว้โดยที่ฉันนอนทับอีกที ครึ่งล่างอยู่ในรถและไม่มีความรู้สึกถึงขาทั้งสองข้าง
ได้แต่ภาวนาไม่ให้ขาขาดอย่างที่คิดเพราะฉันไม่สามารถขยับคอหันมาดูได้เลย
กลิ่นน้ำมันยังคงลอยเข้ามาเตะจมูก ไฟกำลังลุกท่วมรถ มันร้อนมากๆ วินาทีนั้นทั้งสับสน มึนงง และหวาดกลัว ฉันจำไม่ได้ว่ามาอยู่จุดนี้ได้ยังไงหรือก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ในหัวว่างเปล่าไปหมด
หางตาเห็นร่างของเด็กผู้หญิงคนนึงไม่ได้สติอยู่ไม่ไกลนัก ร่างเล็กกำลังชักตาเหลือกตัวเปื้อนเลือด มันน่ากลัวมากๆ ฉันหลับตาแน่นไม่อยากมองภาพนั้น
"ยังไม่ตาย"
"แต่ไม่น่ารอด"
เสียงคนสองคนพูดคุยกันอยู่เหนือหัว ฉันไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะฝืนลืมตาได้อีกครั้ง เพื่อขอความช่วยเหลือ
"ฆ่าซะ"
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนจะหมดสติ
นี่ลิเดีย
หืม
เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่มั้ย
แน่นอนเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
สัญญานะ
อื้อ สัญญาเลย
"หนูลิเดียจำลุงได้ไหม"
ชายหนุ่มในชุดตำรวจปรากฏในครรลองสายตา เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช เมื่อเห็นฉันได้แต่มองตาปริบๆก็ถอนหายใจหันไปคุยอะไรบางอย่างกับหมอ
ฉันอยู่ในห้องผู้ป่วยเด็กแบบรวม บนผ้าห่มมีเขียนไว้ว่า โรงพยาบาลฟอร์ค ขาข้างขวาฉันใส่เฝือกยกสูงห้อยเอาไว้ อีกข้างมีพันแผลตรงนิ้วโป้งไว้เหมือนจะเล็บหลุดนะถ้าจำที่หมอบอกไม่ผิด แขนสองข้างยังปวดแสบปวดร้อนจากโดนไฟลวก ตรงเอวที่กระจกแทงเย็บปิดปากแผลเรียบร้อย หัวแตก แก้มถลอก สรุปโดยรวมสภาพเหมือนโดนจับทำมัมมี่ทั้งเป็น
ฉันว่าตอนนี้ฉันกำลังฝันละ คนอายุ18ที่กำลังจะเตรียมเข้ามหาลัยอย่างฉันจะกลายมาเป็นเด็กน้อยที่รถคว้ำจนต้องนอนในโรงพยาบาลได้ยังไง มันเป็นฝันที่สมจริงมาก และยาวนานอย่างต่อเนื่อง
"หนูลิเดีย.. ลุงชื่อชาลี เป็นเพื่อนของพ่อกับแม่หนู ลุงจะพาหนูไปอยู่กับลุงด้วยหลังจากที่หนูพร้อมจะออกจากโรงพยาบาลนะ"
คุณตำรวจที่ชื่อชาลีนั่งลงข้างเตียงแล้วลูบหัวฉัน สายตาของเขามันดูเศร้าหมอง เขาบอกว่ารถที่ฉันนั่งไปกับแม่พลิกคว้ำทั้งรถมีฉันรอดแค่คนเดียว เขาจะรับเลี้ยงดูฉันชั่วคราวจนกว่าจะติดต่อญาติของฉันได้
ฉันหันมองไปนอกหน้าต่างต้นสนไหวลู่ไปตามแรงลม หยดน้ำฝนกระเซ็นขึ้นมาเกาะเต็มบานกระจก กลิ่นไอดินไอฝนอันแสนสดชื่นสูดดมเข้าปอด ฤทธิ์ยาที่หมอจัดให้เมื่อครู่ดึงฉันเข้าสู่ห่วงนิทราอีกครา
เมื่อลืมตาขึ้นมาฉันก็จะกลับสู่ที่เดิมที่ควรอยู่ เตรียมสอบเข้าวิทยาลัยในฝัน และเรื่องราวเหล่านี้จะเลือนหายไป
⚜
ซึ่งมันควรเป็นแบบนั้น...
"ไงลิเดียรอนานไหม ลุงมารับกลับบ้านแล้วนะรอนานไหม"
ฉันได้สติเมื่อได้ยินเสียงลุงชาลีดังขึ้นใกล้ๆ เขาเดินมาพร้อมถุงยาในมือ ตัวฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์หน้าจุดประชาสัมพันธ์ ชุดคนป่วยที่เคยใส่กลายเป็นชุดกระโปรงน่ารักๆลายมีน้อย นิ้วโป้งเท้ายังไม่หายดี ที่หน้าท้องปากแผลแห้งแล้วแต่ถ้าขยับตัวมากก็ยังเจ็บแปลบๆอยู่ ส่วนขายังคงใส่เฝือก ที่หัวแตกก็หายดีแล้ว
มันราวกับว่าผ่านมาแล้วเป็นเดือนๆไม่ใช่แค่หลับหนึ่งตื่น แล้วฉันมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน
"เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น ปวดหัวหรอ"
ลุงชาลีย่อตัวลงมาอยู่ในระดับสายตา วันนี้ลุงเค้าก็ยังอยู่ในชุดตำรวจเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ฉันสงสัยเรื่องบาดแผลมันไม่น่าหายเร็วขนาดนี้ ฉันควรถามเค้า
"หนูอยู่โรงพยาบาลมานานแค่ไหนคะ"
"อืม.. สามเดือนกว่าๆแล้วนะ อาทิตย์หน้าหมอนัดถอดเฝือกที่ขาออกแล้ว เดี๋ยวลุงพามาใหม่"
สามเดือนหรอ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่าเป็นเมื่อวานที่เข้าโรงพยาบาลครั้งแรก แล้วนี่ทำไมฉันยังไม่ตื่นอีก ฉันควรตื่นได้แล้วนี่นา พึ่งนอนไปตอนตี2อีก4ชม.6โมงเช้านาฬิกาตั้งปลุกตอนนั้น เวลาแค่4ชม.สามารถฝันได้ยาวนานเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้เลยหรอ
"ทำหน้ายุ่งเชียว ตัวแค่นี้หัดขมวดคิ้วแล้วหรอ หมอบอกว่าอย่าเครียดมากล่ะ ส่วนเรื่องความทรงจำน่ะอาจใช้เวลานานบ้างแต่กลับมาแน่ไม่ต้องห่วง"
ลุงชาลีว่าแล้วก็อุ้มฉันนั่งด้านข้างคนขับ พับเก้าอี้วีลแชร์ไว้เบาะหลังแล้วตามมาขึ้นรถ
ฉันเบนหน้ามองวิวด้านข้าง ภาพสะท้อนในกระจกข้างของรถคือเด็กหญิงตัวน้อยอายุราวๆ7-8ขวบ ผมเป็นลอนคลื่นสีน้ำตาลเข้มเหมือนช็อกโกแลต ผิวขาวกระจ่าง ดวงตากลมโตสีน้ำเงิน ปากนิดจมูกหน่อย องค์ประกอบใบหน้าลงตัวซึ่งมันน่ารักมากเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง
เหมือนกับตัวฉันตอนเป็นเด็ก เมื่อตอนอายุ12ฉันประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อม เรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่สามารถจำได้ มีเพียงอัลบั้มภาพถ่ายที่แม่เก็บเอาไว้เท่านั้นที่บอกได้ว่าตอนเด็กหน้าตาฉันเป็นยังไง
บรรยากาศในรถมันช่างดูอึดอัด ลุงชาลีตัวเกร็งอย่างเห็นได้ชัด ฉันควรชวนคุยเพื่อคลายบรรยากาศดีมั้ย งั้นถ้าฉันใช้โอกาศนี้ลองภามถึงเรื่องราวของเด็กคนนี้ดีละ
"ลุงชาลีคะ ลุงช่วยเล่าเรื่องราวของหนูให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ"
ลุงชาลีหันมองฉันอย่างแปลกใจก่อนจะพยักหน้าแล้วหันกลับไปดูเส้นทาง
"ลุงชื่อชาลี เป็นเพื่อนสนิทของพ่อกับแม่หนู วันนั้นหนูลิเดียกับแม่มาที่เที่ยวฟอร์คแย่ขากลับดันรถคว้ำ หนูรอดมาได้แค่คนเดียว ส่วนพ่อของหนูกับพี่สาวหายหัวไปนี่ผ่านมานานมากแล้วลุงยังติดต่อพวกเขาไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะลุงจะดูแลหนูเอง"
อ่า.. ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร จะว่าไปแล้วเด็กคนนี้ก็ชื่อเดียวกับฉันเลยนี่นา แถมหน้าตาก็เหมือนฉันตอนเด็กอีก แต่เป็นไปไม่ได้หรอกที่ฉันจะเป็นเด็กคนนี้เพราะฉันน่ะอายุ18แล้วไม่ใช่8ขวบ
ฉันมั่นใจละนี่คือฝันนั่นแหละถูกแล้ว ความฝันคือจินตนาการที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาโดยจิตใต้สำนึก คงเพราะก่อนนอนดันไปเปิดดูรูปตัวเองตอนเด็กเข้าให้สินะเลยเอามาฝันเป็นตุเป็นตะ
รถตำรวจคันเก่าๆขับเข้ามาจอดในบ้านสองชั้นหลังเล็กสีครีม ชั้นล่างเป็นห้องครัว ห้องน้ำและห้องรับแขก ด้านบนเป็นห้องนอนมีเพียงสองห้อง
ลุงชาลีบอกว่าห้องที่ให้ฉันอยู่เป็นห้องของลูกสาวเขาที่อายุเท่ากับฉัน ตอนนี้ลุงชาลีกับภรรยาหย่าขาดกันทั้งคู่ย้ายไปอยู่ในรัฐแอริโซน่าแถวๆฟีนิกซ์
ทุกช่วงปิดเทอมฤดูร้อนลูกสาวของเขาจะมาเที่ยวที่นี่และมักจะทิ้งข้าวของไว้ไม่ได้ขนกลับไปด้วย นั่นมีเสื้อผ้าที่ฉันใส่ได้อยู่หลายตัวลุงจึงให้ฉันใส่ไปก่อนแล้วเอ่ยปากบอกจะพาไปซื้อของใช้ส่วนตัววันหลัง
ฉันไม่กล้าแตะต้องสิ่งของใดๆในห้องนี้ รูปภาพมากมายมีอยู่ตามมุมห้อง เด็กหญิงวัย3ขวบที่นั่งกัดลูกบอลยางโดยมีหญิงสาวผู้เป็นแม่พยายามป้อนอาหาร มีรูปของลุงชาลีสมัยตอนอายุยังเลขสองอยู่บ้างประปราย เห็นได้ชัดว่ารูปส่วนใหญ่เค้าเป็นคนถ่าย
รูปที่อยู่ตรงหัวเตียงเป็นรูปเด็กหญิงคนนั้นนั่งอยู่หน้าเค้กวันเกิด ตรงกรอบรูปมีหมึกปากกาเขียนไว้ว่า
แด่ลูกสาวของเรา อิซเบลล่า สวอน อายุ4ขวบ
"นี่ฝันถึงตัวเองเป็นเด็กไม่พอยังมาฝันว่าได้มาอยู่ในเรื่องแวมไพร์ทไวไลท์อีกหรอ ทั้งฟอร์ค ทั้งชาลีและเบลล่า สวอน ให้ตายดูหนังมากไปแล้วสิฉัน"
ฉันวางกรอบรูปลงที่เดิมแล้วใช้ไม้ค้ำพยุงตัวลงไปด้านล่าง ลุงชาลีกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดโต๊ะมื้อกลางวันของพวกเราด้วยอาหารชุดใหญ่ แน่นอนเค้าซื้อมาเพราะลุงแกทำอาหารไม่เป็น ส่วนมากมักจะไปนั่งทานที่ร้านเพื่อนเขามากกว่า เห็นบอกว่าไว้วันพรุ่งนี้จะพาฉันไปลองฝีมือเจ้าประจำของเขา
ฉันทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มๆหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งที่มั่นใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงฝันแท้ๆ แต่บางอย่างกำลังบอกว่ามันไม่ใช่ งั้นฉันต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปงั้นหรอ ไร้สาระน่าลิเดียคิดไรบ้าๆ มันก็แค่ฝันเท่านั้นแหละ
to be continued...
เมื่อกี้แอบไปปรับเนื้อเรื่องตอนนี้มาค่ะรู้สึกมันหย่อนเกินไปไม่กระชับ กำลังกังวนอยู่ว่าเนื้อเรื่องดำเนินเร็วไปรึป่าว ถ้าอ่านแล้วมันติดขัดแจ้งเค้าได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ความคิดเห็น